ดอยพาวี บริเวณบ้านมะโอะโค๊ะ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก เทือกเขาที่เป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า เป็นที่หมายตาของนักเดินป่าจำนวนไม่น้อยที่อยากจะไปพิชิตยอดเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สักครั้ง หลังจากปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นมา 1 ปีเต็มๆ จากพราะปัญหาการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้าน ก็กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสความสวยงามกันอีกครั้ง ถึงแม้จะขึ้นได้ไม่ถึงยอดสูงสุดของดอยพาวี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากของเราลดน้อยลงไปเลย ยอดดอยพาวีนั้นมีความสูง 1,920 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็ถือว่าสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับยอดเขาในประเทศไทย เมื่อปีสองปีก่อนที่จะปิดไปนั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นถึงยอดสูงสุดได้ เมื่อมองลงมาด้านล่างยามเช้าที่มีทะเทหมอกและพระอาทิตย์สีแดงไข่ดาว มันจึงเป็นอะไรที่หลายๆคนกำลังตามหา รวมทั้งเราด้วย
การเดินทางจาก กทม. มุ่งหน้าสู่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก จุดเริ่มต้นที่บ้านพี่คำสิงห์ หรือที่ทุกคนรู้จัก คำสิงห์ โฮมสเตย์ ไกด์นำเที่ยวชื่อดังประจำอุ้มผาง กินข้าว แต่งตัว จัดสัมภาระเรียบร้อย ขึ้นกระบะของชาวบ้านมุ่งหน้าสู่บ้านมะโอโค๊ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ถนนจากอุ้มผางมาถึงบ้านแม่จันนั้นเป็นทางลาดยาง พอถึงบ้านแม่จันจะมีทางเลี้ยวไปบ้านมะโอโค๊ะ ระยะทางประมาณ 7 กม. เป็นถนนลูกรังสลับกับคอนกรีตไปจนถึงหมู่บ้านมะโอโค๊ะ เป็นที่ที่พวกเราจะต้องเริ่มเดินเท้าขึ้นสู้ดอยพาวี
มาถึงหมู่บ้านมะโอโค๊ะ จะมีที่ทำการ ตชด. เราต้องลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ให้ครบทุกคน และนำสัมภาระบางส่วนให้ลูกหาบแบกช่วย
จัดการแบ่งสัมภาระและรับประทานอาหารกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเริ่มออกเดินเท้ากันแล้ว
เริ่มเดินเท้าออกจากทายหมู่บ้านจะผ่านไร่นาของชาวบ้าน ช่วงนี้ข้าวกำลังออกรวงเขียวขจีเต็มสองข้างทาง สวยงามกันเลยทีเดียว
นอกจากทุ่งนาสีเขียวแล้ว สองข้างทางยังมีแมงมุมสวยๆแปลกๆให้ได้ชมกันอีกด้วย
เราผ่านป่าดิบชื้น เลียบตามลำธารขึ้นไป บางช่วงเป็นลานโล่ง มีควายของชาวบ้านมาหากินด้วย น้องทาคุจังจะมีเยอะหน่อย ต้องคอยระวังให้ดี น้ำตามลำธาร ถ้าฝนไม่ตก น้ำจะใสมาก สามารถดื่มได้
เราใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ครึ่งก็ถึงเบสแคมป์กันแล้ว ระเราผ่านป่าดิบชื้น เลียบตามลำธารขึ้นไป บางช่วงเป็นลานโล่ง มีควายของชาวบ้านมาหากินด้วย น้องทาคุจังจะมีเยอะหน่อย ต้องคอยระวังให้ดี น้ำตามลำธาร ถ้าฝนไม่ตก น้ำจะใสมาก สามารถดื่มได้ะทางน่าจะประมาณ 4 กม. ข้างบนท้องฟ้าสดใส ได้เวลาที่เราต้องตั้งแคมป์กันแล้ว
ตั้งแคมป์เสร็จ ฝนก็มาทักทายเราทันที
ตั้งแคมป์เสร็จ ทำอาหาร สังสรรค์กันเล็กน้อย พรุ่งนี้เช้า เราจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับทะเลหมอกที่ปังๆ
เช้านี้อากาศเป็นใจ ทะเลหมอกมีให้ชมพอสมควร
เราดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ วันนี้จะเดินขึ้นไปที่หินสามก้อนกัน ซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถไปได้ไกลสุดแล้วในตอนนี้
ระยะทางจากแคมป์ไปถึงหินสามก้อนประมาณ 1 กม. ทางไม่ชันมาก
บริเวณหินสามก้อน มองลงไปจะเป็นหน้าผาที่บลึกมาก ควรระมัดระวังทุกฝีก้าว
มองลงมาจากหินสามก้อน ถ้าฟ้าเปิด จะมองเห็นแคมป์อย่างชัดเจน
เราขึ้นลงวันนี้ 2 รอบ เพราะมันไม่ไกลมาก และเช้าวันที่ 3 อีก 1 รอบ เพื่อมาเก็บภาพให้ได้เยอะที่สุด
เช้าวันที่ 3 วันสุดท้าย หลังจากที่ขึ้นไปหินสามก้อนมา อากาศที่แคมป์ก็สดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ได้เวลาเก็บของกลับกันแล้ว
ลงมาถึงท้ายหมู่บ้าน ก็มีลำธารและน้ำตกให้อาบน้ำก่อนกลับด้วยนะ
ขาลงพวกเราใช้เวลาไม่เกิน 2 ชม. ก็ลงมาถึงหมู่บ้านกันแล้ว กลับบลงมาถึงก็ต้องไปเช็คชื่อกันที่ทำการ ตชด.ด้วยนะ
::ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้::
-ค่าลูกหาบคนละ 500 บาทต่อวัน
-ค่าดูแลความปลอดภัยให้กับประเทศเพื่อนบ้านคนละ 50 บาท
-ค่าบำรุงสถานที่คนละ 10 บาท
นอกเหนือจากนี้จำพวกค่ารถมาจากอุ้มผาง ติดต่อที่ คำสิงห์ โฮมสเตย์ ได้เลยครับ
สุดท้ายต้องขอขอบคุณภาพจากเพื่อนๆร่วมทริปทุกๆคนด้วยนะครับ
และฝากติดตามเพจอันน้อยๆของเราด้วยนะ ว่างๆเราจะมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆให้ติดตามกันอีก
ติดตามข้อมูลและการเดินทางของเราได้ที่เฟสบุคเพจ นายตัวน้อย ค่อยๆเดิน
นายตัวน้อย
วันพฤหัสที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.21 น.