“ น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี “

โครงการ The amazing journey blogging contest


เป็นโครงการที่จัดขึ้นโดย ททท. ร่วมกับ Nok Air และ Thai Rent A Car

กับการรวมตัวครั้งใหญ่ของ Blogger ในประเทศไทยมากกว่า 30 คน

เพื่อเดินทางไปยัง 12 เมืองต้องห้ามพลาด นำแง่มุมทีน่าสนใจของเมืองต่างๆกลับมา

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้หมอยาได้ร่วมทีมกับ Blogger อีก 2 ท่านคือ พี่เอ๋อ้อย Travel Planet by Vichie81

และคุณตั้ม Tummeng Trip Travel Magazine


การจะพาครอบครัว มาเที่ยวแค่สวนผลไม้ คงจะเรียกว่ายังไปไม่ถึงสำหรับจันทบุรี

เพราะในความเป็นจริง จันทบุรี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ไปเยือน ไม่ว่าจะเป็น ทะเล น้ำตก

หรือวิถีชีวิตชุมชนเก่าดั้งเดิมที่อยู่มาอย่างยาวนาน และความรู้ทางประวัติศาสตร์ ของสถานที่ต่างๆ

จะทำให้เพื่อนๆ เข้าใจว่า ทำไมในอดีตที่ผ่านมารัชกาลที่ 5 จึงทรงยกเมืองอื่นให้ฝรั่งเศส และเลือกที่จะเก็บเมืองจันทบูรเอาไว้


ถ้าพร้อมกันแล้ว เดินทางไปพร้อมกับ ครอบครัวหมอยากันเลยครับ



ทริปนี้ผมเที่ยววันธรรมดาเหมือนเดิมครับ หลักๆ ตั้งใจจะพาเจ้าหลานตัวน้อย ไปดูโชว์โลมา

โดยผมเริ่มออกเดินทางไป วันจันทร์ และกลับวันพุธ รวมเวลา 3 วัน 2 คืน



เรามาออกเดินทางกันเลยครับ

ออกเดินทางจากกทม. ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ หนีรถติด รีบบึ่งรถไป แวะทานมื้อเช้าที่ จุดพักรถมอเตอร์เวย์

The coffee club

พิกัด N13°32.352, E101°0.558


ร้านน่านั่งดีครับ มีปลั๊กไฟให้เสียบทำงาน แล้วก็ free wifi ครับ

ร้านอยู่ติดกับ burger king เชื่อมติดกันเลย

มาสั่งอาหารกันเลย

แฟนผมสั่ง Big Breakfast ครับ ทานกับหลานสองคน อร่อยครับ Big จริง อะไรจริง ไส้กรอก เค็มไปนิด 305 บาท

คุณแม่สั่ง ข้าวต้มกุ้งรสชาติดีครับ 135 บาท

ผมสั่ง ข้าวไก่ราดพริก ไข่ดาวอร่อยครับ99 บาท ไข่ดาว 30 บาท



เครื่องดื่ม

Frappe Passionateเปรี้ยวๆ120 บาท

English Breakfast Tea90 บาท

Frappe Citrusเปรี้ยวมะนาว หอมมิ้นต์ 120 บาท



อิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปอำเภอท่าใหม่ จันทบุรีครับอิสรีย์ ฟาร์มม้าไทย



พิกัด GPS N12°43.53, E102°3.114



เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้เสียเวลาไป 2 ชั่วโมงกว่า ระหว่างทาง เลยโทรถามที่สวนว่า แถวนั้นมีอะไรทานบ้าง

ป้าบอกว่า ปกติมีแม่ครัวนะ แต่แม่ครัวไปทำบุญ เดี๋ยวป้าโทรตามให้ น่ารักจริงๆ

ไปถึงสวน ประมาณบ่ายสองครับ หิวโซ สั่งอาหารทานก่อนเลย

หมูชะมวง อาหารพื้นเมือง

ต้มจืดวุ้นเส้น

ไข่เจียวกุ้ง กุ้งมาเป็นตัวๆครับ ป้าไม่สับ

ไก่ผัดกระวาน

(กระวานเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของจันทบุรี เพราะเป็นกระวานที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย

จึงเป็นที่ต้องการ ของตลาดทั้งในและต่างประเทศมาก ราคาจึงสูงกว่ากระวานจากที่อื่นๆ

ประโยชน์ของกระวาน ใช้แก้ท้องอืด แน่น จุก เสียด ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง แก้ลม ท้องเสีย)


อาหารมื้อนี้อร่อยทุกอย่างครับ ผมไม่ได้หิวนะ ผมว่าอร่อยจริงๆ ค่าอาหาร 350 บาท

ที่นั่งทานข้าว มีม้ามายื่นหน้าให้ดูด้วยครับ



อิ่มแล้วก็ไปนั่งรถไฟชมสวนกัน หลานตื่นเต้น ได้นั่งรถไฟเป็นครั้งแรก กลับมาถึงบ้าน ยังพูดถึงรถไฟอยู่เลยครับ



กิจกรรมภายในสวน ให้เก็บเงาะ กับมังคุด สดๆจากต้นทานได้เลยนะครับ

แต่ลองกอง เจ้าของขอไว้ ไม่ให้เก็บ เพราะช่อมันจะไม่สวย ทำให้เสียราคา แล้วก็ระบบรากจะเสียหาย



บุฟเฟ่ต์ผลไม้ คนละ 200 บาทชมสวนอย่างเดียว คนละ 50 บาทมีม้าให้ขี่ด้วยครับ ครึ่งชั่วโมง 300 บาท

มีโฮมสเตย์ คืนละ 900 ต่อหลังครับ พักได้สองคน รวมอาหารเช้าเป็นข้าวต้ม 1 มื้อครับ

ชมสวนเสร็จแล้ว ก็มานั่งทานผลไม้กัน ทุเรียนหมอนทอง เงาะ มังคุด สละ ลองกอง



ทานกันไม่เยอะครับ เพราะเพิ่งทานข้าวกันไป พอจะกลับ ป้าเลยใจดี เอาใส่ถุงให้ แถมลดราคาให้ด้วย 50 บาท



สวนเปิดตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ผลไม้ส่วนมาก จะมีถึง กลางเดือนกรกฎาคม แต่ลองกอง มีถึงเดือนตุลาคมครับ

ใครสนใจมา ต้องติดต่อสวนล่วงหน้า ก่อนเข้าชมสวนทุกครั้งนะครับ เผื่อทุเรียนหมด อดกินนะ

ติดต่อ คุณแววศิริ ฤทธิโยธี

โทร 089-990-9141039-395-046



ปล. เตรียมยากันยุงมาด้วยนะครับ ยุงตัวเล็กๆกัดเจ็บเหมือนกัน



ออกเดินทางไปต่อที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ



พิกัด N12°34.416, E101°53.706



ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


มีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าและวิจัย หาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม ต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรี

เพื่อให้ประชาชน เกิดความเข้าใจ ระบบนิเวศป่าชายเลน และใช้ทรัพยากรเหล่านั้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุด



มีสะพานเดินศึกษาธรรมชาติ ป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ ระยะทาง1,600 เมตร



มีจุดให้ความรู้อยู่ตามบริเวณต่างๆ



เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ เวลาผมเลยรวน เลยได้เดินดูที่ สะพานเดินศึกษาธรรมชาติ แค่อย่างเดียว


ศูนย์ปิดหมดแล้ว ผมพลาด Aquarium และ กระชังปลา ถ้ามีเวลาซัก 2 ชั่วโมงที่นี่ คงจะเที่ยวได้หมด

ลมเย็นครับ เงียบ สงบ และสวยมาก ถ้ามีเวลา แนะนำให้มาเลยครับ เดินซักสองชั่วโมง น่าจะกำลังดี



จากนั้นไปต่อที่จุดชมวิวเนินนางพญาจุดชมวิวเนินนางพญา



พิกัด N12°35.466, E101°52.884



จุดชมวิวนี้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Dream destinations จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย


ว่าต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง ตั้งอยู่ระหว่าง หาดคุ้งวิมาน และ อ่าวคุ้งกระเบน

สามารถมองวิวทะเล ชมพระอาทิตย์ตก และชมความงามของถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ที่โค้งเลียบชายทะเลตะวันออก



โครงการ 1 คน 1 วัน 1 ชิ้น



ระหว่าง รอชมพระอาทิตย์ตก ผมและครอบครัว ได้ทำโครงการ 1 คน 1 วัน 1 ชิ้น

โครงการทำง่ายๆ ครับ แค่เพียงช่วยกันเก็บขยะ คนละ 1 ชิ้น ใน 1 วัน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเมืองไทย

ถ้าทำ 1 แสนคน เราจะสามารถเก็บขยะ ได้ 1 แสนชิ้นต่อวันเลยนะครับ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในประเทศไทย จะได้สะอาดขึ้น

อีกอย่าง เป็นการปลูกจิตสำนึกให้ เด็กในวันนี้ รักและหวงแหนสิ่งแวดล้อม

อาจจะไม่ได้ผลในวันนี้ แต่เชื่อว่าในระยะยาว ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแน่นอนครับ



วันนี้พรีโม่ มาเก็บขยะที่เนินนางพญาครับผม ถังขยะใกล้แค่นี้เอง พยายามทิ้งลงถังกันดีกว่าครับ



ร้านอาหารเพลินทะเล



พิกัด GPS N12°32.052, E101°56.4



ถ่ายภาพเสร็จก็หิวพอดีครับ ตั้งใจว่าจะไป ร้านยายตุ๊ ซีฟู๊ด โทรมาถามก่อนมาแล้วว่าร้านเปิดทุกวัน

พอขับไปถึง ร้านปิดปรับปรุง 1 วัน ก็เลยไปทานที่ ร้านอาหารเพลินทะเล ติดหาดเจ้าหลาวครับ



ทางร้านโฆษณาว่า ชายหาดที่นี่เป็นทรายสีดำ ทรายสีดำเนื่องจากมีแร่ธาตุหลายตัวเช่น ธอเรียม ไททาเนียม ทังสเตน เซอร์โคเนียม

สามารถนำมาขัดผิวได้นะครับ



ผมไปถึง มืดแล้ว ฝนตกด้วย เลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในร้านมาครับ หาดทรายสีดำจริงๆครับ มองไม่เห็นอะไรเลย ฮ่าๆๆๆๆ



มาดูอาหารกันเลยครับ



ต้มยำทะเล กุ้งอบเกลือ ปูนึ่ง สดครับ

หมึกทอดกระเทียม อร่อย

ข้าวผัดปลาเค็ม เด็กทานไม่หมดสงสัย ไม่ถูกปากครับ



ทานอาหารกันเสร็จ เดินทางไปที่อำเภอแหลมสิงห์ เพื่อเข้าพักที่ แหลมสิงห์ แนเชอรัล บีช รีสอร์ท


เพราะตอนเช้าผมอยากถ่ายภาพวิวที่ สะพานแหลมสิงห์ครับ เลยต้องไปนอนแถวนั้น ไม่งั้นต้องตื่นแต่เช้า จะลำบากเด็กสะพานแหลมสิงห์ หรือ สะพานตากสินมหาราช



พิกัด N12°29.034, E102°3.552



สะพานแหลมสิงห์ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี ที่บริเวณปากแม่น้ำ อำเภอแหลมสิงห์


เป็นทางเชื่อม ระหว่างอำเภอแหลมสิงห์ กับอำเภอท่าใหม่

มีความยาวประมาณ 1,060 เมตร ถือว่าเป็นสะพานที่ยาว และสวยงามที่สุดในภาคตะวันออกเลยทีเดียว



ภาพยามเช้า สวยงามมาก แฟนผมเค้าพยายามถ่ายรูปด้วยมือถือ ซักพักนึง เดิมมาถามผมว่า

แฟน : นี่ๆ ทำไมรูปในโทรศัพท์ มันไม่เหมือนกับที่ตาเห็นเลยอ่ะ

ผม: เค้าเลยต้องมีช่างภาพไง โทรศัพท์มันทำไม่ได้หรอก

แฟน : เดินมาดูหลังกล้องผม ชิ พวกสร้างภาพ แต่ของจริงสวยกว่าเยอะอ่ะ

เพราะฉะนั้น แนะนำให้มาเห็นเองนะครับ ของจริงสวยกว่าภาพที่ผมถ่ายได้จริงๆ



ปล. มัวตื่นเต้นกับวิวสวยๆจนลืมถ่ายสะพานครับ ภาพสะพานนี่ แฟนผมใช้มือถือถ่ายไว้


จากนั้นไปชมตึกแดงกันตึกแดง



พิกัด GPS N12°28.878, E102°3.75



ระหว่างรอแสงพระอาทิตย์มา ก็ได้เจอกับคุณลุงท่านหนึ่ง กำลังเปิดประตูตึกอยู่


ลุงเดินมาบอกว่า แปปนึงนะคุณ ลุงเปิดตึกก่อน เดี๋ยวมาคุยด้วย



ตึกแดงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ. 112

เดิมเป็นที่ตั้งของ ป้อมพิฆาตปัจจามิตร ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อป้องกันศัตรูรุกล้ำจากน่านน้ำ เข้ามายังแผ่นดินไทย

ต่อมา เมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรี โดยอ้างข้อพิพาท เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ได้รื้อป้อมนี้ลงและสร้างตึกแดง

โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองบัญชาการ และที่พักของทหาร ที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์

เป็นตึกชั้นเดียวสีแดง หลังคามุงกระเบื้อง

ข้างๆตึกแดงมีต้นมะขามอยู่ 8 ต้น ปลูกตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 3 ครับ เป็นเคล็ด ให้ศัตรูเกรงขาม



ตึกแดงได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2527 และใช้เป็นอาคารห้องสมุด และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของ อ.แหลมสิงห์

ต่อมาเลิกใช้และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม



ปืนใหญ่ปากน้ำแหลมสิงห์ พบจมอยู่บริเวณปากน้ำแหลมสิงห์


ห่างจากสะพานท่าเทียบเรือและสะพานหน้าวัดแหลมสิงห์ไปทางทิศเหนือประมาณ 80 เมตร น้ำลึกประมาณ 4-5 เมตร



ไปเที่ยวชมแล้วฟังลุงเล็กเล่าจะสนุกกว่ามาก ข้อมูลแหลมสิงห์แน่นเลย ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากเลยครับ



บอกไว้ก่อนเลยว่า ถ้าไม่มีลุงเล็กนี่ ตึกแดงเหมือนไม่มีอะไรเลยครับ ก็แค่ตึกสีแดง


พอเจอลุงเล็กนี่ ตึกแดงมีความหมายขึ้นมาเลยครับ ลุงเล็กเป็นผู้อาวุโสดีเด่น ที่ได้รับการคัดเลือกจากชุมชน ให้เป็นมัคคุเทศก์ของที่นี่

คุณลุงได้เล่าเรื่องราวหลายอย่างของตึกนี้ ที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของลุงเล็ก



ลุงเล็กเล่าว่า สมัยก่อนตึกแดงได้ถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน ไม่มีใครดูแล ลุงได้เข้ามาปัดกวาด เช็ดถู ซ่อมแซมสิ่งของให้อยู่ในสภาพดี

ปัจจุบันลุงอายุ 85 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่ครับ

ลุงบอกว่า แค่อยากให้กรมศิลป์ ช่วยมาดูแล ปรับปรุงตึกแดงหน่อย หรือแค่ส่งบานพับประตูมา ก็ยังดีครับ ตอนนี้ประตูเปิดได้แค่ สี่บานเอง

ลุงเล็กก็ซ่อมเองเท่าที่ทำได้ น่าเสียดาย หากจะปล่อยให้ทรุดโทรมไปโดยไม่ทำอะไรเพราะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจันทบุรีเลย



ในตอนที่ลุงเล็ก เปิดตึกแดงครั้งแรกนั้น ลุงพบสีลอกคล้ายกับพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง จึงเอากรอบมาใส่อย่างดี เพื่อป้องกันคนไปสัมผัสครับ



สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการจะไปเที่ยวที่ตึกแดง แนะนำให้โทรติดต่อลุงเล็ก นัดเวลากันได้เลย เบอร์ของลุงเล็ก คือ 098-603-5407คุกขี้ไก่



พิกัด GPS N12°28.872, E102°3.942



เป็นสถานที่กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส ในเหตุการณ์ ร.ศ.112

โดยฝรั่งเศสจะขังนักโทษไว้ในป้อมนี้ แล้วเลี้ยงไก่ไว้ด้านบน ให้ไก่ขี้รดหัวนักโทษ จึงเรียกกันว่า คุกขี้ไก่ครับ



มาดูที่พัก สำหรับคืนแรก ผมพาครอบครัว มาพักที่



แหลมสิงห์ แนเชอรัล บีช รีสอร์ท



พิกัด GPS N12°28.746, E102°4.038

ที่พักเป็นบ้านเป็นหลังๆ ทุกหลังแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และระเบียงส่วนตัว


เราพักห้องชมดาว ปกตินอนได้ 2 คน ราคา 2200 บาท เตียงเสริม 500 บาท ราคารวมอาหารเช้าครับ

ห้องอยู่ติดสระว่ายน้ำ

โทรมาจองครับ call center บริการดี

ห้องพักสะอาดเรียบร้อย แอร์เย็น ที่นอนสบายครับ



ระหว่างที่รอหลานตื่น มาเดินเล่นชายหาดแหลมสิงห์


เป็นชายหาดปากอ่าว ที่แม่น้ำจันทบุรี ไหลมาออกอ่าวไทย ร่มรื่นไปด้วยทิวสนยาว ไปตามแนวชายหาดครับ

จากบริเวณหาด มองออกไปจะเห็น เกาะจุฬา และเขาแหลมสิงห์



หลานตื่นแล้ว เราก็ไปทานมื้อเช้า จากนั้นเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำครับ ที่นี่มีแต่สระผู้ใหญ่ ไม่มีสระเด็ก เลยเล่นแป็ปเดียวครับ เพราะสระลึกมาก

แล้วก็ฝนตกพอดี ประมาณสิบโมง เลยเช็คเอาท์ ไปลุ้นที่ Oasis sea world ว่าฝนตก เค้าจะมีโชว์หรือเปล่าOasis sea world



พิกัด N12°29.52, E102°4.194



ช่วงนี้มีโปรโมชั่น ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน สำหรับแฟนเพจนะครับ แค่กดแชร์ก็รับส่วนลด 50% ครับ



Oasis sea world : Once in your life swimming with dolphins

http://www.thaioasisseaworld.com/th/

https://www.facebook.com/OasisSeaWorld/photos/a.403991182969371.78692.403449933023496/836030093098809/?type=1

เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 17.00



โลมามีให้ชมทุกวัน วันละ 5 รอบ วันธรรมดา มีรอบ 09.00 น.,11.00 น., 13.00 น., 15.00 น., 17.00 น.

วันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบเวลา 07.00 น. ค่าเข้าผู้ใหญ่ 130 ครับ หลานผม ฟรี

และมีรอบเล่นน้ำกับโลมามีรอบ 9.45 น., 11.45 น., 13.45 น., และ 15.45 น. ราคา 2500 บาท



ที่นี่เป็นสถานที่เพาะพันธุ์ และอนุรักษ์ปลาโลมา ในน่านน้ำจันทบุรี ซึ่งมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์หัวบาตร และพันธุ์ปากขวด

นอกจากมีโลมาโชว์แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นอีกครับ เช่น สปาปลา เรือปั่น ถ้ำปลาการ์ตูน ป่าชายเลน ค่ายพักแรม

มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และขายขนมไทยด้วย หลานกินไปหลายชิ้นเลย ขนมลืมกลืน ผมไม่เคยได้ยินชื่อเลยครับ อร่อยดี



น้องโลมา ที่นี่ร่าเริงมาก ฉลาดแสนรู้สุดๆ โชว์สนุกสนาน


คนพากย์ ก็พากย์ได้สนุก สามภาษานะครับ ไทย อังกฤษ เขมร เทพมากๆ



ถึงสถานที่จะดูเก่าโทรมไปหน่อย ฝนตก น้ำรั่วจากหลังคาบ้าง แต่โชว์สนุกมาก ไม่มีเบื่อเลยซักตอน

ถีงตอนใกล้จบโชว์ ฝนตก ลมแรง พิธีกรบอกว่า โลมาไม่ชอบฝน เพราะฝนโดนจมูก เลยไม่ยอมว่ายขึ้นมาโชว์

แต่ก็ยังมีบางตัว สามารถปิดโชว์ได้ เอาใจช่วยโลมาสุดๆเลยครับ แนะนำว่าที่นี่ไม่ควรพลาดเลย สนุกจริงๆ



โชคดีได้รางวัลช่วงหน้าฝนด้วยครับ คือเมื่อซื้อบัตรถ่ายรูปกับโลมาปากขวด 300 บาท แถมฟรีถ่ายรูปกับโลมาหัวบาตร 200 บาทครับ


หลานดีใจจนน้ำตาไหล ร้องไห้ เอ๊ะ......หรือว่ากลัวโลมา เลยร้องไห้ ฮ่าๆๆ ที่นี่ดีนะครับ ได้ถ่ายเอง ใกล้ๆเลย แถมให้สัมผัสโลมาได้ด้วย

หากเพื่อนๆ มีเวลาเยอะ สามารถว่ายน้ำกับโลมาได้ด้วยนะครับ



จากนั้นไปต่อที่วัดมังกรบุปผาราม หรือ วัดเล่งฮัวยี่วัดมังกรบุปผาราม หรือ วัดเล่งฮัวยี่



พิกัด N12°31.26, E102°9.834



เป็นวัดในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ฝ่ายจีนนิกาย


และเป็นสาขาของวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเชื่อกันว่า ตำแหน่งฮวงจุ้ยเป็นหัวมังกร

ส่วนท้องของมังกร อยู่ที่วัดเล่งฮกยี่ ฉะเชิงเทรา และวัดเล่งฮัวยี่ เป็นส่วนหางมังกร


วัดนี้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520มีสถาปัตยกรรมลักษณะผสมผสานระหว่าง พุทธศิลป์ไทย-จีนภาคใต้

ด้านหน้าวัดเป็นวิหารท้าวจตุโลกบาล ประดิษฐานพระศรีอารยเมตไตรยโพธิสัตว์ และท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่

ด้านในวัด มีอุโบสถทรงจีนหลังคาซ้อน 3 ชั้น ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา ประธานสามพระองค์

ถือเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมงดงามอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็ยัง มีศาลาพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกเป็นลวดลายต่าง ๆ อย่างงดงาม



ภายในวัดมีบรรยากาศเงียบสงบ และร่มรื่น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในการปฏิบัติธรรม วัดมีที่พักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมด้วยครับ



วัดมีงานประจำปี 2 งานคือ งานบุญกฐิน จัดขึ้นหลังช่วงเทศกาลออกพรรษา และงานทำบุญประจำปีของวัด จัดขึ้นหลังวันตรุษจีน 21 วัน

จะมีประชาชน เดินทางมาร่วมทำบุญถือศีล และพำนักที่วัดตลอดช่วงการจัดงานนาน 7-10 วัน



จากนั้นเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

พิกัด N12°31.656, E102°10.716



มาถึงอุทยานแล้ว พักทานมื้อเที่ยงกันก่อน ส้มตำ ไก่ย่าง ที่น้ำตกนี่อร่อยครับ

มีที่จอดรถส่วนบุคคล คันละ 30 บาท อยู่ด้านหลังร้าน

ก่อนเข้าอุทยาน อย่าลืมซื้อถั่วฝักยาว ขึ้นไปนะครับ ในอุทยานขายแพงกว่าร้านข้างนอก กำละ 10 บาท6 กำ 50 บาทครับ



ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท

มีรถบริการขึ้นไป 400 เมตร คนละ 10 บาท

ถึงทางเข้าน้ำตกแล้ว ต้องแกะยางมัดถั่วฝักยาวก่อนนะครับ แล้วก็ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่มขึ้นไป บนน้ำตกครับ



ก่อนจะเข้าถึงตัวน้ำตกจะพบ สถูปพระนางเรือล่ม และอลงกรณ์เจดีย์ รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นครับ

รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้หลายครั้ง ในระหว่างปี พ.ศ. 2417-2424

และทรงยกย่องว่า เป็นน้ำตกที่งดงามที่สุด ในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยเสด็จประพาส


น้ำตกพลิ้ว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำตลอดปี

ประกอบด้วยสายธาร 2 สาย สายหนึ่งไหลลดหลั่นผ่านซอกหินผา อีกสายหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า แต่ทิ้งตัวลงมาจากผาสูง 20 เมตร

ทั้งสองสายไหลมารวมกันในแอ่งน้ำใสสะอาดมาก สามารถมองเห็นพื้นล่าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินและทราย ในระดับลึกกว่า 2 เมตร

ภายในบริเวณน้ำตก และลำคลอง มีปลาใหญ่น้อยหลายชนิด อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะปลาพลวงหิน



ผมเคยมาช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ น้ำตกพลิ้ว คนจะเยอะมาก คงเพราะมาง่ายจึงเป็นที่นิยม

พอผมมาวันธรรมดาแล้ว น่าเที่ยวขึ้นมาก เพราะรู้สึกสงบและเป็นส่วนตัวมากๆเลยครับ เหมือนกับเช่าน้ำตกไว้เล่น ครอบครัวเดียว

เล่นน้ำตกเสร็จ ก็พาหลานลงมาให้อาหารปลา บริเวณด้านล่างของน้ำตก เพราะด้านบน มีบางบริเวณที่น้ำลึก กลัวหลานกลิ้งตกน้ำ เลยย้ายที่ครับ

พอมาถึงด้านล่าง แฟนผมก็จัดการหั่นถั่วฝักยาว ให้หลานโยน ตั้งใจจะให้โยนทีละชิ้น แต่หลานโยนแป๊บเดียว หมด 1 กำเลย

แล้วจะหั่นทำไมให้เสียเวลาล่ะครับเนี่ย



จากนั้นมุ่งหน้าสู่ ร้านอาหารฟาร์มปูนิ่ม อำเภอขลุงร้านอาหารฟาร์มปูนิ่ม อำเภอขลุง

พิกัด N12°26.358, E102°13.104


ขับรถไปจากน้ำตกพลิ้ว ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เข้าสู่ อ.ขลุง ขับรถไปสุดถนนจะถึงท่าเรือ

จะมีป้ายบอกเบอร์โทรศัพท์อยู่ (เบอร์โทรติดต่อ. 086-834-4523)ผมก็โทรบอกให้ที่ร้านมารับครับ

เนื่องจากร้านจะตั้งอยู่ในป่าโกงกาง ไม่มีถนนไปถึง รอซักครู่เรือก็มารับ ระหว่างนั่งเรือไปจะเห็นกระชังเลี้ยงปลาเต็มทั้งซ้ายและขวา

จากท่าเรือ ใช้เวลาแค่ 10นาทีก็ถึงร้านแล้วครับ



อาหารที่สั่ง


หอยนางรมสดปูนิ่มอบวุ้นเส้นปูนิ่มทอดกระเทียมและอาหารสำคัญ ข้าวผัดปู อร่อยครับ



วันนี้คนมาทานน้อย เพราะว่าเป็น วันหวยออก 5555 เงียบทุกที่จริงๆ


อิ่มแล้ว นั่งเรือกลับ สนุกดีนะครับ ลมก็เย็นสบาย หลานไม่เคยขึ้นเรือ ตอนแรกขึ้นก็กลัว พอขากลับ ขอไปนั่งคนเดียวซะงั้น เริ่มสนุกแล้วล่ะสิ



เดินทางกลับไปอำเภอเมืองจันทบุรีครับ เพื่อเข้าพักที่ โรงแรม Gems clubโรงแรม Gems club

พิกัด N12°36.468, E102°6.87



โรงแรม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจันทบุรี กลางสี่แยกตลาดพลอย


ชั้นล่างของอาคาร เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าอัญมณีและจิวเวลรี่ จำหน่ายในราคาถูก สินค้าจากโรงงานโดยตรง

มีให้เลือกมากมายทั้ง งานเงิน งานทอง ฝีมือการเจียระไนโดยคนจันทบุรี เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-17.00 น.



ที่ต้องพักที่นี่ เพราะ ต้องการถ่ายภาพโบสถ์คาทอลิกครับ เท่านี้จริงๆ



ปกติ ห้องพักที่นี่จะเป็นที่นิยม ของพ่อค้าพลอย เมื่อเข้าพักแล้ว จะอยู่หลายวัน

ทำให้ช่วงวัน ศ ส อา จองห้องพักค่อนข้างยาก และห้องจะเต็มตลอดทุกสัปดาห์



ส่วนผมไปวันธรรมดา ยังจองห้องพักยากเลยครับ ถึงโรงแรมจะบอกว่า ห้องว่างแน่ๆ (แต่ก็ยังไม่ให้จองนะ อะไรจะยากขนาดนั้น)

ผมก็กลัวว่าจะไม่ได้ห้องพัก โอ้ ลุ้นจนหยดสุดท้ายได้อีก แต่สรุปว่าผมได้พักที่นี่นะครับ



หากมาในช่วง ศ. ส. อา ถนนหน้าโรงแรม จะกลายเป็นถนนสายอัญมณี เพราะจะเต็มไปด้วยคนซื้อและขายพลอย

เดินขวักไขว่เหมือนตลาดนัดจัตุจักร ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ปาน



ผมเลือกพักชั้นหก ห้องพักราคา 590 บาท ค่ามัดจำกุญแจ 200 ครับ ค่าห้องเท่ากันทุกห้องนะครับ

มีที่จอดรถ แต่ต้องแจ้งทางโรงแรมก่อนว่า เอารถมาด้วย เพราะที่จอดรถค่อนข้างจำกัด

ด้วยราคาแบบนี้ก็ถือว่า คุ้ม สำหรับค่าวิวนะครับ วิวงามมาก



หลังจากเช็คอินแล้ว ผมก็รีบไปถ่ายรูปโบสถ์ ช่วงเย็นครับอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล



พิกัด N12°36.558, E102°7.116



อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ครับ



เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก

มีการก่อสร้างยาวนานถึง 275 ปี ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2254 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี

โดยคุณพ่อเฮิร์ต โตแลนติโน และบรรดาคาทอลิกชาวญวน

จนถึงปี พ.ศ.2377 ได้มีการย้ายมาสร้างบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี อันเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบัน

และในปี พ.ศ. 2446 ได้ก่อสร้างโบสถ์หลังปัจจุบันขึ้น ให้มีขนาดใหญ่กว่าหลังเก่า เพื่อรองรับกับจำนวนคริสตศาสนิกชนที่เพิ่มมากขึ้น

ภายในตกแต่งด้วยสเตนกลาสเป็นภาพนักบุญต่างๆ



โบสถ์คาทอลิกแห่งนี้ เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

สามารถเดินจากโรงแรมเจมส์ คลับ มา ประมาณ 600 เมตรครับ



จะเปิดทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-07.00 น. และ 18.30-19.45 น.

ซึ่งก่อนการสวดมนต์ในแต่ละวัน สามารถเข้าไปเที่ยวชมความงาม และถ่ายภาพได้

ต้องแต่งกายสุภาพนะครับ



ถ่ายเสร็จ ก็พาเด็กไปกินไอติม ที่ร้านหวานคำนึง ร้านน่ารักที่ชุมชนริมน้ำ ใกล้ๆโรงแรมเจมส์ คลับ


เปิดตั้งแต่ เที่ยง ถึง สองทุ่มครึ่ง ครับ



ตอนเช้าตื่นมา ถ่ายภาพโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล



เสร็จแล้วก็ไปทานมื้อเช้ากันที่ ร้านข้าวแกงแสนตุ้ง ใกล้วัดไผ่ล้อมครับ

ร้านข้าวแกงแสนตุ้ง

พิกัด N12°36.132, E102°7.134

มาถึงช้าครับ อาหารเริ่มร่อยหรอ คนเยอะมาก ขายดีจริงๆ มีอาหารป่าด้วยครับ



ทานข้าวเสร็จ เดินไป ร้านโดบันใกล้ๆร้านข้าวแกงครับ

ขาย ซาลาเปา ขนมจีบหมู ขนมจีบปู พายไก่ พายเผือก พายหมูแดง ทาร์ตไข่

ซื้อซาลาเปา ขนมจีบปู พายไก่ มาลอง อร่อยครับ อยากได้ทาร์ตไข่ด้วย แต่คนจองหมดตู้แล้ว อดเลย



อิ่มแล้ว แวะไปวัดไผ่ล้อม ซักครู่ครับ เด็กอยากทำบุญ

วัดไผ่ล้อม เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี มีพื้นที่ 28 ไร่ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2320

ได้รับโปรดเกล้า ให้ยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ เมื่อปี พ.ศ. 2539

มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร แต่ว่า คนเปิดประตูยังไม่มา ผมเลยไม่ได้ภาพมาครับ



ได้ทำบุญแล้ว หลานสบายใจ เลิกบอกให้พาไปวัดละ ก็ไปจอดรถที่ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมลเพื่อไปเดินเล่นที่ชุมชนริมน้ำกันครับ

ระหว่างทางเจอขยะ เก็บๆๆๆ



ชุมชนริมน้ำจันทบูรชุมชนเล็กๆ ที่แฝงตัวอยู่ใจกลางเมืองจันทบุรี



ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนเก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 300 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช


ด้วยทำเลที่ตั้งเหมาะสม การคมนาคมสะดวก จึงทำให้มีทั้งคนไทย คนจีน และคนเวียดนาม เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก

จึงเกิดความผสมผสานกันอย่างลงตัวของศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปกรรม และผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกัน

ชุมชนแห่งนี้ เป็นทำเลทองของเมืองท่าการค้า และความรุ่งเรือง ยังคงสืบเนื่องมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์

โดยเฉพาะช่วงรัชกาลที่ 3 จนถึง รัชกาลที่ 5 ถือเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุดของเมืองจันทบูร



ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรี บนถนนสุขาภิบาล ที่เดิมมีชื่อว่า "ถนนเลียบนที" ถนนสายแรกของจังหวัด ที่มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร


ทั้งสองฟากฝั่งถนน เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าแก่ ที่มีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

ด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีลวดลายการแกะสลักต่างกัน แต่ผสมผสานวัฒนธรรมแบบตะวันตก จีน ญวนและไทยเข้าไว้ด้วยกัน

สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอดีตย่านการค้าอันรุ่งเรือง และความคิดสร้างสรรค์ของช่างในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี



เดินจากโบสถ์คาทอลิก ข้ามสะพานนิรมลมา เลี้ยวซ้ายจะเจอร้านขนมไข่ป้าไต๊ ก่อนเลยครับ ร้านย้ายมาจากที่เดิมมาเป็นปีแล้ว


เดิมร้านตั้งอยู่ที่บ้านของขุนบูรพาภิผล ตึกทรงยุโรปเก่าแก่กว่า 100 ปี แต่เดิมเป็นโรงพิมพ์ ต่อมาขุนบูรพาภิผลได้ซื้อบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัย

ต่อมารุ่นลูกหลานได้ประกอบอาชีพขายขนมไข่ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมืองจันท์ ขายกันมานานกว่า 60 ปีแล้ว

หอม หวาน กรอบ อร่อยครับ แม่ผมซื้อไป 10 ถุง



เดินไปทางขวา ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าที่ตลาดล่าง จะเห็นกิจกรรมประจำชุมชนครับ หมากรุก หมากสกา



หมอยามาเที่ยวที่ชุมชนเก่าทั้งทีต้องแวะมาดูร้ายยาโบราณเสียหน่อย...



ร้านขายยาจังกวงอันครับ เป็นร้านขายยาแผนโบราณ มีใบประกอบเภสัชกรแผนโบราณแขวนอยู่ด้วยครับ

ร้านขายยาจีนที่เปิดขายมากว่า 100 ปีแล้ว จำหน่ายทั้งสมุนไพรและจีน

ปัจจุบัน คุณประไพพรรณ จันทศาศวัต เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากบิดาร้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลังตู้ยาโบราณ มีลิ้นชักจำนวนถึง 36 ลิ้นชัก



ข้าวตังโบราณป้าจินดา ใช้ข้าวสุกทำบนกระทะ ทำให้ข้าวตังเกรียมๆหน่อย หอมกลิ่นไฟนิดๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ เคี้ยวกรุบกรอบกันเลย



บ้านฉั่วเซ้งฮวด เจ้าของบ้านคือ อาแปะเซ่งซัว แซ่ฉั่ว ชาวจีน ซึ่งอพยพย้ายถิ่นฐาน เข้ามาในไทยกับบิดา มารดา ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ

บ้านหลังนี้ มีอายุกว่า 100 ปี เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และโฆษณามาหลายเรื่อง

จุดเด่นของบ้านนี้คือ ช่องลมเหนือประตูทั้ง 4 ช่อง และบานหน้าต่างชั้นบน



บ้านหลวงราชไมตรี ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจครับ


ท่านหลวงราชไมตรี ถือเป็น "บิดาแห่งยางพารา ภาคตะวันออก" เพราะท่านเป็นคนนำเอาพันธุ์ยาง จากมาเลเซีย มาทดลองปลูกที่ ตำบลพลิ้ว

และปรับปรุงพันธุ์ ขยายพันธุ์ จนสามารถส่งออก ไปขายยังประเทศอังกฤษได้

บ้านของท่าน ที่ถนนสุขาภิบาลนี้ มีสองฝั่งอยู่ตรงข้ามกัน คือ ฝั่งริมแม่น้ำจันทบุรี เป็นตึกไม้สักทองทั้งหลัง

ส่วนฝั่งตรงข้าม จะเป็นตึกแบบฝรั่ง ปัจจุบันทำเป็นบ้านพักสไตล์บูติกโฮเทล

เพื่อเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพัก พร้อมกับการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ ของหลวงราชไมตรี ปูชนียบุคคลของจังหวัดจันทบุรี



สถานที่น่าสนใจอีกที่คือ บ้านเลขที่ 69 เยื้องศาลเจ้าตลาดล่างครับ“บ้านขุนอนุสรสมบัติ"

เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูร ที่นี่เป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นแหล่งรวบรวมและเผยแพร่ความรู้ประจำชุมชน

เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 09.30 - 17.00 น.

ผมไปวันธรรมดา เลยอดเข้าชมครับ



เมื่อเดินชุมชนริมน้ำจนเหนื่อย ก็ไป ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ ให้สาวๆได้กระชุ่มกระชวยศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี



พิกัด N12°35.844, E102°6.276



เป็นศูนย์แสดงและส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับถาวร ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในเอเชีย


ภายในศูนย์ฯประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์อัญมณี โดยนำเสนอแบบ Live Museum, ห้องวีดีทัศน์ 3D

เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำพลอย การขุดพลอย การเผา และการเจียระไน, Gem Bank

ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี และสถานที่จัดแสดงสินค้าและนิทรรศการต่างๆที่น่าสนใจ



ที่อยู่1/29 ถ.มหาราช ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000

โทร 039 303 118

เปิดบริการ 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ



ภายในจะมีพลอยเมืองจันท์ ขายเป็นเซ็ต แหวน ตุ้มหู จี้ ทั้งเซ็ต 5000 ก็มีครับ

คนขายบอกว่า อย่าคิดว่าพลอยจันท์แพง แบบถูกๆก็มี หลักร้อย ถึงหลักแสน หลักๆ อยู่ที่ งบในกระเป๋าครับ

ปล. รูปในห้องขาย ถ่ายไม่ได้ครับ



ดูเพชร พลอยกันจนอิ่มตา ก็เริ่มหิว หลานผม ไม่สนใจเพชร พลอยเลย กลับไปสนใจเงาะ ที่มีคนเอามาไหว้ตี่จู้


เลยต้องรีบไปทานมื้อกลางวันที่ จันทรโภชนาจันทรโภชนา สาขามหาราช



พิกัด N12°35.85, E102°6.732



ร้านอาหารเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505

เอกลักษณ์ของร้านจันทรโภชนาคือ อาหารพื้นเมือง และการสร้างสรรค์เมนูอาหารให้เข้ากับฤดูกาลต่างๆ

เช่น ช่วงฤดูผลไม้ ก็จะนำผลไม้มาทำเป็นอาหาร เช่น ยำมังคุด มัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน ส้มตำทุเรียน ยำชมพู่ชูคอ แกงเป็ดเงาะ


ส่วนเมนูที่มาแล้วห้ามพลาด ก็คือแกงหมูชะมวง ถือเป็นของดีที่ควรสั่ง มีแบบกระป๋องไว้สั่งกลับบ้านด้วยครับ


เมนูที่ผมสั่งครับ

แกงหมูชะมวงมัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน แสร้งว่า เส้นจันท์ผัดปู ปลาอินทรีย์ทอด

สละลอยแก้ว วุ้นมะพร้าวเนื้อสำรอง ไอศครีมกะทิ ไอศครีมทุเรียน น้ำอัญชันมะนาว น้ำตะไคร้ใบเตย

อร่อยทุกอย่างเลยครับมื้อนี้



ตลาดผลไม้เนินสูง

พิกัด N12°38.994, E102°2.304

เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว เตรียมตัวกลับกทม. แต่ก่อนจะกลับขอซื้อของติดไม้ติดมือก่อนกลับบ้าน

เลยแวะตลาดผลไม้เนินสูงก่อน เป็นผลไม้ตามฤดูกาล ช่วงที่ผมไป จะเป็น ทุเรียน เงาะ มังคุด และสละ



จบทริปด้วยประการฉะนี้ พุงจะแตกขอรับ จันทบุรี เมืองต้องห้ามพลาด



สำหรับผมสถานที่ห้ามพลาดเลยคือ น้ำตกพลิ้ว และ Oasis sea world เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวจริงๆ

จันทบุรีมีทั้ง ทะเล ภูเขา น้ำตก และอาหารอร่อย

แฟนบอกว่าต้องพามาอีกนะ เพราะยังมีอีกหลายที่ ที่อยากไปแล้วยังไม่ได้ไปครับ

ทั้งหาดเจ้าหลาว ร้านหอยทอดนายเล็ก ก๋วยเตี๊ยวทะเลเจ๊อี๊ด โอ๊ย.....เยอะ ผมต้องกลับไปเที่ยวอีกให้ได้ ^^



เพื่อนๆล่ะครับ อยากไปเที่ยว จันทบุรีแล้วหรือยังเอ่ย

ความคิดเห็น