บ่ายของวันที่สองของการมาไทเป เราเดินทางมายังตลาดปลาไทเป หรือTaipei fish market โดยนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Xingtian temple ตามรีวิวรู้สึกเค้าให้ออกทางออก 3 แต่เนื่องจากเราเดินมาเยอะตั้งแต่เมื่อวานและตอนเช้าที่พิพิธภัณฑ์อีก เลยขอลดการเมื่อยด้วยการขึ้นบันไดเลื่อนโดยการออกที่ทางออก 4 แทน ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าที่ไต้หวันจะมีผังบอกรายละเอียดไว้ชัดเจนว่าทางออกไหนมีอะไรบ้าง เราเห็นว่ามีทางออกนึงเขียนว่ามีรถเมล์สาย 49 ผ่านแต่ทางออกนั้นดูไม่น่าจะใช่ยังไงก็ไม่รู้ และเราไม่รู้ด้วยว่าที่ผ่านตรงนั้นคือรถขากลับที่ผ่านตลาดปลามาแล้วรึเปล่า แต่เราก็ยังงงอยู่ว่าทำไมที่ป้ายไม่เขียนว่าสายนี้ผ่านทางออกที่ 3 ด้วย เราเลยออกมาที่ทางออกที่ 4 ตามที่บอก พอโผล่ขึ้นมาด้านบนก็แอบงงอยู่สักพักนึง แล้วตอนนั้นก็ตัดสินใจเลี้ยวไปทางขวา จำไม่ได้ว่าเดาหรือมีอะไรเป็นข้อสังเกตให้เราเลี้ยวไป พอเลี้ยวไปทางขวาไม่นานก็เห็นทางออก 3 อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วเราเห็นตรงนั้นมีแท็กซี่จอดรออยู่หลายคัน ตอนนั้นคิดว่าต้องใช่แน่ๆเลยตรงนี้ที่เค้ามาขึ้นแท็กซี่ไปตลาดปลากัน เราเลยเดินข้ามถนนไป แต่ระหว่างนั้นก็เห็นมีรถสาย 49 วิ่งมา เอ๊ะ!ไปดีไหมน้า แล้วก็เห็นรถไปจอดติดอยู่สักพักตรงป้ายรถเมล์ เราก็ได้โอกาสสิเดินตามไปทางซ้ายมือ ตอนแรกก็ลังเลคิดว่าไม่ทันหรอก แต่ก็เห็นรถติดอยู่สักพักแล้ว สุดท้ายพอใกล้จะถึงรถเมล์รถก็ออกสิจ๊ะถามได้ 555 ไม่เป็นไรแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายเนอะ ว่าแต่ว่าเมื่อกี้ขึ้นบันไดเลื่อนมาไม่ใช่หรอ ?? และแล้วเราก็ไม่ได้ประหยัดตังค์(งกตามเคย)ต้องกลับมาขึ้นแท็กซี่ ซึ่งที่ไต้หวันแท็กซี่จะมีแต่สีเหลืองและราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 70 NT พอขึ้นรถก็ให้บอกเค้าว่าไป "ไถเป่ยอวี๋ซื่อ"(tai bei yu shi) เราบอกคำนี้ไปคำเดียวคนขับก็เข้าใจเลย อย่างที่เราเคยบอกไว้ตอนก่อนๆว่าบางคำควรจะจำเป็นภาษาท้องถิ่นเลยเพราะจะสะดวกกว่า ระหว่างทางคนขับก็ถามว่าพวกเรามาจากไหน แล้วไม่นานก็พาเรามาส่งถึงหน้าตลาดปลาไทเป แล้วเค้าก็บอกเราประมาณว่าที่นี่ล่ะ ไถเป่ยอวี๋ซื่อ ซึ่งมิเตอร์เพิ่งขึ้นไปนิดเดียวเองค่าโดยสารอยู่ที่ 85 NT อ่อ ถึงรถบัสหรือรถเมล์ในไต้หวันจะต้องเตรียมเงินให้พอดีแต่แท็กซี่ไม่ต้องนะเค้ามีทอน เพราะในบางประเทศจะไม่มีทอนถ้าใช้เงินสด ต้องใช้บัตรที่เติมเงินสำหรับขึ้นแท็กซี่โดยเฉพาะ พอลงจากรถเราเลือกจะเลี้ยวไปทางขวามือเพื่อไปดูส่วนที่เป็นของรัฐบาลมาเปิดก่อนดีกว่า เข้าไปด้านในไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ส่วนใหญ่จะขายเป็นพวกอาหารทะเลแช่แข็ง เดินดูผ่านๆแล้วเราก็เดินมายังฝั่งตลาดปลาของเอกชน ให้เดินเข้ามาด้านในสุดเลยนะแล้วก่อนจะเข้าด้านในจะมีเจ้าหน้าที่มาขอมือเรา อย่าคิดไกลไม่ได้ขอแบบนั้นนะ 55 เค้าจะฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคให้ที่มือเราต่างหากล่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็เดินเข้าไปด้านในได้เลย พอเข้ามาถึงก็เจอภาพนี้เลย เค้าโชว์ไว้ด่านแรกเลย ในรูปนี่ดูเหมือนไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ของจริงนี่ตัวใหญ่นะ
อ่อ....ที่นี่ไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด ขนาดมีหลายรีวิวบอกแบบนี้แล้ว แต่เราก็คาดว่าน่าจะใหญ่กว่านี้หน่อยนะ เพราะเราเคยไป Shinsen fish market ที่สุขุมวิทซึ่งเค้าได้แบบมาจากที่นี่ เค้าบอกว่าที่สุขุมวิทเล็กกว่าของจริงที่ไทเป แต่เราก็คิดว่าที่ไทเปน่าจะใหญ่กว่าเยอะ และความจริงก็อย่างที่บอกแหละว่าไม่ได้ใหญ่กว่าที่สุขุมวิทสักเท่าไหร่ ถึงไม่ได้ใหญ่เท่าที่คิดแต่ที่นี่ก็มีของทะเลสดๆหลายชนิด ที่อยู่ในอ่างแต่ละตัวนี่ไซส์บิ๊กๆกันทั้งนั้นเลย
น้องกุ้งโผล่ขึ้นมาชูคอให้เราถ่ายรูป 555
นอกจากอาหารทะเลสดก็มีแบบแปรรูปหรือปรุงรสแล้วขายด้วย ผักสดที่นี่ก็มีนะ แล้วเราก็เห็นว่ามีใบไม้บางอย่างหน้าตาดูเหมือนใบไม้สำหรับไปห่อปลาย่างเลย คิดว่าบ้านเราถ้าลองเอาใบไม้ที่ห่อปลาย่างมาขายจะขายได้ไหมนะน่าจะลองดู แต่เรานะหรอเน้นซูชิเป็นหลัก 555 แล้วเราก็ลังเลกับหัวปลาแซลมอนย่างอยู่นานวนอยู่หลายรอบเลย ถึงราคาไม่ได้แพงมากแต่ราคาก็ไม่ได้ถูก และแค่ซูชิที่หยิบมาก็คงอิ่มแล้วกลัวซื้อมากินไม่หมด สุดท้ายก็อดใจกับการเห็นน้ำมันเยิ้มๆที่ไหลออกมาจากหัวปลาไม่ได้เลยจัดมา 1 แพ็ค
พอจ่ายเงินเสร็จจะมีที่ให้ยืนทานด้านนอก แต่ที่เป็นโต๊ะด้านหน้าตรงทางเข้าอันนั้นเป็นของร้านพวกชาบู หม้อไฟนะ เห็นว่างนี่ไปนั่งไม่ได้นะจ๊ะ แล้วโลกก็กลมก็โต๊ะที่ยืนกินข้างๆเป็นคนไทยนั่นเอง ที่นี่ก็เป็นที่ฮิตของคนไทย เพราะอยากจะมาทานซูชิสดๆไงล่ะ(น้องเรายังจำได้อีกว่าบางคนที่เห็นวันนี้ แต่ไม่ใช่โต๊ะข้างๆนะ เมื่อวานก็เห็นเค้าไปจิ่วเฟิ่นเหมือนกัน) ระหว่างกินไปได้ไม่นาน"มีบรรยากาศฝนตกรถติดช่วยฉัน" จริงๆแล้วไม่ได้ช่วยนะ รถก็ไม่ได้ติดด้วย แต่พอกินเสร็จเราก็ติดฝนนะสิ อันที่จริงกินเสร็จก็ไม่ได้หมายความว่าหมดนะ หัวปลาเนื้อเยอะมากกินไม่หมดเลยต้องเก็บไว้กินต่อ พอรอฝนซาสักพักเราเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารใหญ่ดูแล้วประมาณว่าเป็นตลาดขายส่งผลไม้เลยกะว่าจะลองเดินเข้าไปดู แต่ไม่เจอทางเข้า 555 เจอแต่ร้านขายของฝากเลยแวะเข้าไปเดินดูเล่นๆ พอกลับออกมาข้างนอกฝนก็ยังตกพรำๆอยู่เหมือนเดิม ตรงนั้นมีคิวแท็กซี่จอดรออยู่หลายคัน เห็นคันแรกเป็นลุงแก่ๆก็หวั่นใจแระ เพราะเห็นในบางรีวิวเค้าเคยบอกไว้ว่าแท็กซี่ไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นท่าทางลุงคนนี้ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ได้ยินมาว่าแท็กซี่ต่างประเทศเค้าไม่ปฏิเสธผู้โดยสารแบบบ้านเรานี่นา จะไม่มีมาเปิดประตูถามว่าไปที่นั่นที่นี่ไหม สามารถเข้าไปนั่งแล้วบอกปลายทางได้เลย และเราก็พลาดเองที่แม้จะอ่านเจอมาว่าแท็กซี่บางคนเค้าไม่เข้าใจถ้าบอกว่าไป MRT Xingtian temple แต่เราก็ลืมไปหาข้อมูลว่าสถานีรถไฟฟ้าคนที่นี่เค้าเรียกว่าอะไรน่ะสิ และคุณลุงแกก็ไม่เข้าใจพวกเราจริงๆ ขับรถออกมาแค่ 10 เมตรเองแกก็จอด ถามเราอีกทีว่าจะไปไหนนะเราก็บอก MRT Xingtian temple เอาแพลนที่พิมพ์ใส่กระดาษให้ดูตัวอักษรคิดว่าแกน่าจะเข้าใจเพราะว่าตัว pinyin คำว่า Xingtian ก็เขียนแบบเดียวกันแหละ แต่นางก็ไม่เข้าใจ เอาแผนที่ที่ได้จากรร.ให้ดู แกก็มองอยู่นาน เหมือนจะมองไม่เห็นอีก ชี้ๆให้ดู แกก็ส่ายหน้าแล้วก็บอกว่า China อ่า China เราก็บอกว่านี่มันไม่ใช่ไชน่านะมันเป็นแผนที่ไทเป แล้วแกก็เอาแพลนของเราไปถามคนข้างนอก แกเดินไปสักพักกลับมานึกว่าจะรู้เรื่องแล้ว เอิ่ม แกก็ยังคงไม่เข้าใจ เราก็เอาแผนที่ให้ดูอีกรอบ แล้วก็เอาแผนที่ที่ใหญ่กว่าหน่อยจากรูปแคปเจอร์ในมือถือให้ดู แกก็ยังไม่เข้าใจ ยังคงประโยคเดิม China อ่า China แต่มีเพิ่มมาด้วยว่า google อ่า google ก็เอาแผนที่ให้ดูแล้วยังไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วลุง เปิดอากู๋ไปก็คงไม่มีประโยชน์ คือก่อนหน้านี้เราก็ลองบอกแกว่าไป Golden China Hotel แล้วด้วยนะ เพราะจำได้ว่าเดินจากทางออก 4 มาเราผ่านหน้าโรงแรมนี้ เลยกะว่าแกน่าจะเข้าใจมากกว่าถ้าพูดชื่อรร.ใหญ่ๆ และถ้าเรานั่งไปลงแถวนั้นก็ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าแล้ว จะเดินต่ออีกหน่อยก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีบอกน้องตัดสินใจลงจากรถกันเถอะ ตอนนั้นมิเตอร์ปาเข้าไป 90 กว่าเหรียญแล้ว ทำไงดีถ้ามิเตอร์มันขึ้นจาก 35 เป็น 50 บาทอย่างเมืองไทยตอนรถติดไม่ไปไหนเราก็จ่ายนะ แต่นี่ไม่เกิน 10 เมตรให้จ่ายเกือบ 100 NT ก็ไม่ไหวนะ ขอบายล่ะนะลุง Bye...แล้วเราก็ลงจากรถ ครั้นจะเดินกลับไปที่คิวแท็กซี่เดิมก็กลัวเดี๋ยวเจอลุงวนไปแถวๆนั้นอีก ไม่อยากเจอแก แต่เรามาคิดได้วันหลังๆนะว่า China ของแกสงสัยจะหมายถึง Chinese รึเปล่า แกคงอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก อยากได้ตัวอักษรจีนหรือให้พูดจีนกะแก เพราะในแผนที่ตัวอักษรจีนมันค่อนข้างเล็ก แต่ว่ารุ่นแกก็น่าจะได้เรียน pinyin แล้วนี่ เราก็พยายามออกเสียง Xingtian ให้ใกล้เคียงที่สุดกับการอ่านพินอินแล้วนะ แต่แกก็ควรจะเดาได้ไหม ไปส่งเราที่วัด Xingtian ก็ยังดี ส่วนที่ว่า google ของแกคงไม่ใช่ google map อย่างที่เราเข้าใจ คงจะเป็นแปลภาษาล่ะมั้ง เราก็ลืมไปว่าเรามีแอปภาษาจีนอยู่ในมือถือมัวแต่ปวดหัวกับลุงแกด้วยเลยลืมสนิท ไปหามาให้รถไฟฟ้า หรือ MRT เรียกว่า jiéyùn (เจี๋ยอวิ้น) ซึ่งอักษรจีนตัวย่อ คือ 捷运 ส่วนตัวเต็ม คือ 捷運 ซึ่งที่ไต้หวันจะเรียกไม่เหมือนที่จีนนะจ๊ะ)
เมื่อเราเลือกที่จะไม่เดินกลับไปขึ้นที่คิวแท็กซี่หน้าตลาดปลาแล้ว เรามองไปด้านหน้า(หันหลังให้ถนนที่ตรงมาจากตลาดปลา)เห็นมีถนนใหญ่ข้างหน้า คิดว่าจะออกไปขึ้นแท็กซี่ที่ถนนนั้น แต่พอเดินออกไปถนนกว้างมากต้องเดินมาไกลกว่าจะถึงทางม้าลายเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง พอเดินต่อจากนั้นตอนแรกก็เห็นแท็กซี่วิ่งมาหลายคัน กะจะไปโบกตรงป้ายรถเมล์(ไม่กล้าโบกกลางทาง) พอไปถึงป้ายก็ไม่มีมาสักคัน เดินต่อไปมองหาแท็กซี่ว่างไป พอเดินไปอีกสักพักก็เจอจะโบกตรงทางออกปากซอย ก็มีคนโบกตัดหน้าไปพอดี ว้า.. สุดท้ายขากลับเราก็ไม่ได้นั่งแท็กซี่แต่อย่างใด เพราะพอเราเดินไปถึงแยกถัดไป ไปถามทางคนบอกทางเขาชี้ทางในแผนที่ก็ดูว่าไม่น่าจะไกลเท่าไหร่แล้ว และในรีวิวบอกว่าถ้าเดินจากสถานีรถไฟฟ้าไปตลาดปลาระยะทางก็ประมาณกิโลนึง เราคิดว่าเราเดินกันมาเยอะแล้วจุดหมายปลายทางของเราก็คงจะไม่ไกลจริงๆ เราจึงตัดสินใจว่าเดินต่อไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าเลยแล้วกัน
แผนที่การเดินทางกลับจากTaipei Fish Market ไป MRT Xingtian temple
(ระยะทางที่เราเดินจาก google map คือ 1.2 กิโลเมตร)
ถ้าเพื่อนๆคนใดเดินกลับในระยะทางประมาณ 1 กิโลไหว ก็สามารถเดินอย่างเราแล้วชมบ้านเมืองไประหว่างทางได้นะเราจะบอกเส้นทางให้ ถ้าเดินออกมาจากตลาดปลาตรงข้ามจะเห็นคิวแท็กซี่จอดอยู่ให้เลี้ยวซ้ายตรงมาเรื่อยๆผ่านแยกเล็กๆแล้วออกสู่ถนนใหญ่(จะเห็นว่ามีทางด่วนอยู่ด้านบน) เมื่อเจอกับถนนใหญ่แล้วให้เลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อยๆ (จุด A บนแผนที่)จะเห็นมีปั๊มน้ำมันอยู่ทางขวามือ
ขากลับเดินผ่านปั๊มน้ำมันปั๊มนี้ ดูแล้วก่อรู้สึกแปลกตาดี ปั๊มมาตั้งอยู่ตรงใต้ทางด่วนเลย
จากนั้นเดินไปอีกหน่อยจนเจอทางม้าลาย ซึ่งเป็นทางม้าลายแรกที่จะเจอตั้งแต่เดินออกมาทางถนนใหญ่ ให้ข้ามทางม้าลายไปยังฝั่งตรงข้าม(จุด ฺB)
จากรูปกำลังถ่ายตอนข้ามมาได้ครึ่งถนน อยู่บนเกาะกลางที่อยู่ใต้ทางด่วน
พอข้ามไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายต่อไปอีกจนสุดทางถนน(ระหว่างนั้นขวามือจะเจอสถานที่เป็นเหมือนกับที่จัดงานศพที่จุด C แต่ไม่ใช่วัดนะ) แล้วไปเจอแยกใหญ่ๆ ตอนนั้นพอเจอแยกนี้เรานี่งงเลยจำได้ว่าทางที่มาข้างบนมีทางด่วน แต่ไม่ได้มีทางด่วนอยู่ข้างบนแต่ต้น เราเลยไปถามคนที่เค้ากำลังรอข้ามถนนอยู่ตรงแยกเป็นชายวัยกลางคน ตอนแรกเหมือนเค้าจะโบ้ยๆมือ ประมาณว่าเค้าบอกเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้หรอก เราก็เลยเอาแผนที่ขึ้นมาชี้ให้เขาดูว่าเราจะไป MRT Xingtian temple แล้วเค้าก็ดูแผนที่อยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกำลังทำความเข้าใจทิศในแผนที่ให้ตรงกับมุมที่อยู่ตรงนั้น แล้วเค้าก็ชี้นิ้วลากบอกทางให้ว่าจากตรงนี้ให้เลี้ยวขวาไปก่อนแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายก็จะถึงสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งต้องขอบคุณคุณคนนี้มากเลยสงสารเขาด้วยต้องรอสัญญาณข้ามถนนใหม่อีกรอบเพราะเมื่อกี้ตอนคุยกับเราไฟเขียวไปแล้วรอบนึง
มุมด้านหนึ่งของสถานที่จัดงานศพของคนไต้หวัน(จุด C ในแผนที่ด้านบน)
พอเดินต่อไปสักพักฝนก็ตกมาแรงอีกเราหลบฝนอยู่พักนึงแล้วฝนก็เริ่มซา แต่ดูท่าทีแล้วคงไม่หยุดตกเร็วๆแน่ๆ เราตัดสินใจเดินต่อแล้วก็ผ่านวัดๆนึง เราเดาว่าที่นี่น่าจะเป็นวัด Xingtian(จุด ฺD บนแผนที่) ซึ่งวัดนี้แค่มองด้านนอกก็สวยงามเชียวล่ะ ถ้าฝนไม่ตกแล้วเวลาไม่ late จากที่แพลนไว้ ก็อยากจะเข้าไปไหว้พระอยู่เหมือนกัน
พอเดินต่อจากวัดไปอีกหน่อยจะเจอแยกใหญ่อีกแยกนึงแยกนี้คนเยอะทีเดียว พอเดินมาถึงแยกให้ข้ามถนนไปทางซ้ายมือแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดหมายที่รอคอย นั่นคือMRT Xingtian temple พอข้ามถนนมาใหม่ๆเราก็ไม่มั่นใจว่าทางที่เดินมาจะใช่ไหม แต่คุ้นๆกับตึกที่ออกแบบเก๋ๆตึกนึง เราเลยลองดูรูปในโทรศัพท์ที่เราถ่ายไว้ได้รูปนึง ใช่เลยตรงกันเลย เรามาถูกทางแล้วจริงๆ และพอเราเลือกเดินทำให้ขากลับเราก็ได้เจอผ่านร้านเบเกอร์รี่น่ารักๆร้านนึงด้วย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา
Mudan Peony
วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.29 น.