สวัสดีทุกคนครับ วันนี้ผม นาย “ภรรยาหา สามีใช้” จะพาทุกคนไปรู้จักกับอีกหนึ่งในไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ผมกับภรรยาชื่นชอบมากๆ ในความสดอร่อยของอาหารซีฟู้ดอย่างปูม้า ปูทะเล ปูไข่คลองโดน กุ้ง หอยนางรม แล้วก็บรรดาปลาดิบทั้งหลาย โดยไลน์ที่ว่านี้คือไลน์บุฟเฟ่ต์มื้อเย็นของห้องอาหาร Atrium (เอเทรียม) โรงแรม Landmark Bangkok (แลนด์มาร์ค กรุงเทพ) ครับ
ก่อนอื่นเลยผมขอเล่าให้ฟังถึงภาพรวมของห้องอาหารแล้วก็ราคาอาหารมื้อต่างๆ ของที่นี่ก่อนแล้วกันนะครับ โดยห้องอาหาร Atrium นั้นจะตั้งอยู่บริเวณชั้น L ของโรงแรม Landmark ข้างๆ กับ Lobby เลย เรียกว่าพอเราเดินเข้าประตูโรงแรมมาแล้วหันไปทางขวามือก็จะเจอห้องอาหารแห่งนี้เลยครับ
สำหรับการเดินทางมายังโรงแรมแห่งนี้ก็ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่นั่งรถ BTS เพราะโรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานี BTS นานา เพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น ส่วนคนที่ขับรถมานั้นก็ให้มองป้ายซอยสุขุมวิทซอย 6 เอาไว้ให้ดีๆ ครับ โรงแรมเค้าจะอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 4 และซอยสุขุมวิท 6 โดยหากใครที่ขับรถเลยทางเข้าโรงแรมไปก็ไม่ต้องตกใจนะครับ ให้ดูตามแผนที่ได้เลยเดี๋ยวมันจะมีทางวนกลับไปที่หน้าโรงแรมใหม่ได้
ส่วนเรื่องของที่จอดรถนั้นก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่จอดรถของโรงแรมแห่งนี้เยอะใช้ได้เลยครับ
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ขับรถมานั้นจะสามารถประทับตราบัตรจอดรถที่ห้องอาหารได้ โดยจะสามารถจอดได้ทั้งหมด 3 ชั่วโมงครับ ทั้งนี้หากใครที่ใช้บริการเกิน 3 ชั่วโมงก็สามารถแจ้งพนักงานที่ห้องอาหารได้เลย เดี๋ยวทางเค้าจะช่วยดูแลเพิ่มเติมให้ครับ
เอาล่ะ ทีนี้เราไปดูเรื่องไลน์อาหารของห้องอาหาร Atrium แห่งนี้กันดีกว่า โดยวันที่ผมไปกินนั้นคือวันพุธที่ 4 ตุลาคม 2560 ช่วง 18.00-21.30 น. ครับ แต่เนื่องจากว่าในเดือนพฤศจิกายน 2560 นั้น ทางห้องอาหารจะมีการปรับเปลี่ยนราคาอาหารใหม่เล็กน้อย ดังนั้นผมก็เลยขอลงราคาอาหารเป็นราคาใหม่ทั้งหมดเลยนะครับ
ราคาอาหาร (Update เดือนพฤศจิกายน 2560)
มื้อกลางวัน วันจันทร์ - วันเสาร์ : ราคา 1,600 บาท/คน net
มื้อกลางวัน วันอาทิตย์ : ราคา 2,700 บาท/คน net
มื้อเย็น วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี : ราคา 2,200 บาท/คน net
มื้อเย็น วันศุกร์ – วันเสาร์ : ราคา 2,500 บาท/คน net
โดยราคาดังกล่าวเป็นราคา net แล้วนะครับ และสำหรับมื้ออื่นๆ ที่ไม่ใช่มื้อกลางวันวันอาทิตย์ (Sunday Brunch) จะเป็นราคาที่รวมชาและกาแฟ แต่ยังไม่รวมน้ำเปล่าและน้ำอัดลมนะครับ โดยหากใครต้องการทานน้ำเปล่าก็สามารถสั่งได้ในราคา 65 บาท/ขวด หรือไม่ก็สามารถสั่งเป็นแบบ Refill น้ำเปล่า + น้ำอัดลม ที่ 150 บาท/คน net ก็ได้ครับ
หมายเหตุ : ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2560 ทางห้องอาหาร Atrium ได้มีการจัดโปรโมชั่นมา 4 จ่าย 2 รวมทั้งได้มีบัตรเครดิตอีกหลายใบที่มีสิทธิ์พิเศษอย่างมา 2 จ่าย 1 อยู่ ซึ่งผมว่าเป็นโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากๆ เพราะจะทำให้เราประหยัดเงินลงไปได้ครึ่งนึงของราคาปกติเลยครับ
เกริ่นมายาวพอแล้ว คราวนี้เราเริ่มไปดูที่ไลน์อาหารกันแบบเจาะลึกกันเลยนะครับ โดยไลน์อาหารแรกที่เราจะเจอหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ห้องอาหารก็คือไลน์ Seafood on ice และไลน์อาหารญี่ปุ่นที่ประกอบไปด้วย Blue crab, King crab, Sea snail, Oyster, Black mussel, Newzealand mussel, Red shimp, แซลมอน, ทูน่า, ปลาหมึกยักษ์, ปูอัด, ทาโกะยากิ, ซุปแซลมอน และซุปมิโซะครับ
สำหรับคุณภาพในด้านความสด ความอร่อยของทั้ง Seafood on ice และปลาดิบนั้น ผมจัดให้อยู่ในเกรดดีเยี่ยมเลยครับ เรียกว่าเป็นห้องอาหารที่มีความสดของอาหารประเภทดังกล่าวติดอันดันต้นๆ ของผมกับภรรยาเลย ส่วนซาซิมินั้นก็อยู่ในเกรดที่ดีมากๆ สามารถสู้กับร้านอาหารญี่ปุ่นเฉพาะทางได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงเลย
ส่วนในเรื่องของน้ำจิ้มซีฟู้ดนั้นก็ทำมาได้ดีแซ่บและเผ็ดใช้ได้ เรียกว่าใครชอบกินซีฟู้ดสดๆ อร่อยๆ น้ำจิ้มแซ่บๆ มาที่นี่น่าจะถูกอกถูกใจครับ โดยหากทางโรงแรมสามารถปรับปรุงอีก 2 เรื่องนี้ได้จะยิ่งทำให้ไลน์นี้ดีมากๆ นั่นก็คือ การเติมไลน์อาหารของ Seafood on ice ให้เร็วขึ้นกว่านี้อีกนิด เพราะหลายๆ ช่วงเวลาทางพนักงานใช้เวลาในการเติมนานไปหน่อย ส่วนอีกเรื่องก็คือการเพิ่มน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบที่ไม่เผ็ดมากเท่าไหร่มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ทานเผ็ดไม่ค่อยได้ครับ
มาต่อกันที่ไลน์ต่อไปที่เราจะเห็นนั่นก็คือไลน์ของขนมปัง ยำและสลัดครับ โดยที่ไลน์นี้จะมียำที่ดูแล้วหน้าตาน่าทานเยอะแยะมาก ไม่ว่าจะเป็น แฮมสลัด, ยำส้มโอ, ยำเนื้อแกะ แล้วก็สลัดไส้กรอกเนื้อลูกวัว ส่วนของสลัดและแล้วก็ขนมปังนั้นก็ดูน่าทานและมีให้เลือกปลายประเภทเหมือนกัน นอกจากนี้ก็ยังมีชีส, แซลมอนรมควัน, หมูรมควัน, Cold cut ให้ทานอีกด้วยครับ
สำหรับไลน์นี้ผมได้ลองทานแค่ไม่กี่อย่าง โดยในความเห็นผมนั้นสิ่งที่โดดเด่นสุดก็คือแซลมอนรมควัน อร่อยถูกปากมาก ส่วนพวกผักต่างๆ นั้นก็สดและคุณภาพดีครับ น้ำสลัดมีให้เลือกเยอะแยกมากตั้งแต่น้ำมันมะกอก, ซอสบัลซามิค, ทาวด์ซั่นไอส์แลนด์, ซีซ่าร์, ซอสญี่ปุ่น, ซอสมาร์ทาร์ แล้วก็ซอสวิเนเกรท ส่วนพวกยำต่างๆ นั้น ผมลองทานไป 2 อย่างได้แก่ยำส้มโอ กับสลัดไส้กรอกเนื้อลูกวัว รสชาติอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่ได้โดดเด่นหรือแซ่บถูกปากถูกใจมากนักครับ
ต่อกันที่ไลน์ถัดไปซึ่งเป็นอีกหนึ่งไลน์ที่ผมประทับใจมากๆ นั่นก็คือไลน์ Grill Station โดยที่ไลน์นี้จะมีอาหารอย่าง กุ้ง, หอยแมลงภู่, ปลาหมึก, ปลากะพงขาว, หอย, ไก่สะเต๊ะ, เนื้อสะเต๊ะ ให้เราสั่ง โดยเราต้องนำหมายเลขโต๊ะของเราติดมาด้วยเพราะเมื่ออาหารที่เราสั่งไว้ย่างสุกดีแล้วก็จะมีพนักงานนำไปเสิร์ฟให้เราที่โต๊ะครับ
สำหรับคุณภาพความสดของซีฟู้ดในวันที่ผมไปทานนั้นอยู่ในขั้นดีมากเลยครับ โดยเฉพาะปลาหมึกนี่เป็นอะไรที่ถูกใจมากเลย ^^
และที่เด็ดสุดๆ จนทำให้ผมประทับใจไลน์นี้ก็คือปูครับ โดยที่ห้องอาหาร Atrium จะมีการนึ่งปูม้า, ปูทะเล และปูไข่คลองโคนให้เราทานกันแบบไม่อั้นเลย ใครที่ชอบทานปูน่าจะถูกอกถูกใจเป็นอย่างมากเพราะความสดของปูในวันที่ผมไปนั้นอยู่ในระดับที่ดีมากๆ แถมยังตัวใหญ่ กล้ามโตอีกด้วยครับ ส่วนใครที่ชอบทานไข่ปูนี่คงจะชอบปูไข่คลองโคนแน่ๆ เพราะไข่ปูอัดแน่นมาเยอะมาก
หมายเหตุ : สำหรับปูม้า, ปูทะเล และปูไข่นึ่งนั้น จะมีถึงแค่วันที่ 31 ตุลาคม 2560 เท่านั้น โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ทางห้องอาหารจะมีการปรับเปลี่ยนไลน์อาหารใหม่จากปูนึ่งเป็นแซลมอนแทนนะครับ
และนอกจากบรรดาปูนึ่งแล้ว ที่ไลน์นี้ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยว, พาสต้า, หอยแมลงภู่อบชีส, เนื้ออบ, Salmon Coulibiac แล้วก็เอียเล้ง คุโรบุตะ อีกด้วยนะครับ โดยที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ Salmon Coulibiac ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆ กับพายขนาดใหญ่ที่มีไส้แซลมอนอยู่ตรงกลาง ตัวขนมปังด้านนอกกรอบกำลังดีส่วนไส้แซลมอนด้านในนั้นก็อร่อยถูกปาก เคี้ยวง่ายดีครับ
ส่วนเมนูอื่นๆ ที่ประทับใจรองลงมาก็ได้หอยแมลงภู่, สปาเกตตี้ แล้วก็ลูกชิ้นของซุ้มก๋วยเตี๋ยวครับ ส่วนเมนูที่ผมประทับใจน้อยที่สุดก็คือเอียเล้งที่เนื้อยังไม่ค่อยเปื่อยเท่าไหร่ ทำให้กินยากแล้วก็รสชาติยังไม่แซ่บถึงใจเท่าที่ควร
ต่อกันที่ไลน์ถัดไป ไลน์อาหารไทยครับ นี่เป็นอีกหนึ่งในไลน์อาหารที่ทำให้ผมแปลกใจแล้วก็ประทับใจมาก เพราะเป็นการนำเอาอาหารไทยหลายๆ อย่างที่เราหาทานได้ยากจากโรงแรมอื่นๆ มาใส่ได้อย่างน่าสนใจเลยไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานหมู, ไส้อั่ว, ยำปลาดุกฟู, สาคูไส้หมู, ข้าวเกรียบปากหม้อ, น้ำพริกลงเรือ, น้ำพริกไตปลา, เกี๊ยวทอด, ผัดปลาหมึก, ทะเลผัดกระเทียม แล้วก็ขนมจีนซาวน้ำ
ในด้านของรสชาตินั้น ผมให้อยู่ในเกณฑ์กลางๆ ค่อนไปทางดีนะครับ โดยเมนูที่ชอบก็ได้แก่ข้าวเกรียบปากหม้อ, สาคูไส้หมู, ไส้อั่ว แล้วก็ทะเลผัดกระเทียมครับ ส่วนเมนูที่ถูกปากน้อยที่สุดก็คือขนมจีนซาวน้ำครับ แต่อย่างไรก็ตามผมว่าด้วยความน่าสนใจของอาหารในไลน์นี้น่าจะทำให้คนที่พาชาวต่างชาติมาทานอาหารที่นี่ประทับใจกลับไปพอควรเลยครับ
ปิดท้ายไลน์ของคาวกันด้วยพวกซุปแล้วก็ของทานเล่นนะครับ โดยไลน์นี้จะอยู่ช่วงท้ายของห้องอาหารเลย ในไลน์จะประกอบไปด้วยต้มมะระหมู, ซุปมะเขือเทศ, Black mussel อบ และไก่เทอริยากิ ซึ่งผมขอสารภาพตามตรงเลยนะครับว่าผมไม่ได้ลองทานอะไรในไลน์นี้เลย ดังนั้นก็เลยไม่ขอออกความเห็นในเรื่องของรสชาตินะครับ
ดูไลน์ของคาวกันไปจบแล้ว ทีนี้เรามาเริ่มดูไลน์ของหวานและผลไม้กันดีกว่า โดยไลน์ของหวานและผลไม้นั้นจะถูกแยกออกเป็น 2 ไลน์ย่อยๆ ได้แก่ ไลน์ของพวกเค้ก, ผลไม้แล้วไอศกรีม แล้วก็ไลน์ของหวานที่เป็นสไตล์ไทยครับ
สำหรับไลน์ของพวกเค้ก ผลไม้ และไอศกรีมนั้นหน้าตาอาหารแต่ละอย่างดูดี ดูน่าทานมาก โดยเมนูในวันที่ผมไปนั้นมี Caramel Custard, Chocolate duo, Hazelnut cake, Peach tart, Pistachio cake, Blueberry cheese cake แล้วก็บานอฟฟี่ครับ สำหรับรสชาติอาหารนั้นอยู่ในเกณฑ์ปานกลางค่อนไปทางดี ยังไม่ถึงกับว้าวมาก โดยเมนูที่เด่นสุดๆ ในความเห็นผมก็คือบานอฟฟี่ครับ
ในส่วนของผลไม้แล้วก็ไอศกรีมนั้นก็ถือว่ามีให้เลือกทานเยอะเหมือนกันครับ โดยผลไม้จะมีแก้วมังกร, แคนตาลูป, แตงโม, ฝรั่งแล้วก็สับปะรด การปอกและการจัดเรียง รวมทั้งรสชาติอยู่ในเกณฑ์ดี เห็นแล้วอยากหยิบมาทานเลยครับ
ส่วนไอศกรีมมีให้เลือก 3 รส ได้แก่ วานิลลา, ราสเบอร์รี่ แล้วก็ชาเขียว ในเรื่องของรสชาตินั้นถือว่าดีครับ โดยเฉพาะราสเบอร์รี่นั้นจะมีเม็ดช็อคโกแลตกลมๆ ผสมด้วย กินแล้วกรุบกรอบดี แต่สิ่งที่ผมอยากให้ปรับปรุงก็คือเรื่องของความเย็น เพราะว่าเนื้อไอศกรีมค่อนข้างเหลวมาก ทำให้ตักยากและดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ครับ
และก็ได้เวลามาปิดท้ายกันที่ไลน์ของหวานสไตล์ไทยครับ ที่ไลน์นี้จะประกอบไปด้วยของหวานและขนมหวานไทยๆ อย่างทองหยิบ, หองหยอด, ลูกชุบ, กล้วยไข่เชื่อม, ข้าวเหนียวถั่วดำ, สาคูแคนตาลูป, เฉาก๊วย, ลอดช่อง, ทับทิบกรอบ, สลิ่ม แล้วก็ลูกชิด
เอาเป็นว่าใครที่ชอบของหวาน ขนมหวานสไตล์นี้คงถูกใจมาก แต่สำหรับผมหลังจากที่ได้ลองชิมแล้ว ผมเลือกที่จะเก็บท้องไว้กินซีฟู้ดต่อดีกว่า เพราะแม้รสชาติของหวานต่างๆ ของห้องอาหารแห่งนี้จะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ว่าความสด ความอร่อยของซีฟู้ดของที่นี่มันเด่นกว่ามาก ดังนั้นผมกับภรรยาก็เลยขอเอากระเพาะที่มีอยู่อย่างจำกัดไปเน้นไปที่ซีฟู้ดแทนครับ ><
เอาล่ะครับ หลังจากอ่านกันมายาวนาน ตอนนี้เราก็มาถึงบทสรุปของการรีวิวห้องอาหาร Atrium โรงแรม Landmark Bangkok กันแล้ว เดี๋ยวเรามาไล่กันไปทีละเรื่องตามเดิมเลยแล้วกันนะครับ
วันที่รับประทาน : วันพุธที่ 4 ตุลาคม 2560
ช่วงเวลา : 18.00 – 21.30 น.
จำนวน : 2 คน
รสชาติอาหาร : รสชาติอาหารส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะอาหารซีฟู้ด อร่อย สด และถูกปากผมกับภรรยามากๆ โดยเราสองคนต่างเห็นตรงกันและยกให้ที่นี่เป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่มีความสดอร่อยของอาหารประเภทนี้ติดอันดับต้นๆ ของเราเลยครับ ส่วนไลน์อาหารอื่นที่ประทับใจไม่แพ้กันก็คือปลาดิบที่มีคุณภาพดีกว่าหลายๆ ที่ นอกจากนี้ไลน์อาหารอื่นๆ ก็อยู่เกณฑ์มาตรฐานค่อนไปทางดี มีถูกปากมากๆ บ้าง ไม่ถูกปากบ้างครับ
ความหลากหลายของอาหาร : ถือว่าเป็นไลน์อาหารที่มีความหลากหลายของเมนูที่ดีเลยครับ แต่อาจจะเน้นหนักไปทางอาหารไทยมากซักหน่อย ซึ่งมองอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของไลน์อาหารที่นี่เลยเพราะอาหารไทยหลายๆ อย่าง เช่น ไส้อั่ว, ข้าวเกรียบปากหม้อ, สาคูไส้หมู, น้ำพริก และขนมจีนซาวน้ำ ก็เป็นอาหารที่แทบจะหาทานจากไลน์อาหารอื่นได้ยากมากครับ
ความสะอาดของร้าน : สอบผ่านสบายๆ รวมไปถึงเรื่องพื้นที่ของห้องอาหารด้วย เพราะห้องอาหารแห่งนี้เป็นห้องอาหารที่มีขนาดใหญ่ เพดานสูง โต๊ะกว้าง และมีจำนวนโต๊ะที่สามารถรองรับได้ประมาณ 150-180 คนเลยครับ
การบริการของพนักงาน : เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำได้ดีเช่นเดียวกัน เวลาเรียกให้เติมเครื่องดื่มก็มาให้บริการอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะวันที่ผมไปนั้นมีแขกไม่มากด้วย โดยน่าจะมีคนใช้บริการประมาณ 40-50% ของห้องอาหารครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดินทางด้วยรถ BTS สะดวก เพราะอยู่ห่างจากสถานี BTS นานา เพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น และเมื่อเดินเข้าโรงแรมก็จะเจอห้องอาหารที่อยู่ชั้นล่างเลย ถือว่าสะดวกมาก ส่วนคนที่ขับรถมานั้นแม้โรงแรมนี้จะมองเห็นได้ไม่ยาก และมีที่จอดรถเยอะพอควร แต่ด้วยความที่โรงแรมตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทช่วงต้นๆ ซึ่งเป็นช่วงที่รถติดสาหัสเอามากๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นของวันทำงาน ดังนั้นใครที่เลือกขับรถไปก็ต้องทำใจในการเดินทางนิดนึงนะครับ
ความคุ้มค่า : แม้อาหารจะสดหรือคุณภาพดีมากในหลายๆ รายการ แต่เมื่อเทียบกับราคาเต็มของการทานอาหารมื้อเย็นวันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี ที่ 2,200 บาท/คน net (รวมชา กาแฟ แต่ยังไม่รวมน้ำเปล่าและน้ำอัดลม) ผมก็ยังมองว่าราคาสูงไปหน่อยครับ แต่ถ้ามองใหม่ว่านี่คือการไปกินอาหารโดยการใช้โปรโมชั่น มา 2 จ่าย 1 (โปรโมชั่นบัตรเครดิต) หรือโปรมา 4 จ่าย 2 (โปรโมชั่นของโรงแรม) ก็จะทำให้ราคาโดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,100 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก และตัวผมเองก็มองว่าหากทางโรงแรมยังมีโปรโมชั่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมคงจะหาโอกาสกลับไปกินซ้ำอีกรอบแน่ๆ เพราะผมประทับใจในความสดอร่อยของซีฟู้ดที่นี่มากเลยครับ
สรุป : ห้องอาหาร Atrium โรงแรม Landmark Bangkok ถือเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชอบทานอาหารบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม โดยเฉพาะคนที่ชอบทานซีฟู้ดและปลาดิบ นอกจากนี้ยังมีไลน์อาหารที่น่าสนใจอย่างอาหารไทยและขนมหวานไทยๆ อีกด้วย ดังนั้นใครที่ชอบกินอาหารประเภทนี้หรือต้องการพาชาวต่างลิ้มรสอาหารไทยหลายๆ อย่างในบรรยากาศโรงแรม นี่ถือเป็นห้องอาหารที่เหมาะสมแห่งนึงเลยครับ ทั้งนี้ในเรื่องของราคานั้นหากเป็นราคาเต็มๆ นั้นอาจจะดูสูงไปนิดนึง แต่ถ้าเจอโปรโมชั่นที่ลดถึง 50% แบบที่มีอยู่ตอนนี้ ก็จะทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งไลน์อาหารที่ดีมาก และควรหาโอกาสไปลองทานซักครั้งครับ
สำหรับท่านที่สนใจไปทานอาหารที่ห้องอาหาร Atrium โรงแรม Landmark Bangkok สามารถติดต่อจองหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-2540404 ได้เลยครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ หากผมรีวิวขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยด้วยและการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือรสชาติที่แตกต่างจากนี้ออกไป และสำหรับใครที่ชอบการรีวิวของผม สามารถไปติดตามหรือแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/amazingcouples
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
ภรรยาหา สามีใช้
วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.17 น.