09-12.10.2560 3 คืน 4 วัน ที่ฉันรักเธอ สวนยาหลวง บ้านสันเจริญ ถ้าพูดถึงสวนยาหลวง
เราเคยพาลูกทริป9คน มาออกทริปที่นี่ แต่ครั้งนั้นเราไปไม่ถึงยอดดอย เพราะรถติดหล่ม ไม่รู้เลยว่ายอดดอยมันสวยแค่ไหน
ในวันนั้นได้กลับมานอนในหมู่บ้าน มันมีหลายๆอย่างทำให้เราชอบที่นี่ จุดเด่นที่อาจเป็นเพียงความธรรมดา และเคยชินในสายตาของคนในหมู่บ้าน
แต่สำหรับในสายตานักเดินทาง ที่เบื่อเมืองอย่างเรา ความเรียบง่าย ความเงียบ วิถีชีวิตของคนที่นี่ เป็นสิ่งที่ดึงดูดเราให้กลับไปอีกครั้ง
เคยเป็นกันมั้ย อารมณ์อยากไปอยู่เฉยๆ ไปอยู่ในที่ที่เราชอบ ไปทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ
โดยใช้ความรู้สึกที่เรียกว่าดีต่อใจพาเราไป ตัวชี้วัดความสุขมาจากสิ่งที่เราไปพบเจอ แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่วิวสวยๆ
แต่มันรวมส่วนผสมทุกๆอย่าง ผู้คน ธรรมชาติ ได้เจอสภาพอากาศครบ3ฤดู ได้นั่งมอไซค์ขึ้นดอย เส้นทางจัดว่าโหด
ทำให้รสชาติของทริปนี้กลมกล่อม เดินทางโดยที่ไม่ต้องคิดว่าจะเจออะไรบ้าง เพราะไม่ว่าจะเจออะไร ดีหรือไม่ดี
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า สำหรับทริปนี้
**ยินดีที่ได้รู้จักกลุ่มน้องฝ้าย น้องๆ มากัน4คน ได้เจอกันตอนน้องๆกำลังจะกลับ น้องๆฮาดีโดยเฉพาะก้อ คนที่พูดไม่รู้เรื่อง
**ขอบคุณครอบครัวพี่กฤษที่ต้อนรับอย่างดี
**ขอบคุณพี่กฤษ ผู้ดูแลการท่องเที่ยวสวนยาหลวง ที่เมื่อเราบอกว่า อยากไปอยู่เฉยๆ
พี่กฤษเลยให้ไปอยู่บ้านบนสวนกาแฟ
**คนนี้ต้องขอบคุณหนักๆ หนุ่มน้อยนามว่าบีผู้เป็นทุกอย่างของทริปนี้ ตั้งแต่ พาขึ้นดอย เป็นคนดูแล เป็นคนทำกับข้าว
เป็นนายแบบก็ได้ ขอบคุณนะที่ไปลำบากด้วยกัน
3 คืน 4 วัน เจอฟ้าเปิดอยู่วันเดียว เจอฝนกันยาวๆ ภาพสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง เปียกฝน
ลุยโคลน แต่ความประทับใจและรักที่นี่เกิดขึ้นเต็มร้อย
ก่อนออกเดินทางกันต่อ ขอฝากเพจน้อยๆของแจ๊คด้วยนะคะ ติดตามการเดินทาง
ท่องเที่ยวถ่ายภาพของแจ๊คได้ที่นี่ค่ะ เพจ นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/JackSmallTraveler
ฝากกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
#บันทึกนักเดินทาง สวนยาหลวง 9-12 ตุลา60
คงได้อ่านเกริ่นไปกันพอสมควรละ เรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
สวนยาหลวง ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสันเจริญ ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน
จากคำบอกเล่าผู้เฒ่าผู้แก่ ในอดีตที่นี่มีการปลูกฝิ่นกันอย่างมาก ชื่อสวนยาหลวงมาจากคำว่า พื้นที่ปลูกฝิ่นที่กว้างใหญ่ อะไรประมาณนี้ค่ะ
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไป ที่นี่เป็นแหล่งปลูกกาแฟดี สายพันธุ์อราบิก้า เป็นมิตรกับธรรมชาติ จากโครงการหลวงสู่ยอดดอยสวนยาหลวง
ขอบคุณกาแฟถ้วยนี้จากร้านพี่กฤษ Lapien Coffee กาแฟจากรุ่นปู่สู่รุ่นหลาน
ถ้าจะมาเที่ยวสวนยาหลวง จะทำไง ต้องติดต่อใครมั้ย
ต้องติดต่อพี่กฤษค่ะ เบอร์ 0969522223 หรือ inbox ไปในเพจนี้ก็ได้ค่ะ
ชื่อเพจค่ะ ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ
สิ่งที่คุณจะได้รับคือ
1.รถ 4WD พาขึ้นดอย ตามแต่ว่าสภาพทางช่วงนั้นเป็นยังไง บางทีฝนตก ทางเละ ล้อรถพันโซ่ก็ยังขึ้นไม่ได้ ก็ต้องเดินกัน
บางทีฝนไม่ตก 4WD ขึ้นได้ถึงยอดดอย ก็ต้องวัดดวงกัน(จุดขึ้นรถอยู่ที่หมู่บ้านสันเจริญ)
2.ที่พัก เป็นกระท่อม บนสวนกาแฟ พร้อมอาหาร อร่อยมาก ผักสดๆจากต้น เด็ดมาทำอาหารให้เราทานค่ะ
หรืออยากจะไปกางเต๊นท์นอนดูดาวก็ได้ค่ะ
3.ไกด์ท้องถิ่น ก็คือคนที่ขับรถพาเราไปนั่นแหละ
4.ทะเลหมอก สวยๆ ถ้าสภาพอากาศเหมาะสม
5.หมอกฟุ้งๆ ขาวไปหมด มองไม่เห็นแม่แต่ยอดเขา
6.หมอก น้อยๆ รำไรๆ + ฟ้าเปิด
7.อาจจะเจอฝนก็เป็นได้
เอาเป็นว่า แล้วแต่ดวงเลย ของแบบนี้ คาดเดายาก
8.ไม่ว่าคุณจะเจออะไร สภาพอากาศแย่แค่ไหน หรือวิวสวยจับใจก็ตาม สิ่งที่คุณจะได้รับกลับไปคือมิตรภาพและความทรงจำดีๆแน่นอน
****การเดินทางไปที่หมู่บ้านสันเจริญ
รถทุกชนิด สามารถไปที่หมู่บ้านได้
ถ้าไม่มีรถส่วนตัว สามารถเดินทางได้ดังนี้ นั่งเครื่อง หรือนั่งรถทัวร์ แล้วเช่ามอไซค์จากเมืองน่าน หรือเช่าที่สนามบินก็ได้
ขี่ไปที่หมู่บ้านสัญเจริญได้เลย
หรือ นั่งรถที่ไปทุ่งช้าง จะผ่านท่าวังผา ลงตรงสถานีตำรวจ นัดพี่กฤษมารับ ราคาเที่ยวละ 800 บาท
การเดินทางก็ประมาณนี้ ไม่ยากเย็นจนเกินไป
ทริปนี้ไปหลายวัน เจตนาตอนแรกเลยคือ อยากไปอยู่เฉยๆ เพราะว่างหลายวัน อารมณ์แบบพาร่างกาย พาใจไปพัก
แต่สุดท้าย พากันขึ้นยอดดอยทุกวัน
เลยคิดว่าอยากเขียนรีวิวบอกเล่าเรื่องราวถึงสวนยาหลวง
หลังจากจบทริปดอยหนอกพะเยา ถึงกทมตี2 รีบจัดกระเป๋าใหม่ ได้นอนตี3 แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาตอนตี 5 อาบน้ำแต่งตัวเพราะบินเช้า
ทริปนี้แจ๊คนั่งเครื่องของนกแอร์ ไปลงสนามบินน่าน (ต้องขอบคุณน้องชายสุดหล่อ น้องฟ๊อก ผู้จองตั๋วราคาถูกให้)
ถึงสนามบินแล้วเช่ามอไซค์จากสนามบิน วันละ 300 ขี่ไปที่หมู่บ้าน
หอนาฬิกา คือจุดนัดพบ แต่ไม่เห็นมีนาฬิกา
ก่อนขึ้นดอย ได้เจอกับน้องกลุ่มของน้องฝ้าย เพิ่งลงจากดอยกันมา เลยไปน้ำออกรู พร้อมกับน้องๆ
ถามว่า รู้จักเค้าเหรอ ไปกับเค้าอ่ะ 55555 เพิ่งเจอกันนี่แหละ ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันเลย บีมันชวนไปเราก็เลยไป
น้ำใส ไหลเย็น ถ้าลงไปเล่นคงชื่นใจ สามารถลงเล่นน้ำได้นะ แต่แจ๊คไม่ได้ลง เพิ่งไปถึงขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้า
น้ำออกรู หรือน้ำออกฮู เป็นชื่อเรียกของตาน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดปี
ของที่สันเจริญนี้เป็นเหมือน น้ำตกขนาดย่อมๆ
ต้นไม้ใหญ่มากกกก
กลับมาที่บ้านกินข้าวด้วยกัน หลังจากคุยกัน เรารู้สึกว่า น้องๆน่ารักดี ทั้งสี่คนเลย เพียงเวลาสั้นๆ แต่มิตรภาพดีๆเกิดขึ้นได้
ถึงเวลาร่ำลาน้องๆ และเราก็ขึ้นดอย
กว่าจะเคลื่อนย้ายก็เย็นแล้ว เย็นนี้ไม่ได้เก็บแสงสวยๆ แต่คืนแรก ดาวเต็มฟ้า มารอต้อนรับ
เห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่า
มื้อเย็น
หมูย่าง น้ำจิ้มเด็ดมาก ฝีมือน้อง
เช้าวันที่ 2 เราเดินขึ้นยอดดอยกัน แน่นอนว่าไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอย 555 ตื่นสายจ้า
ภาพส่วางเพราะเราถ่ายขาลง อิอิ ตอนเดินขึ้นยังมืดอยู่เลย
ลงเพิ่งเห็นว่ามีป้ายด้วย
มอไซค์เป็นยานพาหนะที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมา เห็นแบบนี้ ลุยโคลนดีนักแล
คนที่นี่เค้าจะมีบ้านอยู่ในหมู่บ้าน เวลามาทำไร่ ดูแลสวนก็จะขี่มอไซค์ขึ้นมา
แล้วนอนค้างที่กระท่อม จนงานเสร็จก็ลงดอยกลับบ้าน จะเป็นประมาณนี้ค่ะ
ประเมินสถานการณ์แล้ว ขึ้นยอดดอยไม่ทันพระอาทิตย์แน่ๆ
เราเลยได้ไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ระหว่างทาง ตรงนี้ก็มีบ้านพักเหมือนกัน วิวดี โคตรชอบเลยตรงนี้
ไม่ต้องถึงยอดดอยก็ฟินได้ แต่ว่าเราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เพราะเมฆบัง
มีหมอกจางๆ วิวข้างหน้าคือสวนกาแฟ
หลังจากเก็บภาพตรงจุดนี้ เราเดินกันต่อ เพื่อขึ้นยอดดอย
เก็บภาพระหว่างทาง
ลมพัดเย็น อากาศตอนเช้าดี๊ดี
เอิ่มมม นั่งทำอะไรนั่น
น้องบอกว่านั่งกินลม สงสัยจะหิว
เดินไปเรื่อยๆเราจะถึงองค์พระ เป็นอีกจุดถ่ายภาพที่สวยงาม
ตรงนี้วิวสวยเช่นกัน
เดินกันต่อค่ะ
เราจะถึงอีกจุด ตรงนี้มีศาลา
จากศาลาเราจะมองเห็นยอดดอย เห็นป่าววววว ธงชาติที่เราเห็นอยู่ไกลๆนั่นไง
นั่งพักกันแป๊ปนึงแล้วขึ้นไปชมวิวข้างบนค่ะ
เดี๋ยวอยู่พะเยา เดี๋ยวอยู่น่าน อิอิ แป๊ปเดียวเที่ยวสองจังหวัดเลย
จะเห็นว่าป้ายเขียนไม่เหมือนกัน สองฝั่ง เหตุเพราะ เป็นเขตติดต่อกัน ระหว่างน่านกับพะเยาค่ะ
ขึ้นไปด้านบน ลมแรง ชมวิวได้ 360 องศา วันนี้โชคดี พอจะมีหมอกมาทักทายบ้าง
ถ่ายถาพมาเยอะมาก สำหรับวันนี้ เราได้ภาพประมาณนี้ค่ะ
หมอกอยู่ไกลๆ ไม่ยอมมาหาเรา
อยากจะวาร์ปไปเขาลูกข้างหน้า จะได้ใกล้หมอกมากขึ้น
สายๆหมอกเริ่มมาใกล้เรามากขึ้น
ได้เวลาลงจากดอยแล้ว เพราะหิวมาก 55555
วางแผนไว้ว่าคืนนี้จะขนเต๊นท์ขึ้นมานอนบนดอยเลย เก็บแสงเย็น ถ่ายดาว และเช้าอีกวัน ก็เก็บหมอก
แผนดีตลอดอ่ะ
กลับมาที่บ้าน น้องทำอาหารให้ทาน จริงๆเราก็ช่วยนะ 5555
ผัดยอดฟักแม้วอร่อยมาก เด็ดสดๆมาจากต้น
บ่ายแก่ๆ เราจะขึ้นดอยอีกรอบ เตรียมของเรียบร้อย พอได้เวลา
สิ่งที่ไม่คาดคิด และกลัว ก็เกิดขึ้น ฝนตกจ้าาาาาาา
จบเลย ไปไม่ได้
แล้วแผนเรา จะยังไง จะได้ขึ้นดอยมั้ยวันนี้
คิดไว้ว่า งั้นฝนหยุดตกเมื่อไรก็จะขึ้นยอดดอยตอนนั้น
สรุปว่าฝนไม่หยุดตก แถมตกจนถึงมืดเลย โอเคไม่ขึ้นดอยก็ได้เย็นนี้
กินค่ะ ยอดฟักแม้ว จิ้มน้ำพริก อร่อยมาก จะบอกว่าขึ้นดอยเนี่ย ไปเรียนตำน้ำพริกจากน้องนะ
วันนี้นอนเร็วหน่อย พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆและไม่พลาดพระอาทิตย์ขึ้น
เช้าวันที่สาม ฝนตกตอนเช้าเลยจ้าาาาาา
ประมาณ 6 โมงเช้า ดูสถานการณ์หมอก จากหลังบ้าน
จริงๆนั่งดูหมอกหลังบ้านก็ฟินละ
หลังบ้าน เต็มไปด้วยหมอก
ดูแล้ววันนี้ควรขึ้นยอดดอยเป็นที่สุด อิอิ
ต้มน้ำ ชงกาแฟ ชอบกาน้ำอันนี้จัง อยากจะขโมยกลับบ้าน
เราพกเตาสนามไป ส่วนแก็สกระป๋องได้รับบริจาคโดยน้องก้อ ขอบใจหลาย
ถึงก้อจะขี้เมา ถึงก้อจะคุยไม่รู้เรื่อง แต่น้องมีน้ำใจนะ
เช้าๆ มีฝนอยู่บ้าง ฝนหยุดก็ขึ้นยอดดอยกันเลย
แวะที่เดิม จากตรงนี้มองไปที่ยอดดอย ดูมีหมอกฟุ้งๆ ฟ้าไม่เปิด เลยแวะเก็บภาพระหว่างทาง
หมอกน่ารักๆ
ตรงนี้วิวดีเช่นกัน (ตรงไหน ???? ก็ตรงที่แวะรอพระอาทิตย์ในเช้าวันที่สองไง)
อิจฉากาแฟที่นี่ ได้เจอวิวสวยๆทุกวัน อิอิ
บีๆมาเป็นนายแบบให้เจ้หน่อยเร็ว
เก็บภาพตรงนี้จนพอใจ เราขึ้นยอดดอยกันต่อ
เมื่อเราถึงองค์พระ วิวนี่เรียกว่าขาวสะอาด มองไม่เห็นอะไรเลย
ไปต่อที่ศาลา จุดเดียวกับเมื่อวาน
มองไปที่ยอดดอย อ้าวววววววววว ยอดดอยหายไป ใครขโมยยอดดอยไปแว๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยู่ในศาลา ลมแรงมาก มาพร้อมกับหมอก จนสักพัก เหมือนจะเป็นละอองฝน
เราอยู่กันที่ศาลานานมาก มีความหวังว่าฟ้าจะเปิดให้เราบ้าง
อยู่ตรงนี้ทำอะไรไม่ได้ ฝนลง กลับก็ไม่ได้ ขึ้นยอดดอยก็ไม่ได้
ทำได้เพียง กินมาม่าที่น้องบีตั้งใจทำให้กิน
แต่มัน อืดๆ จืดๆ แล้วยังบังคับให้เจ้กิน แบบนี้มันไม่แฟร์นะ
สุดท้ายเราก็ลงจากศาลากัน ลงมาข้างล่างๆ ฟ้าเปิดมากกว่าข้างบน แต่สักพักฝนก็ตกอีก
หลบฝนค่ะ กระท่อมของชาวบ้านนี่แหละ
แถมไปกินข้าวบ้านเค้าด้วย ขอบคุณมากๆค่ะ คนที่นี่ใจดีจัง
นั่งตรงนี้รอฝนหยุด ดาวลอยก็มา ยาดองสมุนไพรน้ำผึ้งก็มา เหมือนจะพังๆนิดๆ มึนสิ่
ฝนเริ่มเบา เราก็เดินทางกันต่อ ดูสภาพทาง
แวะหลบฝนกันอีกรอบ กระท่อมใครไม่รีูั
ลงจากยอดดอยมาที่กระท่อม เก็บของ แจ๊คต้องลงดอยวันนี้ ไม่งั้นไม่ทันเครื่องพรุ่งนี้แน่ๆ
แจ๊คบิน 10.35 เพราะ 2 ทุ่มต้องขึ้นรถตู้ไปตาก ขึ้นดอยพาวี แอบบเสียดาย ถ้าไม่มีทริปต่อจะชิลกว่านี้
ลงเขาแบบมึนๆ
คนอวดเสื้อ
คืนนี้ลงไปนอนบ้านพี่กฤษ แวะไปที่ร้านกาแฟก่อน
มีอะไรเปรี้ยวๆ กินแล้วสดชื่นมั้ยคะ ชามะนาวก็ได้
อ้าวมีแต่ชาเขียว
แจ๊ค : ชาเขียวมะนาวก็ได้ค่ะ
คนบ้านอะไร กินชาเขียวมะนาว พี่กฤษกล่าว
ฝนตกลงมาเรื่อยๆ คืนนี้ไฟดับ นั่งกินข้าวกันใต้เสียงเทียน จะถ่ายดาวก็ไม่มี จะมีก็แต่ดาวลอย
สำหรับคืนนี้ขอบคุณครอบครัวพี่กฤษ นั่งคุยกัน ฟังผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่าเรื่องราว ต่างๆมากมาย
บอกพี่กฤษว่า มาที่นี่ทำให้รู้สึกขี้เกียจมา มาพักจริงๆ มองย้อนกลับไปเห็นตัวเองว่าเฮ้ยยยย ทำไมเราทำอะไรมากมายขนาดนี้เลย จริงๆควรเหนื่อย 55555 แต่มันทำจนชิน ไม่ได้พัก เลยมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ทำให้ชอบที่นีมากจริงๆ
สำหรับคืนนี้ ได้เวลา แยกย้ายกันเข้านอน
บรรยากาศยามเช้า บ้านสันเจริญ มุมมองผ่านทางหน้าต่างห้อง เช้าๆมีหมอก อากาศดี๊ดี
สายๆได้เวลาบอกลาเจ้าของบ้าน ไว้เจอกันใหม่นะคะ ขอบคุณที่ต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ
เดี๋ยวววววว มีภาพแถม วิวข้างทางก็สวยไม่แพ้บนยอดดอย แจ๊คนี่แวะถ่ายภาพจนเกือบจะตกเครื่อง
ขอจบรีวิวสวนยาหลวงในมุมมองของแจ๊คไว้เท่านี้นะคะ
แจ๊คมีเรื่องเล่าอีกตั้งหลายดอย แล้วจะทยอยเขียนให้นะคะขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย
แจ๊คหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประประโยชน์ หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนออกเดินทาง
ไม่สบายเหมือนเดินห้างแต่มีคนเดินข้างๆมันโอเค
นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/JackSmallTraveler
ทริปหน้าจะพาไปลุยดอยที่ไหนฝากติดตามด้วยนะคะ
นักเดินทางตัวน้อย
วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.23 น.