===== เกาะช้าง ======
หากเอ่ยถึงทะเลภาคตะวันออก อันดับต้นๆคนคงนึกถึงเกาะช้าง
เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของทะเลอ่าวไทย รองลงมาจากเกาะสมุย
(อ้างอิงจาก กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง) ส่วนอันดับหนึ่งก็ต้องข้ามไปฝั่งอันดามันที่เกาะภูเก็ต
กลับมาที่เกาะช้าง เกาะที่มีความงามของท้องทะเลไม่แพ้เกาะอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมทั้งคนไทยและต่างชาติ
ที่มีกิจกรรมต่างๆเยอะแยะมากมายให้ได้ทำบนเกาะแห่งนี้ ยังไม่รวมเกาะน้อยใหญ่ที่ายล้อมอยู่บริเวณรอบข้าง
นอกจากการท่องเที่ยวทางทะเล หาดทรายสวยๆแล้ว เกาะช้างยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างอื่นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก เดินป่า รวมไปถึงสถานที่พักในบรรยากาศที่แตกต่างกันไป มีอยู่มากมายให้ได้เลือกบนเกาะแห่งนี้
และหนึ่งในนั้นที่ผมใช้ในการพักผ่อนตลอดระยะเวลา 2 คืนก็คือ Sea View Resort & Spa
มาดูกันว่าตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ที่ผมเดินทางมาเกาะช้างในครั้งนี้จะไปที่ไหนได้บ้าง ในยามที่ฝนมา
บอกเลยว่าสวยงามไม่แพ้ฤดูอื่นแน่นอนครับ
การเดินทางไปยังเกาะช้างก็สามารถทำได้หลายวิธีตามสะดวก
ไม่ว่าจะเป็นรถตู้จากเอกมัยที่ส่งไปถึงบนเกาะ หรือรถขนส่งประจำทาง
หรือจะลัดฟ้าสู่สนามบินจังหวัดตราดก็ได้เช่นกัน
ครั้งนี้ผมเลือกที่จะขับรถไปเอง ข้อดีของการขับรถไปเองหลักๆก็คือความสะดวกสบาย
โดยเฉพาะการที่ได้จอดแวะเที่ยวระหว่างทาง รวมไปถึงการตะลอนขับรถเที่ยวบนเกาะด้วย
กับเจ้า Chevrolet Colorado ที่จะไปตลุยฝนด้วยกันตลอดทั้งทริปนี้
จากกรุงเทพฯ เข้าเขตจังหวัดจันทบุรี ผมเลี้ยวรถไปยังถนนเลียบชายหาดคุ้งวิมาน หรือ ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
เป็นถนนที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในภาคตะวันออก ก่อนที่จะขับต่อไปยังจังหวัดตราด
และจุดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคงต้องเป็นจุดชมวิวเนินนางพญา ที่สวยจนติดในสถานที่ท่องเที่ยวของ Dream destinations
ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้มาเที่ยว
หลังจากเถลไถลอยู่ตามชายฝั่งจังหวัดจันทบุรีอยู่พอสมควร ผมก็เดินทางต่อสู่จังหวัดตราด
เมื่อมาถึงจังหวัดตราด หลายๆคนก็คงจะขับรถไปยังท่าเรือเพื่อมุ่งหน้าลงเกาะ
จนลืมไปว่าในตัวเมืองตราดเองก็มีอะไรน่าสนใจอยู่เช่นกัน
จุดหมายแรกที่ผมมาถึงตัวเมืองตราด พร้อมกับฝนที่เทลงมาตลอดเส้นทาง
ผมมาจอดที่ชุมชนคลองบางพระ ซึ่งมาถึงก็พอดีกับพระอาทิตย์ตกดิน จัดแจงหาที่พัก
เช้าวันนี้เลยพอมีเวลาตระเวนเดินเล่นถ่ายรูปชุมชนคลองบางพระ กับเม็ดฝนที่ตกๆหยุดๆ พอให้ได้ถ่ายรูปบ้าง
=================
ชุมชนคลองบางพระ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไทยขึ้นชื่อของจังหวัดตราด ถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว ก็ควรหาเวลาแวะมาเที่ยวเดินเล่น หรือจะพักสักคืนก็ยิ่งดี ที่นี่ถือว่าเป็นชุมชนการค้าเก่าแก่ ในอดีตชุมชนแห่งนี้เคยเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า
เคยได้รับดีเด่นด้านการท่องเที่ยวจาก ททท. ในปี 2550 อีกด้วย
ปัจจุบันที่นี้ยังคงอนุรักษ์ตึกเก่าเอาไว้ได้อย่างโดดเด่น เปลี่ยนแปลงเป็นร้านค้าบ้าง ที่พักบ้าง
โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะนิยมมาพักก่อนเดินทางลงเกาะต่างๆ ในจังหวัดตราด
หลายคนบอกว่าที่นี่คล้ายกับเชียงคาน จึงได้ขนานนามว่า "เชียงคานตะวันออก"
สถานที่ต่อไปผมขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านน้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ ทางผ่านที่เราจะไปท่าเรือลงเกาะ
ไหนๆก็ผ่านแล้วก็ควรแวะไปเที่ยวชมกันก่อน
.....
บ้านน้ำเชี่ยว สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเชิงวิถีชีวิตวัฒนธรรมซ่อนกายอย่างเงียบๆ
ไม่ไกลจากจุดลงเรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้างเท่าไหร่ ที่นี่เป็นแหล่งผลิต "งอบ"
เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสานของชาวบ้าน ที่นำวัสดุธรรมชาติที่หาได้จากท้องถิ่น
มาทำเป็นหมวกที่เรียกว่า "งอบ" นั่นเอง
ชุมชนสองศาสนาบ้านน้ำเชี่ยว ไทยพุทธและอิสลาม ที่อยู่ด้วยกันมาช้านานได้อย่างลงตัว
และมีคลองน้ำเชี่ยวไหลผ่านชุมชนลงสู่อ่าวไทย ปัจจุบันมีการเปิดโฮมสเตย์ที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
สถานนีต่อไป "เกาะช้าง" จุดหมายปลายทางของเราในการเดินทาง
เสร็จภารกิจกับการเที่ยวชมบ้านน้ำเชี่ยว ขับรถมุ่งหน้าต่อ ไปยังท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ ที่อำเภอแหลมงอบ
มุ่งหน้าต่อไปยังเกาะช้าง เกาะในฝันของใครหลายๆคน เรียกได้ว่าถ้าใครมาเที่ยวจจังหวัดตราด
ชื่อของเกาะช้างคงจะเป็นอันดับต้นๆ ในรายการท่องเที่ยวของใครหลายคน
แต่ครั้งนี้เป็นการเดินทางมาช่วงหน้าฝน หลายคงคงนึกว่าหน้าฝนเกาะช้างมีอะไรน่าสนใจบ้าง
1.ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่รีสอร์ทที่พักต่างๆลดราคา อย่างน่าเหลือเชื่อ
2.จะได้สดชื่นกับสีเขียวของภูเขา ต้นไม้ใบหญ้า
3.น้ำตกสวยแน่นอน
4.นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันนอน
5.สุดท้ายคือเที่ยวช่วงนี้ช่วยเซฟตังค์ในกระเป๋าได้เยอะ. โชคดีแดดแจ่มๆ ได้บรรยากาศชายหาดที่เงียบสงบ
บ่ายๆ ใช้เวลาไม่นานจากท่าเรือ ก็มาถึงเกาะช้าง เลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปไปเชคอินเข้าที่พักก่อนเลย
สำหรับที่พักบนเกาะช้าง 2 คืนในทริปนี้ ผมมาเชคอินที่ Sea View Resort & Spa ที่อยู่บริเวณหาดไก่แบ้
เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงจากท่าเรือบนเกาะเราก็มาถึง
"Sea View Resort & Spa"
รีสอร์ทสีเขียว. ทำไมต้องสีเขียว เพราะตั้งแต่ที่เลี้ยวรถเข้ามาในรีสอร์ท
ก็ต้องแปลกใจกับต้นไม้ที่มีเยอะมาก มองไปทางไหนก็เจอแต่ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่
ที่ทางรีสอร์ทอนุรักษ์ไว้ รวมไปถึงเพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อปลูกไปยังพื้นที่ต่างๆของโรงแรมที่มีกว่า 40 ไร่
นับเป็นความประทับใจแรกของผมที่มาถึงที่นี่ เพราะปกติก็เป็นคนที่ชื่นชอบความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาอยู่แล้ว
และที่นี่ยังมีชายหาดส่วนตัวที่ดูเงียบสงบอีกด้วย เป็นอะไรที่ลงตัวมาก
ในส่วนห้องที่ผมพักจะอยู่ด้านบน ต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไป อย่างที่บอกพื้นที่ของโรงแรมใหญ่มาก
แต่ละจุดก็จะอยู่ห่างกัน อย่าเช่นห้องที่ผมผักจะต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้น หรือก็ใช้รถกอล์ฟของทางรีสอร์ท
ที่มีให้บริการไปยังจุดต่างๆ สะดวกสะบายไม่ต้องเดิน
ห้องพักของผมเป็นห้อง Grand Deluxe Sea View แน่นอนก็ต้องมองเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน
ภายในห้องก็กว่างขวางขนาด 61 ตารางเมตร พร้อมกับชุดโซฟา และเครื่องอำนวยความสดวกอย่างครบครัน
รวมไปถึงในห้องน้ำ ภายในห้องถุกจัดแต่ให้ดูโล่งสบาย เปิดออกไปหน้าระเบียงห้องก็มองเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน
ที่ Sea View Resort & Spa ก็จะแบ่งประเภทห้องพักออกเป็นหลายประเภท
เช่นห้องนี้จะเป็นห้อง Panorama Suite ที่กว่างกว่าห้องที่ผมพักมาก
ขนาด 72. ตารางเมตร สามารถมองเห็นวิวทะเลได้เช่นกัน
ห้องนอนแล้ห้องนั่งเล่นถูกแยกออกจากกันโดยประตูที่เสามารถเลื่อนได้ ดูเก๋ไก๋ไม่เบา
ส่วนห้องน้ำก็ไม่รู้จะกว้างขาวงไปไหน สามารถเอาเต็นท์ไปกางนอนได้เลย. 55555
แต่เหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผมเป็นพิเศษ ก็ตรงห้องน้ำนี่แหละครับ เพราะด้านนอกเมื่อเปิดม่านออก
ก็รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใบไม้สีเขียว นึกภาพตอนที่นอนแช่อ่างน้ำแลดูสบายตาดีมาก
Grand Diuxe Sea View อีกหนึ่งประเภทห้องพักของที่นี่ ที่มีขนาด 61. ตารางเมตร
ภายในตกแต่ไม่ต่างกัน จะมีเพียงแค่ขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย สามารถมองเห็นวิวทะเลได้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่าห้องพักที่นี่ส่วนใหญ่จะถูกวางตำแหน่งให้ได้เห็นวิวทะเล ท่ามกลางธรรมชาติ
ต้นไม้ใหญ่ โดยที่ยังอนุรักษ์ต้นไม้ไว้อย่างดี
บริเวณรอบนอกพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีเขียว ดูแล้วสบายตามาก
ภายในพื้นที่กว่า 40 ไร่ ผมเลยยกให้รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทสีเขียว
กับความชอบส่วนตัว
มุมหนังสือสงบๆ ท่ามกลางธรรมชาติ
Superior Sea View ห้องพักนอกจากจะเห็นวิวทะเลแล้ว ยังเห็นวิวสระน้ำที่อยู่ด้านหน้าด้วย
ห้องนี้อยู่ไม่ไกลจากชายหาด บรรยากาศภายในห้องก็ตกแต่งคล้ายๆกัน แต่จะเล็กกว่าห้องอื่นๆที่มีขนาด 40 ตารางเมตร
โดยห้องพักที่นี่ภายในเฟอร์นิเจอร์จะทำจากไม้ธรรมชาติ หัวเตียงจะประดับด้วยภาพจิตกรรมฝาผนัง
เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นไทย
เชคอินเข้าห้องพักเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารเย็น มื้อแรกผมมาฝากท้องที่ห้องอาหาร Sea View Sun Set
เป็นห้องอาหารที่อยู่หน้าหาด จากห้องพักก็ใช้เคเบิ้ลคาร์ ลงมาไม่ไกล
บริเวณห้องอาหารถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย โต๊ะถูกจัดวางให้ห่างกัน ดูโล่ง
เปิดรับลมทะเล พร้อมกับวิวชายหาด และพระอาทิตย์ตกดิน แต่วันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
เมฆเต็มท้องฟ้า ฝนพร้อมที่จะตกได้ตลอดเวลา เราก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร
กับลมทะเลที่พัดมาเบาๆ ให้ได้เย็นสบาย
ตื่นแต่เช้า วันนี้ผมมีแผนขับรถตะลอนตามสถานที่ท่องเที่ยวนเกาะช้างกันหลายที่
รวมไปถึงการเดินป่าพิชิตยอดเขาแหลม ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของเกาะช้าง
เราขับรถย้อนกลับข้ามมาอีกฝั่งของเกาะ มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านสลักเพชร
เพื่อชมความงามในอีกมุมมองของเกาะช้าง และสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้ ป่าสีเขียว สายหมอกที่ลอยกระทบหน้ามันช่างสดชื่นยิ่งนัก
การเดินทางขึ้นเขาแหลม ถ้าอยากชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน เมื่อก่อนจำเป็นต้องค้างคืน 1 คืนบนยอดเขา
แต่ตอนนี้ตามกฏระเบีบของทางอุทยานที่ออกมาใหม่ ไม่อนุญาตให้ค้างแรมด้านบนแล้ว
เราจึงทำได้เพียงเดินไปพิชิตยอดแล้วเดินกลับในวันเดียวกัน ซึ่งระยะทางในการพิชิตยอดเขาแหลม
ก็ไม่ได้ไกล และเส้นทางก็ชัดเจน อาจจะชันเป็นบางช่วง แต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการเดินไป-กลับ
เอาละ กายพร้อม ใจพร้อม ก็ลุยกันเลย
วิวด้านบนเมื่อมาถึงยอดเขาแหลม
บนยอดเขาแหลมผมได้เห็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก แต่บนยอดเขาแหลมมีให้เห็นเยอะพอสมควร
หม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นพืชกินแมลง ลักษณะของใบของมันให้เป็นกับดักรูปทรงกระบอกซึ่งเอาไว้ดักจับแมลงเพื่อนำสารอาหาร
บางชนิดยังมีขนแหลมที่บริเวณปาก
ลงจากยอดเขาแหลม ขับรถออกมาไม่ไกล เรายังอยู่บริเวณบ้านสลักเพรช
ผมมาที่อีกหนึ่งไฮไลค์ของเกาะช้าง นั้นก็คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านสลักเพชร
ที่สวยไม่ซ้ำเส้นทางเดินป่าชายเลนที่ไหน อยู่ห่างจากวัดสลักเพชรมาไม่ไกลนัก ถามทางไปจากชาวบ้านละแวกวัดได้
กับระยะเส้นทางเดินไม่ไกลที่จะพบเห็นธรรมชาติแปลกแตกต่างจากที่อื่น ตลอดเส้นทางมีต้นฝาดแดงขึ้นแซมเต็มไปหมด
เป็นอีกจุดถ้ามาเกาะช้างแล้วไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
พิกัด N11° 59.999' E102° 22.792'
เสร็จจากอีกฝากของเกาะช้าง หันหัวรถกลับรีสอร์ท เหลียวมองนาฬิกา
ยังพอมีเวลา แถมแรงเท้าก็ยังเหลือ ก่อนถึงหาดไก่แบ้ผมหันหัวรถเลียวเข้าไปยัง น้ำตกคลองพลู
เป็นเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่งบนเกาะช้าง ตั้งอยู่ในเขตุอุทยาน
การเข้าชมนักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท จากนั้นก็สองเท้าก้าวเดิน
ประมาณ 20 นาทีก็ถึงตัวน้ำตก ที่ตกจากหน้าผาสูงลงสู่แอ่งเบื้องล่าง สามารถลงเล่นน้ำได้
อีกทั้งยังมีสภาพป่ารอบๆ สมบูรณ์ดีมาก มีน้ำไหลเย็นตลอดปี
สถานที่แห่งนี้จึงป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
กลับมาที่รีสอร์ทกับกิจกรรมแดดอ่อนๆ ก่อนพระอาทิตย์จะตกของวันนี้
นั้นก็คือการพายเรือคายัค ข้ามไปเที่ยวเกาะมันใน ที่มองเห็นไม่ไกลจากรีสอร์ท
ที่เป็นอีกกิจกรรมยอดนิยมของแขกที่มาเข้าพัก. ส่วนผมกลัวว่าพายเรือไปแล้วจะกลับมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน
เพราะดูจากท้องฟ้าวันนี้แล้ว โชคดีจะได้เห็นแสงสวยๆ จากวิวห้องอาหาร Lighthouse Restaurant
......
ในส่วนของสระว่ายน้ำ ที่นี่มีสระไว้น้ำขนาดใหญ่ให้ถึง 2 สระ
คือด้านบน และด้านล่างบริเวณชายหาด
ซึ่งก็สะดวกสำหรับแขกที่เข้าพักในโซนต่างๆ
เสร็จจากเดินเล่นชิวๆที่ชายหาด พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ
ผมรีบขึ้นเคเบิ้ลคาร์มายังด้านบน เพื่อทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร Lighthouse Restaurant
อีกหนึ่งที่ๆสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตก และทานข้าวไปพร้อมๆกัน ของรีสอร์ท
ใครชอบวิวพระอาทิตย์ตกหน้าหาดก็นั่งได้ที่ร้าน Sea View Sun Set ที่ผมไปทานมาเมื่อวาน
หรือใครอยากได้มุมสูงขึ้นมาอีก หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศแบบผมไม่ให้ซ้ำกันทั้งสองวันก็ขึ้นมาที่
Lighthouse Restaurant ที่วันนี้โชคดีหน่อย หลังจากที่ฟ้าปิดมาหลายวัน วันนี้มีแสงพระอาทิตย์ยามเย็นโผล่ออกมาให้ดู
สวยสมกับชื่อรีสอร์ทเลยครับ สำหรับที่พักที่มีจุดชมวิวที่สวยงาม
เดินขึ้นมาด้านบนร้านอาหาร ถ้ายังสูง และสวยไม่พอ ก็จะมีบันไดเดินขึ้นมาชมวิวบนหอคอย
ก็สวยงามไม่ต่างกัน
ข้ามมาวันสุดท้าย กับมื้อเช้าของที่นี้ บอกได้เลยว่าอาหารเช้าเยอะมาก
พร้อมกับวิวทะเลด้านหน้า มีเกาะมันใน ให้เห็นอย่างสวยงาม
ห้องอาหารเช้าของที่นี่ก็จะเป็นที่เดียวกันกับห้องอาหารเย็นเมื่อคืน คือ Lighthouse Restaurant
ใครที่พักโซนด้านล่าง จะต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์ หรือรถที่ทางโรงแรมจัดให้ ขึ้นมาทาน
ช่วงสายๆ ของวันที่สาม วันสุดท้ายของทริปนี้ หลังจากเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
ยังมีเวลาอีกทั้งวัน เพราะเราจองเรือกลับรอบ 1. ทุ่ม เลยควบเจ้า Chevrolet Colorado
ออกตระเวนกันต่อ โดยออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายไปหมู่บ้านชาวประมงบ้านบางเบ้า
บ้านบางเบ้า แหล่งหมู่บ้านชาวประมงที่ปักหลักอาศัยสร้างที่อยู่ยาวลงไปในทะเล
โดยช่าวบ้านในบริเวณนี้ทำอาชีพด้วยการ ขายของหน้าบ้าน, ร้านอาหาร, บังกะโลให้นักท่องเที่ยวได้พักริมทะเล,
พานักท่องเที่ยวดำน้ำและออกไปเที่ยวชม และทำประมงเป็นต้น ดังนั้นนอกจากเราจะได้เห็นถึงความสวยงามของบรรยากาศทะเลแล้ว
เรายังได้ซื้อของที่ระลึกไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
ถัดจากบ้านบางเบ้า ขับเลยไปไม่ไกล ชาวบ้านบอกว่ามีลำธารที่ฝรั่งชอบไปเล่นน้ำกัน
เลยขับรถไปดูสักหน่อย. เห็นสายน้ำแล้วมันน่าเอาห่วงยากมาเล่นจริงๆ
แต่จำชื่อลำห้วยนี้ไม่ได้ ตอนที่มาถึงเจอชาวบ้านออกมาตั้งโต๊ะขายอาหารให้กับนักมท่องเที่ยว
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝนตกหนักจนถึงเช้า ตอนนี้เลยยังไม่เห็นมานักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำกัน
ก็เป็นอีกตัวเลือกในกิจกรรมการเที่ยวสำหรับคนที่ไม่ชอบไปอาบแดดกลางทะเล
กลับมาท่าเรือเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่กว่าจะหนึ่งทุ่มก็ขับไปเก็บตกส่วนที่เหลือจากเมื่อวาน
หลังจากเมื่อวานมาเดินป่า ท่องเที่ยวแถวบ้านสลักเพชร ด้วยที่ฝนตกๆหยุดๆ
ทำให้เสียเวลาในการรอถ่ายภาพอยู่พอสมควร
ก็แน่แหละ อุปกรณ์เราไม่ได้กันน้ำเหมือนรถ Chevrolet Colorado ที่ขับมาพอจะให้หลบฝนได้ด้วย
วันนี้เวลายังมี ไปเที่ยวต่อในส่วนที่เหลือนั้นก็คือ "ท่าเทียบเรือบ้านสลักเพชร"
อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ค สวยงามเหมาะกับการมาเดินเล่นถ่ายรูป โดยมีประภาคารสีขาว
ตั้งเป็นจุดเด่นเห็นสง่าอยู่กลางทะเล
สุดท้าย และท้ายที่สุดนี้ ตลอดระยะเวลา3 วัน2 คืน บนเกาะช้าง
ก็ได้เวลาเดินทางกลับสู่เมือง
"เกาะช้าง" ในยามฝนมา เวลาที่ใครๆบอกว่าไม่น่าเที่ยว
แท้ที่จริงแล้ว เกาะช้างยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง หลายกิจกรรมให้มาลอง
นอกจากทะเล อย่างอื่นก็มีดีเยอะ โดยเฉพาะคนที่ชอบท่องเที่ยวป่าเขา สถานที่แห่งนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้เช่นกัน
โชคดีบางวันฟ้าเปิดแดดสวย ก็จะได้ชายหาดที่ทรายขาว เงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน
แถมราคาที่พักช่วงแบบนี้ก็ไม่แรง หลายที่ต่างพากันลดราคา
และเมื่อพูดถึงที่พักแล้ว ใครที่มาเกาะช้าง มองหาที่พักวิวดีๆ มุมพระอาทิตย์ตกสวยๆ
ชายหาดสีขาวทอดยาวแบบส่วนตัว ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สามารถตามรอยผมมาพักได้ที่
Sea View Resort & Spa
ช่องทางติดต่อ
เวป : https://seaviewkohchang.com
เพจ : https://www.facebook.com/seaviewkohchang/
และสามารถติดตามการเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
ที่แฟนเพจ สะพายเป้ เท่ทั่วไทย
https://www.facebook.com/saphipae/
========================
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม
แล้วพบกันใหม่ เร็วๆนี้
สะพายเป้ เท่ทั่วไทย
วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.31 น.