เขาล้อมหมวก ปีนกันเถอะ
ทริปนี้ต้องบอกว่า คิดบุ๊ป ก็จัดไปบั๊บ ไม่ได้คิดไรมาก เราจัดไป 3 วัน 2 คืน เป้าหมายคือเราจะไปปีนเขาล้อมหมวก ประจวบคิรีขันธ์ ซึ่งจะเปิดให้ปีน เฉพาะช่วงวัยหยุด นักขัตฤกษ์ อันนี้ ต้องเช็คให้ดีว่า..เขาเปิดให้ปีนได้ ช่วงไหน เพราะแต่ละปี เขาจะประกาศ ช่วงที่ให้ปีน และไม่ได้ว่า...อยากจะปีนก็ปีนได้ เปิดเฉพาะหยุด นักขัตฤกษ์ ย้ำนะ แค่หยุดช่วงนี้เท่านั้น
เชคได้ ก็จัดไปเลย
เนื่องจากว่า เขาล้อมหมวกอยู่ในพื้นที่ของกองบิน 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ของทหาร ดังนั้น เขาก็เลยไม่ได้เปิดแบบทั่วไป ยกเว้นใน พื้นที่อ่าว มะนาว ที่อยู่ในกองบิน จะเข้า ออก ช่วงไหนก็ได้ แม้เป็นพื้นที่ของทหาร แต่เขาก็เปิดให้ประชาชน เข้าไปเล่นน้ำ ทานอาหาร ภายในพื้นที่ได้ ยกเว้นการปีนเขาที่เขาจำกัด การเปิด-ปิด การปีน
อ่าวมะนาว สวยมาก แนะว่า ไปเที่ยว เล่นน้ำได้ และในพื้นที่กองบิน 5 ก็เปิดให้บริการที่พักด้วย สามารถเช็คเข้าพักได้ ซึ่งทะเลสวย สะอาด ไปช่วงหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะได้ปีนเขา
พอเข้าไปในพื้นที่อาจจะงง ว่าเขาปีนกันตรงไหน เมื่อเขาไปในกองบิน ก็ให้สังเกตป้ายที่บอกว่า อุทยานประวัติศาสตร์ ก็ตรงไปตามป้ายได้เลย เพราะเขาไม่ได้บอกว่าเขาล้อมหมวกนะ พอเข้าไป คนละโลกจริงๆ สวย ร่วมเย็น สงบ ก็ว่าอะนะ พื้นที่ราชการ ทหารเขาดูแลพื้นที่ดีมาก
การปีนนั้น ไม่ได้เสียค่าบริการ แต่เมื่อปีนลงมาหากอยากได้ใบประกาศ ผู้พิชิต เขาล้อมหมวก จะมีใบประกาศ เสียแค่ 60 บาทเท่านั้น ควรจัดนะ ตรงบริเวณเต้นให้บริการ มีขายน้ำ ขนม ของที่ระลึก และถุงมือ ย้ำว่า ถุงมือสำคัญ ซื้อไว้ ดีที่สุด
ร่ายยาวละ...เริ่มกันเถอะ
การเดินทางไปประจวบ...มีหลายเส้นทางให้เดินทาง เดินทางโดยรถตัวเอง รถไฟ มีเปิดให้บริการ ที่หัวลำโพง มีเพียง 1 เที่ยว คือ เวลา 8.50 น ซึ่งเป็นขบวนรถไฟด่วน ค่าบริการประมาณ 58 บาทต่อคน มีเที่ยวเดียว จากนั้นก็จะเป็นเที่ยวบ่ายทั้งหมด อีกวิธี เที่รถไฟฟรรี ลงหัวหิน เวลาออก 9.20 น. ย้ำว่าเที่ยวนี้ คนเดินทางเยอะมาก มาช้าอด..รับตั๋วยืน หรือก็ต้องรอเที่ยวบ่าย รอบนี้ ลงหัวหินและต่อรถตู้เข้าประจวบ...อีกที
สำหรับขบวนนี้ คนไปเที่ยวนี้เยอะมาก เนื่องจากแวะเที่ยวที่ประจวบก่อน ซึ่งก็มีเที่ยวเดียวของช่วงเช้า ขอแนะนำ การรถไฟ หน่อยเถอะว่า สำหรับจังหวัดท่องเที่ยว ยิ่งอยู่ใกล้ กรุงเทพฯ เดินทางง่าย คนเขาชอบ หรือนิยมขึ้นรถไฟไปเที่ยวกันแล้ว ควรมีให้บริการมากๆหน่อยนะ น้อยไป เที่ยวเช้า มีเที่ยวเดียว..มีเพื่อ และส่วนใหญ่ก็เป็นวัยรุ่นที่เดินทางกัน อีก เส้นทางคือ รถไฟสายธนบุรี
ส่วนอีกวิธีการเดินทาง ก็โดยรถทัวส์ ค่ารถอยู่ที่ 220 บาทต่อคน ขึ้นรถได้ที่สายใต้เก่า ซึ่งไกลมาก ไปก็ลำบาก การเดินทางก็ไม่เชื่อมต่อเลย วิธีสุดท้าย รถตู้ ค่ารถอยู่ที่ 240 บาท ขึ้นได้ที่ หมอชิต ซึ่งเดินทางไปขึ้นง่ายหน่อย และสายใต้ใหม่ ตรงปิ่นเกล้า ใครใคร่ที่ไหนก็จัดไปได้เลย ซึ่งลงที่ประจวบ
พอมาถึง....
เรามาถึงประจวบก็เย็นแล้ว เนื่องจากเสียเวลากับการหาวิธีขึ้นรถที่จะมา เนื่องจากเราพลาดรถไฟ ที่มันมีน้อยมากกก (ไปสายก็ซวยไป) เลยไปขึ้นรถทัวส์ ปลอดภัยแต่ก็ช้าหน่อย
เราเลือกที่พัก คือ โรงแรมยุติชัย ที่นี้ยังมีบริการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ต่อวันราคาอยู่ที่ 150 บาท และมีจักรยานด้วย ชอบแบบไหนเลือกได้
บอกว่า...ที่เราพักนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ดีมาก ใกล้สถานี รถไฟ ใกล้ถนนคนเดิน ใกล้วัด และใกล้เขาช่องกระจก ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองประจวบ..ได้ดีมาก ราคาก็ถูก ส่วนห้องพักก็ใช้ได้ มีทั้งแบบ ห้องน้ำรวม ห้องน้ำในตัว ห้องแอร์ ห้องพัดลม เลือกได้ แนะว่าจองล่วงหน้าไว้เนิ้นๆ หน่อยก็ดี ที่นิยม มักจะเต็มเร็ว
มาถึงเราก็เข้าที่พักเก็บของ
นี้ก็เป็นเบอร์สำหรับใครไปเที่ยวแล้วกลับดึกสามารถโทรเรียกเพื่อให้เขาเปิดบ้านให้ได้ เนื่องจากที่นี้เขาจะปิดประตูเที่ยงคืนเด้อ....
เนื่องจากเราเลือกเดินทางช่วงวันที่ 8-10 กค 60 ซึ่งเป็นช่วงวันเข้าพรรษา และวันอาสาฬหบูชา
เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าวัด ฟังเทศ เวียนเทียน ซึ่งบรรยากาศเป็นอะไรที่ดีและชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเวียนเทียน ฟังเทศ ของคนต่างจังหวัดจะต่างจากในกรุงเทพ อย่างมาก คือ ดีอะ เราฟังเทศ ก้เวียนเทียนกัน พอเสร็จเราก็เดินไปถนนคนเดิน ซึ่งจะมีทุกวัน ศุกร์ และวันเสาร์ เท่านั้น จะอยู่ตรงริมทะเล เดินยาวๆไป
จากเดินตรงถนนคนเดิน เราก็เดินไปตรงสะพาน สราญวิถี..ช่วงคำ
บรรยากาศดี มาถ่ายรูป ตกปลากัน มีคนมาตกปลา หมึกด้วยที่นี้ ถ้ามาถ่ายกลางวัน กลางวคืน ก็จะสวยต่างกันออกไป
หมดไปละหนึ่งวัน หากใครไปถึงเร็ว แนะว่าให้ไปเดินเขาช่องกระจก ก่อน และไปไหว้พระที่วัด...อยู่ตรงข้ามเขาช่องกระจก และใกล้กันก็ศาลหลักเมือง ของประจวบแนะว่าไปไว้ขอพร ก็เป็นการดี เขาช่องกระจกนั้น ลิงจะเยอะมาก ระวังกันหน่อยนะจ๊ะ ขึ้นไป ก็จะเป็นวิว เมืองประจวบ
นอกจากนั้น ประจวบ เป็นเมือง 3 อ่าว ซึ่งมี อ่าวน้อย ส่วนใหญ่เป็นพื้นอ่าวประมง และจะมีเขาให้ขึ้นไปชมอ่าวได้ด้วย มีวัดให้ขึ้นไปไหว้ อ่าวประจวบ เป็นพื้นที่ส่วนกลางของ 3 อ่าว เป็นจุดเที่ยว อาหาร และ อ่าวมะนาว (อ่าวมะนาวเป็นของพื่้นที่ทหาร) เล่นน้ำใส ปีนเขาได้ที่นี้ ไปได้แนะให้ไปครบ 3 อ่าวเลยจะดี
เขาวันที่ 2
แนะว่าวันนี้ ให้เธอไปเลยเต็มๆ ปีนเขาล้อมหมวก
แนะว่า...ไปปีนตอนเช้าๆ ก็จะดี เนื่องจากคนน้อย ปีนไม่ต้องแย่งกับใคร แต่หาก ไปสายแล้ว วันนี้เราก็ให้เขาเลย เนื่องจากว่า เขาเปิดให้ปีนเป็นช่วงหยุด นักขัตฤกษ์ ไม่ได้เปิดเมื่อไรก็ได้ ดังนั้น คนไปปีนเยอะมาก หากไปปีนสาย บ่ายๆ ถึงจะได้ลงมา
ต้องบอกว่าการปีนเขาล้อมหมวกนั้น คือ ปีนเขา ชัดๆ คนชอบปีนเขา ก็จะชอบเป็นอย่างมาก ต้องใช้เชือกปีน ปีนด้วยมือป่าว เขาก็จะเป็นลักษณะ หินแหลม ซึ่งก็จะเป็นช่วงของโค้งสุดท้ายที่ขึ้นเขา
เราออกจากที่พักสาย เราก็มุ่งหน้า ตุนสะเบียง ข้าวเหนียม หมู ไก่ แนะว่าควรติดตัวไป น้ำ อันนี้สำคัญ ก็ไปกันเลย กองบิน 5 เมื่อมาถึง ก็อย่างที่บอกมาสายคนก็เยอะ ก็ไปลงทะเบียนชื่อไว้ วันที่เราไปนั้นมีคนมาปีนกว่า 800-900 คน เยอะมาก
เริ่ม..ขึ้นไปช่วงแรกจะเป็นช่วงของบันได เห็นเขาว่ามีประมาณ 400 ขั้น จากบันใด ก็จะเป็นช่วงของการปีด้วยเชือก
อ้อ ลืมแนะไปว่า เขาล้อมหมวก มี 7 สเตป ของการปีน
พอเข้าช่วงของเชือก คือ สเตปที่ 5 ถึง 7 ระหว่าง สเตป 5 ไป 6 จะปีนเชือกแต่ก็พอปีนได้ แต่พอใกล้เข้าช่วงสเตปที่ 6 และ 7 นั้น ปีนเชือกแต่มีความชันมาก ก้ลักษณะ ต้องดึงตัวขึ้นไป ตอนลง ก็ต้องโรย ตัวลงมา คือ มีความยาก แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป พอเข้าช่วงโค้งสุดท้าย ยากสุด แม้มีเชือกให้ปีน แต่เจ้าหน้าที่ ประจำจุด บอกว่า หากปีน ฝั่งที่ไม่มีเชือกได้ ปีนเลย เอ้า...ใครพอปีนได้ ก็ปีนสิ รออะไร
อธิบายให้เห็นภาพนิด ในจุดที่ต้องมีความระวัง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ ทหาร อีกทั้ง หมอทหาร คอยบริการ และดูแลความปลอดภัย เพราะต้องบอกว่า คนที่ไปปีนเขากันส่วนใหญ่ มีทั้งเด็ก วัยรุ่ย คนที่มีอายุหน่อย แนะว่าไม่ควรพาคนแก่ไป เพราะจะลำบาก มันต้องใช้แรงขา แรงแขนในการปีน
ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ไม่เคยปีนเขามาก่อน ดังนั้น ทักษะ การปีนก็จะน้อยมาก ช่วงสเตปการปีนที่ 4 เข้า 5 ก็จะปีนสะบายน่อย ไม่ยาก แต่ เข้าช่วงที่ 6 ไป 7 ความลำบาก ความลำบากก็ก่อบังเกิดขึ้นมาทันที เพราะต้องใช้แรงขา แรงแขนพอสมควร ดีที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ควรช่วย ก็จะง่ายขึ้น แต่โค้งสุดท้าย นี้สิ ใครกลัวความสูงก็จะสั่นๆ หน่อย อย่าว่าผู้เขียนนี้แหละ เนื่องจาก ช่วงโค้งสุดท้ายนั้น สั้น....สู้โว้ย
เขาล้อมหมวก...จะไม่ให้ปีน หรือ เดินทางสวนกัน เขาจะสลับคนปีนขึ้น ปีนลง เนื่องจาก มีเชือก และเส้นทางการปีน ทางเดียว จะไม่เปิดให้สวน กันได้...เนื่องจากมันมีความอันตราย ดังนั้น เมื่อมีคนเยอะ การรอ ก็บังเกิด เพราะต้องสลับ ขึ้น-ลง ไม่มีสวนทาง กว่าจะถึงยอด บางรายก็ถอดใจ เดินลงไปเลย เนื่องจากคนขึ้นเยอะ การขึ้น-ลงก็ต้องสลับกัน เลยใช้เวลานาน แต่พอขึ้นไป ก็เฮ้ย.....ถึงแล้วโว้ย ถึงสะที
เมื่อโค้งสุดท้าย คุณเอ้ย...ปีนด้วยมือสิ
ปีนวันนั้น...ต้องบอกคนเยอะมาก แต่ขึ้นถึงยอดเขา คุ้มหายเหนี่อย ชนะใจตัวเองสุด
ไต่เชือก ปีนด้วยมือ แรงขา แรงแขน สุดๆ กลับมาจะเดี้ยวก็ไม่เป็นไร แม้กลัวความสูงก็เถอะมาแล้วไม่ถอยวะ...ไปต่อแล้วกัน
สุดท้ายก็ถึงแล้วโว้ย.....
แนะเกล็ด...ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องพกอะไรไปเยอะ เอาที่สำคัญ กระเป๋า ควรเอาเป้ สะพายหลัง ใบเล็กเข้าไว้ น้ำ อาหาร เตรียมให้พร้อม รองเท้า เป็นรองเท้าปีนเขา หรือผ้าใบที่ดีๆ หน่อย ไม่ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้ไว้เยียบหิน เกาะ ปีน ขึ้นไป
ขึ้นไปก็เก็บภาพ ก็พร้อมลง ลงก็ทางเดิม ขาลงนั้น ต้องใช้เส้นทางเชือกตลอดนะ ตอนลง นี้ถามตัวเองเลยว่า ปีนขึ้นไปได้งัย เนี้ย แต่ก็เป็นการเที่ยว ทดสอบ รับบรรยากาศ คุ้ม สนใจก็จัดไป สวยด้วย เราใช้เวลาการปีน นานมาก เริ่มปีน 8.45 ลงมา 14.45 ลงมาเดี้ยง จ้า เนื่องจากไม่ใช่คนออกกำลังกาย เส้นยึดสิ
จากนั้น เราก็หาไรกิน ชมวิว อ่าวมะนาวในกองบิน 5 ก็กลับที่พัก เปลี่ยนเสื้อผ้า เนื่องจากว่า เราจองเรือ ชมพระอาทิตย์ตก เริ่มออก 5.30 ถึงฝั่ง 1 ทุ่ม ค่าบริการอยู่ที่ คนละ 300 บาท มีน้ำ ผลไม้ บริการ หากอยากกินอะไรเพิ่ม เขาอนุญาตให้นำอาหาร น้ำดื่มที่ชอบขึ้นไปได้ แนะว่าหากจะไป ควรที่จะจองไว้ล่วงหน้า เพราะคนสนใจเยอะมาก จองหน้างานอาจจะอดไป
อ่าวมะนาว ก่อนออกจากกองบิน5
นอกจากนั้น ก็มีรอบ ดึก ไปตกหมึก กลับเที่ยงคืน ออกก้ประมาณ 3- 4 ทุ่ม ราคาอยู่ที่ 350 บาทต่อคน และก็มีรอบเช้า ล่องเรือ ดำน้ำ คนละ 850 จะมีอาหาร อุปกรณ์ดำน้ำ ออกตั้งแต่ 8.50 กลับเที่ยงวัน สนใจกิจกรรมนั้นก็เลือกได้เลย
เรือที่เราจองไว้ ส่วนการจองนั้น จะมีป้ายและเจ้าหน้าที่ แถวหาด ตรงถนนคนเดิน ตรงที่เรือจอด เดินไปถามเขาได้เลย
เราเลือกชมพระอาทิตย์ตก นั่งชิวๆๆ รับลม ก่อนกลับเข้าที่พัก ถ่ายรูป
เสร็จสำหรับกิจกรรมวันที่ 2
วันที่ 3 นี้
เนื่องจากเราเดี้ยงจากการปีนเขา และเราก็ยังต้องกลับมาทำงานในวันถัดไป เลยไม่ได้มีกิจกรรมที่จะไปไหนต่อ เราก็ตีตั๋วกลับ ออกจากที่พัก นั่งรถ 3 ล้อไปลง คิวรถตู้ ค่าบริการอยู่ที่คนละ 40 บาท อ้อ...ลืมบอกไปว่า ตรงที่พักเรามี ตลาดโต้รุ่งด้วยนะ (อย่าบอกว่าโต้รุ่งเลย เอาแค่ดึกก็พอ เพราะ 4-5 ทุ่มก็เก็บของละ ของกินเยอะ แต่จะตั้งสายไปหน่อย 5-6 โมง เย็นกว่าจะตั้งเสร็จ)
จบทริป ปีนเขากันเถอะ
ทริปต่อไปเจอกันใหม่
Earn Mat
วันพฤหัสที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.37 น.