เคยมั๊ยคะ ?ไปเที่ยวในที่....ที่ไม่เคยอยากไปมาก่อน....ไปเที่ยวในที่......ที่เราคิดว่ามันไม่มีอะไรดึงดูดใจ
ครั้งนี้พูดเลยว่า จุดเริ่มต้นของนุ้ยคือ ไม่อยากไป มันมีอะไร เท่าที่เห็นก็เดิม ๆ
แต่หลังจากการไปเที่ยวมาแล้ว
นุ้ยมีหนึ่งคำถาม ที่อยากถามใครต่อใครที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน
ราชบุรี....เคยไปป่ะ ?
ถ้าคำตอบของคุณคือ “ไม่" (ไม่เคยไม่อยาก ไม่ชอบ) หรืออะไรก็แล้วแต่
นุ้ยบอกได้คำเดียวว่า“พลาด"
การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ไปด้วยความรีบร้อน ด้วยความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในชีวิต ทำให้เวลาที่เคยมีหายไปแทบทั้งหมด ทำให้นุ้ยไม่ค่อยอยากเดินทางไปไหนมากนัก
แต่ยังไงซะ เมื่อตบปากรับคำเพื่อนๆ ไว้แล้ว การเดินทางก็ย่อมเกิดขึ้น
(แต่ขอบอกว่าติดใจ ไปถึง 2 รอบ สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เลยทีเดียว)
.
.
แล้วจะช้าอยู่ทำไม....พร้อมแล้วไปกันเลยค๊า
ปล. รีวิวนี้ SR นะจ๊ะ
ปล. ภาพในรีวิวเกิดขึ้นจากการเดินทาง 2 ครั้ง
ปล. ติดตามทุกกันเดินทางของนุ้ยได้ที่ My Life My Travelและเช่นดิมการเดินทางของนุ้ยทุกครั้งจะต้องข้ามฟ้า ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ก่อนจะถึงปลายทาง (ก็บ้านอิฉันมันอยู่ไกลนี่นา)วันนี้อากาศดีฟ้าฝนเป็นใจสุดๆ ไปเลยค๊า (เอิ่ม...ภูเก็ตฟ้าใส..ใช่ว่าราชบุรีจะใสตาม)
ถึงสนามบินยังเช้าอยู่ ถึงปุ๊บก็รับรถปั๊บเตรียมพร้อมออกเดินทาง แล้วไปสบทบกับเพื่อนๆ ต่อ
ก่อนอื่นก่อนจะไปเที่ยวราชบุรีกัน มาทำความรู้จักกับจังหวัดนี้สักหน่อยคะ
คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี
นี่คือคำขวัญของจังหวัดราชบุรี ที่บอกให้รู้ว่าราชบุรีมีของดีมากมายจังหวัดราชบุรีมีทั้งหมด 10 อำเภอ แต่วันนี้นุ้ยจะพาทุกคนไปเที่ยวกัน 2 อำเภอไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก สามารถไปเช้าเย็นกลับ หรือจะค้างสักคืน ใช้ชีวิตชิลล์ ๆ ที่ราชบุรี ก็เก๋ไปอีกแบบ
เพราะจังหวัดนี้ เขาได้ชื่อว่า ชุมชนคนอาร์ตแล้วอาร์ตยังไงสงสัยกันมั๊ย ?
นุ้ยก็เคยสงสัย เพราะถ้าพูดถึงราชบุรีคิดถึงอะไรคะ?
คิดถึงโอ่งเหมือนกันมั๊ย ?
แล้วก็คิดในใจต่อว่า แค่มีโอ่ง เรียกว่าชุมชนคนอาร์ต ได้แล้วเหรอเนี๊ยะ ?
แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะเพราะจังหวัดนี้มีคำว่าอาร์ต ฝั่งลึกไปทั่วพื้นที่ ทุกอำเภอของจังหวัด อาร์ต ไม่อาร์ต เราจะได้รู้กัน
(หลายคนถามอาร์ตนี่มันคืออะไรคะ หน้าตามันเป็นยังไงคะเอิ่ม เอิ่ม และ ก็เอิ่ม ถ้าจะเอาตามหลักวิชาการ หาจากอากู่เลยคะ แต่สำหรับนุ้ยนิยามง่ายๆ อาร์ต คือศิลปะ ศิลปะ บางครั้งอาจจะจับต้องไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องมองเห็นด้วยตา แต่รับรู้ได้ด้วยเสียง แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกด้วยใจ Heart )
มาถึงการเดินทางกันบ้างไปราชบุรี ไปยังไง ไปกับอะไร
ราชบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งเราจะไปถึงปลายทางได้ด้วย 3 เส้นทาง
1.ฉึกกะฉัก ฉึกกะฉัก ปู๊นๆ นั่นคือ รถไฟนั่นเอง ขึ้นได้จาก สถานีหัวลำโพง หรือสถานีรถไฟฝั่งธนบุรี(บางกอกน้อย) มีบริการทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ซึ่งจะตัดผ่าน อ. โพธาราม อ.เมืองอ.ปากท่อ
(สอบถามข้อมูลการเดินรถและราคาตั๋วได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเว็บไซต์ www.railway.co.th และจองตั๋วรถไฟก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 3 วัน ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2220-4444 ทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
2.รถยนต์ส่วนตัว รถตัวเอง รถเพื่อน รถเช่าสะดวกแบบไหนเลือกแบบนั้น (ไปรถเพื่อดีกว่า ไม่เปลือกน้ำมัน แชร์กัน ลดโลกร้อน)
- เส้นทางสายเก่า สายเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านบางแค-อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่-นครชัยศรี-นครปฐม-ราชบุรี
- เส้นทางสายใหม่ เส้นทางหลวงหมายเลข 338 จากกรุงเทพฯ-พุทธมณฑล-นครชัยศรี เข้าถนนเพชรเกษมบริเวณ อำเภอนครชัยศรีก่อนถึงตัวเมืองนครปฐมประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นใช้ถนนเพชรเกษมตรงไปตัวเมืองราชบุรี
3.รถประจำทาง รถโดยสาร
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถ จากสถานีขนส่งสายใต้ไปจังหวัดราชบุรีทุกวัน ทั้งรถธรรมดา รถปรับอากาศ ชั้น 1 และรถปรับอากาศชั้น 2 วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามเพิ่ม เติม ได้ที่ ห้องจำหน่ายตั๋ว โทร. 0 2434 7192, 0 2435 5605 หรือ www.transport.co.th และ บริษัทราชบุรีกลุ่ม 76 (ราชบุรี) จำกัด โทร. 0 3233 8439, 0 3232 2776, 0 3232 5152, 0 3233 8276 รถปรับอากาศชั้น 1 (ราชบุรี) โทร. 0 3233 7787 มีรถออกทุก 20 นาที (เที่ยวแรกออกจากกรุงเทพฯเวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายเวลา 23.00 น.) (เที่ยวแรกออกจากราชบุรีเวลา 04.00 น. เที่ยวสุดท้ายเวลา 21.00 น.)
ปลายทางหลักนุ้ยของวันนี้นุ้ยตั้งใจจะเข้าไปเที่ยวในตัวอำเภอเมืองราชบุรีก่อนระหว่างทางผ่านอำเภอวัดเพลง (หลายคนบอกไม่ผ่านนะนุ้ยทำให้ผ่านได้คะ) ซึ่งเคยเจอข้อมูลว่ามีโบสถ์คริสต์ อายุเก่าแกนับร้อยปี ซึ่งสวยมากๆแล้วเราจะพลาดได้ไง
โบสถ์แห่งนี้ ชื่อว่าวัดพระคริสตหฤทัยวัดเพลง ตั้งอยู่ที่ตำบลวัดเพลง อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี เป็นสถานที่ ที่ใช้กระทำพิธีของชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอริก เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิคใช้กระจกสีตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามภายในเป็นภาพวาดเกี่ยวกับคำสอนในศาสนาคริสต์ ซึ่งกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว
มีประวัติความเป็นมา คือในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ.1864 มีคนไทยชื่อปาน เคยเป็นสมภารวัดบางกล้วย คริสตชน กลุ่มแรก ต่อมาผู้ก่อตั้งกลุ่มคริสตังให้มั่นคง คือคุณพ่อการ์โล เปตี ชาวฝรั่งเศส ได้เริ่มโบสถ์หลังนี้ขึ้นเมื่อปี 2423 สร้างเสร็จใน 2446 นับมาจนถึงทุกวันนี้ก็ 112 ปี ถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่มาก
ด้านหน้าโบสถ์มีอนุสาวรีย์พระหฤทัย ส่วนด้านในมีแท่นบูชา รวมถึงบัลลังก์เก่าที่ทำจากธรรมาสน์ไม้สักเก่าและรูปปั้นสาวกของพระเยซู ตัวกำแพงประดับด้วยกระจกหลากสี ซึ่งทั้งหมดนำเข้ามาจากทางยุโรปในสมัยนั้น
ผ่านเรื่องขอสาระสำคัญ และข้อมูลขอโบสถ์ ไปแล้วที่นี้ได้เวลาไปดูด้านในการแล้วคะว่า ที่นี้สวยมากขนาดไหน
Advertisement
และข้อมูลสำคัญที่ห้ามลืมเลยนั่นคือ
เปิดบริการ :พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
•วันเสาร์เวลา19.30 น.
•วันอาทิตย์รอบเช้าเวลา6.30 น. รอบสายเวลา9.00 น.
•วันธรรมดา ประสงค์จะเข้าชมแจ้งผู้ดูแลสถานที่ (อยู่อาคารทางขวามือ)
ออกจากวัดเพลง นุ้ยมุ่งหน้าสู่ อำเภอเมืองจังหวัดราชบุรี และของขึ้นชื่อมากที่สุดของราชบุรีคงหนีไม่พ้นโอ่งมังกร เป็นแน่แท้
เห็นโอ่งแล้วมั่นใจได้ว่าเรามาถึงราชบุรีแล้วคะโอ่งใบนี้ วางสูงโดดเด่น อยู่ตรงมุมนึงของสี่แยกที่จะเลี้ยวไปสวนผึ้ง ขอบอกขนาดยักษ์ใหญ่มากๆ
สิ่งที่แรกที่จะต้องทำเมื่อมาถึง คืออาหารเลยคะ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทหารจะออกรบไม่ได้ถ้าท้องยังหิว
มื้อแรกนุ้ยเลือกที่นี้ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ม เชื่อว่าหลายคนต้องเคยลอง เคยได้ยิน และอยากกินเหมือนนุ้ย
ร้านจะอยู่ติดกับโรงพยาบาลพร้อมแพทย์ หาไม่ยากเลยคะ
พร้อมแล้วเข้าไปข้างในกันเลย
บรรยากาศข้างใน กว้างพอควรคะ วันนี้คนเยอะมาก มากจริงทำให้ที่นี้ดูแคบไปเลยคะ
แต่รออาหารไม่นานนะมีคนบอกนุ้ยว่าเคยไปกิน แต่รอนานมากตอนนี้สงสัยเปลี่ยนวิธีดูแลลูกค้าแล้ว เพราะถือว่าวันนั้นนุ้ยรอแปบเดียวก็ได้กินเลยคะ
มาเริ่มกันเลยก๋วยเตี๋ยวไข่หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง
นี่สินะ พระเอกของร้านรสชาติสำหรับนุ้ยถือว่าอร่อย ไม่ต้องปรุงคะ
ปล. เรื่องรสชาติลิ้นใครลิ้นคนนั้นนะคะ ชอบต่างกัน อร่อยต่างกัน
นอกจากก๋วยเตี๋ยวก็ยังมีอาหารอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้น ปอแป๊ะ สะเต๊ะ
วันนี้เลยลองสั่งหมูสะเต๊ะมาทานดู
และยังมีขนมไทย มากมายหลายชนิด นุ้ยลองซื้อขนมสลัดงามาชิมดูอร่อยคะถุงละ 25 บาท (แต่ไม่มีรูป ลืมถ่าย กินหมดแล้ว)
หลังจากท้องอิ่มแล้ว ไปเที่ยวต่อกันดีกว่าค่ะ
สถานที่ต่อไปถือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี
ตั้งอยู่ริมถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง ใกล้กับหอนาฬิการิมแม่น้ำแม่กลอง บอกไว้ก่อนเลยว่าถนนเส้นนี้ มีสถานที่น่าสนใจหลายที่เลยค่ะ
อาคารที่เห็นสีเหลืองนี้ เป็นอาคารเก่าที่เคยเป็นที่ทำการของพิพิธภัณฑ์
แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ตึกสีชมพูตึกนี้แล้วค่ะ
เดิมทีตึกนี้คือ ศาลากลางนั้นเอง แต่เมื่อศาลากลางได้ย้ายไป ทางพิพิธภัณฑ์ จึงมาใช้สถานที่ตรงนี้แทน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–16.00 น.
ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท (เด็กเข้าชมฟรี) ชาวต่างชาติ 100 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 3232 1513
เมื่อเดินผ่านเข้ามาด้านใน จะเป็นอาคารสีชมพูชั้นเดียว ระเบียง และประตูสีขาว สีหว๊าน หวาน ดูแล้วไม่คล้ายพิพิธภัณฑ์เลยค่ะ
ด้านในจัดแสดง ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา ธรณีวิทยา ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับสัตว์น้ำ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของกลุ่มชนต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรีรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัด โบราณวัตถุที่โดดเด่นนอกจากพระแสงดาบราชศัสตราประจำมณฑลราชบุรีแล้ว ยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ขุดพบในประเทศไทยซึ่งมีสภาพสมบูรณ์งดงามที่สุด
แต่นุ้ยได้ถ่ายรูปมาเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะบางส่วนห้ามถ่ายรูป และจะบอกว่า คุ้มมากคะ 20 บาท ได้รู้ได้เห็นอะไรเยอะเลยคะ ความรู้ทางประวัติ อ่านหนังสือ ไม่เท่าได้เห็นของจริงด้วยตา
ผ่านไปพักใหญ่ สำหรับการศึกษา เรื่องราวในอดีตสถานที่ต่อไปที่นุ้ยจะไป นั่นคือ Tao Hong Tai : d Kunst
หอศิลป์ร่วมสมัยเพียงแค่เลี้ยวขวาออกมาจากรั้วพิพิธภัณฑ์เราจะได้พบกับสถาปัตย์บ้านไทยทรงมะนิลา สมัยปลาย ร. 5สีดำเทา หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งแรกของจังหวัดราชบุรี
ด้านในได้ตกแต่งแบ่ง เป็นร้านกาแฟ เบเกอรี่ตกแต่งด้วยเซรามิกจากโรงงานเถ้า ฮง ไถ่
มีมุมเล็กๆ น่ารักๆ ให้เลือกนั่งมากมายที่นี้ไม่ติดแอร์ แต่พูดเลยว่าไม่ร้อนค่ะ แถมวิวแม่น้ำแม่กลอง สวยไม่ใช่เล่นเลย
นอกจากเป็นร้านกาแฟแล้วยังเป็นแกลอรี่แสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินที่สลับเปลี่ยนมาจัดแสดงให้ชมกัน
เปิดทุกวัน : เวลา 11.00 น – 20.00 น.
อ้อ ลืมบอกไปว่า Kunstชื่อของที่นี้ เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า ศิลปะ
ด้านหน้าเก๋มาก ชอบส่วนตัว เดินขึ้นลงอยู่หลายรอบเลยคะ
หลังจากเดินอยู่หลายรอบ ท้องเริ่มหิว อากาศเริ่มร้อน ไปหาของอร่อยเข้าท้องกันดีกว่าคะ
เดินย้อนกลับไปทางเดิม ผ่านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไป ประมาณ 150 เมตร เราจะได้เจอกับร้านกาแฟเก๋ ๆ
อีกฟากนึงของถนน นั่นคือร้านอาตี่ โกปี้ นั่นเอง
ร้านนี้เก๋มาก ตกแต่งแนวย้อนยุค มีของเก่าสวยๆ มากมายเลยคะ
ขนาดร้านไม่ใหญ่นักภายในร้านเย็นสบายเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 น. ถึง 16.30 น.
นอกจากเครื่องดื่มแล้วยังมีอาหาร และติ่มซำให้ลองชิมกันด้วยคะ
แต่ของนุ้ยวันนี้ออกแนวรักสุขภาพคะ มาเป็นทาวเวอร์เลยทีเดียว
1 ทาวเวอร์นี้เท่ากับ 1 ลิตร เชื่อมั๊ยว่านุ้ยกินหมด
มันเก๋ มันสวย มันอาร์ต นุ้ยยอมสั่ง และยอมกินให้หมด อร่อยด้วย พูดเลย
และมีเครื่องดื่มหลากหลาย ที่เป็นเมนูแนะนำ
ที่ห้ามพลาดเลยคือ ปอเปี๊ยะจานนี้คะ อร่อยมาก ชิ้นเดียวไม่พอ หยุดไม่อยู่
เป็นปอเปี๊ยะทอด อันเล็กๆกรอบมาก จิ้มน้ำจิ้มสักหน่อย ฟินเวอร์
ยังมีของขวัญของฝาก ให้ซื้อติดไม้ติดมือกันได้ด้วย เค้กโอ่ง ... เอิ่มมมมมทุกอย่างเป็นโอ่ง โอ่งกินได้จริงๆสำหรับราชบุรีซิตี้
อิ่มท้องนั่งจนหายเหนื่อยแล้ว ไปต่อกันอีกหนึ่งสถานที่“เถ้าฮงไถ่"เชื่อเลยว่าใครที่ชอบถ่ายรูปจะชอบที่นี้มาก มุมถ่ายรูปอย่างเยอะ
เถ้าฮงไถ่ โรงงานเซรามิคแนวอาร์ต ชื่อติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว
ตั้งอยู่ที่ถนนเจดีย์หัก ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
แค่ผ่านประตูเข้ามา เราก็ต้องทึ่งกับสีสันที่หลากหลาย และจี๊ดจ๊าดมาก
จะมีเจ้าสุนัขตัวนี้ ยืนตอนรับ ถ้าจำไม่ผิดชื่อเจ้าจุด
โรงงาน “ เถ้า ฮง ไถ่" ถือได้ว่าเป็นโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่คู่เมืองราชบุรี โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ได้พัฒนางานเซรามิกที่หลุดกรอบเดิมๆ ออกมาเป็นงานศิลปะสร้างสรรค์ที่สวยงามร่วมสมัยและใช้สอยได้จริง
นอกจากนี้ยังเปิดให้เยี่ยมชมวิธีการทำ ทั้งการปั้นและการเขียนลายโดยช่างผู้ชำนาญ พร้อมมีนิรรศการงานศิลปะจัดแสดงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
แจกัน 1 ใบ งานศิลปะ 1 ชิ้น ไม่ใช่ใครก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพรสวรรค์ ล้วนเป็นความสามารถเฉพาะบุคคล ล้วนเกิดจากการฝึกฝน
มาถึงขั้นตอนนี้...เรียกว่าการขึ้นรูปคะ
เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆงานชิ้นนี้จะสวยหรือไม่ รูปทรงจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ขั้นตอนนี้เลยคะ
ชีวิตคนเราก็เหมือนงานเซรามิค 1 ชิ้น
ทุกขั้นตอนการทำ ก็เหมือนทุกขั้นตอนของการใช้ชีวิตเริ่มตั้งแต่การขึ้นรูปความตั้งใจ ใส่ใจ และวางแผน ว่างานชิ้นนี้จะออกมาเป็นแบบไหนชีวิตก็เช่นกัน เป้าหมายจะเป็นตัวกำหนดให้เราเดินไป
สีสันลวดลายที่แต่งแต้มลงบนชิ้นงานก็เหมือนประสบการณ์ในการใช้ชีวิต ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร
แต่บางครั้ง แม้ว่าจะจะตระเตรียมทุกอย่างไว้ ก็ใช่ว่า จะได้ดั่งใจเสมอไป สภาพแวดล้อม ก็เป็นส่วนหนึ่งจะหล่อหลอมและเปลี่ยนแปลง แต่ให้เชื่อมั่น และมั่นใจที่จะเดินต่อไปให้ถึงปลายทาง
นอกจากที่นี้จะเป็นโรงงานการผลิตแล้ว ยังมีสินค้าเซรามิกมากมายให้เราได้เลือกซื้อ ติดไม้ติดมือกันด้วยคะ
และยังมีร้านกาแฟให้เราได้นั่งชิล นั่งรอ นั่งเม้าท์ กันอีกด้วย พูดเลยว่าที่นี้ครบเครื่องเก๋ อาร์ต ชิล ห้ามพลาดคะ
ทิ้งท้ายกับข้อมูลสักนิดนึง
ตั้งอยู่ที่ 234/1 ม.2 ถนนเจดีย์หัก ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
เปิดทุกวัน เวลา 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
และที่สำคัญเข้าชมฟรีเลยค๊า
**ป้ายจะเล็กนิดนึงนะคะ อาจจะมองไม่เห็น แต่ให้สังเกตปั๊ม ปตท.นะ อยู่ใกล้ๆ กัน
ออกจาก เถ้า ฮง ไถ่ มาก็ตกเย็นพอดีที่สุดท้ายสำหรับอำเภอเมือง รู้สึกว่าเวลาของเราหมดไปเร็วจัง แปบๆ ก็เย็นซะแล้ว
และเวลายามเย็นแบบนี้นุ้ยขอพาไปชมวิวเมืองราชบุรีกันที่นี้คะ เขาแก่นจันทร์
เขาแก่นจันทร์ เดิมชื่อว่าเขาจันทร์แดง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด และสามารถขับรถขึ้นไปได้ถึงยอดเขาจุดสังเกตทางบริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชการที่ 1
บนยอด มีวิหารประดิษฐานพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระสี่มุมเมือง" เป็นพระ 1 ใน 4 องค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น แล้วพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองต่าง ๆ สี่เมืองได้แก่ ราชบุรี ลำปาง สระบุรี และพัทลุง
แต่เสียดายมาก เพราะตอนขึ้นไปประตูวิหารได้ปิดแล้ว จึงไม่ได้กราบสักการะพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ
และนอกจากการกราบสักการะพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ เมื่อขึ้นมาด้านบน เราจะได้วิวที่สวยงามของจังหวัดราชบุรี และความต่างของเมือง เพียงแค่เราเปลี่ยน
เพราะเมื่อเรามองไปทางทิศตะวันตกในยามเย็นแบบนี้แน่นอนว่าเราจะได้พบกับตะวันลาลับขอบฟ้า แต่ที่นี้ ตะวันลับเหลี่ยมเขา แสงสีทองที่สาดลงมา ทำให้สัมผัสได้ถึงไออุ่น เป็นภาพธรรมชาติที่สวยงามมากๆ
แต่เมื่อเรามองย้อนกลับมาทางทิศใต้ และทิศตะวันออกช่างเหมือนกับคนละสถานที่เลยทีเดียว
เพราะทางนี้จะทำให้เราเห็นวิวเมือง โดยเฉพาะ วิวเมืองยามค่ำคืนแบบนี้ สวยบาดใจไม่ใช่เล่นเลยคะ
และแล้วเวลาของวันนี้ก็หมดลง แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุด นุ้ยกับเพื่อนๆ แยกย้ายกันไปตามปลายทางของตัวเองบ้างก็ไปสวนผึ้ง บ้างก็ไปโพธาราม แต่สำหรับนุ้ยค่ำคืนนี้มุ่งหน้าสู่ที่พัก โฮมสเตย์ริมน้ำ ที่ตลาดเหล่าตั๊กลั๊ก
จากอำเภอเมือง ไปตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊กใช้เวลาโดยประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงก็มืดค่ำเลยคะ
แต่ขอบอกว่าที่นี้เงียบสงบมาก นุ้ยโทรจองที่พักไว้ล่วงหน้า ไม่ได้คาดหวังมากมายนัก ด้วยราคา ห้องละ 800 บาท จองไว้ 2 ห้อง แต่ปรากฎว่า 2 ห้อง นี่หมายถึงบ้านทั้งหลังกลายเป็นของเรา เอาเป็น เรามาดูที่พักของเรากันก่อนดีกว่าคะ
นุ้ยว่าภาพที่ถ่ายออกมา สวยไม่เหมือนของจริง ด้วยบ้านทั้งหลังเป็นไม้ แต่เป็นไม้ที่สวยขัดเงา และกว้างขวางมาก ทำเอานึกถึงเพื่อนๆ น่าจะย้อนกลับมานอนที่นี้ด้วยกัน คงเฮฮาน่าดู ที่นี้บอกต่อแบบไม่ต้องลังเลเลยคะ
ไปดูห้องนอนกันคะ มี 2 ห้อง ห้องแรกอยู่ชั้นล่าง กว้างมาก ห้องน้ำ 2 ห้อง ภายในห้องไม่ได้หรูหราแต่สบาย เชื่อเถอะ ว่าคุณจะหลงรัก เพราะมีให้ครบจริงๆ ทีวี แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น
ที่นี้อยากบอกต่อจริงๆ ด้วยราคา 800 บาท 1600 ทั้งหลัง มาหลายคนได้ บอกเจ้าของบ้านได้เลยคะ น่ารักใจดี อาจจะมีเพิ่มนิดหน่อยสำหรับที่นอนเสริม
สามารถติดต่อได้ที่คุณอ้วน081-8364229
มาดูห้องที่สองกัน อยู่ชั้นบน เป็นห้องเตียงคู่ ห้องจะเล็กกว่าหน่อยนึง แต่สวยและสบายไม่แพ้กันคะ
และได้เวลาหม่ำกันแล้ว ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก
ด้วยความเงียบ และสงบของที่นี้ยามค่ำคืนไม่ค่อยมีร้านอาหาร นุ้ยเลือกที่จะขับรถไปซื้ออาหารมานั่งทานที่บ้าน เพราะเท่าที่ดูบรรยากาศแล้วนุ้ยไม่สามารถละทิ้ง ความฟินนะจุดนี้ไปนั่งกินข้างนอกได้จริง
ไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องระดับ 5 ดับ ไม่ต้องราคาเป็นหมื่น .....ความสุขของคุณก็เกิดขึ้นได้ แค่นี้ก็มีรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าแล้วละ
นุ้ยได้สอบถามคุณน้าเจ้าของบ้านว่าตอนเช้ามีพระมาบิณฑบาต หรือเปล่า และได้ฝากคุณน้าเจ้าของจัดอาหารใส่บาตรให้ด้วย
วันนี้เลยตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มานั่งรอ
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันบ้าง อยู่บ้านตื่นสายตลอด พระอาทิตย์ขึ้นตอนไหนไม่เคยรู้
แต่เวลาไปเที่ยวนี่สิ.....ตื่นแต่ไก่โห่เพื่อมารอพระอาทิตย์ขึ้นและครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่มีจุดให้ดูพระอาทิตย์ขึ้น
แต่นุ้ยกลับตื่นเช้ามานั่งรอใส่บาตร มานั่งดูวิถีชีวิตริมน้ำของคนที่นี้
คุณน้าเล่าว่าเมื่อก่อน จะมีพระพายเรือมาบิณฑบาต แต่ตอนนี้เหลือแค่รูปเดียว เนื่องจากทางน้ำมีเรือเครื่องยนต์มากขึ้นพระเรือล่มบ่อยและพระรูปนี้จะพายอยู่เฉพาะในฝั่งของตลาดดำเนินเพราะถ้าออกมาคลองใหญ่จะ เสี่ยงกับเรือล่ม
เมื่อก้มลงกราบพระ ฉันจะไม่อธิษฐานขอสิ่งใด
เพราะหนึ่งอึดใจที่ปราศจากความต้องการ ใจฉันช่างสะอาด สงบ เย็น
(ข้อความจากร้านก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม่ ...ยืมมาใช้ก่อนนะคะ)
หลังจากได้ใส่บาตร ทำบุญไปแล้วที่เหลือก็เป็นช่วงเวลาที่นุ้ยนั่งเล่น กินกาแฟ ริมน้ำ
แบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า S l ow L i fe
เรามาทำความรู้จักกับตลาดเหล่าตั๊กลัก สักหน่อยดีกว่า
เหล่าตั๊กลัก แปลว่า ตลาดเก่านั่นเอง
ตลาดน้ำแห่งนี้ เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย อายุเก่าแก่กว่า 140 ปีเดิมทีชื่อว่า ตลาดน้ำปากคลองลัดพี ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของตลาดน้ำดำเนินสะดวกเลยก็ว่าได้
เคยเฟื่องฟูมาก ในอดีต แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ความเจริญเข้ามาแทนที่ทำให้ตลาดซบเซา และปิดลง แต่ปัจจุบัน ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้โด่งดัง และคนเยอะมากมายนัก
การดำเนินชีวิตของคนที่นี้ยังคงเป็นไปอย่างเรียบง่ายใช้สายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างที่เคยผ่านมา
ระเบียงโฮมเสตย์ที่นุ้ยพัก
ผู้คนดูเงียบนักแต่กลับทำให้นุ้ยรู้ชอบที่นี้เข้าอย่างจัง เหมือนทำให้เราได้หยุดเวลา ได้พัก ได้คุย
การค้าขายทางน้ำ ยังคงมีชอบบรรยากาศแบบนี้จัง ทำให้ย้อนกลับไปมองถึงรถราบนถนนที่วิ่งสวนกันแบบติดขัด
แต่ก็นะ .... ความต้องการของเราไม่เหมือนกันความสะดวกใครๆ ก็ต้องการ แต่ความสะดวกก็ใช่ว่าจะทำให้เราสบายเสมอไป
คุณว่าจริงมั๊ย
มีน้าๆ ป้าๆ หลายคนที่อยู่ทางฝั่งตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก ขายเรือไปขายของที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เพราะฝั่งดำเนินนักท่องเที่ยวมากมายซึ่งต่างกันนักกับฝั่งนี้ทั้งที่เพียงแค่ข้ามฝั่งคลอกเท่านั้น
แต่เช้านี้นุ้ยเดินออกจากหน้าบ้านมา ดูโน่นนี่นั่น เจอร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ แม่ค้าสวยอยู่ร้านนึง
ซึ่งขายประจำทุกวันที่ตลาดเหล่าตั๊กลัก เลยได้มีโอกาสนั่งคุย
ป้าแกชื่อเจ๊หมวยป้าบอกว่าเมื่อก่อนขายฝั่งตลาดดำเนิน แต่ร้านเหมือนๆ กันเยอะ เลยย้ายมาขายฝั่งนี้ จะได้มีคนมาเที่ยวฝั่งเหล่าตั๊กลักบ้างบอกเลยว่าของป้าแกอร่อย แกมีลูกค้าประจำด้วยนะ
พี่ๆ แก๊งค์ ปั่นจักรยาน กลุ่มนี้เลยคะ จะมากันเกือบทุกวันอาทิตย์
ร้านค้าต่างๆ ก็ยังเปิดขายเป็นร้านดั้งเดิมจริง มีครบทุกอย่างมากกว่า เซเว่นอีกนะจะบอกให้
วันนี้เป็นช่วงเวลาของการกระจายรายได้ กินร้านละนิดละหน่อยแต่ได้กินทุกร้าน
ร้านนี้สุดแสนจะธรรมดา ขายกาแฟโบราณแก้วละ 20 บาท แต่รสชาติ แกแฟสดยังอาย
เดินกลับมาซื้อ 2 รอบ
และร้านสุดท้ายของเช้านี้ ก่อนไปนั่งเรือเล่นที่ฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ร้านเล็ก เล็ก ทีเด็ดอยู่ที่ข้าวแห้ง
ข้าวแห้งของที่นี้ คล้ายๆ ข้าวต้มแห้งภูเก็ต แต่อร่อยต่างกันตรงที่
ที่นี้จะใช้ข้าวสวย มีราดด้วยคล้ายๆต้มพะโล้ไก่ และเลือด ชิ้นเล็ก ไม่หนักเครื่องเทศมากนัก
และใส่หัวไช้โป้เค็มสับ ต้นหอมผักชี กระเทียมเจียว ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ กุ้งทอดกรอบมันอร่อยมาก
ท้องอิ่มเดินกลับบ้านน พร้อมสำหรับการไปนั่งเรือชมบรรยากาศข้างบ้านมีคุณน้าคนนี้นั่งวาดภาพเหมือน เหมือนจริงๆ
รับวาดทั้งภาพเหมือน ภาพล้อเลียน ทั้งใส่กระดาษและเสื้อศิลปะ แฝงอยู่ทุกย่อมหญ้าจริงๆ
นุ้ยเลือกที่จะออกไปนั่งเรือชมบรรยากาศ ตั้งแต่เช้า ด้วยหลายเหตุผล
1.อากาศยังไม่ร้อน
2.ผู้คนยังไม่มากมายนัก
อย่างที่รู้กันว่าตลาดดำเนินสะดวก นักท่องเที่ยวมากมายจริงๆ
นุ้ยติดต่อเช่าเรือจากตลาดเหล่าตั๊กลักไป ลำละ 300 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน ส่วนเรือเครื่องยนต์ ลำละ 500 บาทนั่งได้เยอะพอสมควรคะแต่นุ้ยเลือกเรือพาย เพราะได้สัมผัส และเข้าถึงอะไรหลายๆ อย่างมากกว่า และที่สำคัญเรือเครื่องยนต์ ทำให้เสน่ห์ ของตลาด 2 ตลาด เริ่มหายไป
ยามเช้าแบบนี้การจราจรทางน้ำไหลลื่นดีคะไม่ติดขัด
ผลหมากรากไม้ สดๆ จากสวน ชวนให้อยากชิม
เห็นกุ้งแม่น้ำถึงกับกลืนน้ำลายกันเลยทีเดียว
ของโปรดจ้าของโปรดกล้วยปิ้ง
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ก็เป็นอีกตลาดน้ำแห่งหนึ่งที่มีอายุนับร้อยปี มีสินค้ามากมาย
ไม่ว่าจะอาหารการกินสินค้าหัตถกรรม งานฝีมือ ของที่ระลึกต่างๆและยังเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ทุกชีวิต ล้วนต้องดำเนินต่อไป รอยยิ้ม หนึ่งรอยยิ้ม จากใครสักคนที่เราไม่รู้จัก ก็ทำให้เรามีความสุขได้
มาเจอร้านข้าวแห้งอีกร้านร้านนี้เขาว่ากันว่าดังใครมาต้องได้กิน
คอนเฟิร์มคะว่าต้องกินจริงๆ อร่อยมาก ลุงแกขายสองรอบด้วยนะ รอบเช้าพร้อมเวลาทำการของตลาด (ตลาดมีเวลาทำการยังกะส่วนราชการเลยนะ)
และอีกรอบเป็นตอนเย็นๆ ลุงแกจะพายเรือมาจอดริมคลองฝั่งตลาดดำเนินนี่ละคะ
ชามแรก เกี๊ยวปลา น้ำซุปอร่อยมากคะ น่าทานใช่มั๊ยล๊า
ต่อมาข้าวแห้ง อร่อยอีกแล้ว ใส่ทุกอย่างเหมือนร้านเล็ก เล็ก รสชาติอร่อยเหมือนกัน
แต่พอเริ่มสายหน่อย ความวุ่นวายเริ่มเข้ามาแทนที การจารจรติดขัด
นั่นหมายความว่าหมดเวลาของเรา นั่งเรือไปที่อื่นกันต่อคะ
ผ่านจากความตื่นเต้นตื่นตา และดูวุ่นวายจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกไปแล้วตอนนี้
คุณน้าเจ้าของเรือพาเรามายังอีกฝั่ง เป็นฝั่งของเหล่าตั๊กลัก สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
ฝั่งนี้เป็นบ้านเรือน ที่เงียบสงบทุกบ้านจะมีเรือแขวนไว้หน้าบ้าน
คิดแล้วก็อยากมีบ้านริมน้ำสักหลังเหมือนกันนะ
ผ่านมาจากจุดนี้กำลังต่อเรือแอบขึ้นไปดูนิดนึง
ทำกันเอง ผลิตกันเองและใช้กันเองในชุมชุน
เวลาผ่านไปนานพอควรได้เวลากลับ อาบน้ำอาบท่า เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอีกแล้วคะ
มาชุดเดียว กลับชุดเดิม งานนี้บอกก่อนว่าไม่เหม็นคะ (เราไม่เหม็น คนข้างๆ ไม่รู้)
แวะขึ้นไปดูพิพิธภัณฑ์เรือ ชั้น 2 ของตลาดเหล่าตั๊กลัก มีเรือหลายแบบ
และเครื่องใช้สมัยแต่ก่อนแต่ที่นี้ไม่ค่อยได้รับการดูแลมากนัก
ก่อนกลับแวะไปนั่งชิลต่ออีกรอบ ที่ร้านฮกหลี คาเฟย
เป็นบ้านไม้ตรงหัวมุมริมน้ำ ที่ดัดแปลงมาเป็นร้านกาแฟ น่ารักๆ บรรยากาศดี และเป็นกันเองมากๆ
ภายในร้านประดับไปด้วยของใช้ย้อนยุค ที่เจ้าของเก็บสะสมไว้
มีบริการเฉพาะเครื่องดื่ม เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
และยังให้ร้องคาราโอเกะกันฟรีๆ อีกด้วย
รูปตลาดในสมัยก่อน ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนที่นี้ และเก็บไว้เป็นที่ระลึก กันแทบจะทุกบ้านเลยทีเดียว
อย่ามัวแต่ถ่ายรูปคะนั่งบ้างชิลบ้าง และสั่งเครื่องดื่มบ้าง
เมื่อเราได้ลองนั่งนิ่งๆ มองดูความเป็นไป
เราจะเห็น เราจะเข้าใจ
ทางสายเดียวกัน ถนนเส้นเดียวกัน ช่วงเวลาเดียวกัน ปลายทางเดียวกัน
แต่ทุกชีวิต ย่อมมีความแตกต่างในวิถีจะช้าจะเร็ว ก็ถึงปลายทาง
ปลายทางของชีวิต มีคามสุขหรือไม่ เรายังไม่รู้ แต่เรื่องราวระหว่างทาง จะบอกเราได้ดีว่า ตอนนี้คุณมีความสุขหรือมั๊ย
ลองเดินให้ช้าลงอีกนิด....คุณอาจจะเห็นอะไรมากขึ้น อาจจะเห็นความสุขที่หล่นหายไป
เหมือนตลาดสองตลาด ที่อยู่ใกล้กัน แต่มีความต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่สำหรับนุ้ยทริปนี้เป็นอะไรที่ลงตัวมาก พักและหลับตาในที่ที่สงบ สบาย แต่เพียงข้ามฝั่งคลอง นุ้ยสามารถครื้นเครง และตื่นเต้นได้หากใครมาเที่ยวฝั่งดำเนิน ลองข้ามฝั่งคลองมาเยี่ยมเยียน ฝั่งตลาดเหล่าตั๊กลักบ้างนะ
ในเมื่อสายน้ำสายไม่ไหลย้อนการ ..... ทุกชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
ราชบุรี ก็เช่นกัน ยังรอให้ทุกคนได้ไปเยือน ไปสัมผัส
ขอขอบคุณทุก ๆ การเดินทาง ที่สอนให้นุ้ยได้เรียนรู้ และรู้สึกรักทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น.....
ขอบคุณ สำหรับทุกกำลังใจ
ขอบคุณ สำหรับทุกความเห็น
ขอบคุณ สำหรับทุกไลค์
ขอบคุณ สำหรับทุกแชร์
ขอบคุณ สำหรับโหวต
ขอบคุณ สำหรับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามา
และขอบคุณ สำหรับพื้นที่การแบ่งปันแห่งนี้
และสุดท้ายขอบคุณ ททท ที่จัดโครงการ THE AMAZING JOURNEY BLOGGING CONTEST 12 เมือง
ต้องห้ามพลาด
และขอบคุณ NOK AIR ขอบคุณ THAIRENT A CAR ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักในโครงการนี้
ซึ่งโครงการนี้ทาง ททท. เป็นผู้คัดเลือก 12 ทีม เพื่อเดินทางไปยัง 12 เมืองต้องห้าม...พลาด
ได้แก่ ลำปาง น่าน เลย บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ ตราด จันทบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี ชุมพร ตรัง และนครศรีธรรมราช
และการเดินทางของนุ้ย ในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวัดราชบุรีเท่านั้น
สามารถติดตามรีวิวอีก 2 เส้นทางจากราชบุรี ได้เร็วๆนี้
และสามารถเป็นกำลังใจให้นุ้ยได้ที่ http://www.thethailandbloggernetwork.com/teams/detail/T06
แฟนพาเที่ยว
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.54 น.