สวัสดีจ้า ทริปนนี้กลับมา 4 ล้ออีกครั้งสลับๆกันไปเพราะทริปนนี้สมาชิกเยอะมาก และไปทางเรียบเลยเก็บ2ล้อเอาวีออสมาคลายเส้นกันหน่อย ทริปนนี้ลงใต้ิีกครั้งรอบ2ของปีนี้ แต่ทริปนนี้ไม่มีดำน้ำ ตอนแรกตั้งใจจะไปคีรีวงเลยคุยๆกะเพื่อนมีคนอยากไปเชี่ยวหลาน ด้วยความคิดถึงบรรยากาศที่นนี้เลยเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมากับ 3วัน2คืน เราไปไหนกันบ้างไปดูกันเลย
ทริปนนี้เดินทางกันวันที่21-23/7/2560
โปรแกรมทริปคร่าวๆดังนนี้
ออกกลางคืนวันพฤหัสบดี ขับรถกันทั้งคืนอีกแ
เช้าวันที่สองออกจากที่พักตรงดิ่งมุ่
เช้าที่สามออกจากแพแวะถ่ายรูปกับเ
รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D7200 kit18-140 fix50 และ Gopro hero4silver ครับ
กดูคลิปไปพลางๆก่อนได้จ้า แล้วขอฝากเหลี่ยมพาเที่ยว ด้วยจ้า
เริ่มออกเดินทางนัดกัน ปตทเส้นพระราม2ตอน 2 ทุ่ม ทริปนนี้สมาชิก 9 คนรถสองคัน วีโก้ และ วีออส เมื่อรวมตัวกันครบก็เคลื่อนทัพ ยิงยาวๆ จู่ๆวีโก้พี่ใหญ่เราก็มีไฟโชว์แปลกๆ เป้นรูปไฟถังน้ำมันมีขีด ตอนถึงปรานบุรี จอดหาสาเหตุกันอยู่พักนึง จนคนในเพจก็บอกว่ากรองดีเซลมีปัญหาแต่ขับได้ ตอนเช้าค่อยไปเปลี่ยนที่ศูนย์ ค่อยยังชั่วก็เลยมากันแบบช้าๆหน่อยเพื่อความชัว ตัดมาถึงคุณสาหร่ายก็ประมาณตี2
จุดหมายแรกของทริปนนี้คือจุดชมวิวทะเลหมอกเขาศูนย์ ไมรู้วันนี้จะมีหมอกไหม ขับขึ้นเขากันตอนตี 5 เส้นทางไม่ยากแต่แคบและเป็นเป็นหลุมบ่อพอประมาณ วีออสผมก็ครูดไปหลายดอกแต่ก็ไม่ยากมาก มาถึง ตี5กว่าๆ มีหมอกลอยไปมาบางๆ แต่ดูทรงแล้วฝนไม่ยอมตก ทะเลหมอกคงไม่ตูม
มาถึงร้านค้ากำลังเปิดพอดี ว่าจะนอนก็ขี้เกียจเลยกินมาม่าล้างหน้าแปรงฟันกันซะเลย
พอ6โมงกว่าแสงเริ่มมาก็เริ่มได้เห็นสายหมอกบางๆ อยู่เบื้องล่าง อาจจะไม่สวยเท่าทะเลหมอกตูมๆแต่ก็ทำให้สดชื่นได้เหมือนกัน
เช้านนี้มีแต่พวกเรา
ถ่ายรูปกันซักพักก็ไปต่อ กำลงจะลงพึ่งมีนักท่องเที่ยวขึ้นมา
นี้ทางลง พึ่งจะมีแสงให้ถ่าย
เตี้ยๆอย่างนนี้ก็มาได้แต่คลานๆเอาหน่อยครับ
ระหส่างทางหลังจากไต่ระดับความสูงลงมาเลยอยู่ในระนาบใกล้เคียงกะหมอกเลยจอดถ่ายซูมเข้าไปๆ
ถ้าหมอกตูมมันจะสวยแค่ไหนละเนี้ยย
ไปต่อ ออกจาก เขาศูนย์ มุ่งตรงไปต่อที่หมู่บ้านที่เขาว่าอากาศดีที่สุดในไทย ไหนเป็นยังไงขอไปลองหน่อยสิครับ
มาถึง8โมงกว่าๆ แสงแดดทำไมมันช่างร้อนแรงขนาดนนี่ ด้วยอารมณ์ที่ขับรถมาทั้งคืนเจอแดดอย่างลืมแต่แทบไม่ขึ้นเลย 555
หมู่บ้านดูเรียบๆง่ายๆ ที่นนี้มอไซด์วิบากเยอะมาก
หาที่จอดเดินถ่ายรูปแถวสะพานอยู่พัก เลยคิดว่าต้องพักเติมพลังมื้อเช้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เลยขับมาทางขวาของสะพานเข้ามาไม่ไกลก็เจอร้านข้าว
เป็นทั้งร้านข้าวร้านกาแฟครับ บรรยากาศที่นนี้แดดจะร้อนมากวันที่ไปแต่พออยู่ใต้ต้นไม้จะรู้สึกร่มรื่นไม่ค่อยร้อนครับ
หลังงจากกินข้าวเสร็จจะขับกลับเข้าไปในหมู่บ้านครับว่ามีอะไรบ้าง
ขับเข้ามาจดถึงที่จอดรถ เป็น ที่คนส่วนใหญ่มาเล่นน้ำกันครับ
เช้าวันศุกร์วันนี้คนน้อยไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่เที่ยวสบายๆ
ออกจากคีรีวง ย้อนลงไปทางเดิมไปแวะร้านกาแฟหน่อยเพราะเขาพึ่งเปิดตอน 10 โมง
ย้อนลงมาไม่ไกลก็มาถึงร้าน ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา
เลือกสรรเมนูตามชอบใจ
แล้วไปนั้งชมวิวเย็นๆสบายๆที่หน้าร้านครับ
วิวสวยมีน้ำไหลผ่าน คนเยอะอยู่ครับร้านนี้
รสชาติน้ำอร่อยดีครับสดชื่นเรียกสติกลับมาได้
ออกจากร้านก็ตรงดิ่งเข้าเมืองครับ แวะหาศูนย์พี่โต เอาวีโก้ขึ้นเขียงสักแปบ ระหว่างรถเปลี่ยนอุปกรณ์นั้นก็เหมือนได้ชาร์ทแบตสมาชิกทุกคนในตัวห้องรับรองศูนย์บริการแอร์เย็นฉ่ำ หลับสิครับงานนี้ ทุกคนหลับหมด โดยเฉพาะผมไปนั้งหัวพิงเบาะปุ๊บหลับปั้บ 555 ไม่นานนักชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จ วีโก้เราก็โลดแล่นได้เหมือนเดิม นี่แหละข้อดีของรถตลาด ไปที่ไหนก็มีศูนย์บริการอยู่ทุกหัวระแหง
ออกจากศูนย์เข้าเมืองหาขนมจีนกินสักร้าน ค้นหาดูก็มีเยอะแยะเอาที่ใกล้จุดหมายต่อไปวัดพระมหาธาตุละกันเลยได้เจ้านนี้ ร้านขนมจีนเมืองคอน ถนนพานยม
รสชาติดีมากครับ น้ำยาทั้งสี่อย่างอร่อยผมกินไม่ค่อยเป็นยังกินไปหลายจับ ราคาก็ไม่แพงครับ
แล้วก็อย่าลืมกินมังคุดคัดนะครับเขาว่าเป้นของกินประจำจังหวัดอยบ่างเลยแหละ
หนังท้องอิ่มแล้วก็ขับมาอีกหน่อยก็จะถึง วัดพระมหาธาวรมหาวิหาร
เข้ามากราบไหว้สักการะวัดคู่บ้านคู่เมืองนครศรีธรรมราชก่อนครับ
หลังจากเดินจนรอบ ก็ได้เวลาไปต่อตอนนั้นประมาณ 3โมงแล้ว ที่นอนของเราคืนนี้อยู่ที่ขนอม
ที่พักของเราคืนนี้ บ้านเพิ่มสุขบังกะโล อยู่ติดทะเล ขนอม หาดคอเขา แต่ไม่ต้องกด GPS อย่างเรานะมันพาเข้าข้างหลังอีกแล้ว 555
วนออกมาวิ่งทางด้านหน้าหาดคอเขาแล้วก็จะเจอที่พักเพิ่มสุขบังกะโล กับที่นอนหลักร้อยเช่นเคย โดยราคาเพียงคืนละ 650 บาทได้บ้านเป็นหลังๆแบบนนี้เลย
พร้อมบรรยากาศติดทะเลลมเย็นอากาศดีมาก
ภายในห้องก็ใหญ่อุปกรณ์ครบ ถ้าเป็นรถก็ Eco car ราคาน้อยแต่มีครบทุกอย่าง 555
ถึงที่พักก็อาบน้ำอาบท่า แต่งตัวไปหามื้อเย็นกัน
มื้อเย็นนี้สอบถามแล้วที่พักบอกเดินเลาะหาดไปนิดเดียวก็มีร้านอาหารอร่ยไม่แพง
เดินแปบเดียวก็มาถึง
ร้านกระท่อมทั่วไปครับ อาหารอร่อย นั้งโม้กันอยู่นาน
กินไปกินมาเช็คบิล 1980 สำหรับ 9 คนอิ่มแน่นเลยถือว่าไม่แพง ผ่าน แล้วก็บรรยากาศดี เราอยู่เป็นโต๊ะสุดท้ายเลยของร้าน เขาทำท่าจะปิดร้านเราเลยเช็คบิลไปโม้กันต่อหน้าที่พัก แต่ว่าก่อนหน้าเราก็มีลูกค้าอีก 2โต๊ะครับเย็นนี้ คนน้อยมากครับหาดนนี้แทบไม่มีคนเลย แล้วก็กลับมาหน้าห้องพักมีโต๊ะนั้ง สบายเลยโม้กันต่อจนเกือบเที่ยงคืนเลย แล้วก็อยู่จนได้เนอะนอนแค่ที่ศูนย์โตต้าไปชั่วโมงกว่า 555 อารมณ์มันพาไป
เช้ามาก็ไปคุยกะถังขยะกันเกือบทุกคน 555
ออกจากที่พักประมาณ 8โมงกว่าๆ
วิวสวยงี้ต้องจอดเสียหน่อย
ออกจากที่พักก็หาข้าวกินแถวขนอม ลืมเล่าว่าที่นนี้ ผังเมืองคล้ายๆปรานบุรีเลย ตรงโซนเ้นหน้าหาดจะเงียบไม่ค่อยมีคนเลย แต่พอ ขยับไปอีกแถวเส้นนึง มี7-11 โลตัส ร้านค้ามากมายร้านเหล้ายังมี คนก็ดูเยอะดีแต่แถวหน้าหาดคนน้อยมาก
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็มาถึงเราแวะซื้อของวัตถุดิบและมื้อกลางวันเพิ่มตรงตลาดใหญ่ก่อนเข้าเส้นที่มาเขื่อน
มาถึงก็ใกล้เที่ยงแล้วครับ
ติดต่อเรือไว้ก่อนหน้าแล้วผมใช้ของ รุ่งโรจน์บริการนำเที่ยว โทรมาคุยแล้วให้ข้อมูลดีมากครับ ส่วนราคาก็ตามทั่วไปแล้วแต่ความไกลของแพ ส่วนแพไกรสรที่เรานอนนั้นอยู่ใกลมากนั้งไปลึก จะได้ราคา 3000 บาทต่อ10 คนรวมพาเที่ยวเขาสามเกลอด้วย แต่เราเพิ่มไปอีก 1500 เพราะจะไปขึ้นจุดชมวิวไกรสร นี่คือถูกสุดถ้าขึ้นจุดชมวิวไกรสรด้วยเพราะจุดชมวิวอยู่ใกล้แพไกรสรถ้านอนที่อื่นราคาพาขึ้นจุดชมวิวจะแพงกว่านนี้ ทริปนนี้เราเลยเลือกแพไกรสร
ของครบคนพร้อมม พี่บ่าวก็ออกเรือ คนขับเรือพี่บอกว่าชื่อบ่าวว
ลมเย็นๆเริ่มง่วงอีกแล้ว
นั้งกันมาก็นานโข วิวเขาซ้ายขวาก็สวยชื่นใจ
อันนี้แพอะไรก็ไม่ทราบผ่านๆก็ถ่ายมา
โปรแกรมแรกของเราคือขึ้นจุดชมวิวไกรสรครับ ได้เวลาเสียเหงื่อ
ป้ายทางเข้าหลอกให้ชื่นใจว่าแค่1.5 กิโล แต่พี่บ่าวบอก3-4กิโล และที่สำคัญพี่บ่าวบอกว่า 100ลำจะมีคนมาที่สัก10ลำ 555 ไม่ค่อยมีใครเขามากัน แต่เรามันชอบความลำบากจะมาชิวๆทั้งทริปได้ไงต้องขอเดินขอปีนป่าบ้าง
เส้นทางไม่ยากเท่าไหร่ครับเดินขึ้นเรื่อยๆๆ ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร แต่ที่มีก็คือ ทากก ทาก ทากก ทาก ต้องพิมพ์เยอะหน่อยเพราะตอนหาข้อมูลนี้ไม่เห็นใครพูดถึงทากที่นนี้เลย และก็ไม่ค่อยเจอรีวิวด้วยละ เราจะเลยจะมาบอกว่า ทากกมันเยอะมากทางขึ้นจุดชมวิวไกรสร เนื่องจากตลอดเส้นทางเป็นป่าดิบชื่น ลมไม่ค่อยมี พื้นเลยดูชุ่มๆ เลยอาจเป็นที่อาศัยชุกชุมของทาก คือเจอเยอะกว่าไปภูกระดึงที่เขาพูดกันอีก
เดินไปเรื่อยๆจนเริ่มอาการหอบเล็กๆ 35 นาทีได้ ก็ถึงจุดพัก ชื่ออะไรนะลืมแล้ว นกอะไรสักอย่างครับจุดนนี้
สวมวิญาณทาซานเสียหน่อยย
หลังจากจุดนี้ไปจะต้องปีนป่ายกันแล้วครัแต่ไม่ไกลอีกนิดเดียวถึงแล้ว
หินแหลมคมต้องระวังด้วยขาลงผมลื่น เล็บแหกได้เลือกเลยดีไม่แรงมากเล็บไม่ถึงกับเปิด สาวฟางก็สวมวิญาณเมียทาซานครับ เดินเท้าเปล่าจากเรือขึ้นจุดชมวิวโหดมาก 555
ใกล้ถึงแล้วพี่บ่าวตะโกนบอก
เนินสุดท้ายชันๆเลยต้องไต่เชือกกันละ
หลังจากใต่ได้5ก้าว หัวเราพ้น หินหน้าผา เราก็ได้ พับกบ เอ้ย พบกับบ
วิวอันอลังการสวยงามคุ้มค่าเหนื่อยมากๆ
วิวกว้างไกลมากๆ ทั้งซ้ายขวา วิวประมาณ เกือบ 180องศา
ตรงมุมขวาปลายของน้ำในรูปนั้นแหละที่จอดเรือที่เราเดินกันขึ้นมา ไกลเหมือนกันนะเนี้ย
ผมใช้เวลากันประมาณ 1 ชั่วโมงขาขึ้นครับ ขาลงก็ 40 นาทีได้ครับ
อันนี้แพอะไรก็ไม่รู้ พ้นจากแพนี้ไปก็เป็นแพไกรสรของเรา เขาในรูปบังอยู่
ด้านบนนี้พื้นที่แคบมาก ยืนได้แค่ไม่กี่คนและเป็นหินแหลมต้องระมัดระวังกันให้ดี
รูปรวมกันสักภาพ ถ้ามาเยอะกว่านนี้อาจเก็บไม่หมดเพราะไม่มีที่ยืนแล้วและพี่บ่าวก็ถอยไม่ได้แล้วเช่นกัน 555
ขาลงก็ไม่มีไรยากแค่ระวังๆหน่อยไม่งั้นเลือกจะไหลแบบผมได้
หลังฐานยืนยันจากเท้าสาวฟางผู้ซึ่งเดินเ้าเปล่าขึ้นลงจุดชมวิว จิตใจโอบอ้อมอารี เห็นทากเกาะก็ปล่อยให้มันดูดจนตัวบวมเป๋งง ช่างจิดใจงามเสียจริง 555
นั้งเรือได้สักหน่อยพี่บ่าวก้ชี้ขาวๆตรงกลางนั้นแหละที่เราขึ้นไปมาตะกี้นี้
นั่งเหงือยังไม่ทันแห้ง ก็มาถึงแพไกรสร
ที่พักของเราคืนนี้ จองพานเว็บอุทยานได้ห้องละ 400 บาท ตกคนละ 200 ถูกอะไรเบอร์นี้ มื้อเย็นอีกคนละ200 ส่วนมื้อเช้าเราต้มมาม่ากินเองประหยัดไปอี้กกก
สำหรับห้องเล็กมากจริงๆ มีไว้สำหรับนอนเฉยๆ แต่เราไม่ได้ซีเรียสอยู่แล้วเน้นประหยัดใช้เวลาอยู่ธรรมชาติรอบๆดีกว่า
ตั้งแต่เรือออกมาได้ไม่นานสัญญาณทุกค่ายก็จะดับสนิทลง มี AIS อยู่ได้นานสุดแต่ก็ไม่รอด
กิจกรรมที่แพไม่มีอะไรมากเล่นน้ำพายเรือ กับบรรยากาศฟิน บังคับให้ทุกคนใส่เสื้อด้วยนะครับท่าลงน้ำ เพื่อความปลอดภัยและห้ามลงหลังฟ้ามืด
พอเรามาถึงวางของเสร็จก็เล่นน้ำกันเต็มที่พายเรือบ้างโดดน้ำบ้าง
รูปคู่ก็มา ลืมไม่ได้ อิอิ
ใครอยู่บนฝั่งก็ทำน้ำหวานอร่ยๆให้คนเล่นน้ำกิน ฟินๆกันไป
โดดๆๆ อันนี้รูปตอนเช้า วันแรกก็โดดแต่ไม่ได้ถ่ายรูป
ห้องอาบน้ำที่นี้กว้างใหญ่ที่สุด
มื้อเย็นเป็นอาหารกับข้าวสี่อย่าง เติมได้ยกเว้นปลา รสชาติอร่อยดีครับ กินจนแน่นน
จากนั้นก็กลับมานั้งเล่นที่หน้าแพเราต่อ พวกเราดีได้ห้องริมสุดท้ายเลยทำให้ไม่มีใคมาเดินผ่านมีแต่พวกเรา
นั้งโม้กันไปมา พอฟ้ามืดสนิท หันไปดูท้องฟ้าอะไรขาวๆนะ เพ่งดีๆเอ้าช้างนี่หน่าา ไม่คิดเลยว่าจะเจอช้างทริปนนี้ จัดแจงตั้งกล้องถ่ายสิครับ แต่ด้วยแพอยู่บนน้ำ มันก็เลยไม่นิ่งสนิทมีสั่นๆนิดๆพอได้ประมาณนนี้
เลนส์ก็ถ่ายยากจริงเล่นกว้างๆก็ไม่มีกะเขา แต่ได้เท่านนี้ก็ดีใจแล้ว อากาศดีไม่ร้อนไม่หนาว นั้งโม้กันจนเกือบ 5 ทุ่ม ก็แยกเข้านอน ตอนนอนอาจอบๆหน่อยครับผมเลยเปิดประตูนอนเลยปลอดภัย บนแพวันนี้เห้นมีแต่ฝรั่ง มาปพรอบนนี้เจอฝรั่งเยอะมาก
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า มาดูบรรยากาศเช้านนี้ดีกว่า
สายหมอกเต็มไปหมดตามยอดเขา
ไปพายเรือเล่นดีกว่าเช้าๆ
อาบน้ำยามเช้า
และมื้อเช้าแสนอร่อยมาม่า+ปลากระป๋อง
แกล้มด้วยยำปลาป๋อง
และหมูทอด
สวยงามชื่นใจไม่อยากกลับเลย
อันนี้ห้องน้ำครับแต่ยุกลมาก
ได้เวลาเดินทางกลับ
รับแดดยามเช้า
ก่อนเข้าฝั่งแวะเขาสามเกลอ
เอาจริงๆเขาสามเกลอนี้ถ่ายรูปดูสวยนะครับแต่ของจริงก็ธรรมดาทัวไปผมรู้สึกชอบตรงระหว่างทางมากกว่า ดูว้าวๆกว่า 555
กลับถึงฝั่งอย่างปลอดภัย
ออกจากท่าเรือแวะมาถ่ายรูปเล่นที่สั่นเขื่อน
มุมไหนก็สวยจริงๆครับที่นี้ ได้เวลาเดินทางกลับ
ออกจากเชื่อนเลี้ยวเข้ามาไม่เท่าไหร่จะมีภูเขารูปหัวใจ หรือรักเขาเทพพิทักษ์ให้ชมด้วยครับ
สวยงามเป็นทรงหัวใจจริงๆ
และที่สุดท้ายของทริปนนี้ กับป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อันนี้อยู่ห่างจากเขื่อนประมาณ 40 โล
ทางเข้าค่อนข้างขรุขระดูลึกลับเหมือนไม่น่ามีคนเข้ามา แต่พอมาถึงคนเยอะมากรถเพียบบ
เนื่องจากเป็นบ่ายวันอาทิตย์ ที่นี้เลยเต็มไปด้วยชาวบ้านที่พาลูกหลานมาเที่ยวคนเลยเยอะพอประมาณ
แต่ถึงจะเยอะยังรู้สึกว่าน้ำไม่ขุ่นเท่าไหร่ยังเห็นความใสของน้ำที่นนี้นะครับ น้ำเย็นมาก
เดินมาอีกฝั่งมีกิจกรรมล่องเรือหารัก
เช่าเรือพายลำละ 50 บาท ด้วยเป็นพายเองก็ได้หรือจ้างคนพาย ชมธรรมชาติไปเรื่อย
ระยะทางไม่ไกลมากไปกลับประมาณ 30 นาที
ล่องเรือมาหารักสักคน
รวยหรือจนให้ใจรักแน่
แต่ถ้าพายไม่เป็นก็จะเข้าป่าเข้าดงแบบนนี้ 555
ที่จริงแฟนผมเป็นคนพายตลอดเลยผมมาลองพายแปบเดียวสรุปไม่รอด 555
ถึงจุดชมผาแล้วก็กลับ หาผาไม่เห็นเจอ จากนั้นก็แบตกล้องใหญ่หมดพอดีเป๊ะ เนื่องจากนอนแพเมื่อวานเลยไม่ได้ชาทที่จริสามารถชาทได้ที่เจ้าหน้าที่แพแต่ต้องไปรอเฝ้าเอาเองครับ
ออกจากป่าต้นน้ำก็ยิงยาวกลับกทม.เลยไม่ได้แวะไหนแวะกินข้าวกันอย่างเดียว ถึงกทม.ส่งเพื่อนทุกคนเสร้จถึงบ้านเราเที่ยงคืนพอดิบพอดี เป็นอันจบทริปอย่างสมบูรณ์แบบ
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ทริปนนี้รั่วไปหน่อยเลยไม่ได้จดอะไรเลย 555
หลักๆก็ค่าน้ำมันสองคัน
ค่าที่พักคืนแรก หลังละ650 4 หลัง
ค่านอนแพคนละ 200
ค่าเรือรวมเที่ยวจุดชมวิว 4500
ที่เหลือค่ากิน โดยคิดแล้วมีกินหนักบ้างเบาบ้างทริปนนี้ หารเฉลี่ยเท่ากันหมดกันไปทั้งหมดคนละประมาณ 28-2900 บาท วันละไม่ถึงพันกับบรรยากาศฟินๆแบบนนี้ คุ้มค่ามากครับ
แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ทริปหน้าจะพาขี่มอไซด์ไปเหนืออีกแล้วจังหวัดไหนเดี่ยวพบกันครับ
เหลี่ยมพาเที่ยว
วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.12 น.