สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Readme อีกครั้งค่ะ รีวิวนี้เป็นรีวิวคืนที่ 2 ต่อเนื่องจากคืนแรกที่เราไปพักที่บ้านป่าริมธารกันนะคะ https://th.readme.me/p/10295
ไปต่อกันเลยดีกว่านะคะ จุดหมายคืนนี้ของเราอยู่ที่ อะโลฮ่าโฮมสเตอย์ ซึ่งเป็นที่พักที่เรามาพักเป็นครั้งที่ 3 ต่อเนื่องกันทุกปีที่มาจันทบุรี เพราะอะไรหรอค่ะ เพราะอาหารโดยแท้ค่ะ 555555 ดูเหมือนตะกละแต่มันถูกอกถูกใจจริง ๆ ค่ะ ยิ่งเมื่อปีทีแล้วที่อะโลฮ่ามีเครื่องเล่นเพิ่มเติมจากปีแรกที่เราเคยไป ยิ่งติดอกติดใจกันเข้าไปใหญ่ค่ะ มาดูกันต่อดีกว่าว่าปีนี้พวกเราจะประทับใจเหมือนเดิมมั้ย
จุ๋มไปถึงท่าเรือของอะโลฮ่าโฮมสเตย์ประมาณบ่าย 2 นิด ๆ อยู่ในข่วงน้ำลงค่ะ เราต้องนั่งเรือหางยาวลำอวบเข้าที่พักใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ ก็นั่งชื่นชมกับบรรยากาศกันไป
รอยยิ้มของแม่แบบนี้นี่เห็นแล้วลูกมีความสุขยิ่งกว่าสุขที่ได้มาเที่ยวซะอีก
ลุ้นกันสิว่าเรือจะติดโคลนจนพวกเราต้องลงไปเข็นเรือมั้ย 55555
พวกเราถึงที่พักแบบปลอดภัยไร้กลิ่นโคลน ครั้งนี้เราได้นอนหัองปลาหมึกนึกสนุก หน้าตาคล้าย ๆ ห้องที่เราพักเมื่อปีที่แล้วคือ มีโถงตรงกลางและมีห้องซ้ายขวา ตามนี้
เพิ่มเติมห้องน้ำฝั่งละ 2 ห้อง ซึ่งดีงามมาก เล่นน้ำเสร็จจะได้ไม่ต้องรอคิวกันนาน
หลังจากจัดเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อย เราก็มาเตรียมอุปกรณ์สำหรับคาราโอเกะคืนนี้ก่อนเลย เผื่องงงวยจะได้เรียกพนักงานมาสอนสั่งได้ทันเวลา
มารอบนี้มีเครื่องเล่นเพิ่มขึ้นอีกแล้ว สไลเดอร์สีแดงแจ่มจรัส แต่ยังสร้างไม่เสร็จ คงเป็นการเชื้อเชิญเราอยู่ในทีว่า ปีหน้ามาใหม่อีกนะ
ในช่วงบ่ายทางอะโลฮ่าโฮมสเตย์การให้อาหารเหยี่ยวแดง ตอนแรกเราก็อยากรู้ว่าอาหารมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งที่แท้แล้วก็คือมันไก่นั่นเอง โยนลงในน้ำนั่นแหละแล้วเจ้าเหยี่ยวแดงก็มาโฉบไปกิน
หลังจากมีการให้อาหารเหยี่ยวเสร็จ นั่งมองชาวบ้านเล่นบานาน่าโบ้ทและโดนัทสักพักนึงก็ถึงเวลาของพวกเราค่ะ ไม่มีภาพมาฝากเพราะจุ๋มลงไปโลดโผนอยู่ในน้ำด้วย การจะพกกล้องลงไปก็กลัวจะไปเหวี่ยงฟาดหัวพี่น้องตอนตกน้ำตกท่าบาดเจ็บกันซะเปล่า
หลังจากเล่นน้ำกันจนเหนื่อยได้ที่ก็ขึ้นมาอ่านน้ำอาบท่าเพื่อให้ทันเวลาอาหารที่เราเคยติดใจกันนักกันหนา มาดูกันเลยดีกว่าว่าอาหารจะอร่อยเหมือนเดิมมั้ย
จานแรกที่ยกมาเสริฟประเดิมด้วย ทอดมันปลา
ปูทะเลตัวอวบ พระเอกของมื้อนี้ หน้าตาน่ากินเหลือเกิน เสียดายมาจริง ๆ ที่จุ๋มไม่สามารถลิ้มรสได้
ตามมาด้วยหอยนางรมสด นางเอกของมื้อนี้ ที่จุ๋มฟาดเข้าไปแบบลืมไขมันในเส้นเลือดกันเลยทีเดียว
ปลากะพงทอดราดน้ำปลาและกระเทียม ร้อน ๆ กรอบ ๆ อร่อยมาก
กุ้งนึ่งกับสลัด เมนูที่จุ๋มกินได้แต่สลัดอีกแล้ว นั่งมองกุ้งตาปริบ ๆ
กุ้งแช่น้ำปลา ทุกคนบอกว่าอร่อยมากกกกกกกก โอ๊ยยย ริษยาสุด ๆ
ต้มยำปลากะพง เปรี้ยวจี๊ดถูกใจ
กุ้งอบวุ้นเส้น และ วุ้นเส้นอบไร้กุ้งของจุ๋ม
จริง ๆ เมนูจะมีแค่ 8 เมนู 10 คน 2 ชุดเติมได้ไม่อั้น แต่เมนูนี้เจ๊อ๋าจัดให้พิเศษ เจ๊อ๋าคือผู้จัดการที่โฮมสเตย์ค่ะ เจ๊อ๋าจำจุ๋มได้ค่ะและเกิดอาการสงสารจุ๋มผู้ซึ่งกินกุ้งกินปูไม่ได้ เจ๊เลยจัดปลาหมึกลวกมาให้ 2 จาน คือเมนูนี้ไม่สามารถเติมได้เหมือนเมนูอื่น ๆ ต้องขอบพระคุณเจ๊อ๋ามาก ๆ ที่กรุณากันขนาดนี้นะคะ
ของหวานมีกล้วยบวดชี สัปปะรด แตงโม แล้วก็มะม่วงจิ้มพริกเกลือ
ซากอารยธรรม อิ่มท้องแทบแตก 55555 น้ำอัดลม มีขายนะคะราคาแพงกว่าข้างนอกเล็กน้อย
ล่ำรากันค่ำคืนแสงจุกด้วยเสียงเพลงจากพวกเราเอง ห้องอาหารจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่แบบมีฝนพรำเล็กน้อยพอสดชื่น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จห้องอาหารก็คือจุดหมายของเราเลย 55555
อากาศยังเย็นสบายอยู่พวกเราเลยขอเดินชมวิววอ้อมไปทางฝั่งริมทะเลซะหน่อย
ปีแรกที่เรามาเราพักหลังที่เป็น 2 ชั้น ปีที่แล้วเราพักหลังสีเขียวค่ะ
หลังนี้ปีที่แล้วเหมือนจะยังไม่มี
ท่าน้ำช่วงเช้า น้ำเยอะเชียว
หน้าตาห้องอาหาร
มาดูอาหารเช้ากันดีกว่าค่ะ ...ข้าวผัดกุ้ง
มารอบนี้มีเมนูก๋วยเตี๋ยวหมูเพิ่มขึ้นด้วยดีจัง ไม่ต้องกินข้าวต้มปลาอย่างเดียวแล้ว มีทั้งหมูสดและลูกชิ้น
เส้นจันท์ผัดปู
ข้าวต้มปลากะพง
ขนมปัง เนย แยม ขา กาแฟ
มีของฝากด้วย ใครไม่อยากแวะที่ไหนตอนกลับ ก็ซื้อจากที่นี่ได้เลย
จะกินเหล่านี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่ะ
หลังกินอาหารเสร็จทางโฮมสเตย์นิมนต์พระจากวัดใกล้ ๆ มาให้ลูกค้าใส่บาตรด้วยค่ะ ดีจริง ๆ
อิ่มแล้ว ใส่บาตรแล้ว ก็กลับห้องพักค่ะ แม่ขี้เกียจเดินซะงั้น น้องชายเลยพายเรือไปส่งค่ะ
หลังจากย่อยได้สักพักก็ถึงเวลาหนุกหนานของหลาน ๆ และน้อง ๆ แล้ว เช้านี้จุ๋มบายค่ะ แดดแรงนรกแตกมากกก ขอเป็นคนเก็บภาพละกัน.... ลืมบอกไป ปีนี้ที่อะโลฮ่าเพิ่มกฎในการเล่นกิจกรรมค่ะ คือทุกคนต้องลงนามยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นเครื่องเล่นนั่นเอง แต่จักรยาน เรือ ห่วงยางนี้ใช้ได้ตามอัธยาศัยค่ะ
เช้านี้น้องสาวกับหลานสาวไปโลดโผนกันแค่ 3 คนค่ะ เริ่มกันที่บานาน่าโบ้ทค่ะ
หน้าตาสนุกสุดเหวี่ยงกันมากกกกก
อ้าวๆๆๆ ทำไมเหลือสอง
เก็บ ๆๆๆ
เอ้า เหลือสองอีกแระ
เปลี่ยนเป็นนั่งตรงกลางละกัน....
แต่มันไม่ช่วยอะไร 555555
โฉมหน้าฆาตกรใจโหด เอ้ยยยย นักลากเรือกล้วยของเราค่ะ
หลานสาวตกน้ำจนไม่ไหวจะปีนแล้วเลยเลิกเล่นค่ะ เหลือแค่ 2 คนวนอยู่ 2 รอบก็ไม่เทซักที มีลูกค้าท่านอื่นมารอเล่นอีก 3 คนพอดี ก็เลยรับมาเล่นด้วยกันซะเลย
บรัยยยยยย
ไปต่อค่ะ
บ๊ายบายรอบ 2 แล้วครอบครัวนั้นก็แยกย้ายกลับห้องไป 5555
แต่ครอบครัวเรายังไม่หมดพลัง ขอเปลี่ยนจากกล้วยมาเป็นโดนัทแทน
มือวางอันดับ 1 ของเรา มือเหนียวเป็นตุ๊กแก
ที่เหลือมาดูกันว่าเหนียวเป็นตุ๊กแกเหมือนกันมั้ย
มือบิดสุดโหดคนใหม่
หลานสาวขอประลองความเหนียว
และแล้วเวลาอำลาอะโลฮ่าโฮมสเตย์ก็มาถึง ตอนเราเตรียมตัวลงเรือก็ขอแอบไปสำรวจอาหารกลางวันค่ะ ปีนี้ที่อะโลฮ่ามีอาหารกลางวันเสริฟฟรีด้วยนะคะ แต่ต้องเป็นวันแรกที่เข้าพัก วันกลับอดกินค่ะ ถ้าวันแรกจุ๋มไม่แวะกินเย็นตาโฟและมาถึงก่อนบ่ายสองก็จะได้กินเหมือนกันค่ะ เอารูปมาฝากเล็กน้อยนะคะ
วันกลับน้ำยังไม่ลดมากเรือแล่นสะดวกค่ะ
หลังแวะกินสมตำข้างทางเรามุ่งหน้าสู่สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งจากข้อมูลที่หาในกูเกิ้ลได้บอกว่า ถ้ามาจันทบุรีแล้วไม่ไปที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงจันทบุรี อุต๊ะ!!! 2 ปีที่ผ่านมาเรายังมาไม่ถึงจันทบุรีหรือนี่
ที่สำคัญแห่งนี้คือ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของเมืองจันทบุรี เสมือนเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจันทบุรี ที่แสดงถึงความศรัทธา และจงรักภักดีที่มีต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นี่จุ๋มพลาดมาตั้ง 2 ปีจริง ๆ ด้วย
ศาลเป็นทรง 9 เหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลาทรงยอดแหลม ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับพระมาลาที่พระเจ้าตากสินทรงใช้เสมอ
ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชประทับนั่ง ทำด้วยทองเหลืองรมดำ
ตอนไปสักการะพระเจ้าตากสินมหาราชเราจอดรถค่ายตากสิน กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ เลยถ่ายรูปมาฝากนิดนึงค่ะ และขอจบรีวิวนี้ด้วยภาพจากในกองพันนะคะ บายยยยยย
ขอบคุณ Readme.me ที่มีพื้นที่ให้แบ่งปันประสบการณ์
ขอบคุณทุกท่านที่คลิ้กเข้ามาอ่านรีวิวนี้ค่ะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารีวิวนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะคะ
Beauty Memory
วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.16 น.