เขาไม่รักให้มาหาเรา

เขาไม่ชอบก็ให้มาหาเรา เดี๋ยวเราจะพาออกไปให้หมอกกอด ไม่ง้อเขา หราาาาฮ่าๆ

วันนี้ผมจะพาทุกคนไปพิสุทธิ์ โอโซน 1 ใน 7 ของโลก

วังน้ำเขียว เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมารู้จักกันอย่างดีในฐานะเป็นสถานที่ที่มี โอโซน ติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก จนมีสมญานามว่า "สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" ทีแรกผมก็ไม่เชื่อ จนได้มีโอกาศมาสัมผัสด้วยตัวเอง ถึงบางอ้อเลยครับ ถ้ามีใครถามว่าที่ใหนอากศดีในไทย ผมยกโหวตวังน้ำเขียวแน่ๆ

-------------------------------------------------------------------------------------------------

กระทู้นี้รูปเยอะหน่อย แต่ก็อยากให้ชม เพราะธรรมชาติสวยจนต้องร้องขอชีวิต (ก็เว่อปายยยย )

วันนี้จะพามารู้จักกับวังน้ำเขียวในฉบับธรรมชาติสร้างขึ้นเองโดยแท้ ทั้งทะเลหมอกยามเช้า


แสงอาทิตย์ในสายหมอก

น้ำตกกลางหุบเขา พูดมาทุกคนคงไม่เชื่อ ถ้างั้นเดี๋ยวผมพาเที่ยวชมผ่านกระทู้ผมเลยละกัน

..............................................................................................

ผมเริ่มต้นทริปจากหนองคาย นั่งรถไป กทม. ใช่ละครับคุณอ่านไม่ผิด ผมนั่งรถไป กทม เพื่อที่จะได้มาพร้อมกันกับเพื่อนและพี่ๆอีกสี่คน อ่อลืมบอกเลย ทริปนี้เรียกทริปคนแปลกหน้านะครับ เพราะพวกเราใม่เคนเจอกันเลย แต่มีสิ่งเดียวที่คิดว่าจะเข้ากันได้ดี นั่นคือหัวใจที่รักในการเดินทางเหมือนกัน คมจังวะคำพูดฮ่าๆ ผมก็นั่งยาวถึง กทม 05.00 คนอะไรอยู่อีสาน ไปเที่ยวอีสานแต่ดันไปกลับรถ กทม เพื่อนอยู่หนายยย จังหวะนั้นหานอนค้างห้องเพื่อนรอเลยครับ

.........................................................................................

15/08/60

เรานัดกันเวลา 09.00 ที่ลาดพร้าวซอย 19 บอกเลยว่าผมตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือการเที่ยวที่แปลกใหม่อีกครั้งก็ว่าได้ ผมได้คุยกับพวกพี่ๆบ้างในไลน์ วันนั้นเอาละ เครียดอยู่นานว่าจะเริ่มต้นคุยด้วยคำว่าอะไร แต่พอไปเจอเท่านั้นแหละ ฮ่าๆ คำพูดที่เตรียมมา ไม่ได้พูดสักคำ ทุกคนคุยกันเหมือนรู้จักกันมาก่อนเลยแต่ละคนดีไปอีกกกก....

เรานั่งคุยกันทำความรูปจักกันไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พัก กินกาแฟบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง หลับบ้าง ตื่นบ้าง หิวบ้าง ถ่ายรูปบ้าง ทุกคนจินตนาการตามได้เลยครับ คนที่พึ่งรูปจักกัน 5 คนอยู่ในรถคันเดียวกัน มันก็จะไม่ค่อยคึกครื้นเท่าไหร่ แต่พี่เขาถือว่าดีมาก ที่พยายามคุยกันจนทุกคนกลายเป็นคนรู้จักกัน ถ้าถามว่าแปลกดีมั้ยว่าคิดว่า เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่มากกว่า สมาชิดทั้ง5 มีนามดังนี้ 1 พี่แฮค หล่อนิ่ง เฟรนลี่ 2 พี่หมี ขาวตี๋ขี้เล่น 3.พี่โจ้ อัธยาศัยดี มีอารมขัน 4.มิกซ์ นิ่งๆ แต่ผมว่ามันไม่นิ่งหรอก เผลอๆขี้กวนกว่าผม และ 5 ผมเอง เรียบร้อย พูดน้อย

และแล้วเราก็ถ่ายรูปกลุ่มเก็บไว้เป็นที่ละทึกกันสักหน่อยก่อนจะเดินทางยิงยาวสู่ วังนำเขียว

ถ่ายภาพโดยพี่แฮค

เที่ยวครั้งนี้เราพักที่ วิลล่าเขาแผงม้า แล้วเราก็เดินทางไม่นานนักเราก็ถึงที่พัก ประมานเกือบๆบ่าย 2 ระยะเวลารวมแวะเที่ยว แวะเยี่ยว แวะกินข้าวแล้วนะครับ

.....................................................................................

พอถึงที่พักก็ต้องร้องว้าววว นี่คือที่พักจริงๆใช่มั้ย ผมนึกว่าที่เที่ยวซ๊ะอีก บอกเลยว่าไม่ได้พูดเว่อร์ไป ที่พักสไตล์บาหลี ตกแต่งสวยงามสบายตามาก ทั้งรีสอร์ท ตกแต่งด้วยดอกไม้สด ไม่ช้าครับ ถ่ายรูปเล่นรัวๆเลยทีเดียว ก่อนจะเห็นบรรยกาศห้องพัก ผมขอนำเสนอมุมๆนึงของ รีสอร์ท ที่ผมเดินผ่านกี่ครั้งก็ต้องอดใจกดชัตเตอร์ไม่ไหว เป็นมุมที่ทั้งเหงา และสดใสในมุมเดียวกัน

ก่อนจะเอาของไปเก็บ ก็เลาะกันเลยครับไม่รอช้า รีสอร์ทโดนโอบล้อมด้วยภูเขา ข้างหน้าเป็นไร่ข้างโพด บอกเลยว่าเป็นสถานที่ ที่ผมอยากครอบครองมาก ถ้าจะซื้อเงินก็ไม่ค่อยเป็นใจ จึงทำได้แค่มองฮ่าๆ


วันแรกเบาๆ เพราะต่างคนต่างเหนื่อยกับการเดินทาง เที่ยวในรีสอร์ทก็ได้วะ เก็บเเรงไว้ไปหยอกวัวกระทิงตอนดึก เอ้าลุยยย สระว่ายน้ำผมอยู่หนายยยยยยยยยยยย หลีกหน่อยครับเด็กบ้านนอกจะโดดน้ำ

แต่ละคนนี่เล่นแบบไม่เกรงใจอายุกันเลยทีเดียว

สระว่ายน้ำรีสอร์ท มีห่วงยางเป็ด ห่วงยางม้าไว้บริการด้วยนะครับ แต่รูปตอนผมขึ้นนั้น เละครับ5555

พอเล่นน้ำกันจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลาสรรค์ประทานนั้นคือรับประทานอาหารเย็น ฮ่าๆ หิวววววววครับหิวไม่รอช้า ลุยอย่างเดียว เเต่กระเพาะผมเล็ก กินได้ตามีตามเกิด ส่วนพี่คนอื่นนั้นฮึมๆไม่ต้องพูดถึง อาหารที่นี่บุปเฟ่นะครับ

สายรักสุขภาพก็มาครับ น้ำเครอทปั่น หวานเย็นชื่นใจ

จากนั้นก็กลับห้องกันครับ เตรียมตัวไปหยอกวัวกระทิงกันครับ ผมนี่ตื่นเต้นมากเพราะนี่เป็นครั้งแรก แต่ไปครั้งนี้ ถ้าใครได้มีโอกาศไป รบกวนทำตามกฏตอนถ่ายภาพด้วยนะครับ นั่นคือห้ามใช้แฟลต

ไม่นานนักรถของเจ้าหน้าที่ก็มารับเรา ค่ารถรวมค่าเที่ยวชม เหมาคันนั่งกี่คนก็ได้ 1200 บาทนะครับ

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่เขาแผงม้า ดูวัวกระทิง นั่งรถไป จินตนาการไป จะน่ารักเหมือนกระต่ายมั้ยน้า จะลูปหัวได้เหมือนหมาที่เลี้ยงรึเปล่า สักพักรถตกหลุมถึงกับสะดุ้งเลยทีเดียว อ่อ ตะกี้ผมฝันฮ่าๆ สักพักเราก็เจอตัวแรก มาเร็วเจ้ากระทิง ไปเรียกเพื่อนมาเร็ว

เอ้าเก๊กหล่อหน่อยเจ้าหนุ่มน้อย (หนุ่มมั้ยไม่รู้ ตัวผู้ไว้ก่อนละกัน)

จากนั้นก็นั่งรถรถชมไปเรื่อยๆ วันนี้โชคไม่ค่อยดี เพราะกระทิงไม่มาใกล้ฝั่งเลย กระทิงอยู่ไกลบวกกับสกิลถ่ายรูปกากๆของผม รุปเลยออกมาแบบนี้ฮ่าๆ ตาเหลืองๆตัวดำๆนั่นละครับ เจ้ากระทิง

วันนี้โชคก็ไม่เข้าข้างอีก อุทยานปิดไม่ให้เข้าไปลึก จ้า กลับก็กลับ กลับๆๆๆๆๆๆ แต่ขากลับ กระทิงไม่วายที่จะแวะออกมาหยอก คราวนี้ฝูงใหญ่เลย แต่รูปที่ได้ไม่เช่นเคยครับ เป็นรูปกล้องพี่หมีฮ่าๆ ยืมหน่อยละกันพี่ รูปนี้เป็นฝูงดี แต่อย่างน้อยก็พอใจละว้า ยังพอได้เห็น


คิดไว้กันว่าจะเก็บเเรงไว้พรุ้งนี้ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับฮ่า นั่งเม้ามอยเเลกเปลี่ยนความรู้กันไปเรื่อยจนปากเมื่อยกันทีเดียว แต่สิ่งที่ได้ในคืนนั้นคือ ได้รูปแนวๆจาก ช่างภาพฝีมือเทพอย่างพี่หมี กันทุกคนเลยครับ ขออนุญาตพี่หมีด้วยละกัน ขอนำภาพมาประกอบแปป


ถึงเวลาก็แยกย้ายนอนมีนัดดูหมอกไร่เข้าโพดกันตอนเช้า

.....................................................................................................

16/08/60

..........................

โปรแรมวันนี้

-ชมหมอกยามเช้า

-ปลกผักสลัด

-ชมวิวผาสลัดได

-ชิมอาการร้านชื่อดัง

-เที่ยวน้ำตก

-ชมพระอาทิตย์ตก(ถ้าทันเวลา)

เรานัดกัน 06.00 ตามคาดครับตรงเวลามาก ผมนี่ออกไป เจ็ดโมงกว่าเลย วิ่งสิครับมึงวิ่งงงง


จากง่วงๆพอเห็นวิวตรงหน้าเท่านั้นแหละ หายง่วงทันทีครับ คุ้มครับคุ้ม คุ้มค่ากับการแหกขี้ตาตื่นมาตินเช้า รออะไรละครับ ถ่ายรูปสิครับถ่ายรูป

สวยไม่สวย ดูจากภาพเลยครับ

วิวสวยอยู่แล้ว เพราะฉนั้นอย่ารอช้าที่จะมั่นหน้าเอาตัวเองไปยืน (พี่โจ้บอกเล่นตัวเองค่อยไม่เจ็บ) ว่าละก็ลุย


1 ไม่พอ ต่ออีก 1 จากนั้น ก็เดินเล่นสัมผัสอากาศ สัมผัสเอาวิตามินดีเข้าร่างกาย นี่สินะ แหล่งโอโซน บรรยากาศดีจริงๆ

ถ่ายรูปต่อครับ ถ่ายให้พอแล้วจะได้รีบไปที่อื่น นี่ขนาดที่เดียวยังแช่กันขนาดนี้ เริ่มหวั่นทริปละ จะเที่ยวครบมั้ยน้อ55555

ก่อนกลับไปอาบน้ำกินข้าว กรุ๊ปชอตกันสักหน่อย โดดครับโดด เรามีมือกล้องดีดูครั้งเดียวก็พอใจรูปแล้วววฮ่าๆ

กินข้าวเติมพลังเตรียมตัวลุยต่อ วันนี้ผมกินเบาๆด้วยเมนูข้าวต้มยามเช้า กับกาแฟร้อนๆพร้อมน้ำส้มเย็นๆเอ๊ะยังไง มาทริปนี้รู้สึกสายรักสุขภาพมาก

กิจกรรมที่สองก็เริ่มขึ้น วิลล่าเขาแผงม้า มีแปลงสาทิตปลูกผักสลัด พร้อมให้ชิมกันสดๆ แต่หลังชิมถ้าอยากเอากลับบ้าน มีบริการขายด้วยนะครับ 555

ชิมผักสลัดสดๆจากต้นกันถ้วนหน้า


พร้อมเสริฟด้วยน้ำมะพร้าวเย็นๆ นี่ผมว่าผมควรมาสายรักสุขภาพจริงๆแล้วใช่มั้ยฮ่าๆ

จากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำเตรียมลุยต่อที่ วิวอันแสนสวยของวังน้ำเขียวอีกหนึ่งที่ นั่นคือ ผาสลัดได ไปครับพี่สุชาติ ไปกันเลยยยยยยย..

...................................................................

วิวผาสลัดได มีให้ชุมกันสองจุด จุดแรกจะเป็นลานกว้าง วิวสวยใช้ได้

นี่ละครับ สวิตเซอร์แลนด์แดนอิสาน บรรยากาศนึกว่าอยู่เหนือ แต่ผมไม่เคยไปเหนือนะ เห็นแต่รูปคนอื่นฮ่าๆ

จากหลายๆรูปที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผมตัวติดกับมันตลอด ทั้งด้วยอายุเท่ากัน เลยกล้าคุยกับมันมากกว่าพี่ๆไม่รู้ว่ามันสนิทผมมั้ย ตอนนี้ผมว่าผมสนิทกับมันะฮ่าๆ จนรูปในกล้องทั้งของมันและผมไม่มีรูปตัวเอง เอ้าถ่ายให้กูหน่อยยย

จากนั้นเราก็ลงมายังจุดชุมวิวที่สอง

จุดนี้ส่วนตัวผมคิดว่าสวยกว่าจุดแรก นั่งเก๊กท่าบ้าง

ยืนบ้าง


กระโดดบ้าง ฮ่าๆธรรมดาครับ ถ่ายให้ครบทุกมุม นานๆมาที

มีวิวหนังสติ๊กยักด้วย

จากข้างบนเราจะมองลงมาข้างล่าง เห็นวิวได้ชัดเจน

เวลาผมมองท้องฟ้าต้นไม้ ภูเขา อยู่รวมกัน ทำไมผมดึงลงมามุมเหงาตลอดก็ไม่รู้ หรือว่าผมเหงา ฮืมๆๆๆ ถ้าเขาไม่สนใจมาหาเราได้นะ เดี๋ยวๆๆๆๆ ชงเองเล่นเองเลยทีเดียว ฮ่าๆ เหงาไม่เหงาดูจากภาพครับ

นี่ครับน่าตาต้นสลัดได


จากนั้นเริ่มหิว ได้เวลาตามหาสรรค์ เรื่องกินเรื่องใหญ่ ไปครับไป

............................................................

มื้อนี้เราฝากท้องไว้ที่ คุณต๋อย ตำนานความอร่อยกว่า 25 ปี เรื่องรสชาติ ไม่ต้องพูดถึง อร่อยจนลืมความเหนื่อยไปเลย

ยังๆ ร้านนี้ไม่ใช่มีแค่นี้ ยังมีร้านเค้ก ร้านกาแฟ ซิกๆคลูๆไว้คอยบริการ ทานคาวไม่ทานหวาน โบราณบอกเดี๋ยวสันด_นไพร่ เพราะฉนั้น เราต้องทานหวานครับ ลุยเลยย

................................

ร้านสไตล์โมเดิลแต่งด้วยโทนสีเหลืองเป็นหลัก เป็นร้านลูกสาวของร้านคุณต๋อย พูดเยอะเดี๋ยวไม่เห็นภาพ


น่าตาแต่ละเมนูที่พวกเราลิ้มลอง ฮ่าๆ อิ่มอร่อย จนเกือบลืมไปเลยว่าต้องไปเที่ยวต่อ

.........

ถ้าใครผ่านไปผ่านมาอย่าลืมแวะร้านนี้นะครับ ร้านที่ครบเครื่องเรื่องอาหาร ทั้งของคาวของหวาน รสชาติเป็นมิตรปาก ราคาเป็นมิตรกระเป๋าตังค์แน่นอนผมรับลอง


อีกมุมที่น่ารักของร้านที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ห้องน้ำครับ ไม่ได้เขียนชายหญิงเหมือนที่อื่น ผมว่า ม่าน่ารักอีกแบบนะครับ

มัวเเต่กินเดี๋ยวค่ำก่อน ไปกันครับ เที่ยวน้ำตก เดินทางไปประมาน 7 กิโล ทางเข้าใกล้กับตลาด 79 จะมีทางเข้าไปวัดสวนห้อม ขับรถไปสักพักจะเจออุทยาน ซึ้งไม่ไกลมาก ซึ่งวันที่พวกเราไปนั้นฮ่าๆ น่าจะเป็นกลุ่มเดียวในป่า พอถึงแล้วก็ไม่รอช้าครับ ลุยกันเลยย

ทางเข้าไปเราต้องเดินเท้า มุดป่าดงพงไพร หากใครยุงชอบกัดให้พกยากันยุงไปด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะเป็นเหมือนผมที่ เหมือนโดนกันอยู่คนเดียว


น้ำตกแรกที่เราจะไปเชยชมความงาม นั่นคือ น้ำตกม่านฟ้า ซึ่งห่างจากที่จอดรถประมาน 500 เมตรได้ ก่อนจะถึงนี่ภาวะนามาก ภาวะนาให้น้ำเยอะๆ แต่ก็ตามคาดครับความซวยมาเยือนทุกครั้ง ที่ออกเที่ยว น้ำตกไม่เป็นใจฮ่าๆ เอาวะ เเต่ก็ยังพอได้



เวลาเที่ยวน้ำตก อีกหนึ่งสิ่งที่ผมชอบทำนั่นคือ พยายามแหงนมองนำตกขึ้นฟ้า เเล้วเราจะได้อีกมุมมองที่สวยไปอีกแบบ


น้ำตกกับหินเป็นของคู่กัน จะไม่ให้ความสนใจมันก็เป็นไปไม่ได้ นี่ไง สวยอีกแบบมั้ยละครับ

ก่อนจะไปกันต่ออีกหนึ่งน้ำตก ส่งท้ายภาพถ่ายเท่ห์ๆแถมเบลอ ด้วยภาพนี้ ถ้ามีโอกาศจะกลับมาใหม่ เดี๋ยวจะกลับมาดูความยิ่งใหญ่


ต่อด้วยน้ำตกห้วยใหญ่ เดินย้อนกลับมาทางจอดรถ น้ำตกนี้โชคดีหน่อย ยังพอมีน้ำให้พวกเราเฉยชม ฮ่าๆ ลุยเลยครับลุย




ด้วยความที่เอาเลนส์ฟิกไป จ้าาาา ตายอย่างหมา ถอยไกลแค่ใหนจะได้รูป 55555


รูปตัวเองก็อยากได้ จะพึ่งใครละหันหน้าไปทันที คนซวยคงไม่พ้นไอ้มิิ๊กกับพี่แฮคฮ่าๆ ถ่ายให้ผมโหน่ยคร๊าบบบบบ



ได้รูปแล้วก็พอใจสิครับ เตรียมตัวกลับอย่างเดียวว แต่ๆๆๆๆๆ จะหกโมงละไง ทริปที่วางไว้เหลือพระอาทิตย์ตกผาเก็บตะวัน ฮ่าๆ ถ้าไปวันนี้ตะวันคงไม่ได้เก็บแล้วแหละ เอ้า ไปเก็บหมอกพรุ้งนี้ละกัน ใหนๆก็ยังไม่ได้กลับ รูปกลุ่มกันหน่อยพี่


จากนั้นก็เดินทางกลับ อาบน้ำแต่งตัว คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่นี่ ฮืมมม ความสุขผ่านไปเร็วเสมอ เต็มที่ครับวันนี้

สำหรับวันนี้ก็นำเสนอเมนู ปิ้งย่างบาร์บีคิว


ระหว่างกินข้าวอย่างเอร็ดอรอยอยู่นั้น สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พี่ๆเซอร์ไพร์ทวันเกิดล่วงหน้าให้ผม ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เกินคุ้มของคุ้มในมิตรภาพครั้งนี้มาก ผมซึ่งเกินจะเอาคำใหนมาบรรยาย ยังไงก็ถือโอกาศขอบคุณอีกครั้งนะครับ จะไม่เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีของผมเลย



จากนั้นเราก็ย้ายไปปาร์ตี้เล็กๆที่ศาลาหน้าที่พัก ระหว่างนั้นพี่โจ้ก็จุดประเด็นถ่ายรูปเล่นไฟ จะเป็นใครสอนละถ้าไม่ใช่พี่หมี เอ้า ลุยเลยพี่

............................................

เล่นกันจนหมดแรง เสียงน้ำแข็งในแก้วเริ่มหมด แยกพี่แยก นอนกันดีกว่า หมอกตอนเช้ารอเราอยู่

*****ข้อตกลงก่อนนอนของพวกเราคือ ถ้าฝนไม่ตกเจอกัน 6 โมงเช้า


18/08/60

06.00 กรี๊งงงงงงงง เสียงนาฬิกาผมดัง ฮืมๆ แน่นอนครับคนขี้เซาอย่างผมจะชอบตื่นเช้าหรอ ในใจก็ภาวนาให้ฝนตก แต่ก็ไม่เป็นผล ตื่นพี่หมีตื่น

................................................

พี่แฮคมารับเราไปผาเก็บตะวัน แต่ไม่ได้ไปเก็บตะวันนะ ไปเก็บหมอก งงมั้ย เอ้าไม่งงไม่เป็นไร ไปกันต่อเดี๋ยวตะวันหมด เอ้ย เดี๋ยวหมอกหมด


พอถึงผมเริ่มถอนหายใจ ผิดหวังเล็กๆเพราะมาสาย เหมือนหมอกหมด โทดใครได้ โทดการตื่ของตัวผมเองนี่แหละ เอาวะ ถ่ายไปอย่าบ่น มึงมาช้าเอง ด่าใครหรอ อ่อด่าตัวเอง


หมอกลอยอยู่บนอากาศบางๆ แต่ก็ยังคงความสวยของธรรมชาติ


ตอนนั้นเริ่มไม่สนใจอะไรเลยเดินเล่นไปเรื่อย ถ่ายเล่นไปเรื่อย


นี่ผมเหงาหรอ ทำไมแต่งรุปได้เหงาขนาดนี้


อยู่ดีๆสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทริปนี้ทริปโชคเข้าข้างรึไง หมอกจ้าหมอก หมอกมาจากใหนก็ไม่รู้อู้วูๆๆๆๆๆๆ เยอะมากกกก มากกกกกอไก่ล้านตัว รอช้าทำไม ไปครับพี่สุชาติ ไปเล่นหมอกกัน


มาแล้วจ้าหลีกทางหน่อยย หมอกกล่าวหรอ อ่อเปล่า ผมกล่าวเอง


สวยขนาดใหนไม่รู้ แต่เผลอกดชัตเตอร์ไป 300 รูป



เธอกับเขา และเราสองคน พี่โจ้และมิกซ์ไม่ได้กล่าว



ทีแรกก็นึกว่าเต็มแต่อยู่ตรงวิวหน้าผา เเต่เผลอแปปเดียวพัดมาข้างบนตั้งเเต่เมื่อไหร่ วิ่งเล่นสิครับรออะไร เหมือนคนไม่เคยเจอ



หนาแค่ใหนไม่รู้ รูู้แต่ว่ามองไม่เห็นกัน


ระหว่างเดินกลับผมมองไปเห็นมุมนี้พอดี โอ้โหหหห โดดดเดี่ยวอะไรเช่นนี้ ไม่ต้องเก็บหรอกตะวัน เก็บหมอกดีกว่าวันนี้ คุ้มครับคุ้ม



ยืนให้หมอกโอบกอดกันหน่อย


รูปนี้พี่แฮคถ่าย ฮืมมมม สวยอะไรเบอร์นี้



แสงอาทิตย์เริ่มมาละครับ เริ่มไล่หมอก หรือบอกให้ผมหนีก็ม่ายยรู้ เออไปก็ได้ ได้รูปเยอะเเล้วละ


ชมหมอกจนน่าพอใจ ก็เดินกลับลานจอดรถ แต่ๆๆ พี่แฮคพึ่งบอกว่ามีหอคอยให้ขึ้นไป ทันมั้ยละพี่


อีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถ ทำได้บนผาเก็บตะวันนั่นคือ สามารถกางเต้นตั้งแคมป์ได้ ตอนเช้าไม่ต้องกลัวเหงา คนวิ่งออกกำลังกานเต็มไปหมด


จากนั้นเราก็เดินทางกลับมาอาบน้ำเเต่งตัวกินข้าวเตรียมตัวกลับ ฮืมม ผมไม่ชอบฟิลนี้เลย โอ้ยยยความสุขผมกำลังจะหมดไป งอแงกับใครได้ อ่องอแงไม่ได้ วันลาไม่เหลือ เครๆกลับก็กลับ


.........................................

แต่ก่อนจะกลับ กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง กินสิครับกิน แต่มื้อนี้เชฟโจ้เชฟแฮคลงมือเองเลย ส่วนพี่หมีช่วยถ่ายภาพ ส่วนผมกับมิกซ์เด็กสุดเสียสละนั่งรอชิมละกันพี่ ฮ่าๆ แล้วเมนูก็ออกมาสำเร็จ นั่นคือไก้บอนชอน โอ้ย แค่กลิ่นก็น้ลายไหล ลุยครับ




หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสินะ เสียงเทเลแทบบี้ก็มา โอ้ยยยไม่อยากกลับ แต่ทำไงได้ เหมือนหัวใบไล่ออกคำคอ จ้าาา กลับก็ด้ายยยยย

...........................................................

พวกเรานั่งรถพี่แฮกมา ที่ กทม ยังนะครับผมยังนั่งอยู่อีก ฮ่าๆ และเเล้วผมก็ต้องแยกย้ายกับพี่ๆที่สนามบินดอนเมือง สิ้นสุดการเดินทาครับ ทุกคนในทริปกลับสู่โลกความจริง ไปทำหน้าที่ตัวเอง ไปทำงาน ไปตามความฝัน ฝันไรวะ เออ ฝันก็ฝัน ส่วนผมก็กลับไปทำงานไปใช้วิถีชีวิตตามปกติครับ แน่นอนครับกลับไปก็สภาพแวดล้มเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแปลกตาไปกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความคิดของผมครับ ผมรู้สึกโลกของผมกว้างขึ้น ทุกครั้งที่เดินทางผมเหมือนได้รับพลังบางอย่าง
เหมือนกลับมาแล้วมุมมอง ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจากเดิม สำหรับผมแล้วการได้ก้าวขาออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญกับตัวเองครับ บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิต20,000วันบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจ และคนอื่นไม่เดือดร้อน
สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณมากๆถ้าคุณอ่านทุกบรรทัดของผม
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปของผมทั่งสี่คน


ขอบคุณมิตรภาพในครั้งนี้ที่ทำให้ทริปของคนแปลกหน้า แต่กลับมาแล้วได้ทั้งเพื่อนและพี่
ขอบคุณคำติชมสำหรับคนที่หัดทำรีวิวครั้งแรก
ขอบคุณที่ดูรูปผมทุกรูป ไว้เจอกันใหม่นะ ผู้บ่าวขาเที่ยว


ความคิดเห็น