มีโอกาสได้กลับไปเกาหลีอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเรา A dayscape เพราะฉะนั้นแลนด์มาร์ค หรือแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ถ้าจะหาในรีวิวนี้แทบไม่มี เราจะไปเสาะหาสถานที่ ที่วัยรุ่นเกาหลีเค้าชอบไปกันจริงๆ ถ้าอยากไป เที่ยวเกาหลี แบบฮิปๆ แล้วล่ะก็ มาถูกทางแล้ว ตามมาทางนี้ได้เลย

ก่อนไปเตรียมตั๋วที่หลับที่นอนกับอุปกรณ์ให้พร้อมกันก่อน

  • บิน กับ Airasia X บินดึกถึงเช้า ไปถึงเกาหลีประมาณ 10 โมง ใครฟิตเที่ยวต่อได้เลย ส่วนเราเหรอของีบที่ รร.แป๊บ แล้วค่อยว่ากัน
  • นอน โฮสเทลแถว Myeong-dong เน้นถูกแล้วก็เดินทางสะดวก มาลงตัวที่ Hostel du Temps Passe ไม่ค่อยอยากแนะนำที่นี่เท่าไหร่ เพราะห้องแคบมาก เดินสวนกันแทบไม่ได้ แต่อย่างอื่นก็โอเคนะนอนสบายอยู่
  • ประกันเดินทาง ซื้อทุกครั้ง อย่าไปเสียดาย
  • กล้อง ขาดไม่ได้เลย ครั้งนี้เราพก Panasonic G85 ไปด้วย ถือไปกันคนละตัว ตัวนึงถ่ายภาพนิ่ง อีกตัวถ่ายวิดีโอ 4K

ทุกอย่างพร้อม งั้นก็ไปกันเลยสิ เที่ยวเกาหลี แบบฮิปๆ go go!!


Exhibition/Gallery/Cafe


กรุงโซลไม่ได้มีแค่วังหรือแลนด์มาร์คเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่ยังมี Gallery, Museum พื้นที่แสดงออกทางความคิด ศิลปะ การสร้างสรรค์ ซ่อนตัวอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้ ให้ได้เสพ ค้นหา หรือถ่ายรูปเล่น เป็นจำนวนมาก มีทั้งงานจากศิลปินเกาหลีเอง และศิลปินต่างชาติ มาจัดแสดงอยู่เรื่อยๆ สังเกตได้จาก IG วัยรุ่นเกาหลี ที่มักจะ check-in ตามสถานที่ที่เรากำลังจะพาไปเหล่านี้

TeamLab World

TeamLab World มาพร้อมกับ concept “Dance! Art Museum, Learn & Play! Future Park” ตั้งอยู่ด้านใน Lotte World เป็นการผสมผสานของ Art, Visual Graphics, Lighting บอกเลยว่าทั้งสวยและสนุกมาก มีอะไรให้เดินดู เล่น และถ่ายรูปเยอะมาก โดยเฉพาะเด็กๆ จะสนุกและเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ผ่านเทคนิคและการนำเสนอหลายรูปแบบ ส่วนวัยรุ่นอย่างเราน่ะเหรอ ถ่ายรูปออกมาแล้วเก๋สุดๆ

  • Opening Hours: 10.00-21.00
  • Ticket Opening Hours: 09.30-20.00
  • Location: Lotte World (B1 Floor)
  • Admission: 20,000 won
  • Metro: Jamsil Exit 4
  • Website: http://seoul.teamlabworld.com/en/


D Museum


D Museum ตั้งอยู่ในโซนที่มีตึกหน้าตาดี ทั้งคอนโดระดับ High End, Home Office ร้านอาหาร และคาเฟ่ หลังจากที่ลงรถเมล์แล้วต้องเดินอ้อมคอนโด “The Hill” ไป ซึ่งตอนแรกเราเลือกที่จะเดินไปทาง Eungbong Park (เป็นสวนสาธารณะบนเขาลูกเล็กๆ ที่จัดแต่งได้สวยมาก และยังได้เห็นกรุงโซลในมุมมองที่แปลกตาไปจากที่เราเคยรู้จักอีกด้วย) เราตาม google map ไปเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่าไปโผล่กลางคอนโด เจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่าน แล้วให้เดินอ้อมไปอีกทาง D Museum จะตั้งอยู่ประตูอีกด้าน ของโครงการ The Hill

D Museum เป็นที่จัด Exhibition หมุนเวียน ซึ่งเป็นที่ที่วัยรุ่นเกาหลีแวะมา check-in กันไม่ขาดสาย ช่วงที่เราไปมีงานชื่อ Youth จัดแสดงอยู่ เป็นภาพถ่ายวัยรุ่นอเมริกันจากช่างภาพหลายๆ คน การตกแต่งภายใน ก็ดูเป็นอเมริกันมาก และน่าจะเปลี่ยนไปเรื่อยตามคอนเซ็ปท์ของงาน ด้านในมี 2 ชั้น มีร้านขายเครื่องดื่มบริเวณทางออก ไว้ให้นั่งพักขาพร้อมทั้งมีตู้เกมย้อนยุคไว้ให้เล่นด้วย


Studio Concrete


Studio Concrete Gallery ที่คล้ายตึกร้างอย่างมีสไตล์นี้ อยู่ในย่าน Hannam-dong เป็นที่ให้ศิลปินอิสระได้ปล่อยของ และเป็นชื่อของกลุ่มครีเอทีฟที่ร่วมมือกับแบรนด์ องค์กร เพื่อทำโปรเจกต์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น เสื้อเบอร์ 1-10 ที่ได้ Song Hye Kyo มาใส่เบอร์ 10 เพื่อโปรโมทแคมเปญด้วย เอาจริงๆ แค่ไปถ่ายรูปข้างกำแพงแตกๆ ผุๆ ก็เท่แล้ว


Storage by Hyundai Card


หลังจากที่เราหาข้อมูลอย่างหนัก ด้วยการส่อง IG และอ่าน blog เกาหลี เราก็ได้มาอีกที่ ที่ถ่ายรูปแล้วฮิปอย่างแรง ด้วยการเข้าไปอยู่ในผ้าใบแขวนลอยอยู่กลางอากาศ Storage by Hyundai Card เป็นที่จัด Art Exhibition ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนที่เราไปมาหลายๆ ที่ ช่วงที่ไปเป็นงาน installation ที่ใช้เชือกเป็นส่วนประกอบ ส่วนที่จัดจะอยู่ในชั้น B2, B3 ของตัวอาคาร ต้องลงบันไดข้างๆ VINYL & PLASTIC

  • Exhibition: Numen/For Use
  • Period: 24 Mar-16 Jul 2017
  • Admission: 3,000 won
  • Metro: Hangangjin Exit 3


Vinyl & Plastic by Hyundai Card


Vinyl & Plastic จะเรียกว่าเป็นร้านขายแผ่นเพลงหรือ Music Gallery ก็ไม่ผิดนัก เพราะในสมัยที่ทุกสิ่งอยู่บนโลกออนไลน์ การจะหาเพลงที่เป็นแผ่น CD, Vinyl หรือแม้กระทั่ง Tape Cassette ทำได้ยากมาก ชาว 90’s คงจะเข้าใจกันดี ถึงฟีลลิ่งของการฟังเพลงรูปแบบนี้ นอกจากเพลงที่เพราะแล้ว รูปศิลปินและงานอาร์ตเวิร์คบนปกอัลบั้มที่เราชอบยังมีคุณค่าทางจิตใจอีกด้วย นอกจากจะขายแล้วยังมีเพลงให้ฟัง สอนการใช้เครื่องเล่นแผ่น Vinyl แบบฟรีๆ หรือจะซื้อกาแฟมาดื่ม พร้อมกับนั่งฟังเพลงจากแผ่น ที่ทางร้านเตรียมไว้หลากหลายแนวก็เพลินไปอีก

  • Metro: Hangangjin Exit 3 (อยู่ติดกับ Storage by Hyundai Card)


Retro Cafe Trader


Retro Cafe Trader ถูกใจวัยรุ่นยุคอนาล็อกอย่างเราเป็นที่สุด มีเกมเก่าๆ ให้เล่นกันฟรีๆ ไปเลย ทั้งเครื่องแฟมิคอมขาว-แดง เครื่องซุปเปอร์ เกมบอย ตู้เกมอาเขต เรียกว่ามากันหมดยุคเลยทีเดียว แต่มีข้อแม้นิดหน่อย คือ อุดหนุนเครื่องดื่มของลุงกับป้าเจ้าของร้านกันสักนิด หรือใครจะมาหาซื้อตลับเกมเก่าก็มีเยอะแยะแถมราคาถูก ที่นี่ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ตามร้านเกมที่เพื่อนๆ มามุงกันเล่นเกม แลกเปลี่ยนตลับเกมกันเล่น เป็นความสุขแบบ Retro จริงๆ

  • Admission: Free
  • Metro: Nambu Bus Terminal Exit 3


Seongsu-dong


Seongsu-dong ด้วยความที่สิ่งก่อสร้างย่านนี้เป็นโครงสร้างอิฐและเหล็กแนว industrial ทำให้ blogger เกาหลีหลายคนบอกว่าที่นี่เป็น “The Brooklyn of Seoul” เป็นย่านที่เริ่มเป็นกระแสของวัยรุ่นเกาหลีในตอนนี้ มีทั้ง art gallery ร้านอาหาร คาเฟ่ เสื้อผ้า ไอเท็มเก๋ๆ มาเปิดอยู่หลายร้านตามตรอกซอกซอย เดิม Seondsu-dong เป็นย่านทำรองเท้ามาก่อน ปัจจุบันก็ยังคงมีร้านรองเท้าแทรกตัวอยู่กับร้านเก๋ๆ อยู่บ้าง เป็นการผสมผสานกันได้อย่างน่าประหลาดใจจริงๆ ร้านต่างๆ ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นโซนมากนัก ต้องใช้เวลาเดินซอกแซก สำรวจพอสมควร แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน ย่านนี้น่าจะคึกคักมีร้านมาเปิดใหม่ไม่แพ้ย่านอื่นแน่นอน เพราะระหว่างที่เดินๆ อยู่ก็เห็นบางร้านกำลังตกแต่ง เตรียมเปิดใหม่หลายร้านเหมือนกัน

  • Metro: Seongsu Station Exit 3

CO:LUMN

CO:LUMN คาเฟ่ที่ฮิตสุดในย่านนี้ เปลี่ยนจากโกดังเก่า มาเป็นคาเฟ่ใหม่ ที่ไม่ได้มีแต่อาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น ยังเป็น gallery ที่จัด exhibition หมุนเวียนไปเรื่อยๆ อีกด้วย พื้นที่ภายในร้านกว้างมาก มานั่ง hang out ได้สบายๆ ไม่อึดอัด อิฐบล็อก ปูนเปลือย โครงเหล็ก หลังคาสูง ประตูไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัว ดิบและเท่มาก มีงานศิลปะ ทั้งงาน painting และ installation ให้ได้ชมแทบทุกจุดภายในร้าน

  • Opening Hours: 11.00-23.00
  • Admission: 10,000 won (แลกเครื่องดื่มได้ 1 แก้ว)


SU;PY

SU;PY แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นสุดฮิปสัญชาติเกาหลี ตั้งอยู่ตรงข้าม CO:LUMN มีทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งหญิงและชาย ถึงไม่ได้ตั้งใจไปช็อปแค่แวะไปถ่ายรูปบริเวณหน้าร้านและบันไดทางขึ้นชั้น 2 ก็ฮิปแล้ว ร้านมี 2 ชั้น ชั้นบนจะมีส่วนที่เป็น Gallery แสดงงานศิลป์ของศิลปินที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ช่วงที่เราไปมีงานของ Ron English ศิลปินชื่อดังแนว Fine Art จากอเมริกามาจัดแสดง แม้จะไม่รู้จักชื่อศิลปินมาก่อนแต่ว่าผลงานของเค้าน่าจะเคยผ่านตาของใครหลายคนมาบ้าง ผลงานเด่นคืองานที่เกี่ยวกับ McDonald’s


share D table

share D table ร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ บาร์เบียร์ ไม่รู้เรียกอะไรดีเพราะมีทุกอย่าง รู้แต่ว่าดีงามมาก ร้านเต็มตลอด น่าจะเป็นที่รู้จักของหนุ่มสาวเกาหลีพอสมควร ร้านสวย แต่งภายในร้านเป็นปูนเปลือย แบ่งที่นั่งเป็น 3 โซนย่อยๆ ทั้งสายหวาน สายฮิป หรือจะโมเดิร์นหน่อย ชอบมุมไหนก็เทตรงนั้น มีอาหารทั้งเอเชียและตะวันตก มีเบียร์สดหลายแบบให้ได้ลองชิม รินโดยเจ้าของร้านชาวอเมริกันที่อัธยาศัยดีมาก ให้เราถ่ายรูปร้านได้ตามสบาย แถมเบียร์มาให้ดื่มอีกด้วย


Ikseon-dong


Ikseon-dong เป็นย่านที่ฮิปมากในโซลตอนนี้ blogger เกาหลีเองยังยกให้เป็น “hot place in Seoul”เลยทีเดียว เป็นหมู่บ้านโบราณ Hanok Village ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1920 ปัจจุบันมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของ เสื้อผ้า รองเท้า คูลๆ เปิดเรียงรายอยู่ภายในหมู่บ้านเล็กๆ นี้เยอะมาก หนุ่มสาวเกาหลี จูงมือพากันมาเดินเล่น นั่ง hang out ถ่ายรูปอัพ social กันอย่างคึกคัก ช่วงเย็น อากาศดีๆ ยิ่งคึกคักมากเป็นพิเศษ ย่านนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ร้านน่านั่งมีให้เลือกเพียบ

  • Metro: Jongno 3(sam)-ga Exit 4


Hapjeong-dong


Hapjeong-dong ขึ้นชื่อว่าเป็น Cafe Street เพราะมีร้านชา กาแฟ อาหารเครื่องดื่ม เปิดอยู่ในย่านนี้เยอะมาก มากจริงๆ มากแบบว่าเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว จุดหมายของเราจริงๆ คือ Bau House Dog cafe (เคยรีวิวไปเมื่อครั้งที่แล้ว ตามไปดูความน่ารักของเหล่าน้องหมากันได้ >> Korea Autumn EP2) แต่เราไปเร็วเกินไปนิดเลยเตร็ดเตร่สำรวจไปเรื่อยเผื่อมีอะไรน่าสนใจ ปรากฎว่าไม่ผิดหวัง ย่านนี้มีคู่รักเกาหลีมาเดินถ่ายรูปกะหนุงกะหนิงเยอะพอสมควร มีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและร้านตัดผมมากพอๆ กับร้านกาแฟเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะย่านนี้ใกล้ Hongik University แค่สถานีเดียว

  • Metro: Hapjeong Station Exit 3

ด้วยความที่ร้านกาแฟเยอะมากเลยขอรีวิวซัก 1 ร้านละกัน


Hello , stranger

ตอนที่เราหาข้อมูลทริปนี้ เราเห็นรูป Hello , stranger จาก IG ชาวเกาหลีเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะตามหา ได้เดินสำรวจย่านนี้ แล้วเจอพอดี ก็เลยเข้าไป check-in ซะหน่อย จะได้ไม่ตกเทรนด์ ภายในร้านตกแต่งดูอบอุ่น เป็นกันเองเหมาะกับการต้อนรับ stranger เป็นอย่างดี มีโซฟาหันออกทางหน้าร้าน ให้นั่งจิบกาแฟไป ดูคนเดินเล่นผ่านไปมา ก็เพลินใช้ได้ทีเดียว


Festival & Special Event


ใครไปเกาหลี แล้วอยากสัมผัสบรรยากาศแบบพิเศษๆ ทั้งงานเทศกาล หรืออีเว้นท์ต่างๆ ที่ไม่ได้จัดกันเป็นประจำแล้วละก็ ลองหาข้อมูลที่นี่ดู >> KTO แล้วเราจะได้ไปเที่ยวเกาหลีแบบไม่เหมือนใคร ไปเกาหลีครั้งนี้ โชคดีได้เจอ Festival และ Special Event หลายที่เก็บบรรยากาศมาให้ดูกัน

Gyeongbokgung Palace Night

ที่นี่ไม่ใช่ที่ใหม่ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยไปแล้วแน่ๆ กับ Gyeongbokgung Palace แต่ความพิเศษที่ทำให้เรากลับไปที่นี่อีกครั้งก็คือ การได้เดินชมพระราชวังในตอนกลางคืน!! ปกติเคยไปแต่ตอนกลางวันกันใช่มั้ยล่ะ วัยรุ่นเกาหลีใส่ชุดฮันบกมาถ่ายรูปกันเยอะมาก

  • Period: April – September 2017 (สัปดาห์ที่ 3 และ 4 ของแต่ละเดือน)
  • Opening Hours: 19.00 – 21.30 (ปิดขายบัตรเวลา 20.30)
  • Admission: 3,000 won
  • Metro: Gyeongbokgung Station Exit 5

นอกจาก Gyeongbokgung Palace แล้ว ยังมีพระราชวังอีกหนึ่งที่ ที่เปิดให้เข้าชมตอนกลางคืนเหมือนกันคือ Changgyeonggung Palace อันนี้เราไม่ได้ไป ถ้าใครไปลองแวะไปที่นี่ด้วยก็ได้นะ


Sweet Swans Project

Sweet Swans Project เป็นโครงการเดียวกันกับเป็ดเหลือง ที่โด่งดังไปทั่วโลก คราวนี้กลับมาอีกครั้ง แต่เป็นหงส์คู่แทน จัดที่ Seokchon Lake เมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า Project นี้จะจบลงไปแล้ว แต่เราก็มีภาพน่ารักๆ ของหงส์คู่มาให้ดูกันด้วย


Lotus Lantern Festival

เทศกาล Lotus Lantern Festival หรือ เทศกาลโคมไฟดอกบัว งานปีนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-30 เมษายน เป็นเทศกาลสำคัญทางศาสนาที่จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้า เนื่องในวันประสูติ ด้วยการประดับโคมไฟดอกบัว เราได้ไปเก็บบรรยากาศเทศกาลนี้มาด้วยที่ Jogyesa Temple และ Cheonggyecheon Stream

Jogyesa Temple

  • Metro: Anguk Station Exit 6 หรือ Jonggak Station Exit 2


Cheonggyecheon Stream

  • Metro: Gwanhwamun Station Exit 5


Panasonic LUMIX G85


การไป เที่ยวเกาหลี ครั้งนี้เราได้เอากล้อง Panasonic LUMIX G85 ไปใช้งานทั้งถ่ายรูปและวิดีโอตลอดทั้งทริป ก็เลยอยากจะรีวิวไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่สนใจ มาพูดถึงหน้าตาของกล้องก่อน กล้อง Panasonic G85 เป็นกล้อง Mirrorless ที่หน้าตาดูเป็นกล้อง DSLR แต่มีขนาดเล็กลงมา มีจอทัชสกรีนแบบพับได้ ช่วยให้ถ่ายสะดวกในหลายๆ มุม ถึงแม้ว่ากล้องจะตัวเล็กลงแต่ก็ออกแบบมาดี ถือได้ถนัดมือพอสมควร และน้ำหนักกำลังพอดี ปุ่มปรับค่าต่างๆ แยกเป็นปุ่มเดี่ยวๆ หลายปุ่ม ทำให้เข้าถึงการใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับค่าแบบละเอียด


สิ่งที่เราชอบที่สุดของกล้อง Panasonic LUMIX G85 คือ ระบบกันสั่นแบบ 5 แกน ช่วยให้เราสามารถถ่ายรูปสปีดชัตเตอร์ต่ำๆ เช่น 1/4 , 1/8 ได้สบายๆ ในสภาพแสงน้อย ซึ่งข้อดีของมันก็คือ ทำให้เราไม่ต้องเร่ง ISO สูง (ISOสูงทำให้เกิดจุดรบกวนในภาพเยอะ) ภาพส่วนใหญ่ที่คลองชองเกชอนเราจะถ่ายสปีดต่ำมากแทบไม่เกิน1/20 แต่ก็ยังได้ภาพที่คมชัดอยู่

เราใช้กล้องคู่กับเลนส์ 2 ตัว คือ LUMIX G X VARIO 12-35 F2.8 และ Panasonic Leica 12-60 F2.8-4.0 บอกเลยว่าได้ภาพที่สีสวยสด สีผิวเป็นธรรมชาติและคมมาก โฟกัสเร็วแม้ในที่แสงน้อย และมีนำ้หนักเบา

สำหรับวิดีโอ ถ่ายเป็น 4K และมีช่องเสียบไมค์ โฟกัสเร็วใช้ได้ทีเดียว สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ มีปุ่มสำหรับกดถ่ายวิดีโอแยกมาอีกปุ่ม ข้างปุ่มกดชัตเตอร์ และสามารถกดถ่ายวิดีโอได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนโหมดจากภาพถ่ายไปเป็นวิดีโอ

มีฟังก์ชันที่น่าสนใจอีก 2 อย่างคือ mode 4K photo ซึ่งเหมาะกับการใช้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวโดยที่จะถ่ายเป็นวิดีโอ 4K ก่อนแล้วค่อยมาเลือกภาพที่เราคิดว่าดีที่สุดทีหลังได้ (การใช้งานอยู่ในวิดีโอ) และ mode post focus คือ ถ่ายก่อนแล้วค่อยมาเลือกจุดโฟกัสทีหลังว่าเราอยากจะให้ชัดตรงจุดไหนในภาพ

บทสรุป Panasonic LUMIX G85 เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ที่เน้นใช้งานง่ายและอยากได้รูปสวย และมือเก่าที่อยากได้กล้องตัวที่ 2 เบาๆแต่คุณภาพดี ไว้ถือเที่ยว ใช้งานยืดหยุ่นทั้งการปรับที่ตัวกล้องและปรับแต่งไฟล์ทีหลัง แถมถ่ายวิดีโอ 4K ได้และมี Wifi โดยส่วนตัวเราว่าเป็นกล้องที่เหมาะกับ Travel Blogger เป็นที่สุด


ติดตามพวกเรา A dayscape เพิ่มเติมได้ที่

Website : http://www.adayscape.com
Facbook : https://www.facebook.com/adayscape/
Instagram : https://www.instagram.com/adayscape/
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UC6UHLqhwU7gPfyOkoQ6kwog


ความคิดเห็น