สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ Readme เมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาจุ๋มและครอบครัวไปจันทบุรีค่ะ รอบนี้เป็นการไปเที่ยวเป็นปีที่ 3 แบบต่อเนื่องกันค่ะ 2 ปีที่ผ่านมาจะไปกินบุฟเฟต์ผลไม้ด้วยแต่ปีนี้ขอบายค่ะ ครั้งนี้เราไปนอนจันทบุรี 2 คืนค่ะ แต่เราขยัน 2 คืนเราย้ายที่นอน 2 ที่ค่ะ รีวิวนี้เรามาอยู่ที่นอนคืนแรกกันดีกว่าค่ะว่า 2 ที่ ๆ เราไปพักบรรยากาศแตกต่างกันและน่าประทับใจแตกต่างกันยังไง

เราออกจากกรุงเทพประมาณ 8 โมงเช้า แวะกินอาหารเช้า ดื่มกาแฟที่จุดพักรถมอเตอร์เวย์ จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่จุดมุ่งหมายแรกของทริปนี้ นั้นคือลานหินสีชมพูค่ะ

ลานหินสีชมพู อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อำเภอท่าใหม่ ที่นี่เป็นคนละที่กับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนนะคะ ลานหินสีชมพู ก็คือโขดหินริมทะเลที่มีสีแดงอมชมพู โดยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ ที่มีระยะทางประมาณ 1 ก.ม. เป็นเส้นทางวงกลมที่จะเลือกเดินเลียบชายหาดเพื่อไปชมลานหินสีชมพูก่อนก็ได้ หรือจะเดินขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อไปชมจุดชมวิวด้านบนเขาก่อนจะลงมาสู่ลานหินสีชมพูก็ได้

ก่อนที่เราจะเข้าไปดูลานหินฯ ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ะ พวกเราไปรถตู้ สมาชิกไม่รวมคนขับรถ คือ 10 คน มีคุณป้าและคุณแม่ของจุ๋มที่อายุ 80 กะ 74 ปี ซึ่งฟรีค่าเข้า รวมค่าธรรมเนียมที่ชำระทั้งหมด 160 บาท

เลยจุดชำระค่าธรรมเนียมมานิดนึงก็เป็นที่จอดรถค่ะ ถึงเวลาต้องเดินกันแล้ว โชคดีจริง ๆ ที่ตอนเราไปถึงประมาณ 11 โมงฟ้าครึ้มฝนพอดี ไม่งั้นคงต้องร้อนมากแน่ ๆ เพราะเป็นบางช่วงเท่านั้นที่มีร่มเงาต้นไป จุดที่เป็นลานหินนี่แดดเต็ม ๆ ถ่ายรูปมาฟ้าไม่สวยไม่เป็นไร ไม่มีแดดมันดีกว่าเยอะ 55555

ที่นี่มีบ้านพักด้วยนะคะ แต่จุ๋มไม่ได้สอบถามรายละเอียดนะคะว่าต้องติดต่อที่ไหนยังไง

เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ พวกเราไม่ได้เดินเส้นนี้ค่ะ เพราะคุณแม่วัย 74 ปีของจุ๋มจะเดินไปดูหินสีชมพูด้วยต้องพาไปมุมที่ดูจะลำบากน้อยกว่าที่จะต้องปีนป่ายหน่อยค่ะ ส่วนคุณป้าวัย 80 ก็นั่งคุยหนุงหนิงริมทะเลกับคุณคนขับรถตู้ไปตามระเบียบค่ะ

อ๊ะ!! เห็นสีชมพูแว๊บ ๆ แล้ว

เดินผ่านทางโค้งมานิดก็เจอแล้วค่ะ ชมพู๊ ชมพู จริง ๆ

แม่ชอบใหญ่เลย แม่บอกไม่เคยเห็นสีนี้เลย....คือลูกก็ไม่เคยเห็นค่ะแม่ 55555

ยังมีให้เดินต่อไปเรื่อย ๆ

ยืนวิเคราะห์สีหิน.... เปิดหาข้อมูลในกูเกิลบอกว่าหินเหล่านี้เป็นหินทรายอาร์โคสที่มีส่วนผสมของแร่เหล็กมากจึงทำให้หินมีสีแดงอมชมพูค่ะ

ปีนป่ายเล็ก ๆ พอให้คนแก่มีลุ้น

โชคดีที่พอมีละอองฝนโปรยปรายลงมา เราก็เดินกลับมาถึงจุดที่มีร่มไม้แล้ว


หลังออกจากลานหินสีชมพู พวกเราแวะทานส้มตำระหว่างทาง แต่ไม่มีรูปมาฝากเพราะหิวมากกกกก จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ที่พักคืนแรกของพวกเราค่ะ...บ้านป่าริมธารโฮมสเตย์ หรือ The Cabin Creek ค่ะ

The Cabin Creek หรือ บ้านป่าริมธารโฮมสเตย์ อยู่ในกลุ่มวิสาสหกิจทุ่งเพลโฮมสเตย์ การเดินทางไม่ยากค่ะ ขับมาเส้นสุขุมวิทเรื่อย ๆ จนถึงสามแยกปากแซง เลี้ยวซ้ายไปตามถนน 317 เดินทางผ่านอำเภอมะขาม ขับไปเรื่อย ๆ สังเกตทางซ้ายมือจะมีป้ายทางเข้าวัดเขาบรรจบ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนเส้นนี้เลย ระหว่างทางจะมีป้ายโฮมสเตย์เยอะเลยค่ะ สังเกตป้ายไปเรื่อย ๆ ก็ถึงจุดหมายของเราแล้ว

จอดรถเสร็จก็มีคนพาเราไปที่บ้านพักเลย แล้วก็ชำระเงินค่าที่พักส่วนที่เหลือที่บ้านพักเลย และแจ้งว่าจะนำอาหารเย็นมาเสริฟตอน 6 โมงเย็น บ้านหลังที่เราพักชื่อ บ้านทะลอก ซึ่งแปลว่าอะไรก็ไม่รู้ บ้านทะลอกเป็นบ้าน 3 ชั้น....ชั้นล่างสุดเป็นที่รับประทานอาหาร ชั้น 2 และ ชั้น 3 เป็นห้องนอน ห้องน้ำมี 3 ห้องเลย คือมีครบทุกชั้นค่ะ

บ้านป่าริมธารจัดให้เรานอนชั้นละ 5 คนค่ะ มาดูห้องพักกันหน่อยดีกว่า...มีเตียงใหญ่ชั้นละ 1 เตียง แล้วก็เสริมเบาะให้

ห้องที่ชั้น 3

ห้องนอนชั้น 2

ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น ครีมอาบน้ำ แชมพูสระผม และผ้าเช็คตัวให้พร้อม

โทรทัศน์มีทั้ง 2 ชั้น

ชั้นล่างสุดใช้เป็นห้องอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าค่ะ

ตรงนี้ถ้าจะปิ้งย่างอาหารก็ได้นะคะ ที่บ้านป่าริมธารมีเตาให้ มีถ่านขายให้ด้วยค่ะ

วิวจากห้องพัก....หลานสาวลงไปสำรวจก่อนเลย ลำธารจ๋า รออีกแป๊บนะจ๊ะ


หลังจากเก็บของเข้าที่เรียบร้อย เวลาหรรษาก็เริ่มขึ้น วะฮู้......

ระหว่างนั่งแช่น้ำเพลิน ปลามาตอดน้ำแบบสะดุ้งสุดตัวล่ะค่ะ 555555

น้ำไม่แรงและไม่เยอะมาก คงเพราะเป็นช่วงปลาย ๆ เดือนเมษายน แต่พวกเราก็สนุกสนานกันมาก ๆ แล้ว


หลังคืนคลานกันขึ้นมาจากลำธาร อาหารเย็นก็มาวางรอบนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว กว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จอาหารเย็นก็เย็นหมดแล้วจริง ๆ 55555

จานแรกเลย ไข่เจียวหมูสับ

น้ำพริกกะปิ ผักสด ผักลวก

แกงหมูชะมวง

ผัดกะหล่ำปลีกับหมู

พี่สาวจุ๋มไม่กินหมูเลยโทรสั่งผัดผักเพิ่ม 1 จานแบบผักล้วนไม่หมู มาร้อน ๆ อร่อยมากกก

ต้มไก่กระวาน รสชาติคล้ายต้มข่าไก่ แต่จืด ๆ ไม่มีรสเปรี้ยวเลย

ข้าวสวย 1 หม้อ

กล้วยบวดชี อันนี้อร่อยมาก

บ้านป่าริมธารจัดอาหารให้ 2 ชุด อาหารโดยรวมไม่ค่อยถูกใจค่ะอาจจะเพราะทุกอย่างวางรอจนเย็นชืดหมดแล้ว มีอร่อยถูกใจก็แค่ผัดผักล้วน ๆ ที่สั่งเพิ่มมาร้อน ๆ เท่านั้นที่รู้สึกอร่อยถูกปาก แต่เล่นน้ำจนหิวขนาดนั้นยังไงพวกเราก็ลุยเต็มที่ค่ะ


อรุณสวัสดิ์ป่าดงพงไพร เป็นเช้าอันสดใสที่ห้อมล้อมด้วยต้นไม้และเจ้างูน้อย 1 ตัวที่เลื้อยเชื่องช้าอย่างมีความสุขบนระเบียบบ้าน เรานอนมองเค้าเลื้อยไปเรื่อย ๆ จนพ้นระเบียงบ้านไป สำหรับใครที่มีลูกเล็กไปเที่ยวสถานที่ ๆ เป็นธรรมชาติแบบนี้ต้องระมัดระวังนะคะ แต่เราไม่เบียดเบียนกัน ทางใครทางมัน จากกันด้วยดีค่ะ

หลังจากบ๊ายบายกะเจ้างูน้อยก็ถึงเวลาไปเดินเล่นชมบรรยากาศภายในที่พัก ร่มรื่นมากกกกกกกกก

มีลำธารไหลผ่านห้องพักทุกห้องเลยค่ะ

มุมนี้ของบ้านป่าริมธารจะมีกาแฟขาย แต่ขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น จุ๋มไปวันธรรมดาเลยอดลิ้มลองค่ะ

มุมนี้จะเห็นวิวเขาบรรจบชัดเจนเลยค่ะ



หลังจากเดินเล่นสักพักก็ได้เวลาอาหารเช้า ซึ่งเสริฟที่บ้านพักเช่นเดิมค่ะ

ข้าวต้มหมู 1 หม้อใหญ่

ไข่กระทะ

2 จานนี้พิเศษให้พีสาวของจุ๋มที่ไม่กินหมู....ข้าวต้มไก่ และไข่กระทะแบบไร้หมูค่ะ


หลังอาหารเช้าก็ได้เวลาหรรษาในสายน้ำอีกแล้ว รอบเช้าเราไปเล่นใกล้ ๆ บริเวณร้านกาแฟที่ไปเดินเล่นก่อนกินอาหารค่ะ แอบเล็งไว้แล้วมีมุมน้ำลึกหน่อย น่าเล่นได้สนุกสนานอยู่ไม่น้อย

ถึงแม้จะอยู่ในน้ำ แต่งานโดดต้องมา

มุด ๆๆ

ปลาตัวใหญ่เหมือนกัน ว่ายผ่านไปมาไม่ได้แวะมาตอดเหมือนตัวเมือวาน

เจอหินรูปหัวใจด้วย

ขออีกรูปก่อนอำลาลำธารแห่งความสุข


เมื่อถึงเวลาอันสมควรเราก็เก็บของบ๊ายบายบ้านป่าริมธาร ก่อนจะเปลี่ยนไปนอนอีกที่นึงเราแวะในกินเย็นตาโฟเจ๊เพ็ญ ใกล้วัดไผ่ล้อม

ที่ร้านมีคนเยอะค่ะ น่งรอกันไป นานเอาการอยู่ สละลอยแก้ว เต้าหู้หอด และขนมถ้วย กินดับอารมณ์ระหว่างรอเย็นตาโฟ

จากเสียงร่ำลือที่เห็นในโซเซียลที่คนแชร์เยอะมาก ว่ามันอร่อยมาก ๆ สำหรับจุ๋มซึ่งแพ้กุ้ง ปู กั้ง ก็คงได้แต่กินเย็นตาโฟธรรมดา ซึ๋งไม่ได้รู้สึกว่าจะอร่อยอะไรเลย ธรรมด๊า ธรรมดา ถ้าจะไม่ธรรมดาก็มารยาทคนขายที่เหวี่ยงสุด ๆ จดผิด ทำมาเสริฟผิด ดันเหวี่ยงลูกค้าบ้าที่สุด แต่น้องสาวที่กินกั้ง กินปูได้ บอกว่าอาหารสด เค้าปลื้มปริ่มกับความสดก็กั้งอยู่ค่ะ มีรูปมาฝากเล็กน้อยเฉพาะเมนูที่กินไม่ซ้ำกัน


หลังมื้อกลางวัน เราแวะไปอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล หรือโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล อาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิก ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านเจ๊เพ็ญ เราเข้าไปชมความงดงามในโบสถ์ได้ครู่เดียวค่ะ เพราะเค้ากำลังเตรียมสถานที่สำหรับงานในวันถัดไป พวกเราเลยไม่กล้าเข้าไปอยู่ในนั้นนาน มีรูปมาฝากนิดหน่อยค่ะ

จากโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล เราก็มุ่งหน้าสู่ อะโลฮ่าโฮมสเตย์ค่ะ แล้วพบกับที่พักคืนที่ 2 ของพวกเราในรีวีวหน้า สำหรับรีวิวนี้ไปก่อนนะคะ

อัพเดทรีวิวภาคต่อค่ะ https://th.readme.me/p/10342

ขอบคุณ Readme.me ที่มีพื้นที่ให้แบ่งปันประสบการณ์

ขอบคุณทุกท่านที่คลิ้กเข้ามาอ่านรีวิวนี้ค่ะ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะคะ

Beauty Memory

 วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.18 น.

ความคิดเห็น