จากที่จั่วไว้จะรีวิว the Location Resort ที่สวนผึ้ง รีสอร์ทย่อมๆ ราคาเบาๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปพักผ่อนจริงๆ ครับ แต่วันนี้ไม่ได้พกกล้องไปด้วยนะครับ ขออนุญาตรีวิวด้วยกล้องมือถือแทนแล้วกันนะครับผม
วันนี้สวนผึ้งเหมือนจะคลายมนต์ขลังไปเยอะเหมือนกัน เพราะสุดสัปดาห์จากที่จะมีนักท่องเที่ยวมากมาย ก็ดูน้อยลง ต้องรีสอร์ทใหญ่ๆ ที่นิยมอย่าง La Toscana ที่จะพอเห็นนักท่องเที่ยวเยอะอยู่บ้าง น่าจะเพราะเรามาเที่ยวกันในหน้าฝน เป็นโลว์ซีซั่น และถนนสวนผึ้งดูเหมือนจะมีการก่อสร้างขยายเป็นถนนสี่เลนไปจนถึงร้านกาแฟโมอายด้วยครับ สวนผึ้งเลยดูเงียบๆ ไป อาจต้องประมาณปลายฝนต้นหนาวถึงจะกลับมาคึกคัก แต่เท่าที่ถามทางรีสอร์ท ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเรื่อยๆ แต่อาจไม่เต็มบ้าง เพราะวันนี้สวนผึ้งมีรีสอร์ทมากมายเหมือนจะแข่งกับฝั่งเขาใหญ่ เพราะใช้เวลาไปจากกรุงเทพพอๆ กันทั้งคู่ แต่ฝั่งเขาใหญ่ดูจะจอแจกว่ามากมายครับ
the Location เป็นรีสอร์ทประมาณ 3 ดาว อยู่เลย La Toscana ไปไม่ไกลครับ แต่ก็เข้าไปในส่วนลึกที่จะตรงไปลัดเลาะไปตามเส้นทางภูเขาที่สามารถออกไปถึงจังหวัดกาญจนบุรีได้ ก็เป็นเส้นทางเดียวกันกับที่จะขึ้นไปเขากระโจมนั้นล่ะครับ พวกเราหยุดพักทานอาหารกลางวัน (จริงๆ ก็บ่ายแล้วล่ะ) ที่ La Toscana แวะกินกาแฟร้านตรงครัวม่อนไข่ แล้วก็ต้องไปพักผ่อนกันที่รีสอร์ทเลยล่ะครับ มาถึงบ่ายแก่ๆ แล้ว ก็รับ welcome drink ให้หายเหนื่อยหน่อย
ที่พักของรีสอร์ทมีสองส่วนด้วยกันครับ ส่วนที่เป็นห้องพักเหมือนโรงแรมทั่วไปที่มีสระว่ายน้ำ จะอยู่ใกล้กับทางฟร้อนท์เลย และมีส่วนที่มีบ้านเป็นหลังๆ สำหรับคนที่ต้องการมาพักเป็นครอบครัวด้วย จริงๆ แล้วเราจองมาพักบ้านหลังๆ นี่ละครับ แต่เนื่องจากมีปัญหาว่าคืนที่ไปพัก สวนผึ้งมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าตกพอดี ทางรีสอร์ทก็เลยขอให้ไปพักส่วนที่เป็นโรงแรมแทน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ห้องพักฝั่งโรงแรมก็สวยเหมือนกันเลย
ห้องพักในฝั่งโรงแรมมีสระว่ายน้ำครับ คือข้อดีเลยและห้องพักก็กว้างขวางมากแบบว่า น้องๆ มหาวิทยาลัยพาคณะมารับน้องแล้วนอนห้องละ 10 คนยังสบายเลย แต่ก็ไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ สงสารโรงแรมเขา ห้องพักของเราอยู่ชั้นสองครับ
อย่างที่บอกครับ ห้องมันกว๊างกว้างมากเลยครับ ข้อดีคือนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นนี้ฟินสุดๆ เหมือนอยู่บ้านหลังใหญ่เลยๆ ห้องก็สะอาดมากเลยครับ เตียงก็นุ่มสบายมากด้วย แต่ปัญหาของห้องกว้างก็คือ ระยะห่างระหว่างเตียงนอนกับโทรทัศน์มันห่างมากไป แม้โทรทัศน์จะขนาด 40 นิ้วก็ตามเหอะครับ จะนอนดูจากเตียงต้องอาศัยว่าสูงวัยหน่อยล่ะครับ อิ อิ ผมเลยต้องไปนั่งแหงนหน้ามองใกล้ๆ แทน (เพราะสายตาสั้นด้วยล่ะ)
ว่าห้องกว้างแล้ว ห้องน้ำก็กว้างไม่แพ้กัน เรียกว่าทำเป็นห้องพักขนาดสตูดิโอไปได้เลย ห้องน้ำกว้างขนาดนี้จริงๆ น่าจะจัดอ่างน้ำให้แช่ตัวสะหน่อย แต่น้ำไม่ค่อยแรงเท่าไรนะครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเอื่อยให้สามผ่านครับ แต่ถ้าคนชอบอาบน้ำอาจจะจิ๊กๆ หน่อย แต่ไม่ถึงขนาดต้องหงุดหงิดอะไรครับ
จากที่พักแล้วไปชมส่วนอื่นๆ ของรีสอร์ทกันบ้างครับ สระว่ายน้ำ ตอนแรกดูแล้วเหมือนไม่ใหญ่ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วถือว่าขนาดสระว่ายน้ำแข่งของโรงเรียนได้เลยนะครับ น่าจะขนาด 25 เมตรได้ ว่ายแข่งได้เลย น้ำค่อนข้างลึก (ผมไม่ได้เตี้ยนะ แต่ก็ไม่สูงมาก มาตรฐานชายไทยโบราณฮะ) และเป็นสระน้ำเค็มด้วยครับ ถ้าไม่เล่นน้ำกันหลายคนจะสนุกมากเลย แต่บ้านไหนมีเด็กต้องดูด้วยนะครับ ให้เล่นเฉพาะฝั่งสระเด็กที่เขากั้นคอกไว้แบบไม่ให้เด็กหลุดออกมาเป็นอันตรายได้เลย ห้องพักชั้นล่างก็เหมือนได้เป็น pool access ไปเลยในตัวด้วยครับ
ที่สุดท้ายพาไปชมตึกแดงกัน เรียกว่าตึกแดงแต่ใช้เป็นที่รับทานอาหารเช้า และยังเป็นร้านอาหารของโรงแรมด้วย ซึ่งอาหารนอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังอร่อยด้วย แต่แอบเผ็ดไปนิด เป็นฝีมือชาวบ้านทำแท้ๆ เลยครับ ใครที่ชอบทานครัวม่อนไข่ ผมว่าอร่อยไม่แพ้กันเลย ส่วนอาหารเช้าไม่ได้ถ่ายมานะครับ เนื่องจากวันที่เรามาพักกันนั้นมีสามครอบครัวเอง ด้งนั้นรีสอร์ทเลยจัดเป็น a la cart ให้ แต่ไม่น้อยเลยครับ จัดเต็มมากพุงกางไปเลย ทั้ง ABF เต็มไปด้วยปริมาณรสชาด เห็นเขาบอกว่าว่าข้าวต้มกุ้งก็อร่อย แต่ผมแน่น ABF ไปแล้วล่ะครับ
https://www.facebook.com/thetravelbagstory/
TravelTherapy
วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.51 น.