บทที่ 1 : แบกกระเป๋ามุ่งหน้าสู่เด่นชัย

ทริปนี้ตรงกับวันเกิดจึงไฮไลท์ไปที่การทำบุญ เน้นสงบจิตใจ บวกกับงานส่วนตัวของตัวเองที่มันมีเหตุผลหั้ยต้องไปแพร่ แล้วก็ส่วนตัวเนี่ยชอบการเดินทางด้วยรถไฟมากมาก เวลาหาทริป เหตุผลที่ทำไมถึงเลือกไปนี้ไปนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะว่ามีเส้นทางรถไฟผ่านจังหวัดนั้นๆนั้นแหระ สรุปทริปนี้เลยเป็นแพร่

แพร่เป็นจังหวัดไม่ใหญ่มาก เพราะฉะนั้นตัวเมืองแพร่จึงไม่ยากในการเดินทางภายในตัวเมือง ถ้าไม่ห่วงสวยมาก รึหนังหน้าดีอยู่แล้ว การเดินเที่ยวในตัวเมืองไม่ใช่เรื่องยากเลยแต่ เค้า 5555+ หนังหน้าคือเมื่อไรที่เหงื่อออกหน้าจะมัน เยิ้ม คล้ำและน่ากลัววววว !!! เดินเท่าที่เดินไหว ไม่ไหวก็ใช้ตัวช่วยเป็นมอไซค์เช่า

เอาละ เกริ่นยาวไปละ เข้าเรื่องเลยนะ การเดินทางไปแพร่นั้น แหง ละมันต้องไปด้วยรถไฟอยู่ละ เริ่มด้วยการจองตั๋วรถไฟไปเด่นชัย กะเวลารถติดในวันศุกร์แล้วรอบที่ดีที่สุดจึงเป็นเวลา 21:09 น.



@สถานีรถไฟรังสิต

ด้วยสถานีรถไฟรังสิต ที่นั่งมีน้อยคนรอค่อนข้างเยอะ ยืนกันไป แต่พอเริ่มดึกคนก็เริ่มทยอยขึ้นรถไฟรอบหัวค่ำกันไปกันเรื่อยๆ จนได้ที่นั่ง ก็...นั่งรอไป เวลาในตั๋งระบุไว้เวลาเดินทาง 21:09 น. แต่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นเวลาที่รถไฟออกจากสถานีใหญ่ เพราะเอาจริงๆรถไฟมาถึงเกือบ 22.00 น. ก็ want Slow Life ไง ชิคๆชิวๆไป ..... มันไม่ใช่สถานที่ใหญ่โตที่จะมีแอร์ก็ร้อนๆหน่อย เหม็นๆหน่อย เพราะพ่อเจ้าพระคุณรุนช่องทั้งหลาย พ่อนึกอยากจะสูบบุหรี่ก็สูบมันซะแถวนั้นละ แล้วหัวกรูวส์นี้ กรูวส์จะไปเที่ยวเนี่ย หึ่งกันเลยที่เดียวเชียว ไหนจะห้องน้ำ ที่กลินค่อนข้างอบอวนโชยตามลม อดทนกันไป แต่แค่นี้ไม่ได้ทำให้เราอารมณ์เสียหรอก มันเป็นการฝึกความอดทน ฮึ๊!!!!

ถ้าถามว่าทำไมชอบรถไฟ.......

"ไม่รู้ซิ" .....

แต่รู้สึกว่า การเดินทางมันเริ่มตั้งแต่รถไฟเทียบชานชาลา การเก็บภาพมันเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นแหระ

มิตรภาพ....

รอยยิ้ม....

เสียงหัวเราะ....

น้ำใจ.....

มันเกิดขึ้นได้ง่ายมักมาก ที่มันเกิดขึ้นง่ายเนี่ยเราคิดว่า (ความเห็นส่วนตัวนะ) เพราะส่วนใหญ่คนที่เลือกเดินทางด้วยรถไฟ ประหยัด ง่าย ไม่ยุ่งยาก คนที่เราจะเจอไลฟ์สไตล์ก็จะ บ้านๆ เรียบๆ ธรรมดาๆ ชาวบ้านๆ อีหนูๆ ป้าอยากเข้าห้องน้ำ แต่กลัวห้องน้ำประตูปิดไม่ดี ปิดไม่ได้ บลาๆๆ พาป้าไปเข้าหอน้ำหน่อย เคยเจอป้าขอให้พาไปเข้าห้องน้ำ 2 รอบแล้ว 555+ รอบแรกไม่ได้พาไปเพราะหิวกำลังจะกินข้าวงี้ แต่ครั้งนั้นป้าไม่ได้พูดชัดขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ป้าชัดเจนมากว่าต้องการให้เราพาไป เอ้า! ไปก็ไป

......ถ้าเป็นเครื่องบินแน่ละ มันก็จะดูหรูขึ้นมาหน่อย คนบนนั้นมีหลากหลายชนชั้น เริ่มไม่บ้านๆละ เรื่องมากก็มีเชื่อซิ ..... หรือฉันเอง ที่ เข้าไม่ถึง 555+

ตั้งใจว่า จะหลับก็ไม่ได้หลับ .... เลือกที่นั่งมา ตอนคลิกคิดว่าตัวเองคลิกริมหน้าต่าง.... กดจองหักตังส์ในบัญชีปริ้นใบตรวจอีกครั้งถึงได้รู้ว่าคลิกผิดเลือกริมทางเดิน ... -..- เออ ช่างเหอะ !!! หลับๆตื่นๆ หลับบ้างตื่นบ้าง ตื่นมาทีไร ไอ่ข้างๆเล่น ROV ไม่เลิกไม่หลับไม่นอนเลย ส่วนข้านั้น หลับได้ตลอดเวลา เพียงแต่หลับไม่สนิท นั่งริมทางเดิน พอจะหลับ เหนียวมั้ยคร้าบเหนียวร้อนๆครับ เดินผ่านไปมา พอจะหลับอีก เปามั้ยครับซาลาเปาร้อนๆครับ .... =..= เดี๋ยะๆๆๆ เดี๋ยวถ้าแกเดินมาอีกรอบข้าจะกินแล้วนะ

...... จนที่สุดก็ถึงสถานีเด่นชัย..... ในเวลา ประมาณ 06.30 น. .....

และแล้วรถไฟ ขบวน107 รถเร็ว กรุงเทพ เด่นชัย ก็เข้าจอดที่ชานชาลาเรียบร้อย เมื่อถึงเด่นชัยจะมี2แถว แต่จะช้าหน่อยเพราะเขาจะรอจนกว่าคนจะเยอะ แต่เราหิวมากๆ เลยมาแท็กซี่เข้าตัวเมือง 100 บาทไม่ใช่แท็กซี่สีฟ้าเขียวเหลืองนะ มันเหมือนกันชาวบ้านเอารถตัวเอามาคอยรับส่งประหนึ่งอูเบออะไรเทือกนี้....ถ้ามีแทบไม่ต้องหาเค้าจะถลาเข้าหาเราเอง

เราไปตั้งสติ...เอ๊ย! ตั้งหลักที่ ขนส่งแพร่ คิดว่ามันต้องมีรถสาธารณะบ้างละ แต่ก็ไม่มีรึมั้นเช้าไปก็ไม่รู้ สุดท้าย เหมาสองแถวนี้ละ เที่ยว โดยครึ่งวันเช้าก็เลือก ไปพระธาตุช่อแฮ และ พระธาตุจอมแจ้ง และไปที่พัก เหมาๆ 300 สำหรับเราเราว่าไม่แพงนะ

ความงานวัดไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกนาจา


วัดพระธาตุจอมแจ้ง


หลังจากนั้นเราก็มุ่งตรงไปที่พักเอากระเป๋าไปฝาก เช็คอินได้ตอน 14.00 น. เราตั้งใจจะเดินเที่ยวในตัวเมืองเอง เพราะคิดว่าเดินไหว อีกอย่างจะได้หามุมถ่ายภาพแปลกๆใหม่ๆอีกด้วย

เราพักที่ Mee Bed and Breakfast สไตล์ชิคๆคูลๆ ดูราคาก็สบายๆ mee bed and breakfast .... ตั้งอยู่ในตัวเมืองแพร่ ที่พักสวย สะอาด สงบ มีความชิคๆคูลๆ มีมุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ บริการเป็นกันเอง มีแนะนำการเที่ยวให้ บริการหลักๆของที่พักก็จะมี อินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) ฟรี ห้องอาหาร มีมินิบาร์ มีคาเฟ่ในสถานที่ มีที่จอดรถส่วนตัวฟรีในสถานที่ และยังมีบริการจักรยานให้ใช้ฟรีด้วย ....ที่พักพร้อมอาหารเช้านี้ให้บริการห้องพักปรับอากาศ มีโทรทัศน์จอแบนระบบช่องสัญญาณดาวเทียม พร้อมครบจบในหลักร้อยเจ้าาาาค่ะ

ชมรีวิวที่พักเพิ่มเติมได้ที่ >> mee bed and breakfast

หรือดูเฉพาะรูปที่พัก คลิกตรงนี้ เลยจ้า


หลังจากพักผ่อนที่ที่พักแล้ว คือแค่เอาของไปฝาก แต่ที่พักเปิดหนังอยู่ และชอบนางเอกเรื่องนั้นพอดีเลยนั่งดูจนจบ ในการเดินของช่วงสายไปจนถึงบ่ายนี้ ก็เริ่มที่จากที่พักไปคุ้มวิชัยราชา แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าจันทร์ แล้วไปคุ้มเจ้าหลวง

คุ้มวิชัยราชา หรือ บ้านวิชัยราชา

คุ้มวิไชยราชา หรือ บ้านวิชัยราชา เป็นคุ้มของพระวิไชยราชา (เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์) พระวิไชยราชานครแพร่องค์สุดท้าย และอดีตเสนาคลังเมืองนครแพร่ บุตรในเจ้าแสนเสมอใจเครือญาติเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 19 ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

คุ้มวิชัยราชา เป็นเรือนแบบผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิงร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนา ประดับตกตกแต่งลวดลายด้วยไม้ฉลุที่เรียกว่าลายอยู่ทั่วตัวอาคาร เรือนแบบนี้เป็นที่นิยมกันในหมู่เจ้านาย ขุนนาง และคหบดี มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 และสิ้นสุดเอาปลายรัชกาลที่ 6 จะเห็นได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศไทยเป็นยุคล่าเมืองขึ้นแช่งกันหาอาณานิคมของชาติตะวันตกบางคนจึงเรียกบ้านแบบนี้ว่า โคโรเนี่ยล หรือบ้านสมัยอาณานิคมเพราฝรั่งนำมาเผยแพร่และสร้างขึ้นในภูมิภาคนี้อย่างแพร่หลาย

เรื่องราวของคุ้มวิชัยราชามีค่อนข้างเยอะ ที่นำมาเขียนในนี้เป็นเพียงประวัติคร่าวๆ เรื่องราวบางอย่างไม่แน่ใจว่านำมาเผยแผ่ได้มั้ย หากอยากรู้ คลิกที่นี้ จ้า (บอกก่อนว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอาถรรพณ์ประมาณนั้น)

เราบอกก่อนนะว่าเราเพิ่งมาเห็นกระทู้เรื่องราวอาภรรพณ์ของคุ้มนี้ที่หลัง อยากจะบอกว่า ตอนไปที่นี้ ตอนถ่ายรูปมันรู้สึกแบบหดหู่เหมือนอยากจะร้องไห้ตลอดเวลา ใจตุ้มๆต่อมๆใจสั่นตลอดเวลา แล้วมันก็เงียบมากกกกกกกกก มันวังเวง มันแบบพะวงอะไรสักอย่างทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นมันอัลเลิร์ดมาตลอดทางอ่ะ ปกติไม่ใช่คนขี้กลัวอ่ะ แต่ตอนเดินเข้าเห็นศาลเล็กๆก็ไหว้ก่อนเข้าแล้ว บอกกล่าวว่าขออนุญาตเข้ามาถ่ายรูปแล้ว สุดท้ายมันไม่ไหวรู้สึกแปลกๆเลยรีบออกมาเลย


แวะทานมื้อเที่ยง ที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำป้าจันทร์ อยู่ไม่ไกลจากคุ้มวิชัยราชา

เมื่ออิ่มแล้ว แรงมาเพิ่ม เราก้ไปต่อที่ คุ้มเจ้าหลวง

ซึ่งจริงๆตั้งใจจะไปวัดพระร่วงด้วยแต่ในวันนั้นมันมีงานศพจึงไม่เข้าไป

คุ้มเจ้าหลวง หรือ คุ้มหลวงนครแพร่ เป็นที่ประทับของเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 22 และเป็นคุ้มเจ้าหลวงเพียงไม่กี่แห่งในแผ่นดินล้านนาที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ คุ้มเจ้าหลวง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงษ์ คุ้มแห่งนี้เป็นอาคารโอ่โถง มีประตู หน้าต่างทั้งหมด 72 บาน งดงามด้วยลวดลายฉลุไม้อยู่ด้านบนปั้นลม และชายคาน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น


หลังจากชมคุ้มเจ้าหลวงเสร็จแล้ว ก็มานั่งพักเพราะแดดมันร้อน มันร้อนแบบอบๆ และคุ้มเป็นไม้ทั้งหลัง ค่อนข้างร้อนมากๆ หาน้ำเย็นๆกินสักแก้ว นั่งพักไปสักพักใหญ่ๆจนแดดร่ม ที่มันร่มเพราะเมฆมันมามืดเลย จึงรีบดิ่งกลับที่พัก แต่ก็ไม่ทัน ฝนเทลงมา อาศัยพอฝนเริ่มเบาก็วิ่งต่อ พอเทหนักอีกก็มุดชายคาบ้านแถวนั้นไป

เริ่มรู้สึกว่าควรจะมีมอไซคนะ อย่างน้อยพอเห็นมืดคริ้มมาจะได้รีบบิดกลับที่พักได้ทัน อย่างที่บอกแพร่เป็นเมืองเล็กใช้ระยะเวลาเดินไม่กี่นาทีก็ถึงที่เที่ยวแต่ละจุดฉะนั้นการบิดมอไซค์ คงใช้เวลาไม่เกิน 10, 20 นาที พอกลับถึงที่พักก็ให้ที่พักจัดการเรื่องมอไซค์เช่าให้โดยเราเลือกเกียร์ธรรมดา 180 บาท มีมัดจำ 500 บาท รถมาสภาพรวมๆคือดี มีน้ำมันเต็มถัง รับรถเสร็จเราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจัดการเป่าผมที่เปียกราวลูกฮิปโปตกน้ำให้เข้าทรงแล้วไปต่อที่บ้านวงศ์บุรี

บ้านวงศ์บุรี


คุ้มวงศ์บุรี หรือ บ้านวงศ์บุรี ตั้งอยู่เลขที่ 50 ถนนคำลือ (ถนนหลังจวนผู้ว่า สี่แยกพระนอนเหนือ ใกล้กับวัดพงษ์สุนันท์ ) อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เป็นคุ้มของเจ้าพรหม วงศ์พระถาง หรือ หลวงพงษ์พิบูลย์ ผู้สืบเชื้อสายมาจากอดีตเจ้าหลวงนครแพร่ และเจ้าสุนันทา วงศ์บุรี (บุตรีบุญธรรมในแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา) ได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่น ปี พ.ศ. 2536 ของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์




คุ้มวงศ์บุรีสร้างขึ้นตามดำริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อเป็นของกำนัลในการเสกสมรสระว่างเจ้าสุนันตา ผู้เป็นบุตรีเจ้าบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) (เชษฐา) ที่ท่านรับมาเป็นบุตรีบุญธรรม และหลวงพงษ์พิบูลย์ (เจ้าพรหม วงศ์พระถาง) โดยท่านทั้งสองได้ใช้เรือนหลังนี้เป็นเรือนหอในพิธีเสกสมรสด้วย

คุ้มวงศ์บุรีเริ่มก่อสร้างขึนในปี พ.ศ. 2440 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2443 โดยได้ช่างชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มาควบคุมการก่อสร้างโดยมีช่างพื้นเมืองเป็นผู้ช่วยจนเสร็จสมบูรณ์ คุ้มวงศ์บุรีมีความพิเศษเนื่องด้วยเป็นที่พำนักของอดีตชายาในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์จึงสามารถขนานนามว่า“คุ้ม”ได้

ปัจุบันภายในคุ้มวงศ์บุรีได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล จัดแสดงประวัติความเป็นมาของบ้าน วิถีชีวิตของเจ้านายในอดีต โดยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆล้วนตกทอดลงมากันในตระกูล

จบจากบ้านวงศ์บุรีเราก็ไปต่อที่วัดพงษ์สุนันท์ ตรงนี้จะมีที่เที่ยวเรียงต่อๆกันไปเลย

วัดพงษ์สุนันท์

วัดพงษ์สุนันท์ อยู่ที่บ้านพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง ชื่อเดิมว่าวัดปงสนุก เดิมเป็นวัดร้าง ทางทิศใต้ของวัดมีสระน้ำและมีรูปปั้นเต่า โดยมีตำนานเล่าว่า นางคำพวนชาวพม่าได้ลงไปในสระเพราะอยากได้เต่าและจมน้ำตาย เพื่อนของนางชื่อส่างตาดจึงสร้างเจดีย์และรูปเต่าสี่ตัวรอบเจดีย์เพื่อระลึกถึงเพื่อน ในพ.ศ. 2472 พ่อเจ้าบุรีศรีปัญญาได้บูรณะวิหาร แต่ต่อมาถูกไฟไหม้และน้ำท่วมจนเสียหาย พญาบุรีรัตน์จึงได้บูรณะใหม่โดยมีหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตาเป็นศรัทธาหลักใน พ.ศ. 2477 วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดพงษ์สุนันท์ ได้วิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2499 ภายในวัดมีพระนอนกลางแจ้งริมกำแพงเป็นเอกลักษณ์ของวัด


ฝนลงเม็ดอีกครั้ง โชคดีที่บริเวณนั้นมีร้านกาแฟ ซึ่งเซิร์ทหาบรรยากาศร้านก่อนไปแล้ว รู้สึกมันน่านั่งมาก เลยตรงดิ่งไปหลบฝนที่นั้น สั่งช็อคโแลตเย็น 1 แก้ว ราคา 40 บาท ราคามาตรฐาน หวานเข้มข้น จัดว่าดีค่ะ



เอาจริงๆนะเราว่าเราเป็นคนมีโชคในการท่องเที่ยวมากๆ ตอนไปภูเก็ตก็บังเอิญไปเจ๊อะหลาดใหญ่ที่มีเฉพาะๆวันไป ครั้งนี้มาก็มาเจอกาดกองเก่า คล้ายๆถนนคนเดินไรประมาณนี้ มีเฉพาะวันเสาร์ ถ้าถนนคนเดินใหญ่ๆชิคๆคูลๆเลย เขาบอกว่ามีเฉพาะเสาร์ต้นเดือน (น่าจะใช่นะมันช่วงต้นเดือนนี้ละ) กาดกองเก่าก็เน้นๆของกิน ซึ่งมันดีมากเพราะเราเที่ยวจุดๆนั้นจนถึงเย็นก่อนกลับห้องเลยแวะเดินหาของกินกลับไป ถ้าเป็นคนเน้นกินและชอบลองกินอาหารใหม่ๆ แนะนำว่าให้ไปเดินเพราะส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมือง เราไม่ชอบลองอะไรแปลกใหม่ บวกกับหน้าตาส่วนใหญ่เหมือนเป็นอาหารรสจืด ซึ่งไม่ชอบเลยจริงๆเลยซื้อแต่อาหารที่คุ้นเคยเป็นอาหารเย็น ขนมจีบ หมูปิ้ง สปาเก็ตตี้ แหะๆ

กาดกองเก่า


บทที่ 3 : Day 2 ประทับใจบ้านเสาร้อยต้น

เช้านี้ตั้งปลุกตั้งแต่ 06.30 น . แต่ แต่ !!! ไม่ตื่น 5555+ แพลนไว้ดิบดี สะพานแขวนเอ่ย สตูดิโอคำมีเอ่ย พังงงงค่ะ บ้านประทับใจที่เดียวพอ ..... แล้วการไปบ้านประทับใจครั้งนี้ บังเอิ๊ญบังเอิญไปชนกับทัวร์ฝรั่ง จอดรถปุ๊ปเดินมาจะจ่ายค่าเข้าชม เบรกหัวทิ่ม ทัวร์ฝรั่งล้นเลย แล้วฝรั่งแต่งตัวยังไงก็ไสตล์เค้าเค้าร้อนเน๊าะก็ใส่สายเดี่ยวแขนกุดนุ่งสั้น ผู้ชายก้อเสื้อยืดเกงขาสั้น แล้วยังไงนี้กระโปรงลากพื้นมาเลย ทริปนี้กระโปรงคุมเข่าทุกตัวนาจา (ก็ทริปเข้าวัดเน๊อะ) แล้วทุกคนก็หันมามอง...... ไอ่เราก็จั้มแบบไม่คิดชีวิต จะมองกันทำม๊ายยยย สบตาเขาเขาก็ ไฮ!!! บ้างยิ้มให้บ้าง ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายเลย นี้ก้อยิ้มแห้งๆและกึ่งเดินกิ่งวิ่งดิ่งไปเลย รู้สึกเขินอาย น่าจะใส่คอกระเช้ามาเลยเน๊อะ คงจะฮา 55555+

บ้านประทับใจ .... บ้านเสาร้อยต้น

บ้านประทับใจ ตั้งอยู่เลขที่ 59 หมู่ 13 ตำบลป่าแมต ไปตามทางหลวงหมายเลข 1023 (แพร่ - ลอง) สร้างสำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2519 เป็นบ้านไม้สักทั้งหลัง โดยใช้ไม้สักท่อนขนาดใหญ่ ตั้งเป็นเสาบ้านรวม 130 ต้น แต่ละเสามีอายุประมาณ 300 ปี แกะสลักอย่างประณีตวิจิตรบรรจง ตัวบ้านเป็นแบบทรงไทยประยุกต์ มีเนื้อที่ถึง 1 ไร่เศษ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. อัตราค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศไม่แน่ใจ นอกจากนี้ผู้เข้าชมสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่ โทร. (054) 511008, 511282




หลังจากอิ่มเอิบกับบ้านประทัยใจ เราก็เตร็จเตร่เที่ยวเล่น หาไรกินฆ่าเวลา แล้วก็หารถไปสถานีรถไฟเด่นชัย จากที่พักของเราเดินไป รร.อาชีวศึกษาอะไรสักอย่างนี้ละ จะมีคิวรถไปถึงสถานีรถไฟเด่นชัยเลย ค่ารถ 40 บาท หลังจากนั้นก็รอรถไฟตามเวลา เพื่อกลับกทม. เป็นอันจบทริป เจ้าค่ะ

ฝากติดตามแพจด้วยนะค่ะ แบกกล้องชิว เที่ยวคนเดียว

By : Solo traveler

ปล. Solo traveler = นักเดินทางเดียว

ทั้งทริปถ่ายภาพโดย Nikon D3400

ขอบคุณครับ

- Thank you -























หญิงเถื่อน Solo Traveler

 วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.13 น.

ความคิดเห็น