'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

วันนี้นำรีวิวเบาๆ อันดับที่สิบสาม Ver.เที่ยวง่าย หา Location เปลี่ยนรูป Profile ขำๆ มาฝาก

(จริงๆ คะน้าไปวันศุกร์-เสาร์ แต่จำนวนวันก็เทียบเท่ากับไปเสาร์-อาทิตย์ ชิลมากกกก)

ทริปนี้คะน้าพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่

'จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.สามร้อยยอด

แวะนอน จ.เพชรบุรี

พาทานอาหารอร่อยที่ จ.นครปฐม'

และแน่นอนว่า...ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเคยอ่าน Blog คะน้ามาบ้าง จะรู้ Concept คะน้าว่า

ไม่เคยทำแพลนเที่ยวเอง ไม่เคยเป็นหัวเรือนำทีมเองเลยสักทริปเดียว 55555

เที่ยวบ่อยแบบนี้ แต่ไปแบบติ่งๆ ตลอดนะ (ทำไมดูภูมิใจ =[]=)

เพราะงั้นแน่นอนว่าทริปนี้ก็ต้องมีคนพาเที่ยวอีกเช่นเคย

และก็หน้าเดิมด้วย...


"ชายอาม"

โผล่อยู่ทุก Blog ทั้งเป็นคนแพลนเที่ยว คนขับรถ และช่างภาพ

และทริปนี้เราก็ไปกันอยู่สองคนนี่แหละ ไม่มีใครไปด้วยละ 5555



เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณตีสามครึ่ง

เดินทางมุ่งหน้าไปจ.ประจวบฯ อ.สามร้อยยอด

เวลาที่ตั้งใจจะไปถึงคือประมาณเจ็ดโมงเช้าของวันศุกร์ หรือวันลอยกระทงที่ผ่านมานั่นเองค่ะ


และแล้ว...ก็เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ คือเรามาถึง "อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด"

ประมาณเจ็ดโมงครึ่งค่ะ (รวมแวะปั๊มน้ำมันและเซเว่นฯ เพราะคะน้าหิว 5555)


พอเข้าไปจอดรถภายในอุทยานฯ จะมีไม้กั้นปิด และป้ายบอกเวลาเปิดอยู่นะคะ

คือสามารถขึ้นเขาไปจุดชมวิวได้เวลา 08:00 น. ค่ะ หากมาถึงก่อน (เช่นคะน้า)

ต้องขับรถไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่อุทยานฯ ว่าขอขึ้นก่อนเวลาค่ะ แต่คะน้าไม่ได้ไปแจ้งเองนะคะ

วันที่คะน้าไป มีทีมนักท่องเที่ยวมาถึงก่อนคะน้า คะน้าเลยอาศัยขึ้นไปพร้อมกลุ่มพี่ๆ เขาพอดี


ทางเดินขึ้นเขาเป็นไปตามภาพเลยค่ะ บรรยากาศเขียวแบบคลอโรฟิลด์สมบูรณ์

ถึงแม้ทางเดินจะเป็นหินภูเขา แต่ข้อดีคือเป็นบันไดที่ให้เราเหยียบขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ง่ายๆ

บางจุดที่เดินยากเพราะหินลื่น และทางชัน ก็พอมีบ้าง แต่ไม่ลำบากหรือยากมากค่ะ


ดูจากภาพด้านบน ป่าค่อนข้างรก ดูทางไม่ค่อยออก

ไม่ต้องห่วงค่ะ มีลูกศรแบบนี้บอกทางให้เป็นระยะๆ (แต่ระยะห่างพอควรค่ะ ต้องสังเกตุ)

และระหว่างทางเราสามารถจับต้นไม้พยุงตัวเองไปได้ตลอดนะคะ เท่าที่จับๆ มาแข็งแรงทุกต้นค่ะ

ถือว่าเดินเขานี้เดินง่ายมาก ถ้าไม่นับความเหนื่อย มันก็ต้องมีหอบกันบ้าง 55555

แต่ถ้าเหนื่อย ไม่แนะนำให้หยุดยืนนิ่งๆ เฉยๆ นานเกินไปนะคะ เพราะว่ายุงเยอะมากกกกก!!

แนะนำว่า...ควรทายากันยุง โบกหนาๆ ทั้งแขนและขาค่ะ (ซึ่งเป็นวิถีปกติของการเดินป่าอยู่แล้ว)

อารมณ์เหมือนเจอซอมบี้ยุง ที่พร้อมจะบินกรูกันมารุมดูดเลือดเราเลยอ่ะ กลัวแล้ววววว TOT


เฮ่นโหลวววว!!! ถึงแล้วค่าาาา ^O^/

'ยอดเขาจุดชมวิวเขาแดง อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด'

เราใช้เวลาเดินจากข้างล่างถึงยอดเขา ราวๆ ยี่สิบนาทีได้นะคะ พอมาถึงจุดๆ นี้

ลมโบกแบบรุนแรงมากค่าาาา เดินมาร้อนๆ นี่เหงื่อระเหิดระเหยภายในสิบวินาทีเลยทีเดียว!


ในการพยายามเดินให้มาถึงยอดเขาอย่างยากลำบาก

เราก็อยากจะเซลฟี่อวดวิวสวยให้โลกได้รู้กัน!!

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น! ขอยางมัดผมด้วยค่ะ 55555


วิวบนยอดเขานี้ดีงาม คือสวยแบบคันทรี่ มีความหลายมิติมากๆ ค่ะ

มองลงไปคือวิวทุ่งนา มีชุมชนเล็กๆ ไม่แออัดมาก

ถัดไปมีท้องทะเลเวิ้งว้าง สลับทิวเขาเป็นชั้นๆ ไล่เรียงกันไป

แล้วในความลมแรงนั้น เป็นลมทะเลที่แท้ทรู

มันเป็นกลิ่นเกลือ กลิ่นทะเล ที่สดชื่นมากนะ รู้สึกอยากนั่งชิลอยู่ตรงนั้นนานๆ


และเมื่อเราหันหลังกลับมา...เราเจอสีเขียวปกคลุมอยู่บนภูเขา

อาจจะไม่ได้เขียวแบบป่าดิบตามภาคเหนือ เพราะภูมิภาคนี้คือทะเล ภูเขาเป็นหินแข็ง

ความสวยของธรรมชาติที่นี่ก็เลยดูมี Signature แปลกตาเป็นตัวเองแบบนี้แหละ


บอกแล้วว่าทริปนี้มาเพื่อถ่ายรูปเปลี่ยน Profile งานเซลฟี่มันก็ต้องมี 5555

หรือใครจะถ่ายแล้วโพสต์เลยแบบคะน้าก็ได้นะคะ สัญญาณโทรศัพท์ชัดแจ๋วเลยค่ะ


เรานั่งเล่น และถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันอยู่ราวๆ ชั่วโมงนึงได้

จริงๆ อยากนั่งต่ออีกสักหน่อย แต่อามบอกว่าจะพาคะน้าไปเข้าถ้ำต่อ

ไปก็ไปค่ะ ไปไหนไปกัน และตอนนี้กำลังเดินลงแล้วววว


ขาลงเดินง่ายกว่าขาขึ้นนะคะ เพราะเหมือนเวลาลงบันไดเลย

ก้าวง่าย ต้องระวังลื่น เพราะหินค่อนข้างลื่น แต่เราก็จับต้นไม้ข้างๆ ตัวไว้ได้นะคะ


ขากลับออกมาจากอุทยานฯ ทางผ่านเจอวัดนี้ (จำชื่อไม่ได้) แต่บรรยากาศดีงามมาก

เลยแวะมาไหว้พระขอพรกันเล็กน้อยค่ะ


ออกจากวัดเมื่อครู่ เราก็มุ่งหน้ามาโดยเปิด Google Map มาที่...

"ถ้ำพระยานคร"

ซึ่งพอเรามาถึง มีลานจอดรถกว้างขวางมาก พร้อมมีร้านอาหารบริการด้วยค่ะ


กองทัพควรเดินด้วยท้องอิ่ม เพราะฉะนั้นก็ทานเถอะ คะน้าสายหิว 55555

และที่เห็นอามหน้าเครียดนี่ไม่ใช่อะไรนะคะ ตีป้อมอยู่ ตีจนข้าวจะบูดอยู่แล้ว กว่าจะได้กิน =*=


ถัดจากร้านอาหาร เดินเข้ามาด้านใน จะเป็นบันไดทางขึ้นเขา

จุดเริ่มต้นทางเดินไปยังถ้ำพระยานครค่ะ เป็นบันไดหินโบกปูนเดินง่าย เพราะขั้นบันไดใหญ่

แต่พอเดินไปสักพักเริ่มยากแล้ว เพราะหินลื่นมาก และทางชันขึ้นเรื่อยๆ ด้วยค่ะ


พอเดินขึ้นเขามาได้ครึ่งทาง จะมีจุดระเบียงให้แวะพักค่ะ

จะเห็นวิวทะเล และได้ลมทะเลพัดให้พอได้หายหน้ามืดไปบ้าง 55555

ยาดมนี่จะปักแทบคาจมูก เดินเหนื่อยมากกกกกก


หลังจากเดินผ่านเขาลูกแรก ที่ลักษณะเป็นการเดินขึ้น-ลงบันไดหิน (ลื่นๆ) ข้ามเขา

พอลงมาจะต้องเดินต่อเลียบชายหาดไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ ตรงนี้ถือว่าได้พักแรง

เพราะระหว่างทางจะได้ชมวิวทะเลสวยๆ ลมพัดเย็นๆ ไปด้วย ดีต่อใจช้อยยยย >O<


เมื่อเราเดินผ่านทางเดินเลียบชายหาดมาแล้ว จะเข้ามาถึงตีนเขาอีกลูกนึงค่ะ TOT

ขุ่นพระ!! ทางเดินคล้ายๆ ที่จุดชมวิวเขาแดงนะคะ แต่ลื่นกว่ามากกกกก!!

แนะนำให้ใส่รองเท้าที่พื้นเหนียวเกาะถนนดีๆ มาสักคู่ค่ะ คือคะน้าไม่คิดว่าจะลื่นเบอร์นี้

เลยมาแบบรองเท้าหุ้มส้นบ้านๆ กะเที่ยวชิลๆ เบาๆ และนี่คืออะไร๊!! 55555


ครึ่งทางแล้วค่าาาา TOT ดีใจจจจจ ฮืออออออ เหนื่อยม๊ากกกก!

ตรงนี้เป็นระเบียงแวะพักนะคะ วิวทะเล ลมเย็นๆ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจะเป็นลม 55555


ใกล้แล้วค่าาา จากจุดชมวิวเมื่อครู่ เดินขึ้นเขาทุลักทุเลมาเรื่อยๆ อีกราวๆ สิบห้านาทีได้

เราก็จะถึงทางลงถ้ำแล้วค่ะ ทำไมรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะนี่คือถ้ำแรกในชีวิต

แต่เพราะ...เหนื่อยแล้วววว ถึงสักทีเถ้ออออออ!!


โอ้ยยยยยยยยย!! ในที่ซู้ดดดดด!!!

คะน้าก็เดินขาสั่นๆ มาถึงจนได้ และนี่คือปากทางเข้าถ้ำแล้วค่ะ


ภายในถ้ำมีหลายมุมค่ะ เป็นช่องน้อย-ใหญ่ เดินไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

อากาศภายในเย็นสบายมาก ไม่อับชื้น มีแสงแดดส่องมาให้สว่างเบาๆ ดีต่อการถ่ายรูปมาก


ถ่ายรูปแสงดี ได้สีผิวขาวอย่างกะโบก BB สวยแบบไม่ต้องพึ่ง App เลยนะขอบอก

(กล้าพูดเพราะกดมาหลายรูปมากจริงๆ ค่ะขุ่นผู้โช้มมมม 5555)


ความอลังการของถ้ำนี้ คือต้องเดินลงบันไดไปอีกค่ะ

มีหลายชั้นซะเหลือเกิน ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ ยอมแล้ววววว


เมื่อลงมาถึงด้านล่าง ตรงทางเข้าถ้ำพระยานคร (หมายถึงด้านในสุด)

จังหวะที่เดินเข้ามาด้านใน เราจะได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามาพร้อมๆ กัน

ร้องเป็นเสียงเดียวว่า...สวยมากกกกกกกกกก / Amazing!!

คืออดใจไม่ไหวแล้วที่จะไม่แหกปากออกมาค่ะ เพราะด้านในนี่สวยแบบใจบางมากกก


เห็นมั้ยคะว่าสวยจริงๆ สวยจนไม่รู้จะสวยยังไงแล้ววววว >O<

อามบอกว่า ถ้าเรามาทันตอนสิบโมง แสงแดดจะส่องไปที่ตำหนักพอดี

แต่พอดีว่าเรามาช้าไป แสงเลยส่องผ่านไปหน่อยนึง (ราวๆ เกือบ 11 โมงได้ค่ะ)

แต่ความสวยนี่แบบ ยืนอึ้งกันไปเลยนะ นักท่องเที่ยวต่างชาตินี่ชื่นชมกันระงมเลยค่ะ


ทฤษฏีที่บอกว่า "สุนัข เป็นสัตว์จมูกดี" ก็ไม่เคยรู้ว่าจะดีขนาดนี้นะ!!!!

คะน้าเดินเข้ามาในถ้ำ กำลังถ่ายภาพไปเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงเจ้านี่เห่าใส่มาแต่ไกล

ไกลมากค่ะ ไกลประมาณ 50 เมตร หรืออาจมากกว่าเล็กน้อย

เจ้าตัวนี้เล่นกับเด็กฝรั่งผู้ชายอยู่ แต่พอเห็นคะน้าก็เห่ายับเลย ตูผิดอะไร๊!!! TOT

สักพักเจ้านี่ก็วิ่งแบบสี่คูณร้อยพุ่งมาหาคะน้าเลยจ้าาาา

คะน้าก็เอ๋อๆ เพราะทุกสายตามองมาที่คะน้ากันหมดแล้วอ่ะ แต่พอหายสตั๊นก็นึกได้ว่า...

อ๋อ!! คะน้าถือถุงบาโลน่ามาด้วย 555555 (ถือปีนเขามาด้วย เพราะอิ่มตั้งแต่ทานข้าวแล้วไง)


เด็กผู้ชายวิ่งตามสุนัขมาหาคะน้า คะน้าเลยยกถุงบาโลน่าให้เด็กน้อย

แล้วบอกว่า "I ให้นะ You ป้อนหมาเองแล้วกัน" 55555

และก็อวสานบาโลน่าภายใน 30 วินาที แม่เจ้าาา!


เจ้าตัวนี้ไม่รู้ว่ามาอยู่ในถ้ำลึกๆ และไกลมากๆ ขนาดนี้ได้ยังไง

แต่น้องน่ารักมากๆ นะคะ ถึงจะหิวมาก แต่ก็ไม่ก้าวร้าวที่จะแย่งของกินไปจากมือ

เอ็นดูมาก นี่เล่นกับน้องนานมาก จนอามแซวว่า...พามาเที่ยว แต่มาเล่นกับหมา 55555


คะน้าเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับต้นไม้สองต้นนี้ค่ะ

เดินไปดูใกล้ๆ ว่าต้นอะไร ที่ป้ายก็เขียนไว้ว่า "ต้นซุ้มรอดคู่"

และภาษาอังกฤษเขียนว่า "Couple Wedding Arbour" อีกด้วยนะคะ

เข้าใจว่า ถ้าคู่รักคู่ไหนที่มาจับมือกันเดินรอดซุ้มนี้ จะได้แต่งงานกันนะคะ โรมานซ์ไปอีกกก!

แต่อย่างคะน้านี่รอดท้องช้างไปก่อนค่ะ จะเหมาะกว่า 555555


ข้างในนี่กว้างขวางมากนะคะ วันที่ไปถึงแม้จะเป็นวันลอยกระทง แต่ก็เป็นวันธรรมดา

คือวันศุกร์ค่ะ เข้าใจว่าทำให้คนไม่เยอะเท่าไหร่ เราสองคนเลยตั้งกล้องกันชิลอยู่นานทีเดียว


ในส่วนของด้านนอก อย่างที่บอกไปแล้วตั้งแต่ตอนมาถึงนะคะ

ว่าแสงดีงามมากจริงๆ อามนี่ตั้งกล้องจริงจัง แล้วเก็บภาพมาได้หลายภาพเลยค่ะ


เห็นมันตั้งกล้อง ถ้าใครได้อ่านทริปเวียดนามจะรู้ว่า...

มันเซตกล้องถ่ายตัวเองนั่นแหละ เซตกล้องเสร็จปุ๊บ!

"มากดถ่ายให้หน่อย" เออ! ขอบใจ!! บางทีตูก็โพสรอเก้อไปเลยป่ะ 5555555


ตะวันลับตา ท้องฟ้าก็ทาสีดำ แต่สิ่งที่ฉันต้องทำเป็นประจำคือ...หาที่นอนนนน 55555

เกริ่นท่อน Intro มานี่ รู้อายุกันไปเลยทีเดียวนะครับพี่น้องคร้าบบบ

อันนี้แพลนหลุดมากค่ะ คืออามแพลนว่าจะอยากจะกางเต๊นท์นอนริมทะเล

ตื่นมาแล้วคลื่นซัดเต๊นท์อะไรแบบนี้ (เดี๋ยวๆ!) ล้อเล่นนนน! เราเล็งกันไว้ที่หาดสามพระยาค่ะ

แต่พอช่วงบ่าย เราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคลื่นลมแรงมาก อันตราย ไม่สามารถนอนได้

เราไม่ได้เตรียมการจองห้องพักมาตั้งแต่แรก คะน้าเลยบอกอามว่า ให้ตีรถกลับมานอนที่...

"อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี"


ถึงแม้การมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะเป็นแพลนที่งอกขึ้นมาใหม่

เราก็โอเคกันมากค่ะ ที่นี่บรรยากาศดี เปลี่ยนจากนอนริมทะเล เป็นทะเลสาบแทน

อย่างน้อยก็ริมน้ำเหมือนกันเนอะ จริงๆ ถึงตั้งใจจะนอนเต๊นท์ แต่เราก็ไม่มีเต๊นท์มาค่ะ

เต๊นท์คะน้าลืมไว้บ้านเพื่อน สรุปเลยต้องเช่าเต๊นท์ของเจ้าหน้าที่ เต๊นท์ละ 250 บาทค่ะ

สำหรับที่จอดรถ นำมาจอดได้ที่ลานกางเต๊นท์เลยค่ะ สะดวกกับการเก็บของมาก

ไม่ต้องขนของลงจากรถมาหมด เช่น กระเป๋าเสื้อผ้า เวลาจะใช้ก็ไปเอาที่รถ แบบนี้ ง่ายเว่อร์


หลังจากช่วยกันกางเต๊นท์เรียบร้อยแล้ว เราก็หิวค่ะ (หิวตลอดทริปนั่นแหละ)

อามก็อาสาจุดเตาถ่าน (พกเตาไปเอง เราชอบโมเม้นท์ปิ้งย่างหน้าเต๊นท์ และดูดาวไปด้วยมากๆ)

แต่วันนี้เป็นวันลอยกระทง ดาวไม่มีค่ะ แต่พระจันทร์เจ้าขาดวงใหญ่มากเลย!!

และนี่คือครั้งแรกของอาม ในการจุดเตาถ่านค่ะ! เรามาลุ้นกันนะว่าจะได้กินมั้ยคืนนี้!!?



ผ่ามมมมมมมม!!!! และนี่คือผลงานของอามค่าาาาาา!!

ไฟลุกระดับเบคอนไหม้ สุดท้ายปิ้งกันไม่ค่อยทันไฟ เกือบไหม้ทุกชิ้นเลย 555555555

(ปล.กระดาษที่เห็นคือ กระดาษรองปิ้งย่างค่ะ ทำให้เนื้อไม่ติดเตา และกระดาษไม่ไหม้ไฟด้วยค่ะ)


เสร็จสิ้นมื้อ Dinner ใต้แสงจันทร์เรียบร้อยแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำค่ะ

เนื้อตัวมีแต่เขม่าขี้เถ้าจากการจุดเตาถ่าน 5555 มอมแมมกันสุดๆ เลย

ห้องน้ำที่นี่เริ่ดเว่อร์!! ห้องน้ำสะอาดดีงามมาก คะน้ากับอามถึงกับเอ่ยปากชมกันเรื่องห้องน้ำที่นี่

คะน้าเห็นมีคุณป้าแม่บ้านค่อยดูแลตลอด และมีรองเท้าส่วนกลางให้เปลี่ยนทุกครั้งที่จะใช้ห้องน้ำ

ทำให้ห้องน้ำไม่สกปรกจากดินโคลนภายนอกค่ะ แต่น้ำเป็นน้ำบาดาล มีตะกอนบ้าง ต้องสังเกตุ

คะน้าใช้วิธีเปิดน้ำทิ้งสักระยะ รอจนน้ำใสนิดนึง แล้วถึงจะใช้น้ำค่ะ

ตะลอนมาทั้งวันแล้ว...เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ ^o^


อรุณสวัสสสสดิ์!!!

ดูไม่ผิดหรอกค่าาาา ^o^ ตื่นนอนมาก็หิวเลย บอกแล้วว่าคะน้าสายหิว 55555

หน้ายังไม่ล้างเลย ออกมานั่งชมวิวและสูดอากาศตอนเช้า พร้อมถุงขนมแบบนี้แหละ

ฮืออออ! บรรยากาศตอนเช้าๆ นี่สดชื่นอีหลี ดีต่อใจคักๆ เลยเด้อค่าาาาา


เห็นมั้ยคะ บอกแล้วว่านอนกางเต๊นท์ที่นี่วิวดีงามขนาดไหน

เราเลือกมากางเต๊นท์กันโซนล่างสุด (ไม่ได้ขึ้นพะเนินทุ่งนะคะ) ดูสิคะ แสงแดดอ่อนๆ

กับท้องฟ้าสีพาสเทล มันละมุนนีม๊ากกก >///< อยู่ต่อเลยได้ม้ายยยย


เราเก็บเต๊นท์ เก็บของกันก่อนที่จะไปอาบน้ำ แล้วมาเดินถ่ายรูปเล่นกันอีกนิดหน่อย

อากาศเย็นกำลังดี สายๆ แสงแดดเริ่มออกแรงขึ้น แต่ยังไม่ร้อนมาก ถ่ายรูปกำลังสวยค่ะ

จริงๆ เมื่อคืนมีคนมากางเต๊นท์เยอะพอสมควรนะคะ แต่มีความสงบดีอยู่ค่ะ หลับสบาย

คะน้านี่เปิดหน้าต่างเต๊นท์นอนเลยค่ะ ลมแรงเหมือนเต๊นท์จะปลิวให้ได้ แต่ก็ไม่หนาวค่ะ แค่เย็นๆ


ที่นี่มีสะพานแขวนด้วย แต่ให้เดินเล่นได้แค่ครึ่งทางค่ะ

แต่เดินไปแล้ว จะเห็นวิวแบบ 360 องศาเลยนะ คือเหมือนเราไปยืนอยู่กลางน้ำค่ะ

ภาพเพิ่มเติมในทริป คะน้าชอบทยอยลงในเพจอยู่เรื่อยๆ เนียนฝากเพจเลยก็แล้วกันเนอะ 5555

ฝาก #ตามกันไป ด้วยนะคะจิ้มๆ >> https://www.facebook.com/KanaBlog


เดี๋ยวนะ! ทำไมอยู่ๆ มาโผล่ในร้านอาหาร แอร๊ยยยย! ไม่ต้องงงกันนะคะ

หลังจากที่เรากลับจาก อช.แก่งกระจาน เราก็มาที่จ.นครปฐมกันต่อค่ะ

และอามก็พาแวะทานอาหารที่ "ร้านแสนสุขคาเฟ่ต์" เป็นร้านอาหารเล็กๆ

ตั้งอยู่บน ถนนบางพระ ค่ะ ร้านนี้เจ๋งยังไง อามถึงพาคะน้ามาทานไกลขนาดนี้

ไปติดตามกันต่อได้ที่ >> https://th.readme.me/p/13507 จิ้มวาร์ปไปโลดดดด!!


ตอนนี้คะน้าต้องขอทานสเต็กหมูจานอร่อยก่อนแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันด้วยนะคะ คะน้าแฮปปี้ที่ได้เขียน และจะดีใจมากๆ

ถ้าไดอารี่บล็อคของคะน้าทำให้หลายๆ คนอยากออกไปเที่ยวบ้าง

คะน้าย้ำเสมอว่าคะน้าไปเที่ยวแต่ละทริป มันไปง่ายมาก ว่างแค่เสาร์-อาทิตย์ก็ไปได้แล้ว

สำหรับงบประมาณอยู่ที่พันต้นๆ แล้วแต่ระยะทางเติมน้ำมัน และอาหารที่เลือกทานด้วย

ซึ่งถ้าใครเที่ยวบ่อยๆ จะสามารถแพลนงบประมาณกันได้สบายมากๆ เลยค่ะ

ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ


"ขอบคุณมากๆ ค่ะ"

เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<

ความคิดเห็น