สำหรับผมแล้วการได้ก้าวขาออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญกับตัวเองครับ บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิตบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจ และคนอื่นไม่เดือดร้อน

***กระทู้นี้ภาพบางส่วนผมเคยเขียนไว้ในกระทู้ จิบเบียร์ให้ปลาอิจฉา @เกาะเต่า ซึ่งเป็นกระทู้แรกที่ผมหัดเขียน แต่ครั้งนี้เลยขออนุญาตนำมาเขียนใหม่ ในฉบับเกาะนางยวนเพียวๆ
เกาะนางยวน เป็นเกาะที่สามารถไปพักบนเกาะก็ได้ หรือแวะไปก็ได้ โดยไปครั้งนี้ ผมและเพื่อน ใช้วิธิแวะครับ เเต่แวะทั้งวันนะฮ่าๆ โดยที่พวกเราพักที่เกาะเต่า แล้วแบ่งเวลาอีก 1 วันเต็มมาเที่ยวที่เกาะนางยวน

-การเดินทาง คุณสามารถเลือกได้สองเส้นทางคือ ขึ้นเรือที่จังหวัดชุมพร หรือที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยคุณต้องเดินทางไปลงที่เกาะเต่าก่อน จากนั้นจึงต่อเรือไปยังเกาะนางยวน

***อย่างกลุ่มพวกผมไปจากท่าเรือชุมพร แล้วไปจากเกาะเต่า แต่ก็มีหลายท่าเรือไว้คอยบริการ ส่วนมากผู้ให้บริการเรือข้ามฟากจะมีบริการรับส่งจากสถานีขนส่งหรือสถานีรถไฟไปยังท่าเรือ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการรับฝากรถบริเวณท่าเรือด้วย
พวกเราขึ้นเรือที่ท่าเรือเร็วลมพระยา บริเวณหาดทุ่งมะขามน้อย ห่างจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 28 กิโลเมตร เรือไปเกาะเต่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณคนละ 450 บาท
#เกาะนางยวน #สุราษฎร์ธานี #เที่ยวจนวันลาหมด

เกาะนางยวน หมู่เกาะเล็กๆ สามเกาะ ที่เชื่อมต่อกันโดยสันทรายขาวสะอาดสวยงาม ตั้งอยู่ห่างจากเกาะเต่า จ. สุราษฎร์ธานี เพียง 480 เมตร ว่ากันว่าในอดีตมีหญิงสาวชาวญวนผู้หนึ่งถูกคลื่นลมทะเลพัดมาติดบนเกาะแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อเกาะนางยวน

จุดเด่นของเกาะนางยวนคือสันทรายที่เชื่อมเกาะเล็กๆ ทั้งสามเกาะเข้าด้วยกัน ลักษณะคล้ายทะเลแหวกที่จังหวัดกระบี่ นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำและอาบแดดกันที่นี่



เป็นเกาะที่อยู่ฝั่งอ่าวไทย แต่น้ำใสและสวยไม่แพ้ฝั่งอันดามัน


มีต้นไม้รุ่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครั


***เราเริ่มต้นกันที่เกาะเต่า
เวลาประมาน 9 โมงเช้าก็เตรียมตัวกันไปที่ไฮไลท์นางเอกที่ใกล้เกาะเต่า นั่นคือ “เกาะนางยวน”
ทะเลแหวกแหก........ใจ (แหม่ คิดว่าจะแหกอะไรครับ แหม่ๆ)
เริ่มด้วยการไปยืนหน้าด้านต่อราคาค่าเรือข้ามเกาะ พวกผมเหมาเรือไปกลับราคา1600 สี่คน
ต่อเหลือ 1200 (ก็ยังคิดว่าแพงอยู่ครับ-,.-) เเต่เพื่อนผมมันต่อแบบหักดิบมาก ต่อให้เหลือ 1000 ฮ่าๆเเต่ก็ไม่ได้


เราใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 20 นาทีก็ถึงเกาะ เพราะเกาะห่างกันแค่ 480 เมตร

พอถึงท่าเรือผมและเพื่อนนี่ ตื่นเต้นกันมาก พร้อมกับคำทิ้งท้ายของพี่คนขับเรือว่า บ่ายสามพี่จะมารับนะฮ่าๆได้การละ เพราะตอนนี้พึ่งเก้าโมงๆเอง


ต่อแถวรับของฟรี เอ้ยต่อเเถวเดินเข้าไปยังเกาะ ผมขอแนะนำให้ใจเย็นๆกันด้วยนะครับ เพราะคนเยอะ อาจจะมีการเบียดกันบ้าง และที่สำคัญระมัดระวังกันด้วย อาจตกสะพานได้นะครับฮ่าๆ


เนี่ย บอกเเล้วครับว่าคนเยอะ



ระหว่างเบียดกันเดินอยู่นั้น ก็หมุน 360 องศาชมความสวยงามของเกาะรอไปละกัน


นี่คือป้ายแลนด์มาร์คของเกาะ น่าเสียดายครั้งนั้นที่ไปผมพึ่งหัดถ่ายรูป มานั่งดูตอนนี้ ยังเสียดายมุมที่ควรได้แต่ก็ไม่ได้


พอถึงทางเข้าแล้วก็จ่ายตังค์ค่าตั๋วกันหน่อย ถ้าจำไม่ผิดแยกราคาคนต่างชาติกับราคาคนไทยด้วย



บนเกาะไม่ไม่มีของขาย ไม่ให้พกอาหารขึ้นมา แต่ก็มีที่ให้ซื้อครับ นี่คืออุปกรณ์ดำน้ำที่เราได้มาจากพี่คนขับเรือ ธรรมดาครับไม่ซื้อ trip ก็ต้องทำใจหน่อยฮ่าๆ


นั่งทำใจเตียมความพร้อมสู้กับแดดกันก่อนละกัน


แต่ด้วยความที่วิวมันสวยจนอดใจไม่ไหว ร้อนก็ร้อน ไม่สนละตอนนี้


เออร้อนจริงครับ ตัวผมนี่ไหม้เลย จากคนขาวๆดำหมดเลยฮ่าๆ


จากนั้นเราก็หาจับจองที่นั่งครับ โดยที่เราเลือกฝั่งที่ดำดูปะการังได้ง่าย เเละก็คนเยอะดี


อย่างที่บอกข้างต้นเลยครับว่าเกาะนางยวน สามารถดำน้ำดูปะการังบริเวณน้ำตื้นได้


คนก็เลยเป็นแบบนี้เลยครับ ดูง่าย สบาย เพลินตาเลยทีเดียวฮ่าๆ


บรรกาศโดยรอบที่สวยงาม


ตัดภาพมาที่เพื่อนผมครับ นี่ดำน้ำหรือเกยตื้นครับเพื่อนนนน ฮ่าๆ


ด้วยความที่ตอนนั้นเราไม่มีกล้อง พวก gopro รูปใต้น้ำเลยไม่มี แต่ภาพที่ติดตาบอกได้เลยว่ามันสวยมากครับ ยิ่งลึกยิ่งเสียว เอ้ยยิ่งสวย แต่ผมไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะว่าช่วงนั้นหัดดำน้ำใหม่ๆบอกเลยว่ากลัวครับฮ่าๆ


ดำน้ำจนพอใจก็เดินเล่นหาถ่ายรูปไปเรื่อย ถ่ายยังไงก็ไม่พอครับ


จากรูปนี้เห็นได้ชัดเลยว่า ไหม้จนเกรียม


บรรยากาศโดยรูปครับ บอกเเล้วไงว่าสวยไม่แพ้ ฝั่งอันดามัน



อีกฝั่งก็ดำได้เหมือนกันนพครับ แต่หอยบาดเท้าผม เลยไม่ได้ดำต่อ(แต่ความจริงแล้วกลัวงูทะเลครับฮ่าๆ )


ทะเลที่นี่น่ารักมากครับ เอ้ยสวยมากครับ




รูปนี้ตอนที่ผมแอบถ่าย ผญ คนนี้ เขายืนเหม่ออยู่นานเลย จึงทำให้ผมได้ภาพที่สวยงาม


มีปะการังผสมอยู่กับทรายเต็มไปหมด

ผมขออนุญาตหยิบขึ้นมาถ่ายรูปหน่อยละกัน


อย่างที่บอกว่าบนเกาะมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง แต่ก็แพงพอสมควร นี่เลยครับ หน้าตาร้าน บรรยากาศน่านั่งมากเลยทีเดียว


นอนพักอยู่เปลจนเบื่อ ตอนนี้ผมกับเพื่อนกำลังเตรียมตัวไปเดินเลาะละครับ เพราะที่ที่นั่งมองอีกฝั่งที่มีบ้าน บรรยากาศน่าเชิญชวนมาก เอาวะ ไม่รอละ ลุยๆ



ตรงนี้ผมว่ามันสวยมากเลยครั
ผมลงไปแช่ในทะเลรอถ่ายรูปเลยแหละครับ เปื่อยก็ยอมจม(ทุ่มทุนสร้างมากกก) กว่าจะมีคนเดินผ่านก็นานพอสมควร เพราะถ้าจะไปบังคับเพื่อนเดิน มันก็จะไม่เนียน เลยยอมเเช่ในน้ำ คิดในใจเพื่อคอนเส็ปรูปที่ต้องการ เอาก็เอาวะ!!


จากนั้นเราก็เดินไปพักยังโขดหิน ที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นร่มเงา นอนดูบรรยากาศโดยรอบอย่างอิ่มเอมใจ ถ้าแถวบ้านผมนี่ เรียกว่านอนเว็นเลยละฮ่าๆ


ทางเดินแต่ละที่จะมีสะพานไม้คอยเชื่อม บอกละไงครับ ว่ามันสวยล่อตาล่อใจมาก


ไม่ว่าจะมองมุมใหนก็สวยไปหมด บอกได้เต็มปากเลยว่าผมหลงรักเกาะนางยวนมาก





สันทรายที่เชื่อมเกาะเล็กๆทั้งสามเกาะ เป็กเอกลักษ์อย่างนึงของเกาะนี้เลยครับ นักท่องเที่ยวนิยมนอนอาบแดดกันถ้วนหน้า แต่ยกเว้นพวกผมนะครับ ฮ่าๆ ร้อนขนาดนั้นไม่อาจจะทนได้ครับ



และเเล้วเพื่อนผมก็หลับครับ นี่บางทีก็คิดว่ามันลืมรึเปล่าว่าต้องไปปีนดูจุดชมวิวต่อ ตื่นๆเพื่อนตื่น



พอซึมซับบรรยากาศจนพอใจก็ได้เวลาไปแอจเวนเจอร์กันสักหน่อย ปีนเขาแค่นี้สบายยย เพระาเท่าที่มองจากข้างล่างแล้ว หึหึ นิดเดียวเอง


ว่าละก็ไม่รอช้าครับ เดินกลับไปอีกฝั่ง


แหม๋ เดินชิลเชียวนะมึง


ทะเลกับสีแดง เวลาถ่ายรูปดดยส่วนตัวผมว่า สวยมากเลยนะครับ สีมันตัดกันดี รอบหน้าผมต้องไม่พลาดที่จะพกเสื้อแดงไปฮ่าๆ


นี่คือทางเดินที่เราจะไปปีนเขาจุดชุมวิวนะครับ


เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักเพราะเราไม่รีบ



ระหว่างทางแวะได้ตามใจชอบ



แวะถ่ายรูป


แวะดูวิว



เห็นยอดเขาอยู่ไกลๆ นิดเดียวเอ๊งงงง


และเเล้วเราก้ขึ้นมาถึง ฮ่าๆ จุดชมวิวจะมีสามชั้นครับ
ชั้นที่ 1 นั้นคนจะเยอะเพราะมันขึ้นง่าย ต่อแถวกันยาวยิ่งกว่าของลด 70 %


เพื่อนผมก็ต่อครับ


เเล้วมันก็ได้ภาพมา ถ่ายให้มันเสร็จผมกับเพื่อนอีกคน ต้อง ปีนขึ้นไปอีกชั้นครับ ว่าละก็ทิ้งพวกมันไว้ตรงนี้


นี่ไงครับ อีกชั้น มองลงไปจะเห็นผู้คนเยอะแยะเลยครับ อยู่ข้างล่าง เเต่ชั้นนี้กว่าจะขึ้นมาได้ ก็ยากพอสมควร ถ้าพื้นรองเท้าไม่ดี ลื่นได้นะครับ


จุดที่ผมขึ้นมา 10 ใน 100 คนเท่านั้นที่จะขึ้นมา ไม่บ้าก็ใกล้เคียงนะครับฮ่าๆ กระดิกตัวทีนี่เสียวยันตาตุ่ม


เเต่ๆๆๆๆ ก็มีสูงกว่านี้นะครับ ซึ่ง 2 ใน 100 คนเลยละที่จะขึ้นไป



นั่นคือตรงนี้เลยครับ แหม่แค่มองก้จินตานารถึงการสั่นของขาแล้วครับ


พอชมวิวทุกอย่างจนอิ่มอกอิ่มใจแล้วก็นั่งเรือข้ามมาเกาะเต่า อาบน้ำแต่งตัวรอเตรียมท่องราตรี เย่ห์~
ที่ที่โปรดปรานในเวลากลางคืนของทุกคนที่ไปเกาะเต่า จะไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ครับ นั่นก็คือ หาดทรายรี ถิ่นสตรีควงกระบองไฟ(อันนี้ผมต่อเอง) ฝรั่งนี้เต็ม หาคนไทยนี้ยาก ผมนึกว่าอยู่ต่างประเทศ ว่าละก็ตัดภาพไปเลยละกัน



*สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณมากๆถ้าคุณอ่านทุกบรรทัดของผม
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปของผมทั่งสามคน
ขอบคุณคำติชมสำหรับคนที่หัดถ่ายรูปทำรีวิวครั้งแรก แต่ครั้งนี้ผมนำรูปเดิมกับมาริวิวใหม่
ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น