ในที่สุด ตรูก็ได้ไปกะเค้าละโว้ย....เขาที่จองยากที่สุดใน 3 โลก
ไม่ต้องบรรยายอะไรมากสำหรับที่นี่ ใครสายป่า สายเขา จะรู้กันดี ถึงกิตติศัพท์ของดอยนี้
เดินยาก.....
เปล่า......
จองโครตยาก.... 555+
แต่ในที่สุด วันนี้โอกาศ ก็เป็นของผม เมื่อบังเอิญมีพี่ ที่รู้จักคนนึง มาชวน
บอกว่ามีน้องพี่ มันจองได้ แล้วผมเองก็มีรถส่วนตัว พี่เค้าเลยมาชวนผมไปด้วย
ผมใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาที ให้คำตอบ
ไป...ซิครับ จะรออะไร 55+
จองยาก จองเย็น ขนาดนี้ โทรมากี่ปีๆ ก็ไม่ได้ บางคนบอก โทรมา 3 ปีกว่าจะได้มา
ก็ลองนึกกันดู ว่ามันจะจอง กันยากขนาดไหน
ไหนๆ ก็ได้ไปมาละ เลยเอาบรรยากาศ สวยๆ มาให้ชมกันครับ ไปติดตามกันเลย
ก่อนอื่นเลย ใครจะมาเขาช้างเผือก ก็ต้องโทรจองกันให้ได้นะครับ
โทรไปเรื่อยๆ โทรมันทัั้งวัน เอาให้ติดให้ได้ 55+ กติกา ก็ตามนี้เลยครับ
ใครโทรติด แนะนำว่า เลี่ยงวันเสาร์ จะมีโอกาสได้มา มากกว่านะครับ
ยิ่งถ้ามาวันธรรมดาได้ยิ่งดีครับ คนน้อย
ใครโทรติด จองได้ ก็ไปลุยกันครับ เขาในฝันของสายป่า สายเขา หลายคน
ที่ฝันว่าสักวันต้องมาที่นี่ให้ได้
ก่อนเดินเราต้องมาลงทะเบียนกันที่นี่นะครับ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เปิดให้ลงทะเบียน 07.00 - 08.00 น. เท่านั้นนะ
ก็จะมีเอกสารให้กรอก ยื่นบัตรประชาชนครับ
ส่วนค่าใช้จ่าย ก็มีตามนี้ครับ
1. ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ค่ารถ 30 บาท ก็คนละ 70 บาทครับ
2. ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง คนละ 250 บาท (อาจมีทอน)
3. เต็นท์ และ แผ่นรองนอน มีให้เช่านะครับ ราคาผมไม่แน่ใจ
4. ค่าประกันชีวิต 10 บาท
เห้ย.. 10 บาทจริงดิ แต่ใครอยากรู้ได้ผลตอบแทนยังไง ก็ลองดูนะครับ 55+
ทางที่ดี อย่าใช้ดีกว่า หรืออยากรู้ก็ถามเจ้าหน้าที่เอาง่ายกว่าลองใช้ครับ 55+
คร่าวๆ ก็มีแค่นี้ครับค่าใช้จ่าย นอกนั้นก็มีค่าลูกหาบ ซึ่งต้องไปชั่งกันจุดเริ่มเดิน ครับ
ลงทะเบียนเสร็จ ให้รีบไปจุดเริ่มเดินกันเลยนะครับ จะอยู่บ้านอิต่องเลย ห่างจากอุทยานราวๆ 8 กิโลครับ
มาถึงบ้านอิต่อง ก็ตามรูปเลยครับ จุดฝากของลูกหาบจะอยู่อาคารหลังนี้
ที่นี่มีห้องน้ำด้วยนะครับ อย่างดีเลย ขาลงมาอาบน้ำที่นี่กันได้เลย
เลยขึ้นไปนิดนึงจะเป็นลานฮอ ใครเอารถมา ก็จอดไว้แถวนี้ได้เลยครับ ฟรี
อ้อ ค่าลูกหาบก็ กิโลละ 50 บาทครับ ลูกหาบ 1 คน แบกได้ 30 กิโล ก็ 1,500 บาทครับ
ไปไม่กี่คนก็หารๆ กันเอาครับ
พอฝากของลูกหาบเสร็จ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ บอกให้ไปรอจุดเริ่มเดินครับ ซึ่งผ่านบ้านอิต่องตามรูปเลย
ก็จะมารอกันที่จุดนี้ครับ เป็นจุดเริ่มเดินเท้ากันละ
แนะนำว่า ให้รีบมากันนะครับ เพราะเดินขึ้นสายๆ ร้อน เอี้ยๆ...เลย
แล้วที่สำคัญ ห้ามมาเกิน 10.00 น. ครับ เพราะเค้าจะไม่ให้ขึ้นเลย
ถ่ายรูปหมู่กันแล้ว ก็ได้เวลาไปพิชิต เขาที่จองยากที่สุดใน 3 โลกกันละครับ เย้ๆๆ
ระยะทางในการเดินขึ้นเขาช้างเผือก ทั้งหมดคือ 8 กิโลเมตร นะครับ
ใช่ครับ 8 กิโลกันเลยทีเดียว ถามว่าเหนื่อยมั้ย บอกเลยว่า มากกก 55+
ที่หนักกว่าเดิน คืออากาศนี่แหละครับ ร้อน เอี้ยๆ..
โดยเฉพาะเมื่อเดินผ่าน ครึ่งทางไปละ จะเป็นเขาหัวโล้น แถมชันอีกตะหาก นรกเลยทีนี้
ช่วง 1.5 กิโลเมตรแรก จะเป็นทาง ขึ้นเนินยาวๆ เรียกว่า การวอร์มขา กันก่อนเลยครับ
แต่แค่ 1.5 กิโลแรก ผมก็หอบเป็นหมาละครับ 55+
ก็รู้ล่วงหน้าก่อนแค่ 3-4 วันว่าจะมาขึ้นเขา ไม่ได้ออกกำลัง ไม่ได้เตรียมฟิตอะไรมาเลย
มาด้วยใจล้วนๆ ครับ 55+
เดินมาได้ 1.5 กิโลเมตรแรก ก็จะมาเจอเจ้าป้ายนี้แหละครับ แล้วก็เป็นจุดเชคชื่อ จุดสุดท้ายก่อนขึ้นครับ
คิดว่าใครไม่มีชื่อ เจ้าหน้าที่ไม่ให้ขึ้นไปแน่นอนครับ
หลังจากเชคชื่อ กันแล้ว ก็เดินต่อกันครับ จากนี้ไป 3 กิโล จะเดิน ขึ้นๆ ลงๆ ครับ
ไม่โหดมาก แล้วก็ยังมีร่ม จากต้นไม้ซะส่วนใหญ่
เดินมาสักพัก ก็จะเจอพื้นที่โล่งๆ มองเห็นวิวเขาช้างเผือกไกลๆ ละครับ
ระหว่างทางก็จะมีป้ายบอก เขาต่างๆ แล้วก็ระยะทาง ที่เหลือครับ
เราไปดูวิวสวยๆ ระหว่างทาง
ซ้ายมือสูงๆ นี่แหละครับ ที่เราต้องข้ามไป
ข้ามเขาลูกนี้ไปได้ ก็จะเจอวิวเขาช้างเผือก ใกล้ๆ สวยๆ แบบนี้ครับ
ใกล้ถึงละโว้ย....55+
ถึงแล้ว จุดกางเต็นท์เรา เย้ๆๆๆ ที่เห็นข้างล่าง นั่นแหละครับ
พอไปถึงจุดกางเต็นท์ ให้เรากินข้าว หรือพักผ่อนครับ
เพราะ 16.00 น. เจ้าหน้าที่เค้าจะพา ขึ้นยอดเขาช้างเผือก แล้วก็สันคมมีดในตำนานครับ
จุดวัดใจ ที่ร่ำรือกัน ถึงความเสียว ขวาเหว ซ้ายก็เหว
ทางขึ้นสันคมมีด ชัน เอี้ยๆ ดีนะ เดินตัวเปล่าไม่ต้องแบกของ
เอาแต่น้ำไปกันคนละขวดกะพอครับ
ชันแค่ไหน ถามใจเทอดูว์
นี่แค่ ยอดแรกนะครับ พอข้ามยอดนี้ไปได้ ก็จะเจอสันคมมีดในตำนานครับ
ต้องปีนข้ามไปกันแบบนี้ครับ
มองย้อนกลับมา อย่างเสียว
มุมจอกกล้อง Gopro ของน้องที่ไปด้วยกันครับ
เรียกว่าช่วงนี้ จะเปลี่ยนจากความเหนื่อยมาเป็น ความเสียวแทนละครับ
ยังไงก็ให้เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ โดยเคร่งครัดนะครับ เค้าให้จับเชือกก็จับ
เค้าให้จับสลิงก็จับเถอะ นั่งได้ก็นั่ง ตรงจุดนี้ พลาดมา บอกได้คำเดียว 3 วันก็หาไม่เจอครับ 55+
เหวล้วนๆ ทั้ง 2 ฝั่งเลย แถมความกว้างเอาจริงๆ ไม่ถึง 1 เมตรด้วยซ้ำ
ผมนิบางจุด แทบจะคลาน 55+ ปลอดภัยไว้ก่อนครับ ยังไม่อยากใช้ประกัน
ผ่านสันคมมีดมา ก็เหลือ เนินช่วงสุดท้ายละครับ มีแรงเท่าไหร่ก็ใส่ให้หมด
เพราะเราจะไปพิชิตยอดกันละครับ เย้ๆๆ
และแล้ว ในที่สุด เราก็มาถึงยอดเขาช้างเผือกกันละครับ เย้ๆๆ
เขาบ้าบออะไร จองยากจองเย็น แต่ถามว่า ทำไมใครๆ ก็อยากมาที่นี่
นอกจากสันคมมีด ในตำนาน ผมว่าวิว ของที่นี่ก็สวย ไม่ใช่เล่นนะครับ
ไปชมบรรยากาศ สวยๆ บนยอดเขาช้างเผือกกันครับ
แลนมาร์ค ของที่นี่ ผมยกให้วิวนี้เลยครับ สวยสุดๆ
อยู่บนยอดเขา เราสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลยครับ
วิวอีกฝั่งไกลๆ จะเห็นเขื่อนวิชลงกรณ์ด้วยครับ
อยู่บนนั้นได้สัก 17.00 เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มให้ทยอยลงละครับ เพราะเดี๋ยวค่ำ ไม่มีแสงจะอันตรายมาก
วิวระหว่าง เดินกลับ แสงกำลังจะลับขอบฟ้า สวยมากกก
บอกเลยว่าหลงรัก เขาช้างเผือกไปละเต็มๆ ไม่ใช่แค่สันคมมีดละครับ ที่ใครๆ ก็อยากมาพิชิต
แต่วิวที่นี่ สวยอันดับต้นๆ ในเมืองไทยเลย
ก่อนกลับ เอาสัก 1 รูป อิอิ
และแล้วก็ลงมาถึงจุดกางเต็นท์ครับ
ก็ทำอาหารเย็นกินกัน วันนี้ได้พ่อครัว เอกจัดหนัก ต้มจืดไก่ ข้าวผัดกุนเชียง
อิ่มท้องกันไปครับ อิอิ ก็ได้เวลาเข้านอน
อาหาร เราต้องเตรียมมาเองนะครับ ก่อไฟไม่ได้ แต่ลูกหาบก่อได้ ให้ไปขอใช้ไฟได้ครับ
เช้าวันที่ 2 วันเดินทางกลับ
ตอนเช้าเค้าจะไม่อนุญาติให้เรา ขึ้นไปบนยอดแล้วนะครับ
เพราะมันจะลื่น เป็นอันตรายได้ครับ ที่สำคัญ ลงช้า ร้อนแดดครับ 55+
บรรยากาศยามเช้า
โชคดีมาก วันที่มามีทะเลหมอกด้วยครับ อิอิ
ตื่นมา แปรงฟันเสร็จ ผมก็ลงเลย ไม่อยากลงสายๆ มันร้อนครับ 55+
วิวระหว่างทางลง ยังสวยเลยครับ อิอิ
ก็ใช้เวลาลงแค่ 2 ชม. ก็ถึงครับ ก็ไปอาบน้ำ ทำธุระกันตรงจุดลูกหาบ
ก็จ่ายค่าลูกหาบกันด้วยครับ เสร็จแล้วก็เดินทางกลับ
และแล้ว เขาช้างเผือก เขาในตำนาน ที่จองยากที่สุด ในเมืองไทย
วันนี้ ในที่สุดผมก็ได้ไปสัมผัสมาละครับ
ถามว่าทำไมต้องมา เอาจริงๆ คงเพราะสันคมมีด จุดวัดใจ ที่ทำให้ที่นี่ มีชื่อเสียง
เป็นที่หมายปองของสายเขา สายป่า ทั้งหลาย ที่อยากมาวัดใจที่นี่
แต่สำหรับผม ผมว่า เขาช้างเผือก สวยมากกกกก นะครับ กอไก่ ล้านตัว 55+
รับรองว่า วิวของที่นี่ ไม่แพ้ที่ไหนๆ ในเมืองไทยเลย
มีโอกาส โทรจองกันมาให้ได้ครับ แล้วคุณจะหลงรักที่นี่เหมือนผม
" เขาช้างเผือก"
เที่ยวไปเมาไป
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.34 น.