ภาพถ่ายและเรื่องราวของสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกโซเซี่ยลได้สร้างแรงบันดาลใจ
อีกหนึ่งฝันที่ยังคงเฝ้ารอคอยและอยากเข้าไปสัมผัส
ระเบียงแห่งความสุขที่เคยฝันว่าซักวันหนึ่ง จะขอไปยืนอยู่ตรงนั้นซักครั้ง .......
“ระเบียงดาว"
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
บันทึกการเดินทางฉบับนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ในวันที่สายฝนเริ่มต้นทำงานพร้อมๆ กับการเริ่มต้นออกเดินทาง
“ม่อนแจ่ม" ส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย
บนเส้นทางที่ลัดเลาะไต่ระดับความสูงผ่านหมู่บ้านม้งสู่ยอดดอย
นี่คงเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตลำดับต้นๆ เมื่อมาเยือนเชียงใหม่
ยามนี้ดอกไม้หลากสีสันผลิบานเคล้าไปกับสายหมอก
เป็นความสวยงามและความสดชื่น ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
กลิ่นไอของสายฝนผสมกับละอองหมอกประหนึ่งเหมือนได้อยู่ในฤดูหนาว
คงเพราะก้าวย่างแรกที่ได้สัมผัสม่อนแจ่มที่รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น
วิวทิวทัศน์ในมุมสูง 360 องศา ที่ในเวลานี้อาจมองเห็นได้ไม่ครบทุกองศา
สายหมอกเพิ่มความสดชื่นในจิตใจแต่ก็ลดความเด่นชัดในมุมมองขององศา
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเชียงใหม่เท่าไหร่นัก
ยิ่งเป็นทางโซนแม่ริม ยิ่งไม่เคยมาเลยซักครั้ง
การเดินทางครั้งนี้จึงเหมือนการได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
เส้นทางเชียงใหม่-แม่ริม ระยะทางราว 50 กิโล สู่ยอดดอยม่อนแจ่ม
เส้นทางค่อนข้างดีและไม่ชันมากนัก
นอกจากม่อนแจ่มแล้ว โซนนี้ยังมีสถานที่ให้ได้เที่ยวชมอีกมากมาย
ทั้งม่อนต่างๆ ที่บรรยากาศคล้ายคลึงกับม่อนแจ่ม
และโครงการหลวงที่เน้นไปทางด้านเกษตรกรรมและธรรมชาติที่สวยงามบนความสูง
ความรู้สึกสดชื่นปลุกเร้าความมีชีวิตชีวา
และยิ่งเพิ่มความตื่นตาตื่นใจเมื่อสายหมอกค่อยๆ เปิด
แลเห็นพืชไร่เป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม
ดอกไม้นานาพันธุ์ผลิบาน มีมุมน่ารักๆ ให้ได้ถ่ายภาพ
บรรยากาศแบบนี้คงทำให้ใครต่อใครต่างมีความสุข
ความมหัศจรรย์ที่รับรู้ได้ถึงความเพียรพยายามและความมานะอดทน
พืชไร่ที่ปลูกกันเป็นทิวแถวไต่ระดับความชันดูงดงามตระการตา
แต่กว่าจะได้ผลผลิตมาคงต้องใช้พละกำลังและหยาดเหงื่อไม่ใช่น้อย
ภาพของม่อนแจ่มที่คุ้นตาคงเป็นเพิงไม้ไผ่มุงด้วยใบจากที่เรียงรายตามแนวยาว
เพิงเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารในวันที่มองออกไปเห็นแต่ไอหมอกปกคลุม
เวลาของความสุขที่ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ
นั่งมองวิวทิวทัศน์ มองไอหมอกที่บางช่วงจังหวะเผยให้เห็นถึงเบื้องล่าง
คงเป็นช่วงเวลาแบบนี้นี่เองที่หลายคนต่างหลงใหลและแวะเวียนมาสัมผัสกันอย่างไม่ขาดสาย
จากม่อนแจ่มผมลงมายังโครงการหลวงแม่สาใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
กับวิวมุมสูงที่เผยให้เห็นถึงทิวเขาสลับซับซ้อนที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก
โครงการหลวงแม่สาใหม่จัดตั้งขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีสู่ชุมชนชาวเขา
สร้างอาชีพและรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ลดการบุกรุกทำลายป่าและการปลูกฝิ่น
นี่คือแผนที่การเดินทางที่ผมกำลังมุ่งหน้าสู่เชียงดาวในวันนี้
และวกกลับมาบ้านแม่กลางหลวงในวันถัดไป
จากโครงการหลวงแม่สาใหม่ผมมุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว โดยใช้เส้นทางหลัก 107
ถึงปากทางเข้าสู่ถ้ำเชียงดาวซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับบ้านระเบียงดาวจุดหมายปลายทางหลักในครั้งนี้
สองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่
เส้นทางที่ทอดยาวขนานไปกับดอยหลวงเชียงดาว
จากความฝันส่งต่อสู่อีกหนึ่งความฝัน
จากภาพถ่ายของใครคนหนึ่งส่งต่อความรู้สึกและแรงบันดาลใจ
จากจินตนาการสู่ความเป็นจริงที่สัมผัสได้และผมกำลังใกล้เข้าสู่สัมผัสนั้น
เส้นทางจากปากทางสู่บ้านระเบียงดาวระยะทางราว 17 กิโลเมตรไต่ระดับความสูงคดเคี้ยว
ทางจะค่อนข้างแคบและปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่
เบื้องหน้าคือดอยหลวงเชียงดาวความยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาในความรู้สึก
“บ้านระเบียงดาว" บ้านพักในแบบเรียบง่ายในหุบเขา
ก้าวย่างแรกก็รับรู้ได้ถึงความเป็นธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์
บ้านไม้มุงจากที่ปลูกสร้างลดหลั่นไปตามความลาดเอียงของขุนเขา
จุดเด่นของแบบบ้านคือมีระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน
สมกับชื่อ
“ระเบียงดาว"
และก็เป็นระเบียงไม้ไผ่เก่าๆ นี่เองที่สร้างความรู้สึกใหม่ๆ
เป็นความรู้สึกของความสุขที่ยิ่งใหญ่เคียงคู่ดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
เทือกเขาดอยหลวงถูกชโลมโอบกอดด้วยสายหมอก
กำแพงภูผาที่ครั้งหนึ่งผมเคยฝันว่าอยากมายืนมองให้เต็มตา
จากภาพถ่ายสู่ความเป็นจริง ความยิ่งใหญ่ที่ดูอลังการกว่าในรูปภาพใบนั้น
บ้านพักของผมในคืนนี้ที่วิวทิวทัศน์และระเบียงไม้
ดูสวยงามไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นๆ
ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณเน็ต ไม่มีแอร์
มีไฟฟ้าที่ได้จากแสงแดด มีมุ้งไว้กันยุง และมีความสุขในแบบเรียบง่าย
ประตูไม้ไผ่ที่ดูเรียบง่ายในแบบธรรมดา
สู่ความยิ่งใหญ่ของภูผาเมื่อเปิดแง้มออกมอง
สายฝนเริ่มโหมกระหน่ำในช่วงเย็นวันนั้น หลังจากโปรยปรายมาตลอดเวลา
เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่ได้เคยสัมผัส
สายฝนที่รุนแรงแต่ไร้สายลม มองไปรอบกายที่ดูอ้างว้าง
แต่ผมกลับรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
หลังสายฝนหยุดตก สายหมอกก็เริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง
อาหารที่ดูธรรมดาแต่กลับรู้สึกอร่อยที่สุดเมื่อได้ทานควบคู่ไปกับวิวตรงหน้า
ที่มาเสริฟกันถึงห้องพักรวมไปถึงอาหารเช้าที่มีให้เป็นอย่างดี
ในราคาเพียงหัวละ 500 บาท รวมที่พัก
เช้าวันใหม่อากาศยังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนและมีสายหมอกล่องลอยอยู่ตลอดเวลา
เก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่ดูธรรมดาบนระเบียงแห่งความฝัน
แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดคือ
“ดอยหลวงเชียงดาว"
ที่ตั้งตระหง่านราวกับประการยักษ์ตรงเบื้องหน้า
และนี่คือขุนเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
อาหารเช้าที่ไม่ได้โดดเด่นกลับดูมีคุณค่าเมื่อได้อยู่คู่กับวิวตรงหน้า
บางครั้งที่พักที่ดีที่สุดอาจไม่ต้องเริดหรูก็ได้
และบางครั้งความสุขก็ไม่ได้อยู่ที่วัตถุที่มีค่า
บริเวณด้านบนของบ้านระเบียงดาวก็ดูเหมือนว่าจะมีที่พักที่กำลังก่อสร้างใหม่
วิวจากบ้านพักที่กำลังก่อสร้างใหม่ก็งดงามไม่แพ้บ้านระเบียงดาว
ตลอด 24 ชม.ที่ได้อยู่ที่นี่มีสายหมอกยังคงวนเวียนเป็นเพื่อนอยู่ตลอดเวลา
หมอกในฤดูฝนอาจแตกต่างจากหมอกในฤดูหนาวที่สงบนิ่ง
แต่ก็เชื่อมโยงซึ่งความสุขไม่ต่างกัน
สายหมอกที่ดูจะเพิ่มขึ้นสวนทางกับความสุขที่กำลังจะหมดไป
เวลาในความฝันที่เหลือน้อยลง
และผมกำลังจะจากลาระเบียงสวรรค์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
จากบ้านระเบียงดาวผมวกกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่
ข้ามจากอีกฟากไปยังอีกฟากหนึ่งที่ อ.จอมทอง สู่เส้นทางดอยอินทนนท์
“น้ำตกวชิรธาร" หนึ่งในไฮไลท์ของการมาเยือนดอยอินทนนท์
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 80 กว่ากิโล
สายน้ำที่ฟุ้งกระจายไหลลงสู่หน้าผาสูงรู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้น
บริเวณน้ำตกยังมีร้านค้าสวัสดิการ ห้องน้ำสะดวกสบายและมีลานจอดรถที่กว้างขวาง
“บ้านแม่กลางหลวง" อีกจุดหมายหลักของการเดินทางในช่วงฤดูฝน
บ้านแม่กลางหลวง อยู่เลยจากน้ำตกวชิรธารราว 7 กิโลเมตร ริมทางหลักสายจอมทอง-อินทนนท์
ยามนี้วันที่ 19 ก.ค. 58 ที่ผ่านมา ผืนนาขั้นบันไดแลดูเขียวขจี
ผืนนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบนาขั้นบันไดที่เพิ่งปักดำต้นกล้าได้ไม่นาน
และคงเป็นช่วงเวลาต่อจากนี้ที่ดินแดนแห่งทุ่งนาจะพร้อมรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมเยือน
มาที่นี่ผมใช้เวลาไปเรื่อยๆ ไม่มีแผนอะไรในหัวมากนัก
หนึ่งวันทำอะไรที่นี่ได้บ้าง คำตอบสำหรับผมคือไม่ได้ทำอะไร
เดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปตามคันนา ดูหอย ดูปู ดูปลา
ค่อยๆ ละเลียดไปกับเวลาที่หมดลงไป
ผมว่ามันเป็นความสุขที่สัมผัสได้และเป็นความสบายใจในแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายหัว
บางครั้งเราเลือกที่จะเจอกับสิ่งดีหรือไม่ดี..ไม่ได้
แต่เราสามารถเลือกที่จะเก็บสิ่งดีนั้นไว้ และปล่อยให้สิ่งไม่ดีนั้นผ่านไป
คงเหมือนกับการเดินทาง ที่เราสามารถเลือกที่จะเก็บเอาความประทับใจในสิ่งที่ดีนั้นไว้ ...ให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกการเดินทางของผม แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไป...สวัสดีครับ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
ม่วงมหากาฬ
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.59 น.