ซิน จ่าว...สวัสดีค้าบบบบ
เนื่องด้วยอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้ Backpack กันไปที่เวียดนามเหนือกันมา
ก็เลยจะมารีวิวพร้อมกับแบ่งปันข้อมูลที่ได้จากทริปนี้ ว่าเราเจออะไรกันมาบ้าง แล้วเวียดนามเหนือมีดีอะไร ทำไมนักท่องเที่ยวถึงนิยมไปกันเยอะ ต้องไปดูกัน อาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปเวียดนาม
แต่หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค้าบ
ทริปนี้มีสมาชิกด้วยกัน 5 คน ไปทั้งหมด 5 วัน 4 คืน โดยเราจองตั๋วโปรของ Air Asia ข้ามปีกันเลยทีเดียว ค่าตั๋วประมาณคนละ 2,2xx บาท ถือว่าราคาดีพอสมควร
แพลนคร่าวๆของเราคือ
28 Sep 2017
- BKK to Noi bai International Airport
- Private Van from Airport to Hanoi
- Walk around Hanoi
- Night train to Lao Cai Station
29 Sep 2017
- Arrive Lao Cai Station
- Bus to Sapa Summit Hotel
30 Sep 2017
- Check in at Sapa Eden Hotel
1 Oct 2017
- Sleep Bus to Hanoi
- Check in Hanoi Guesthouse Hotel
2 Oct 2017
- Walk around Hanoi
- Private Van to Noi bai International Airport
- Noi bai International Airport to BKK
***********************************
เตรียมตัวอะไรบ้าง ?
1.Agency ก่อนเดินทาง 1 เดือน เราได้ติดต่อ Agency ชื่อ Ms.Houng โดยให้จองรายการต่างๆ คือ
- รถมารับที่สนามบินนอยไบ ไปส่งที่ office ราคา 15$ ต่อคนก็คนละ 3$ (ย่าน Old Quarter) สามารถฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ได้ และมีห้องให้อาบน้ำก่อนไปขึ้นรถไฟ
- รถไปส่งที่สถานีรถไฟฮานอย (ฟรี)
- ตั๋วรถไฟจาก Hanoi to Lao Cai ราคา 29$/คน
- รถบัสจากสถานี Lao Cai ไปส่งที่โรงแรม Sapa Summit ราคา 3$/คน
- รถบัสนอนขากลับจาก Sapa to Hanoi ราคา 13$/คน
- รถมารับที่ฮานอยไปส่งที่สนามบินนอยไบวันกลับ 13$ ต่อคนก็ตกคนละ 2.6$
รวมทั้งหมด 253$ ตกคนละ 50.6$ สำหรับผมถือว่าคุ้มครับ สะดวกสบายและประหยัดเวลาไปได้เยอะ
2.ที่พัก เรานอนบนรถไฟ 1 คืน , พักที่ซาปา 2 คืน และที่ฮานอยอีก 1 คืน เราจองที่พักผ่าน Agoda และ Booking ไปเลยครับ แต่จริงๆที่ซาปาสามารถ walk-in ได้เลย เพราะว่าที่พักมีให้เลือกเยอะมาก อยากได้วิวแบบไหนก็จัดเลย
3. ช่วงที่เราไปอากาศที่ฮานอยค่อนข้างร้อน แต่ที่ซาปาอากาศกำลังดีครับ เย็นๆ ไม่ถึงกับหนาว อาจมีฝนบ้าง เตรียมเสื้อกันฝนติดไปก็ดีครับ
4.แลกเงิน เราแลกเงินจากไทย 10,000 บาท เหลือเศษนิดนึง ได้มา 300$ แล้วเอาดอลล่าไปแลกเป็นเงินดองที่สนามบินนอยไบ100$ ได้มาประมาณ 2,250,000 VND เรทตอนที่เราไปอยู่ที่ 1$ = 22,550 VND
5.ซิมการ์ด เราซื้อซิมการ์ดกับทาง Agency ในราคา 7$ ใช้ได้ Unlimited และไม่จำกัดวัน
6.การหยิบโทรศัพท์หรือกล้องขึ้นมาถ่ายรูปบนท้องถนนก็ให้ระมัดระวังกันสักนิดนึงครับ
7.ที่ซาปาสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวได้ แต่ละที่ไม่ไกลกันมากนัก ถ้าให้ทางโรงแรมเช่าให้ ราคาก็จะแพงกว่าเช่าตามร้านข้างทางพอสมควร และการนับเวลาเช่าของที่นี่จะไม่เหมือนบ้านเรา ไม่ว่าเราจะเช่าตอนไหนก็ต้องคืนรถในวันนั้นนับเป็น 1 วัน ถ้าเป็นของบ้านเรา เช่าวันนี้เที่ยงก็คืนรถพรุ่งนี้เที่ยงอะไรประมาณนี้
รีวิวที่ผ่านมาครับ
[CR] เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/35428599
Review เ ชี ย ง ใ ห ม่ . . . ที่ ใ ค ร ๆ ก็ ห ล ง รั ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/35800207
Backpack :: Macau - Hong Kong | 3 วัน 2 คืน ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36128370
One Day Trip || อ ยุ ธ ย า . . . เ มื อ ง แ ห่ ง ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36264757
ฝากเพจบันทึกการเดินทางเล็กๆของผมด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/TheBackpackersOfAnOrdinaryMan
เอาล่ะ ไม่ให้เสียเวลา ไปกันเลยดีกว่า.............
*** ค่าใช้จ่ายจะสรุปให้ไว้ท้ายของกระทู้นะครับ
28 Sep 2017
The First in Hanoi
03.50 ตื่นไปเที่ยวกันเถอะ.....
ไฟลท์ของเราเวลา 07.05 น. แต่เนื่องด้วยต้องรีบมาเช็คอิน เลยต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นแต่เช้า
มาถึงดอนเมืองเกือบๆ ตี 5 แถวยังสั้นอยู่ แปปเดียวก็เสร็จ จากนั้นแยกย้ายกันไปทำธุรกิจส่วนตัว เตรียมตัวออกเดินทางสู่ฮานอย ประเทศเวียดนาม…
เรามาถึงฮานอยประมาณเกือบๆ 9 โมง โดย Agency จะให้คนที่ขับรถมารับเรามาถือป้ายที่มีชื่อเรารออยู่ รู้สึกเหมือนเป็นดาราแล้วมี FC มาชูป้ายไฟ 555 จากนั้นเราก็ขอเขาไปแลกเงินก่อน เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เข้าเมืองฮานอยกันเถอะ...
บรรยากาศภายในรถ ดูจากมุมที่ถ่ายแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่นั่งผมมัน VIP แค่ไหน 555
นั่งชมวิวเมืองระหว่างทางไปเรื่อยๆ อ่อลืมบอก ที่นี่เขาขับรถเลนขวากันนะครับ พวงมาลัยอยู่ทางซ้าย ตอนเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ซาปา แรกๆ ขับซ้ายลืมตัว 555
นั่งรถมาประมาณเกือบๆชั่วโมงก็มาถึง Office ของ Agency ที่เราจอง
เมื่อเข้าไปด้านสิ่งที่เราเห็นคือ มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทย ติดอยู่ที่ผนังห้องด้วย เห็นแล้วปลาบปลื้มใจจริงๆ...
เราไม่ได้เจอกับ Ms.Houng เนื่องจากเธอป่วย แต่เจอกับคนนี้ ชื่อ ตูอี้ ถ้าฟังไม่ผิดนะ 555 บริการดีมากแนะนำให้ทุกอย่าง อยากรู้อะไรถามได้เลยตอบได้หมด
หลังจากตกลงและชำระเงินค่ารายการที่เราได้จองไว้เสร็จแล้ว เราก็ฝากกระเป๋ากันไว้ที่นี่ แล้วออกไปเดินเที่ยวรอบฮานอยกัน..
สถานที่แรกที่เราไปกันคือ โบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph Cathedral) เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจาก office มาก เดินมานิดเดียวก็ถึง โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอย ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของฮานอยเลยก็ว่าได้ครับ
สวยงามมากจริงๆ
หลังจากถ่ายรูปโบสถ์กันสักพักก็เริ่มหิวกันแล้ว มื้อแรกของฮานอยเราตั้งใจกันว่าจะไปกินบุ๋นฉ่า (อาหารยอดนิยมของชาวฮานอย) กันที่ร้าน Bún Chả Hương Liên
จากโบสถ์ไปที่ร้านระยะทางประมาณ 2 กิโลกว่าๆ เราอยากลองเดินกันดู คือตอนนั้นเวลาประมาณเกือบๆเที่ยงแดดกำลังดีเลย ดีจนเหงื่อท่วม 555
ระหว่างทางก็เดินชมเมืองเขาไปเรื่อย เดินผ่านโรงเรียนเห็นผู้ปกครองมารอรับนักเรียนกลับกันเต็มเลย คือวัฒนธรรมที่นี่พักเที่ยงเขาจะให้นักเรียนกลับไปกินข้าวที่บ้าน ซึ่งต่างจากบ้านเราที่จะเน้นให้เด็กอยู่ที่โรงเรียน..
ถึงสักที.. หิวแล้ววววว
ร้านนี้มีหลายชั้นนะครับ มีลิฟต์ด้วยนะเออไม่ธรรมดา อีกทั้งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่าง บารัค โอบามา เคยมานั่งทานด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะมาถ่ายทำรายการอะไรซักอย่างนี่แหละ จากนั้นทางร้านก็มีโอบามาเซท ซึ่งเป็นเซทที่โอบามาเคยทานไว้ให้ลูกค้าเลือกด้วยครับ ผมก็จัดมาเลยอย่าได้รีรอ หิวมากกกกตอนนี้
โอบามาเซทประกอบด้วยบุ๋นฉ่า เปาะเปี๊ยะทอด และเบียร์ฮานอย เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมจีนและผัก ทั้งหมดนี้ในราคาเพียงแค่ 85,000 ดอง เท่านั้น
**บุ๋นฉ่า เป็นเมนูที่เอาหมูย่าง มาใส่ในน้ำซุปออกหวานๆ ส่วนตัวผมชอบในที่สุดในบรรดาอาหารเวียดนาม ถ้ามาฮานอยต้องลองให้ได้ครับ แนะนำๆ
กินกันอิ่มหนำสำราญแล้ว อิ่มจริงๆนะ เห็นในรูปเหมือนจะชามเล็กๆ แต่จริงได้เยอะมาก มื้อนี้เช็คบิลมาทั้งหมดราคา 325,000 ดอง
เราจะไปที่ต่อกันที่สุสานโฮจิมินห์ แต่คุยกันแล้วว่า แท็กซี่เถอะ ไม่เดินแล้วเนอะ ไกลชิหายยยย
**การเลือกแท็กซี่เราได้ถามทาง agency เรามาแล้ว เธอแนะนำให้ใช้บริการของบริษัท taxigroup จะรอดต่อการโดนโกงได้ (แต่เรื่องขับพาอ้อมไม่การันตีนะ 555) มิเตอร์จะเริ่มที่ 10,000 ดอง
เรานั่งจากร้าน Bún Chả Hương Liên ไปที่สุสานโฮจิมินห์ ราคา 64,000 ดอง หาร 5 ถือว่าราคาพอรับได้ ดีกว่าเดินเยอะ
...ถึงแล้ว...สุสานโฮจิมินห์ ที่นี่เป็นที่เก็บร่างของโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีของเวียดนาม อาคารสุสานที่เห็นนั้นสร้างด้วยหินอ่อน หินแกรนิต และไม้มีค่าจากทั่วประเทศ และมีทหารกองเกียรติยศยืนถือดาบปลายปืนยืนรักษาการณ์อยู่ตลอดเวลา
แต่น่าเสียดายเราได้สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าช่วงนี้ปิดปรับปรุง ไม่สามารถเข้าไปดูด้านในได้ แต่ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าเราจะกลับมาใหม่
ต่อกันที่วัดเสาเดียว อยู่ใกล้ๆกับสุสานโฮจิมินห์ วัดนี้ได้รับการรับรองเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นของเอเชียจากกินเนสส์บุ๊คเอเชียด้วยนะ
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ แต่เราไม่ได้เข้าไป ถ่ายแต่ข้างหน้ามา
ถ่ายรูปกันสักพักก็ต้องไปกันต่อ เนื่องจากต้านทานแดดไม่ไหวจริงๆ
ต่อไปเราจะไปกินกาแฟที่ชาวเวียดนามนิยมกันมากๆ นั่นก็คือ กาแฟไข่ ร้านนี้ต้องเปิด map ดูดีๆครับ เนื่องจากทางเข้าร้านจะเป็นซอกเล็กๆ แล้วต้องขึ้นไปชั้นบน
บรรยากาศภายในร้านดู classic ดีนะ
เราก็สั่งเมนู recommend มาเลย “กาแฟไข่”
รสชาติก็เข้มข้นและมันๆ ก็ผสมกันได้ลงตัวดีนะ
ต่อไปเราจะไปกินไอติมที่ชาวเวียดนามกินกันเยอะมากๆ นั่นคือร้าน Kem Trang Tien ที่ฮานอยจะมีหลายสาขาครับ ละแวกเดียวกันนี้ก็หลายร้านละ
เมื่อเข้ามาข้างในจะเห็นคนเวียดนามยืนกินกันอย่างเมามัน
ไอติมก็มีทั้งแบบแท่งและแบบตักใส่โคน เราก็จัดกันคนละแท่ง คนละรสชาติ ราคาอยู่ที่ไม้ละ 70,000 - 80,000 VND ไอติมมันจะออกหวานๆหน่อย สงสัยคนที่นี่น่าจะติดหวาน ได้อารมณ์เหมือนกินไอติมโบราณบ้านเรา แต่มาฮานอยแล้วก็ต้องมาลองให้ได้ครับ
ไปต่อกันเถอะ... เราไปเดินเล่มกันที่ริมทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม ที่นี่เย็นๆก็จะมีคนมาออกกำลังกาย หรือนั่งริมทะเลสาบกันเยอะ และมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ นั่นคือ สะพานเทฮุก
สะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสดงอาทิตย์ ตกเย็นนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ
ถ้าข้ามสะพานไปก็จะเป็นวัดหงอกเซิน (Den Ngoc Son, Jade Mountain Temple) ซึ่งเราไม่ได้ข้ามไป
ใกล้เวลาที่เรานัดกับทาง agency ไว้แล้ว... ต้องกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวขึ้นรถไฟไปซาปา
ระหว่างทางกลับ ก็เจอกับแยกนี้ ข้ามถนนโคตรสนุกเลยครัชแหม่ บีบแตรกันจนขี้หูสั่นเลยทีเดียวเชียว
ก่อนไปเก็บของ เราแวะกินเฝอที่ร้านฝั่งตรงข้ามกับ office เป็นร้าน Street food เล็กๆ
รสชาติก็พอใช้ได้ รสไก่ออกเยอะมาก เหมือนแกต้มไปทั้งเล้า 555 มื้อนี้ราคารวม 205,000 VND
อิ่มแล้วก็ไปอาบน้ำ เก็บของกันเถอะ...
ทีแรกคิดว่าที่ office จะมีแค่ห้องอาบน้ำให้ แต่ปรากฎว่ามีเป็นห้องพักมีเตียงให้ด้วยครับ อาบน้ำเสร็จนอนรอเวลาได้เลย เดี๋ยวพอรถมาถึงเธอจะขึ้นมาตามเราเอง คุ้มมากจริงๆ ไม่ต้องเสียค่าที่พักด้วย
แท็กซี่มาส่งเราที่สถานีรถไฟฮานอย โดย agency ก็มาส่งเราด้วย บริการดีจริงๆ
สักพักก็เรียกขึ้นรถไฟ
ไปดูกันดีกว่าบรรยากาศเหมือนรถไฟบ้านเราหรือป่าว
ภายใน 1 cabin จะมีทั้งหมด 4 เตียง ชั้นบน 2 ชั้นล่าง 2 เรามากัน 5 คน เลยต้องแบ่งกันเป็น 3 กับ 2
อาหารเครื่องดื่มที่วางบนโต๊ะนี้ฟรีทั้งหมด
บนรถไฟ..เราได้พบกับโอปป้าคนหนึ่ง นอน cabin เดียวกับเรา ปลายทางคือซาปาเหมือนกัน เขามากับครอบครัวเขาแต่แยก cabin กัน เราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เดินทางกัน ได้รู้ว่าเขาไปมาแล้วหลายประเทศในโลก และเคยไปประเทศไทยแล้วหลายครั้งตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 โดยเขาบอกว่าการเดินทางเขาจะไม่มีแพลนล่วงหน้า และไม่จองที่พักหน้า จะ walk-in อย่างเดียว นี่สิ backpacker ตัวจริง แล้วเรามารู้ทีหลังว่าเขาขึ้นเครื่องมาจากดอนเมืองไฟลท์เดียวกันกับเรา บังเอิญจริงๆ เขาบอกว่าเป็น “Destiny” 555 โดยครั้งนี้เขาตั้งใจจะไป trekking ที่ซาปา แล้วจะต่อไปจีน ถ่ายรูปไว้ที่ระลึกหน่อย แช๊ะ..
คุยไปคุยมาเขาก็หยิบหนังสือสำหรับบันทึกการเดินทางให้พวกเราไว้เล่มนึง แล้วก็หยิบ guide book ของเวียดนามขึ้นมา บอกว่าก่อนมาเวียดนามเขาก็อ่านจากเล่มนี้ เดี๋ยวจะให้พวกเรา แต่เขาจะเอาไปให้ที่โรงแรมที่ซาปา...
คุยกันเพลินจน 5 ทุ่มกว่า ก็ขอตัวแยกย้ายกันไปนอน เก็บแรงไว้ลุยต่อวันพรุ่งนี้ที่ซาปา...
29 Sep 2017
..Morning SAPA..
...เมื่อใกล้ถึงสถานีเลาไก จะมีเจ้าหน้าที่รถไฟมาปลุกเรา ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย มีแปรงสีฟัน ยาสีฟันให้ใช้แล้วทิ้งได้ฟรี...
ลงจากรถไฟก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นกว่าฮานอย...
ถึงแล้ว..สถานีเลาไก
เราได้จองรถบัสเข้าเมืองซาปาผ่าน agency ไว้แล้ว แต่ถ้าใครไม่ได้จองมา ก็สามารถมาเรียกแถวนี้ได้ครับ มีรถบริการเยอะแต่อาจต้องต่อราคาสักนิดนึงนะ
อันนี้จะเป็นรถที่เราจองไว้ ไม่ได้มีแค่พวกเรานะครับ เขาจะเอาไปรวมกับกรุ๊ปอื่นด้วย คนไทยประมาณครึ่งคัน 555
ระหว่างทางวิวสวยมาก... นั่งมาประมาณชั่วโมงนึงก็จะถึงเมืองซาปา แต่รถเรามาส่งถึงหน้าโรงแรมเลยครับ
...ถึงแล้ว..ที่ซุกหัวนอนของเราในคืนนี้ Sapa Summit Hotel
ไปดูห้องกันดีกว่า...
ห้องกว้างมาก สะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่น และมีไดร์เป่าผมให้นะครับ ไม่มีแอร์แต่ตอนนอนเหมือนมีแอร์ครับ 555
มาดูบรรยากาศที่ระเบียงห้องบ้าง
วิวอลังการงานสร้างมากพูดเลย...
เก็บของเสร็จเราตกลงกันว่าจะไปยอดเขาฟานซีปันกันในวันนี้เลย เนื่องด้วยฟ้าโปร่งและฝนไม่ตก
เราให้ทางโรงแรมติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์ให้ในราคาคันละ 130,000 VND ต่อวัน แล้วเราต้องไปเติมน้ำมันเอง เพราะเขาให้น้ำมันมาแค่ขับถึงปั๊ม 555
ได้มอเตอร์ไซค์แล้วก็ไปลุยกันเลยยยย
แต่ก่อนไปฟานซีปันเราหาร้านกินข้าวกันก่อน ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน หิวมากกกก
มาจอดแถวกลางเมืองซาปา
มาจบกันที่ร้านนี้...
ถามว่ากินอะไรนะหรอ บุ๋นฉ่า อีกแล้ว 555
รสชาติก็อร่อยคนละแบบกับร้านโอบามา แต่ร้านนี้ได้น้อยไปหน่อย และราคาแอบแรงนิดนึง
ค่าเสียหายทั้งหมด 425,000 VND
หมูย่าง...
อิ่มแล้วก็แว้นไปฟานซีปันกานนนนน...
ขี่มาไม่ไกลก็มาถึงทางเข้าเพื่อขึ้นกระเช้า
ถ่ายกับป้ายไว้เป็นที่ระทึกหน่อย เอ้า วัน ทู ที แช้ะ...
บัตรค่ากระเช้า ราคาผู้ใหญ่ 600,000 VND ถ้าจะเอาแบบขึ้นรถรางด้วยก็ 700,000 VND คือแบบแรกเราต้องเดินขึ้นบันไดไปถึงยอด แล้วก็จะได้บัตรแบบนี้มา
ได้บัตรแล้วก็ไปขึ้นกระเช้ากันเลยยยย
มาแล้วกระเช้าเรา..
โชคดีที่กระเช้าเราไม่มีใครเลย มีเฉพาะพวกเรา ถ่ายรูปกันอย่างเมามัน ไปชมวิวบนกระเช้ากันรัวๆเลยละกันครับ
จากตรงนี้จะเป็นทางที่เราต้องเดินขึ้นไปเอง บอกได้เลยว่าฝรั่งยังหอบ 555 แต่ถ้าใครซื้อบัตรรถรางสามารถขึ้นจากตรงนี้ไปยอดได้
...ถึงแล้วยอดฟานซีปันนนน หลังคาแห่งอินโดจีน..
สักพักทัวร์จีนขึ้นมาเพียบ เท่านั้นละฮะท่านผู้ชม...
หลังจากลงจากฟานซีปัน เราตั้งใจจะไปน้ำตก Silver แต่พอไปถึงฝนดันตกอีก เลยเปลี่ยนแผนไปกินชาบูแซลมอน ร้านอยู่ใกล้ๆกับน้ำตกแทน
เราสั่ง Hot Pot แซลมอลมา 1 ชุด ราคา 500,000 VND
น้ำซุปรสชาติจืดไปหน่อย แต่ให้แซลมอลเยอะอยู่
พอฝนหยุดเราก็กลับเข้าเมืองซาปาไปเดินเล่นชมบรรยากาศยามเย็นที่ซาปากัน...
เริ่มมืดหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ..
ไปเดินตลาดนัดกลางเมืองซาปากันดีกว่า ที่นี่จะมีชาวบ้านมาขายของกันมากมาย ส่วนใหญ่จะเหมือนๆกันเกือบทุกร้าน จะเป็นของที่ชาวบ้านเขาทำขึ้นเองพวกกระเป๋า หมวก เสื้อผ้า แวะมาอุดหนุนกันได้ ราคาไม่แพง
เดินกันจนมืดก็เริ่มหิว เลยไปหาไรกินกัน เดินผ่านร้านนี้เห็นคนเวียดนามกินกันเยอะเลยแวะเข้าไปกิน
ข้าวราดแกงเลือกได้ 3 อย่าง ราคาประมาณ 79 บาท ถือว่าแพงเหมือนกัน แต่ให้เยอะมาก
ก่อนกินเราต้องบูชาอาหารกันก่อนซักรูป 1 2 3 แช้ะ
จากนั้นก็เดินหา Street food กินไปเรื่อย จนมาเจอร้านนี้ เห็นคนเยอะดี
มีที่ให้นั่งกินด้วยนะ มาเสิร์ฟแล้ว น่ากินมากกก
..อิ่มแล้วก็กลับที่พักพักผ่อน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ....
30 Sep 2017
..Fall In Love “SAPA”..
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ซาปา...
วันนี้เราต้องเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเปลี่ยนบรรยากาศไปพักที่ Sapa Eden Hotel
เมื่อลงมาจากที่พักก็ได้ทำการเช็คเอ้าท์ คืนรถ แล้วก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์พวกเราแต่เช้า..
เมื่อ...พนักงานต้อนรับที่โรงแรม บอกกับเราว่ามีคนมาฝากของให้พวกเรา เมื่อหยิบของนั้นขึ้นมา มันคือ... guide book เวียดนาม ของโอปป้าคนนั้นที่เจอกันบนรถไฟ...
แล้วเขียนจดหมายถึงพวกเราทุกคนด้วย ทำเอาซึ้งกันแต่เช้าเลย 555
ออกจาก Sapa Summit เราต้องเดินไปเช็คอินที่ Sapa Eden
ระหว่างทางก็เจอกับชาวเขาเดินมาขายของ เรียกได้ว่าตามเป็นเงาเลยทีเดียว 555
ถึงแล้วจ้าที่พักของเรา..
เข้ามาด้านในเจอกับเจ๊คนนี้ แกอัธยาศัยดีมาก จะเรียกว่ารั่วก็แรงไป เอาเป็นว่าเป็นคนอารมณ์ก็แล้วกัน 555
คุยกันทีแรกเจ๊แกบอกว่า มีโรงแรมเปิดใหม่ 4 ดาว ชื่อ Eden Boutique Hotel เป็นของน้องแก เราสนใจมั้ย ในราคาเท่าเดิมกับที่จองที่นี่
เราเลยบอกแกว่าจะขอไปดูห้องก่อน ถ้าโอเคก็เอาแต่ถ้าไม่โอเคก็กลับมาที่เดิม เจ๊แกก็โอเค อีกประมาณ 30 นาที จะมีคนมารับไปดูห้อง ระหว่างรอเราไปกินกาแฟกันที่ร้านตรงข้ามโรงแรม ชื่อร้าน Café in the Clouds
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟ แต่เป็นวิวที่อลังการมาก...
สักพักพนังกานที่ eden ก็มาตาม บอกว่ารถมารับแล้ว
นี่เป็นหน้าโรงแรมที่เจ๊แกแนะนำมา
บรรยากาศภายในโรงแรมดูใหม่มากๆ ชั้นบนสุดยังสร้างไม่เสร็จเลย
เราไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาเลย ห้องก็ดูหรู ใหม่ สะอาด แต่เสียอย่างเดียวคือ ไม่เห็นวิวภูเขาสักเท่าไหร่เราเลยไม่เอา แล้วอีกอย่างที่พักเราเมื่อวานก็อยู่ใกล้ๆกันเลย อยากลองเปลี่ยนดูบ้าง เลยขอเจ๊แกกลับไปที่ Sapa Eden เดิม เจ๊แกก็โอเค แต่ก็ถามเราว่าทำไมไม่เอา โรงแรมไม่ดีหรอ เราก็อธิบายไปว่าไม่ใช่โรงแรมไม่ดีแต่เราอยากได้วิวภูเขา แกก็เข้าใจนะ สรุปนั่งรถกลับมาที่เดิม เสียเวลาไปเกือบครึ่งวัน 555
โดยเราจองห้องไว้ 3 ห้อง แต่เจ๊แกบอกว่า ได้เป็น Family Room 1 ห้อง นอนได้ 4 คน (ในราคาเท่ากับ 2 ห้อง) และอีกห้องเราจองมาเป็น Deluxe Room แต่แกจะอัพเกรดให้เป็น Sweet Room เราโอเคมั้ย
พอไปดูห้องแล้วเราก็โอเค มีวิวภูเขาสมใจ 555
ไปดูห้อง Family Room กันก่อน
มีมุมโซฟาให้ด้วย...
ไปดูอีกห้องกันบ้าง
ดูห้องเสร็จเรียบร้อย เราก็รีบเก็บของกันเนื่องจากเสียเวลามาเยอะแล้ว เราก็ออกมาเช่ามอเตอร์ไซค์ร้านข้างนอก ราคาคันละ 70,000 VND ต่อวัน แต่ต้องคืนรถ 1 ทุ่ม ถ้าเช่ากับทางโรงแรมจะแพงกว่าพอสมควร
..วันนี้เราจะไปกันที่ Cat Cat Village ขี่มาถึงก็จ่ายเข้าากันก่อน ค่าเข้าคนละ 50,000 VND
ไปชมวิวกันดีกว่า
สาวเวียดนาม เจอกันตั้งแต่เมื่อวานที่ฟานซีปัน วันนี้มาเจอที่หมู่บ้าน Cat Cat อีก
...หลังจากออกจากหมู่บ้าน Cat Cat ก็เริ่มหิวกันแล้ว เลยเข้าไปในตัวเมืองหาไรกินกันก่อนค่อยไปต่อ..
เรามากินกันที่ร้านนี้
บรรยากาศร้านก็โอเคนะ วิวดีด้วย
มื้อนี้เราเปลี่ยนมากินพิซซ่ากันบ้าง
มื้อนี้หมดไปทั้งหมด 350,000 VND ราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก รสชาติก็อร่อยเลยแหละ
จุดหมายต่อไปเราจะไปกันที่ Hamrong Sapa Mountain อยู่ใกล้ๆนี่เอง
เราไปที่นี่เพื่อจะขึ้นไปชมวิวเมืองทั้งเมืองซาปา แต่กว่าจะถึงก็ต้องเดินขึ้นเขาอีกแล้วครับท่าน
ตรงนี้จะเป็นทางเข้า เสียค่าเข้าคนละ 70,000 VND
ได้บัตรมาแล้ว ไปลุยกันเลยยยย
เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน..
ที่นี่มีหลายจุดให้แวะถ่ายรูป เขาจะให้แผนที่เราต้องซื้อตั๋ว แต่พวกเราไม่สนใจจุดไหนทั้งสิ้น พรุ่งตรงไปยอดเขาทันที...
เดินมาเกือบๆ ชั่วโมงก็มาถึงสักที...
..คุ้มค่ากับที่เหนื่อย มันสวยมากจริงๆ..
ใช้เวลาอยู่ข้างบนสักพัก เราก็กลับลงมาเข้าเมืองไปกินชาบูแซลมอนกันที่ร้าน Red Dao House Restaurant
จัดมาชาบูแซลมอนมา 1 ชุด
น้ำซุปร้านนี้เข้มข้นกว่าร้านเมื่อวานเยอะเลย แต่ได้แซลมอนน้อยไปหน่อย ได้อย่างเสียอย่างกับร้านเมื่อวาน..
กินเสร็จก็เริ่มมืด เลยไปเดินชมเมืองกันที่กลางเมือง ชมบรรยากาศแสง สี ยามค่ำคืนของซาปา
...พอขับไปถึงลานกิจรรมกลางเมือง ปรากฎว่าคนเยอะมากเหมือนมีเทศกาลอะไรซักอย่าง
พอถามคนแถวนั้นก็ได้รู้ว่าเขามีงาน Mid-Autumn Festival กัน มีการจัดแสดงเต็มไปหมด
เราก็ไปเดินเนียนๆ ชมงานเขาไปเรื่อย
เราเดินดูได้แปปเดียวก็ต้องรีบไปคืนรถก่อน 1 ทุ่ม
พอคืนรถเสร็จ ก็เดินชิม Street Food ไปเรื่อย
อันนี้เป็นพิซซ่าเวียดนาม ราคา 25,000 VND อร่อยมาก ต้องมาลองพูดเลย
ก่อนกลับที่พักก็เจอปิ้งย่างอีกร้านราคาไม้ละ 20,000 VND
จากนั้นก็กลับที่พัก
.…คืนสุดท้ายแล้วเนอะที่ซาปา เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ....
เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินทางกลับเข้าเมืองฮานอย..
1 Oct 2017
..Goodbye “SAPA”..
อรุณสวัสดิ์เช้าวันสุดท้ายที่ซาปา...
ไปชมวิวที่ระเบียงกันดีกว่า...
หมอกเริ่มลงเยอะ ยืนดูดดื่มบรรยากาศอยู่นาน ยังไม่อยากกลับเลยยยย
สักพักไปอาบน้ำแล้วไปทานอาหารเช้าของโรงแรมกัน
**ลืมรีวิวอาหารเช้าที่ Sapa Summit เลย เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่อาหารค่อนข้างน้อย บางอย่างสั่งไปก็ไม่มี สำหรับผมคิดว่าอาหารเช้าที่ Sapa Eden มีตัวเลือกให้เยอะกว่า และอร่อยกว่าครับ **
..กลับมาที่ Sapa Eden ดีกว่าที่ทานอาหารเช้าที่นี่จะอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมครับ อาหารก็มีให้เลือกมากมาย แต่เขาจะสั่งอย่างแรกก่อนนะครับ ถ้าไม่อิ่มสั่งอย่างอื่นเพิ่มได้
มาแล้วอาหารเช้าของเรา Omelet อร่อยมากกก
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเก็บกระเป๋าลงไปเช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อน เนื่องจากเราจะไปกินกาแฟกันที่ร้าน Song Anh Café ร้านอยู่ใกล้ๆกับร้านที่เรากินกาแฟเมื่อวานเลย อยากเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ 555
กาแฟมาแล้ว...
นี่เป็นวิวจากร้านนี้ครับ
ได้เวลากลับแล้ว... กลับเข้าไปเอากระเป๋าแล้วลาเจ๊แก เราต้องไปขึ้นรถบัสนอนที่บริษัทเลยครับ เจ๊แกถามว่าจะให้เรียกแท็กซี่ให้มั้ย เราไม่เอาซึ่งดูจากในแมพแล้วไม่ไกลเท่าไหร่เลยตกลงว่าจะเดินกัน เจ๊แกบอกว่า Very Good 555
ระหว่างทางเดินกลับ เจอร้านขายพิซซ่าเวียดนามอีกแล้ว ติดใจจากเมื่อคืนเลยจัดอีก 1 ชิ้น
น่ากินมั้ยละ....
พอเดินไปเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าแมร่งไกลเหมือนกันนี่หว่า ในแมพที่ agency ส่งมาให้มันยังไม่ถึงบริษัทต้องเดินไปอีก 1 กิโล ว่าแล้วทำไมเจ๊แกบอก Very Good 555
...เรามาถึงก็มีคนมาถึงก่อนหน้าเราเยอะแล้ว...
เราจองรอบ 11 โมงครึ่งไว้ ถึงฮานอยประมาณ 5 โมง สักพักรถก็มา ไปดูบรรยากาศภายในรถกันนน
..ก่อนขึ้นรถ..เขาจะให้ถึงพลาสติกเราสำหรับไว้ใส่รองเท้าครับ เพราะขึ้นรถเราต้องถอดรองเท้า แนะนำให้เลือกด้านบนครับ เพราะเห็นเขาว่าข้างล่างจะเหม็นกลิ่นเท้า
บนรถไม่มีห้องน้ำนะครับ แต่เขาจะแวะให้เรา 2 รอบ ขับไปประมาณชั่วโมงกว่าๆก็จะแวะก่อนครั้งแรกให้เวลา 15 นาที ขับต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะแวะรอบ 2 ให้เวลาครึ่งชั่วโมง..
แต่ที่ Amazing คือวิวระหว่างทางกลับครับ ผมเลือกเบาะทางฝั่งขวา อยากจะบอกว่าวิวโคตรอลังการครับ นาขั้นบันไดสวยกว่าในเมืองซาปาอีก 555
เรามาถึงฮานอยประมาณ 5 โมงกว่า รถจะมาจอดย่าน Old quarter ครับ นี่เป็นรถที่เรานั่งมาครับ
จากนั้นเราก็เดินไปที่พักที่เราจองไว้ชื่อ Hanoi Guesthouse Hotel ครับ
..ถึงแล้วที่พักของเรา เข้าไปเช็คอินกันเถอะ....
พนักงานที่นี่บริการดีมากๆครับ ระหว่างรอก็มีกล้วยหอม และก็น้ำต่างๆ ให้กินด้วย เราสามารถหยิบกินได้ตลอดเลยนะครับ
ไปดูห้องกันดีกว่า..
ห้องอาจจะดูแคบไปหน่อยแต่สะอาดมาก ห้องน้ำก็มีอ่างให้ด้วยนะ ส่วนตัวชอบที่พักที่นี่มาก ถ้ามาอีกก็จะมาพักที่นี่แหละ
ของกินให้มาซะเยอะเลย
ไปดูอีกห้องกันบ้าง
ห้องนี้มีวิวด้วย..
เก็บของเสร็จก็ออกไปสัมผัสแสงสีที่ฮานอยกันซะหน่อย
นั่งรถกันมาตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวกันเลย เรามาแวะกินกันที่ร้านนี้
บุ๋นฉ่ามื้อที่ 3 แต่ร้านนี้รสชาติไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่
ลองชิมข้าวมันไก่ที่ฮานอยบ้าง เหมือนไก่ราดซีอิ๊วขาวเลย
อิ่มแล้วก็ไปลุยกันเลย เราตั้งใจจะไปถ่ายรูปกันที่สะพานเทฮุกหรือสะพานแดงนั่นแหละ
ตอนกลางคืนสวยกว่าตอนกลางวันมากกก
เราเดินเล่นในฮานอยไปเรื่อย วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์คนเวียดนามเยอะมาก
เดินเล่นไปเรื่อย เจอ Street Food ที่ไหนชิมหมด 555
มาที่ร้านแรกกันเลย เป็นรถขายไอติมอยู่กลางเมืองเลย เห็นคนซื้อเยอะก็ลองดู
จัดแบบโคนมา 2 รสชาติเลย รสสตรอเบอรี่กับวนิลา อร่อยมากทั้งคู่ อร่อยกว่าร้านดังของฮานอยอีก
เดินกันต่อ... นี่เลยกิจกรรมยอดนิยมของชาวเวียดนาม “เตะลูกขนไก่” ภาษาอังกฤษเรียกว่า Shuttle Cock คือเล่นเหมือนตะกร้อบ้านเราอะครับ แต่ใช้ลูกขนไก่เหมือนมีอะไรถ่วงน้ำหนักด้วย เห็นคนเล่นกันเต็มเลย
เดินสักพักเห็นคนมุงอะไรกันไม่รู้ เลยเดินเข้าไปดู มีผู้ชายร้องเพลงให้ผู้หญิง ไม่แน่ใจว่าขอแต่งงานรึป่าว หรือเป็นกิจกรรมอะไรซักอย่าง แต่ก็น่ารักดี...
เดินมาเจอไอติมแท่งไม้ละ 5,000 VND จัดสิรอไร
หวานมากกก ของบ้านเราจะเป็นพวกน้ำอัดลมใช่มะ แต่ที่นี่เป็นไอติม
ด้วยความที่พวกเราอยากลองกินหอยลวกที่ขึ้นชื่อของเวียดนาม เลยเดินหากันจนมาเจอร้านนี้
ร้านนี้เขาน่าจะขายให้แต่คนเวียดนามซะส่วนใหญ่ เพราะป้าแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เราก็ชี้ๆๆ เอามาอย่างละถ้วยเลย
น้ำจิ้มมาก่อนเลย บอกเลยว่าน้ำจิ้มรสเด็ดมาก
มาแล้วหอยลวกกก... นั่งแคะหอยกันอย่างเมามัน
ไปกันต่อดีกว่า... จุดหมายต่อไปเราจะไปกันที่ถนน Ta Hien เป็น Walking Street
หลายคนบอกว่าที่เหมือนถนนข้าวสารบ้านเรา ผมว่ามันยิ่งกว่าถนนข้าวสารบ้านเราอีก ร้านขายเหล้าเบียร์เต็มสองข้างทางแทบจะไม่มีทางเดิน นั่งกันเต็มถนน
เราก็แวะนั่งเอาบรรยากาศซักนิดหน่อยคืนสุดท้ายของทริปแล้ว.. ไม่โพสต์รูปแอลกอฮอลแล้วกันเนอะเดี๋ยวโดนเรียกไปปรับทัศนคติ 555
...จากนั้นก็กลับที่พักพักผ่อน...
2 Oct 2017
..Last in Vietnam..
วันสุดท้ายที่เวียดนาม
...วันนี้เราตั้งใจช้อปปิ้งหาซื้อของฝากกัน
หลังจากกินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เราก็เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักแล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน...
จากนั้นเราเดินไปกันที่ตลาด Dong Xuan เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในฮานอย
มีร้านค้าเยอะครับที่นี่ มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึก ฯลฯ
เลือกกันอย่างเอาจริงเอาจังมาก
ซื้อของกันเสร็จก็ไปกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านนี้..
วันสุดท้ายและ บุ๋นฉ่าอีกซักมื้อละกัน เดี๋ยวจะไม่ได้กินละ 555
กินเสร็จเราก็เดินหาซื้อของฝากกันต่อ จนมาเจอร้านของเยอะดี แนะนำเม็ดบัวอบแห้งครับ มีแต่คนบอกว่าอร่อย เราหมดไปกับร้านนี้เยอะทีเดียว 555
จากนั้นก็ไปซื้อกาแฟเป็นของฝากกันที่ร้านนี้ เห็นคนรีวิวกันเยอะ
มีกาแฟให้เลือกมากมาย
ซื้อของฝากกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราไปกันที่ร้าน Avalon BB Garden ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองฮานอย จะสามารถมองเห็นวิวมุมสองของกลางเมืองฮานอย
ที่นี่ส่วนใหญ่คนจะมากินพวกบาร์บีคิว แต่เรามากินของหวาน 555
มาดูวิวจากร้านกันบ้าง
มองลงไปก็จะเห็นแยกที่แมร่งโคตรจะวุ่นวาย
จากนั้นเราก็กลับไปที่พัก รอรถมารับไปส่งที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันต่อไป...
*********************
...ผ่านไปได้ด้วยดีตลอดทริปเวียดนาม ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยเหลือกันตลอดทริป
ขอบคุณมิตรภาพดีๆตลอดการเดินทาง
หวังว่าทริปหน้าคงจะได้พบกันใหม่ See you again...
...โบกมือลาเวียดนาม ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่...
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบนะครับ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า
**ฝากกดถูกใจเพจเล็กๆของผมเพื่อเป็นกำลังใจในการทำรีวิวต่อๆไปด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ**
https://www.facebook.com/TheBackpackersOfAnOrdinaryMan/
***สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ***
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป/กลับ กรุงเทพฯ-ฮานอย คนละประมาณ 2,200 บาท
- ค่ารายการที่จองกับ agency คนละ 51$
- ค่าที่พัก Sapa Summit Hotel คนละ 18$
- ค่าที่พัก Sapa Eden Hotel คนละ 20$
- ค่าที่พัก Hanoi Guest House คนละ 600 บาท
- ค่าซิมมือถือ 7$
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 2 วัน หาร 2 ตกคนละ 100,000 VND
- ค่าขึ้นกระเช้าฟานซีปัน 600,000 VND
- ค่าเข้า Hamrong Sapa Mountain คนละ 70,000 VND
- ค่าเข้าหมู่บ้าน Cat Cat คนละ 50,000 VND
- ค่าอาหารการกินรวมทั้งหมดประมาณคนละ 950,000 VND
- ค่าแท็กซี่ คนละ 17,400 VND
- ค่าของฝาก อื่นๆ 400,000 VND
**รวมทั้งหมดเป็นเงินไทยประมาณ 9,328 บาท
Together Backpacker
วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 12.03 น.