Day 3 เที่ยวไปในบางนรา

ติดตามการเดินทางตอนอื่น ๆ ได้ที่

"นราธิวาส" ยินดีที่ได้รู้จัก Day 1: สุดปลายด้ามขวานที่สุไหงโกลก

"นราธิวาส" ยินดีที่ได้รู้จัก Day 2: ทดสอบความฟิตล่องแก่งภูเขาทอง


บางนรา หรือ บางนาค เป็นชื่อเดิมที่คนไทยพุทธใช้เรียก จ.นราธิวาส ส่วนชาวไทยมุสลิมเดิมเรียกที่นี่ว่า มนารา หรือ มนารอ

เช้าวันนี้พวกเราขอออกไปสำรวจตลาดสดของเมืองนราธิวาสกันค่ะ

ภายในตลาดสดผู้คนก็คึกคักมากมาย แต่จุดเด่นของตลาดที่เราไปในวันนี้ก็คือ ภายในตลาดจะคลาคล่ำไปด้วยชาวมุสลิม และก็มีทหารคอยรักษาความปลอดภัยอยู่เหมือนเช่นที่อื่น ๆ ในจังหวัด ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะคะ



ของกินหน้าตาแปลก ๆ ก็เยอะ เรียกไม่ถูกเลยว่ามีอะไรบ้าง


ข้าวเกรียบปลา ของฝากของที่นี่มีให้เห็นอยู่หลายร้าน


เดินอยู่สักพักไม่เจอของที่ถูกใจ (จริง ๆ ก็มีนะ เห็นทุเรียนเนื้อสวย น่าโดนมาก อยากจัดอีกรอบ แต่ก็หักห้ามใจไว้) พวกเราให้พี่ซันพามาหาร้านกินข้าวเช้า ซึ่งจริง ๆ ตั้งใจอยากกินไก่กอและ แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้านน่าจะปิด เพราะขับวนไปหลายรอบ จนสายมากแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาย่างไก่ ฮือออออ เสียใจ แล้วเมื่อไรจะได้ไปอีก

ในที่สุดพี่ซันก็พามาหาเป้าหมายถัดไปของเราก็คือ ไก่สะเต๊ะกับข้าวอัด โดนแวะร้านอาหารข้าวราดแกงอิสลามที่เป็นร้านเพิงข้างทาง


ขนมหน้าตาแปลก ๆ อีกแล้ว


ต้องโดน ไก่สะเต๊ะกับข้าวอัด ไก่น้อยไปนะ เหลือห่อสุดท้าย ไม่มีไก่ให้ซื้อเพิ่มด้วยสิ


ข้าวราดแกงบ้าน ๆ รสชาติพอใช้ได้ จานใหญ่ อิ่มมาก


หลังจากนั้นก็ออกไปหาซื้อของฝาก (ตัวเอง) กันดีกว่า

ข้าวเกรียบสารพัดปลา เลือกไม่ถูกเลย


ปลาหมึกแห้งแขวนรอบร้านเลย ละลานตามาก


สารพัดบูดู เอ...เอาไปทำไรดีน้า หลายยี่ห้ออีกต่างหาก


ซื้อของฝากเสร็จก็มาดูบรรยากาศเมืองนราธิวาสยามเช้ากัน เงียบ ๆ คนไม่เยอะ นอกจากแถวตลาดที่จะคึกคัก


เฝ้าสงสัยกันอยู่ตั้งแต่วันมาว่า พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เปิดให้เข้าชมไหม ไปสำรวจมาให้แล้ว ไม่เปิดนะจ๊ะ ได้แต่ถ่ายป้ายด้านนอกมาให้ดู


แล้วก็กลับมาวน ๆ วงเวียนนกกระดาษ เหมือนเดิม ตั้งแต่วันมานี่วนจนนับรอบไม่ถ้วน


มาชม หาดนราทัศน์ แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนที่นี่กันบ้าง
ฮืออออ มีกลิ่นแปลก ๆ แถมขยะเต็มเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคน คนน่าจะมาเที่ยวกันตอนเย็นมั้ง


มุมนี้บรรยากาศคล้าย ๆ ที่สิเกา จ.ตรัง อยู่เหมือนกันนะนี่


หลังจากนั้นแวะ หมู่บ้านชาวประมง ไม่ค่อยมีไรเท่าไร มาถ่ายรูปเฉย ๆ


ต่อด้วย อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง ที่นี่เราจะมาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางสั้น ๆ แต่สูงชันกันค่ะ


หลังจากลงรถก็จะเจอสารพัดสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นแพะ ไก่ และแมว โดยเฉพาะแมวท้องมีเยอะมาก ต่อไปแถวนี้อาจจะกลายเป็นอ่าวแมวแทนที่จะเป็นอ่าวมะนาวก็เป็นไปได้ ถามพี่ที่อยู่แถวนี้ พี่เค้าบอกว่าเป็นความเชื่อทางศาสนาที่ว่า ถ้าใครทำหมันแมว จะทำให้ไม่มีลูกสืบสกุล


มีเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานขันอาสาพาเราเดินชมด้วยค่ะ


เจอต้นอะไรก็ไม่รู้มีผีเสื้อมาเกาะอยู่หลายสิบตัวเลย ต้นอื่นใกล้ ๆ กันก็ไม่ไปเกาะนะคะ ต้นนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ


ถึงจุดชมวิวด้านบนแล้ว วิวสวยจริง ๆ หาดขาวสะอาดกว่าตรงหาดนราทัศน์เยอะเลยค่ะ


เดินมาลำบากเหงื่อชุ่มทั้งเสื้อ ทั้งกางเกงขนาดนี้ ห้ามพลาดการถ่ายรูปที่จุดนี้กันนะคะ


แล้วเราก็เดินลงกลับทางเดิม


ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ เรามากินที่ ร้านมังกรทอง

ลองสังเกตบ้านแถวนี้ บางหลังก็ไม่ใช่บ้านคนนะคะ ดูดี ๆ ...มันคือ บ้านของนกนางแอ่น นั่นเอง หลังใหญ่กว่าบ้านเราอีกแน่ะ


ร้านนี้บรรยากาศดีอยู่ริมน้ำ รออาหารไป ก็ชมวิวไปเพลิน ๆ


อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ


ก่อนออกจากตัวเมือง พี่ซันพาเรามาแวะชม ประติมากรรมพระพิฆเนศองค์ใหญ่ ตกแต่งด้วยโมเสกแก้วหลากสี ใช้ระยะเวลาสร้างนานถึง 9 ปี


ใกล้กันจะเป็น ศาลเจ้าโก้วเล้งจี


เขาลูกน้อยในเมืองชื่อว่า เขามงคลพิพิธ


หลังจากนั้นก็ออกจากตัวเมืองแล้วขับเข้าถนนเล็ก ๆ ไปยังหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดวาดิอัลฮูเซ็น หรือ มัสยิด 300 ปี


ตัวมัสยิดสร้างด้วยไม้ตะเคียน ใช้สลักไม้ในการยึดไม้แต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน ปัจจุบันมุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผาแทนที่ของเดิมซึ่งเป็นใบลาน ปัจจุบันภายในยังใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ ดังนั้นจึงห้ามเข้าไปข้างในค่ะ


ช่องลมสวยมีดีไซน์มาก


แล้วไปต่อกันที่ น้ำตกปาโจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี

ที่นี่น่าจะเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของชาวบ้านแถวนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม บรรยากาศเย็นสบาย สดชื่นมาก เหมาะแก่การมาเที่ยว ขนอาหารมานั่งปิกนิกอย่างน้อยสักครึ่งวัน เห็นบางบ้านขนอาหารกันมาเป็นหม้อเลยทีเดียว


น่าเสียดายว่าพวกเราต้องรีบขึ้นเครื่องกลับแล้ว จึงได้แต่เดินชมแบบรีบ ๆ


น้ำตกสูงใหญ่มาก ลองสังเกตตัวคนในรูปสิคะว่าเล็กนิดเดียวเอง


ตอนแรกเราคิดว่าต้องกลับสนามบินแล้ว แต่พี่ซันบอกว่ายังไงก็ทันแน่นอน ขอพาไปชมการทำเรือกอและสักหน่อย แต่เสียดายว่าปิดวันอาทิตย์อีกแล้ว เลยมาชม หาดบ้านทอน แทน


ชายหาดขาวสะอาดที่เราเห็นจากบนเครื่องบินนั่นเอง


เดินมาแถวนี้ก็จะกลิ่นเค็ม ๆ หน่อย


ปลาข้างเหลืองตากแห้ง


แล้วพี่ซันก็พาพวกเรามาส่งยังสนามบินโดยสวัสดิภาพ

เรารู้สึกประทับใจในทุก ๆ ที่ได้มาทำความรู้จักนราธิวาสในครั้งแรกนี้ อาหารอร่อยถูกใจ กินจนแน่นท้องทุกมื้อ ถึงแม้ว่าเวลาเราเดินทางไปในแต่ละที่จะไม่ได้รู้สึกว่าปลอดภัย 100% มีความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็หวังว่าจะพื้นที่แห่งนี้จะกลับมาสงบสุข และได้มีโอกาสกลับไปเยือนอีกครั้งนึง

หากเพื่อน ๆ มีคำถาม หรือข้อแนะนำ เข้าไปเจอกันได้ที่เพจ GoNeverStop นะคะ

ความคิดเห็น