@หน้าฝนหนึ่งนั้น ณ บ้านหลังเล็ก
บางที บางสถานที่ก็มีความสุขมากซ่อนอยู่ รอให้เราได้ไปสัมผัส
และบางความสุขก็ไม่ได้เกิดจากความสะดวกสบายหรือสนุกสนานอะไรเลย
มีเพียงความสงบนิ่งของโลกที่หยุดหมุน
การได้นั่งนิ่ง ๆ ในที่ใดสักแห่ง ตัดจากสิ่งรบกวนในโลกภายนอก
โลกบางโลก สุขสงบจริง ๆ
@การเดินทาง
การไปบ้านป้าเกล็นนั้น ไม่ง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรยาก
เส้นทางทองผาภูมิ ผ่าน 399 โค้ง ไปยังปิล็อก บ้านอีต่อง
ผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ระหว่างทางก็มีจุดชมวิวสวย ๆ
ทางเข้าบ้านป้าเกล็น อยู่ก่อนถึงอีต่อง ผ่านทางเข้าน้ำตกจ๊อกกระดิ่งเล็กน้อย
ซ้ายมือจะเป็นทางแยกลงเหมืองสมศักดิ์
ณ ตรงนี้ควรตัดสินใจดี ๆ อีกครั้ง ว่าจะลงเองหรือให้รถทางเหมืองรับส่ง
หากมีโฟร์วีลและมั่นใจว่าชำนาญพอจะขับขึ้นลงเองได้
ก็ลงไปได้เลย แต่...
บางทีอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ซึ่งฉันได้พลาดมาแล้ว
ลงถนนไปช่วงแรก ๆ ก็ประมาณนี้ แลดูไม่ยากเท่าไหร่
วิวข้างทางก็สวย
เราใช้โฟร์วิว ทางแค่นี้เองเหรอ จิ๊บ ๆ สบาย ๆ
สักพักก็เริ่มหละ อืมมมมมมม
เอาไงล่ะ ก็ต้องดั้นด้นไปต่อ กลับตัวไม่ได้แล้ว
อะไรกันนี่!!!!
@ป้าเกล็น
และเราก็ไปถึงจนได้หละนะ
ถึงแล้วววววววว เฮือกกกก
ตอนที่ไปถึง ป้าเกล็นกำลังจัดอะไรสักอย่างง่วนอยู่บนโต๊ะ
หญิงชรา ผิวขาว หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โอบกอดทักทาย
ป้าเกล็นต้อนรับเราด้วยข้าวผัดแสนอร่อย มื้อกลางวันง่าย ๆ
ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ หิวจัดค่ะ ณ เวลานั้น
ระหว่างนั้นก็มีคนมาเยี่ยมเยียนอีกสองสามคน ด้วยสภาพหัวหูเปียกปอน ไถ่ถามได้ความว่า
ขี่มอเตอร์ไซด์วิบากมา แต่ไม่ไหว จึงจอดทิ้งไว้กลางทาง แล้วเดินฝ่าฝนกันลงมา
เพื่อ...เพื่อกินเค้กในตำนาน เค้กป้าเกล็น โอ...ช่างมีความพยายาม
@ ห้องพัก
ห้องพักของที่นี่ ไม่ได้สวยงามอะไรหรอก
เป็นเพียงห้องพักธรรมดาสามัญ ซ่อนตัวอยู่ในร่มแมกไม้
บ้างก็อยู่ริมน้ำ บ้างก็เป็นเรือนแถว บางห้องพักได้สองสามคน
บางห้องก็สำหรับหมู่คณะ ภายในห้องไม่ได้มีข้าวของอำนวยความสะดวกแต่อย่างใด
มีแค่ข้าวของจำเป็นพื้นฐาน เตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำเก่า ๆ แต่ทุกอย่างนั้นสะอาดดีค่ะ
ในส่วนของห้องพักเรา อยู่ตรงข้ามห้องโถงแหละค่ะ
เรือนพักอื่น ๆ ที่เราเปิดเข้าไปดูก็ประมาณนี้
ชอบหลังนี้มาก ริมน้ำ แต่น่าจะสำหรับไปหลายคน
ห้องพักเราอ่ะนะ ไม่มีแม้แต่พัดลม
แต่อดแปลกใจไม่ได้ว่า เตียงเก่า ๆ ผ้าห่มเก่า ๆ แต่ทำไมเราถึงหลับได้สนิทนัก
เรารู้สึกว่าผ้าห่มบ้านป้าเกล็น อบอุ่นกว่าผ้าห่มของโรงแรมดี ๆ หลายที่ ที่เราเคยพักเสียอีก
ความสุข บางทีมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบภายนอกหรอก ว่าไหม
บ้านป้าเกล็น เป็นที่ที่เรานอนหลับสนิทที่สุด
@ พื้นที่สีเขียว
เก็บข้าวของเข้าห้องพักแล้ว สำรวจรอบ ๆ กันสักหน่อย
ที่นี่เป็นพื้นที่สีเขียวโดยแท้ เขียวมาก เขียวฉ่ำ อิ่มฝนอิ่มน้ำ
เรามีหมาน้อยเป็นไกด์นำเที่ยว พาเราเดินไปดูนั่นดูนี่
พื้นที่อันนิ่ง เงียบ ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์
ไม่มีสัญญาณการสื่อสารทุกชนิด ไม่มีข่าวสารใด ๆ จากโลกภายนอก
ฉันรักที่นี่จัง
@ป้าเกล็น ผู้เป็นหัวใจของเหมืองสมศักดิ์
ป้าเกล็นเป็นชาวออสเตรเลีย เมื่อหลายสิบปีก่อนได้พบรักกับคุณลุงสมศักดิ์
หนุ่มไทยที่เดินทางไปเรียนต่อด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่ออสเตรเลีย
เมื่อทั้งคู่แต่งงานกัน ก็พากันกลับมาสร้างครอบครัวที่เมืองไทย
คุณลุงสมศักดิ์กลับมาสานต่อกิจการเหมืองแร่ของครอบครัว
ด้วยการเปิดเหมืองที่ทองผาภูมิ อันเป็นที่มาของชื่อ เหมืองสมศักดิ์
ส่วนป้าเกล็น เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ความทรงจำที่ป้าเกล็นเล่าสู่กันฟังทำให้เราตื่นเต้นและตื้นตัน
สมัยก่อน การเดินทางมาที่เหมืองยากลำบากนัก
จากกรุงเทพฯมาเมืองกาญจน์คงไม่เท่าไหร่
แต่จากเมืองกาญจน์มาถึงเหมืองต้องรอนแรมหลายวันหลายคืนทีเดียว
ต้องต่อรถ ต่อเรือ ขึ้นช้าง ทางเกวียน และเดินเท้า
แต่ก็นั่นแหละ ความลำบากใด ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับป้าเกล็น
เมื่อคนที่รักอยู่ข้างกาย ทุกเส้นทางก็ยินดีฝ่าไป
แต่แล้ววันหนึ่งก็โลกของป้าเกล็นก็พลิกผัน
เมื่อจีนไม่ยอมลงนามเป็นสมาชิกสภาเหมืองแร่ และยังดัมป์ราคาแร่ขายทั่วโลก
จึงมีผลให้สภาล่ม เหมืองแร่ต่าง ๆ ในไทย ต้องปิดตัวลงอย่างสิ้นเนื้อประดาตัว
เหมืองสมศักดิ์กับคนงานราว ๆ 600 คนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทุกคนล้วนแตกกระสานซ่านกระเซ็น
แม้ว่าคุณลุงสมศักดิ์จะพยายามประคับประคองต่อมาอีกหลายปี
เพราะความที่เป็นห่วงคนงาน แต่ก็สุดแรงยื้อ
สุดท้ายคุณลุงสมศักดิ์ก็ล้มป่วย
เนื่องจากความเครียด ความเสียใจ และเสียชีวิตลงในที่สุด
ในบ้านป้าเกล็นมีแต่ร่องรอยของความรักมากมาย มากมาย
ช่วงคุณลุงเสีย ป้าเกล็นลำบากมาก ต้องจัดการปัญหาค้างคาอะไรหลาย ๆ อย่าง
ด้วยความแข็งแกร่งจึงผ่านพ้นทุกอย่างได้
อันที่จริง ป้าเกล็นจะทิ้งเหมืองกลับสู่เมืองก็ได้ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ และเป็นคนต่างบ้านต่างเมือง
จะมาทนลำบากอยู่ในป่าเขาทุรกันดารขนาดนี้เพื่ออะไรกัน
แต่ป้าเกล็นก็เลือกที่จะอยู่ เพราะที่นี่คือความรัก คือความฝัน คือความหวัง
คือชีวิตของคุณลุงสมศักดิ์ และแน่นอน คือชีวิตทั้งหมดของป้าเกล็นด้วย
ในเวลาต่อมา ป้าเกล็นจึงเปลี่ยนเหมืองให้กลายเป็นบ้าน
บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำแห่งรัก บ้านที่ต้อนรับผู้คนมาเยี่ยมเยือน
มาพักผ่อน มานั่งฟังเรื่องราวในก่อนกาล
เราไม่อยากเรียกที่นี่ว่ารีสอร์ท เราว่ามันไม่ใช่ มันเป็นบ้านมากกว่า
บ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่เต็มไปด้วยไออุ่นอ่อนหวานของความทรงจำอันยาวนาน
ป้าเกล็นต้อนรับผู้มาเยือนที่ห้องโถง
ซึ่งดัดแปลงมาจากโรงเก็บพัสดุ ทุก ๆ อย่างยังคงไว้ในรูปแบบเก่าก่อน
ป้าเกล็นเป็นคนอ่อนหวาน ทุกอย่างในบ้านจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ละมุน
@มื้อค่ำ
ราวทุ่มเศษ เราและผู้มาเยือนกลุ่มอื่น นั่งทานข้าวพร้อมเสียงฝนเปาะแปะ ๆ บนหลังคาสังกะสี
อาหารของป้าเกล็นจัดเป็นชุด ปริมาณตามจำนวนคนของแต่ละกลุ่มแต่ละโต๊ะ
อาหารมื้ออร่อย
ที่นี่ไม่มีแม้แต่น้ำแข็ง น้ำเย็น แต่เรารู้สึกว่าเป็นมื้ออาหารที่อร่อยมาก
ระหว่างนั้นป้าเกล็นจะคอยเดินดูแล ถามไถ่และเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง
ช่างเป็นมื้ออาหารที่อบอุ่นเหลือเกิน
อิ่มก็เตรียมตัวนอน
ก่อนเข้านอน ป้าเกล็นบอกว่า หากได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ แกรกกราก
บนหลังคา ฝาผนัง ประตูหน้าต่างก็อย่าตกใจ
เพราะนั่นคือเสียงสัตว์เล็กสัตว์น้อยออกมาวิ่งเล่นกัน
อาจจะเป็นกระรอก กระแต อิเห็น หรือสัตว์ใหญ่กว่านั้น แต่ไม่มีอะไรอันตราย
ที่นี่อยู่สบาย นอนสบาย ป้าเกล็นบอก
เราอยากได้ยินเสียงที่ว่านั้น แต่แค่นอนฟังเสียงฝนเสียงน้ำไหลเพลิน
ก็หลับลึกอย่างไม่ทันรู้ตัวเสียแล้ว หลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
คนข้างตัวบอกฉันในวันรุ่งขึ้นว่า มีเสียงที่ป้าเกล็นบอกจริง ๆ
ทั้งเสียงวิ่งไล่กันบนหลังคา เสียงขูดฝาผนัง
ประตูหน้าต่าง เสียงเหมือนสัตว์กำลังลับเล็บ
อืมมม เสียงอะไรหนอ น่าเสียดาย ฉันไม่ได้ยิน
@ยามเช้า
เรามีโอกาสได้ใส่บาตรด้วย
ป้าเกล็นบอกว่า ที่นี่มีสำนักสงฆ์และมีพระรูปเดียว กับศิษย์ 1 คน
มารับบาตรที่บ้านป้าเกล็นทุกวัน
แม่บ้านของป้าเกล็นเตรียมอาหารใสบาตรทุกวัน
สำหรับอาหารเช้าของเรานั้น ตื่นมาป้าเกล็นเตรียมไว้รออยู่แล้ว
อาหารง่าย ๆ แต่อร่อยไม่แพ้ที่ไหนเลย
ข้าวต้มหมู ไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน ขนมปัง
ป้าเกล็นเป็นคนรสนิยมดี ทุกอย่างแม้จะง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน
อย่างไส้กรอกนี่ ความจริงซื้อหาเอาที่ไหนก็ได้
แต่บ้านป้าเกร็นต้องเป็นไส้กรอกเยอรมันจากราชบุรีเท่านั้น
การกินมื้อเช้าพร้อมกับฟังเรื่องราวเล่าขานอดีต เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
อาหารที่นี่ไม่ได้มีให้เลือกมากมาย แต่ที่มากมายไม่รู้จบนั้นคือความรู้สึก
@เค้กป้าเกล็น
ถ้าหากว่าป้าเกล็นเปรียบดังอัตตลักษณ์ของบ้านปิล๊อก
สิ่งนี้ก็เสมือนอัตตลักษณ์ของป้าเกล็น เค้กในตำนาน เค้กป้าเกล็น
เค้กธรรมดา หน้าตาบ้าน ๆ มีดีตรงไหนกัน
ทำไมใคร ๆ ถึงดั้นด้นไปกิน หากถามเราว่าอร่อยยังไง เราตอบไม่ได้หรอก
เพราะเรากินเค้กที่ไหน ๆ ก็ว่าอร่อยหมดแหละ
แม้แต่เค้กในร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยก็เถอะ
แต่ถ้าถามถึงความแตกต่าง เราก็พอจะบอกเล่าได้ว่า
เค้กป้าเกล็นนั้นต่างจากเค้กทั่วไป
ตรงไหนน่ะหรือ?
เค้กป้าเกล็นเนื้อไม่ได้เนียนละเอียดหรือนุ่มอย่างเค้กที่เราเคยกินมา
เนื้อออกจะหยาบด้วยซ้ำ แต่ แน่น หนัก เต็มปากเต็มคำ
เค้กป้าเกล็นไม่หวานแหลม ไม่มีกลิ่นส่วนผสมชนิดใดหอมโดดเด้ง
แต่เมื่อกิน เมื่อเคี้ยว รสและกลิ่นจะค่อย ๆ ละมุน
หอมกรุ่นขึ้นจมูก มันแปลกกว่าที่เคยกินจากที่ไหน ๆ
อันที่จริง เค้กป้าเกล็นมีทอปปิ้ง มีอะไร ๆ โรยหน้าเค้กนะ
ไม่ได้โล่ง ๆ อย่างในรูปที่ถ่ายมา แต่ ณ ขณะนั้น ยังไม่ทันได้จัดทอปปิ้ง
ทุกคนตัดกินกันอย่างเบิกบาน รวมทั้งเราด้วย
เค้กแครอท เค้กส้ม เค้กกล้วยน้ำว้า เค้กชอคโกแลต เน้น ๆ เนื้อ ๆ
พร้อมชา กาแฟอุ่น ๆ ผสานเสียงฝนพรำ
ความสุขเหล่านี้กระมัง
ที่ทำให้เค้กที่นี่แตกต่างจากที่อื่นใด
@ร่ำลา
เราแทบไม่อยากออกไปจากที่นี่
สงบสุขจนไม่อยากกลับออกไปสู่โลกภายนอกเลยจริง ๆ
กอดของป้าเกล็นอบอุ่นและทำให้เราสุขเหลือเกิน
.........................................................................................................
การเดินทางกลับ ตรงนี้แหละที่เราบอกว่าเราพลาดในการเอารถลงมาเอง
ตอนลง เราฝ่าฟันจนมาถึง แต่ตอนขึ้นกลับไป ไม่รอดค่ะ เราติดหล่ม
พร้อมผู้ร่วมชะตากรรมเป็นรถกระบะอีกหนึ่งคัน
7 ชั่วโมงเต็มที่เราติดอยู่ตรงนี้
เราต้องเดินขึ้นไปบนเขาลูกย่อม ๆ เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์
โทรขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการเหมืองสมศักดิ์ ชื่อคุณชาลี
คุณชาลีติดต่อหารถลากให้ แต่กว่ารถลากจะลงมาถึงเรา
ก็ต้องไปลากคันอื่น ๆ ที่ติดอยู่ก่อนหน้าเราอีกหลายคัน
กว่าจะมาถึงเราได้ก็ 7 ชั่วโมงเต็มค่ะ เป็นที่สนุกสนานมาก
ค่ารถลาก 1,000 บาท เราถือว่าเขาคิดราคาถูกนะ เพราะมันยากลำบากมากเลย
ฉะนั้น อยากแนะนำว่า จอดฝากไว้ที่ สภ.ปิล็อกเถอะค่ะ
แล้วนั่งรถรับส่งขึ้นลงเหมือง
หากเดินทางไปปิล็อกด้วยรถโดยสาร
ก็นัดแนะกับทางเหมือง ในสถานที่ เวลาพบเจอกันให้เรียบร้อย
เข้าเหมืองด้วยรถรับส่งเถอะนะ
@หิวและเหนื่อย
เมื่อออกมาจากตรงนั้นได้ก็เย็นมากแล้ว จากมื้อเช้าเราไม่ได้กินอะไรเลย
หิวแทบเป็นลม เลยขับเข้าอีต่องไปหาอะไรกินสักหน่อย
ผ่านเส้นทางนี้ ไม่เป็นไรไว้มาเก็บใหม่คราวหน้า
โอ้ นี่มันเมืองในความฝันชัด ๆ
เราเดินหาครัวสุดแดนค่ะ เคยอ่านรีวิว เขาว่าอร่อย
นั่นไง เจอแล้ววววว โอยหิว
อร่อยจริง อร่อยมากกกกกก หรือเพราะหิวไม่รู้นะ
อิ่มแล้วก็นั่งมองน้องหมาอ้วนของร้านอยู่พักนึง อ้วนได้ใจ
@ก่อนกลับ
เดินสำรวจหมู่บ้านสักเล็กน้อย ด้วยหมายใจว่าจะมาใหม่
ช่างเป็นหมู่บ้านที่โรแมนติกอะไรเช่นนี้นะ
เอาหละ หมายใจไว้ จะมาใหม่เพื่อเก็บปิล็อกล้วน ๆ วันนี้ขอกลับก่อน
@ส่งท้าย
ค่าใช้จ่ายสำหรับบ้านป้าเกล็น
สำหรับผู้มาเยือน ที่เข้าพักยังบ้านน้อยแห่งนี้
ทางเหมืองคิดราคาเป็นแพคเกจนะคะ
ราคาจะอยู่ที่ 1,600 ต่อคน/คืน ราคานี้รวมอาหาร 3 มื้อ คือ
เที่ยง เย็น และเช้า เครื่องดื่มกับเค้ก รับประทานได้ตลอดเวลา
และรวมถึงค่ารถ รับ - ส่ง ขึ้นลงเหมือง
หากว่าจะขับรถลงไปเอง
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1,400 ต่อคน/คืน
ส่วนแขกที่ไปเยี่ยมเยียนหรือแวะดื่มกาแฟทานเค้ก
หรือทานมื้อกลางวันโดยไม่ได้ค้างคืนนั้น
ต้องจองล่วงหน้าสักหน่อย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว
อาจจะไปเก้อ เค้กอาจจะหมดเสียก่อน
แต่อยากบอกว่า ค้างคืนเถอะนะคะ
ความสุขของที่แห่งนี้มากมายเกินกว่าจะแค่แวะไปแล้วกลับ
**เค้กป้าเกล็น ปัจจุบันนี้ ภรรยาผู้จัดการเหมืองเป็นคนทำ
เนื่องจากว่า เตาอบป้าเกล็นเสีย และคงยากจะซ่อมได้แล้ว
อีกอย่างป้าท่านอายุมากแล้ว
แต่สูตรนั้น คือสูตรของป้าเกล็น เป็นสูตรอังกฤษโบราณ
เค้กจะทำวันต่อวันที่บ้านของผู้จัดการเหมืองในปิล็อก
และนำเข้ามาส่งที่บ้านป้าเกล็นทุกวัน
*** ป้าเกล็นดูแลผู้มาเยือนด้วยตัวเองตลอดเวลา
คุณป้าผู้ใจดี นุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ด้วยอายุที่มากแล้วอาจทำให้หลงลืมไปบ้าง
ป้าอาจพูดซ้ำ ถามซ้ำไปซ้ำมาในบางเรื่อง ก็อยากให้เข้าใจว่าในวัยของป้าเป็นเช่นนี้เอง
เราหรือใคร ๆ ต่อไปก็คงหลงลืมไม่ต่างกัน
**** ที่นี่ใช้เครื่องปั่นไฟ
มีไฟฟ้าให้ใช้ช่วงราว ๆ หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม
หลังจากนั้นก็จะเป็นไฟฟ้าพลังน้ำ ติดบ้างดับบ้าง ส่วนใหญ่จะดับ
วันข้างหน้า เราจะกลับไปหาป้าเกล็นอีก
เราหลงรักความสงบเย็น ณ ที่แห่งนั้น
ที่ ที่ความทุกข์จากโลกภายนอกไม่อาจตามไปถึง
.............................................................................................
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้
ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาค่ะ
ป.ล. ทริปดองอีกเช่นเคยค่ะ ทริปนี้คือเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งได้ฤกษ์รีวิว
Paramee Na Prasri
วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.04 น.