DAY1: 13/12/60
เวลา 21.30 น. หลังจากเลิกงาน มุ่งตรงไปยังหมอชิต 2 ซื้อตั๋วรถทัวร์บริษัทแอร์อุดร ราคา 423 บาท ลงหน้าโลตัสบิ๊กเจียงหนองคาย ใช้เวลา 10 ชั่วโมง
รถทัวร์ของแอร์อุดรเราแนะนำเลย มีเบาะนวดไฟฟ้า มีน้ำ ข้าวและขนมแจกด้วยนะ นอนหลับยาวๆ จนถึงหนองคาย
DAY2 : 14/12/60 หนองคาย-เวียงจันทร์
เช้านี้ที่หนองคาย ถึงหนองคายประมาณ 6.00 น. จะมีลุงตุ๊กๆ จอดหน้าโลตัส บอกลุงว่าจะไปที่ด่านมิตรภาพไทยลาว ลุงคิดคนละ 50 บาท ใช้เวลาจากที่หน้าโลตัสถึงด่านประมาณ 15 นาทีถึงค่ะ
ลุงสามล้อจะมาส่งที่ด่านหนองคาย พอหลังจากนั้น อย่างแรกที่ต้องเจอ จะมีคนมากหน้าหลายตา มายืนล้อมเราตั้งแต่ยังไม่ข้ามฝั่งไปลาวทันทีว่า เหมารถไหม จะไปเที่ยวไหน เหมารถราคาถูกๆนะ เราอย่าเพิ่งสนใจนะคะ เดินหาร้านข้าวกินก่อน จะมีร้านข้าวตรงด่านอยู่หนึ่งร้านเป็นร้านอาหารตามสั่ง ราดข้าว 2 อย่างราคา 50 บาท
หลังจากกินข้าวเช้าอิ่ม กำลังจะไปต่อ เพื่อข้ามฝั่ง
ทันใดนั้นนนนนนน พี่มิ้นบอกว่า ปลาพาสปอร์ตพี่หายยยยย !!!!!!
ใจสั่นตุ้บๆ นี่เราจะไม่ได้ไปต่อกันหรอ เอาไงดีพี่มิ้น ลองโทรไปถามที่หมอชิตไหม เผื่อลืมไว้ท่นั่น โทรแล้วโทรเล่าที่หมอชิตก็ให้ต่อสายนั่นโน่นนี่ ข้าวที่กินไปนี่รู้สึกไม่อร่อยขึ้นมาทันทีเลย ฮ่าๆ นั่งรื้อกระเป๋ากันอยู่หน้าร้านข้าว
ทันใดนั้น ! มีเสียงโทรศัพย์ของเพื่อนอีกคนดังขึ้น สวรรค์มาโปรดรถทัวร์โทรมาบอกว่าลืมกระเป๋าพาสปอร์ตบนรถนะ แต่ตอนนี้ต้องรอรถอีกคันกลับมาที่ บขส หนองคาย เพราะคันนี้มาสุดสายแล้ว ต้องรอถึง 10.00 น, นะ ทันใดนั้นทุกคนก็ร้องเย้ อย่างดัง เมื่อได้ไปต่อ
เมื่อได้พาสปอร์ตคืนมาแล้ว เราก็ไปต่อเลยค่ะ เลทโก เวียงจันทร์
ข้ามฝั่งมาเราต้องปั๊มพาสปอร์ตฝั่งนี้ก่อนนะคะ จากนั้นซื้อตั๋วรถข้ามฝั่งไปเวียงจันทร์ 15 บาท
รถจะออกทุกๆ ครึงชั่วโมงหรือคนเต็มแล้วออกเลยนะคะ
พอลงจากรถจุดแรก คราวนี้เราจะถึงอีกด่านที่จะเข้าตัวเมืองเวียงจันทร์เลยนะคะ จุดนี้ปั๊มพาสปอร์ตขาเข้าอีกรอบ พร้อมซื้อตั๋ว one way ticket จะเหมือนบัตรบีทีเอสบ้านเรา
บัตร one way ticket ราคา 5 บาท
พร้อมกับแลกเงินกีบตรงนี้เลยนะคะ มีธนาคารแลก เลทที่เราแลกวันที่ 14/12/60 หนึ่งบาท = 255.47 กีบ เราแลกไป 6000 บาท จะได้เงินกีบ 1,532,500 กีบ ที่ลาวจะตัด 320 กีบ ออกเลยนะคะ เวลาเราแลกเงิน
ใครจะเป็นเศรษฐี ฉันหน่ะสิ ฉันหน่ะสิ ฮ่าๆ
แลกเงินเสร็จ เขียนใบขาเข้าเสร็จเรียบร้อย ก็ผ่านด่านไปเลยค่ะ โดยใช้ one way ticket เหมือนบีทีเอสบ้านเรา
เมื่อเราผ่านด่านมาแล้ว เราก็จะเจอผู้คนมากมายมารายล้อมเราอีกรอบ ไปไหน เหมารถไหม มากี่คน เหมารถไหมราคาถูกๆ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปสนใจหรือเสวนาค่ะ ทำหน้าหยิ่งๆเข้าไว้ พร้อมบอกว่า บ่ไปๆ จะไปเอง พร้อมเราโดนด่ากลับมาว่า โอ้ย .. เอาแต่ใจ ก็ทำไมเราไม่ไปมัันแพง เราไปเอง เราต้องเดินฝ่าวงล้อมตรงนั้นออกมาเพื่อหารถเมล์สัเขียวเข้าเวียงจันทร์ค่ะ อย่าสนใจคนพวกนั้น ฮ่าๆ
รถเมล์เขียว เข้าตัวเมืองเวียงจันทร์ คนละ 6000 กีบ ส่งตรงตลาดเช้าเวียงจันทร์
นั่งรถมาประมาณ 25 นาที จะถึงตลาดเช้าเวียงจันทร์ เราซื้อซิมจากตรงนี้นะคะ ของ ลาวเทเลคอม ใช้ได้ 7 วัน เน็ตแรงและเร็ว ครอบคลุมทุกพื้นที่ในลาว
หลังจากเราลงรถอีกรอบก็จะมีสามล้อสกายแล็บ ที่ลาวเค้าเรียกอย่างงั้น ฮ่าๆ มารายล้อมเราอีกรอบ คราวนี้อดจะขึ้นไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปทางไหน เลยให้พี่เค้าพาไปซื้อตั๋วรถนอนไปหลวงพระบางในวันพรุ่งนี้เช้า พี่สามล้อก็พาไปซื้อตั๋วเสร็จจ่ายเงินแล้วพาเอากระเป๋ามาฝากไว้ที่นี่ แล้วบอกมาขึ้นรถตรงนี้นะ ค่าตั๋วรถนอนจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง ราคา 200,000 กีบ
เสร็จเรียบร้อยก็เดินเล่นในตัวเมืองเวียงจันทร์ ผ่านร้านกาแฟโจมา ที่รีวิวบอกต้องมาก็แวะสะหน่อย แต่เราจะกระซิบบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ อย่าแวะเข้ามา ฮ่าๆ รสชาติกาแฟคือแบบขมมาก ชามะนาวก็จืดมาก แถมราคาแอบแพงอีกต่างหาก กาแฟแก้วละ 90 บาทแหน่ะ
ออกจากร้านกาแฟโจมาก็เดินเล่นเรื่อยๆคราวนี้ต้องไปประตูไซย เวียงจันทร์ ห่างจากตรงนี้ ประมาณ 3 กิโลเมตร อย่าหวังว่าเราจะนั่งสามล้อไป เดินสิครับ ฮ่าๆ
เดินเรื่อยๆ ก็ถึง แต่วันนั้นที่เวียงจันทร์แดดเปรี้ยงมาก จะเป็นลม
ประตูไซย เวียงจันทร์ ถึงแล้วววว
ขากลับหมดแรงจะเดิน โบกสามล้อกลับก่อนนะ คนละ 5000 กีบ
เราให้รถสามล้อมาส่งที่ท่ารถจะไปหลวงพระบาง พร้อมมากินส้มตำที่ท่ารถตรงนี้จะบอกว่า แซ่บมาก แซ่บสุดๆ แซ่บจนจะขูดถาดกิน
พอหลังจากอิ่มแล้ว ก็ถามพี่เค้าว่ามีที่อาบน้ำไหม พี่เค้าเลยพาไปที่ เวียงจันทร์ แบ็คแพคเกอร์ เดินออกมาจากท่ารถประมาณ 700 เมตร ก็ถึง คิดค่าอาบน้ำคนละ 10,000 กีบ พร้อมชาร์ตแบตกล้องและโทรศัพย์จนเต็ม
อาบน้ำเสร็จรอเวลา เพื่อจะนั่งรถไปหลวงพระบาง ประมาณ 20.30 น. ก็นะมาลาวทั้งทีต้องลองเบียร์ลาวสะหน่อย กระป๋องละ 6000 กีบ
จากตรงนี้จะมีรถมารับเราไปที่ขนส่งเพื่อขึ้นรถไปหลวงพระบางอีกทีนะคะ
เราจะใช้เวลาเดินทางจากเวียงจันทร์ถึงหลวงพระบาง ประมาณ 9-10 ชั่วโมงนะคะ ถนนจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบางแบบขรุขระมาก ทั้งหลุมทั้งบ่อ เรานอนเตียงล่างนี่รู้สึกนอนไม่หลับเลยทีเดียว
เจอกัน หลวงพระบางนะคะ
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 1-2 เวียงจันทร์-หลวงพระบาง
ปล. วิธคิดเงินกีบแปลงเป็นเงินบาท คือ ตัดศูนย์สามตัวหลังทิ้งแล้วคูณสี่ หรือ เอาค่าเงินกีบหารด้วยเลทเงินที่แลกไป เช่น 6000 หารด้วย 255 จะคิดเป็นเงินไทยได้
รถทัวร์แอร์อุดร หมอชิต-หนองคาย 423 บาท
สามล้อ โลตัสบิ๊กเจียง-ด่านพรมแดนหนองคาย 50 บาท
ข้าวเช้าที่ด่านหนองคาย 50 บาท
one way ticket 5 บาท
รถเมล์ข้ามฝั่งลาว 15 บาท
รถเมล์เข้าตัวเมืองเวียงจันทร์ลงตลาดเช้า 6000 กีบ = 24 บาท
ค่าตั๋วรถนอนเวียงจันทร์-หลวงพระบาง 200,000 กีบ = 800 บาท
สามล้อขากลับจากประตูไซย 5000 กีบ = 20 บาท
คาปูชิโน่ร้าน โจมา 23,000 กีบ = 92 บาท
ซิม เน็ต 40,000 กีบ = 160 บาท
เบียร์ลาว 6000 กีบ = 24 บาท
ส้มตำ 12,000 กีบ = 48 บาท
อาบน้ำ 10,000 กีบ = 40 บาท รวม 1751 บาท
DAY 3 : 15/12/60 หลวงพระบาง
หลังจากนอนบนรถนอนที่ทนกับแรงสั่นสะเทือนและรถจอดทุกๆ 1 ชั่วโมงแล้วนั้นก็มาถึงหลวงพระบางในตอนเช้าตรู่ที่สถานีขนส่งสายเหนือ อากาศวันนั้นที่หลวงพระบางหนาวมากประมาณ 14 องศา ลงจากรถมานี่สั่นกันเลยทีเดียว พอลงรถมาก็ตามเคย สามล้อไหม จะไปไหน ไปส่งไหม เราก็ไม่สนใจอีกตามเคยเดินสิครับ ไปโฮลเต็ลที่บุคกิ้งมา เดินประมาณ 3 กิโลอีกเช่นเดิมพร้อมแบกเป้หนักๆ
ชาวบ้านมารอใส่บาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
เราพักที่สะบาย สะบายโฮลเต็ล ราคาบุคกิ้งมา 61000 กีบ
สะบาย สะบาย โฮลเต็ลเพิ่งเปิดมาได้แค่ 8 เดือน แต่คนมาพักเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ เราเลือกห้องพักรวมหญิง ในห้องมีทั้งหมด 8 เตียง เป็นเตียง สองชั้น ห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม มีสระว่ายน้ำด้านบน และทุกเย็นวันศุกร์จะมีดินเนอร์อาหารฟรี และแน่นอนเราไปตรงกับวันศุกร์พอดี กินฟรีนะคะ และแน่นอนที่นี่เจ้าของสวยมากอย่างกับนางฟ้า พูดเพราะใจดี
พี่เจ้าของโฮลเต็ลบอกเลย สวยมาก
หลังจากเชคอินเข้าที่พักเรียบร้อยวันนี้เราจะไปตะลุยเมืองหลวงพระบางยามเช้ากัน
เริ่มด้วยร้านกาแฟประชานิยม ตั้งอยู่ริมฝั่งโขง
จัดโอวันตินร้อนๆ กับปาท่องโก๋ไป 1 ตัว
โอวันตินไม่อิ่มต้องจัดเฝอลาวอีก 1 ชาม ร้านอยู่ข้างๆร้านประชานิยมเลยนะคะ
บีบมะนาวเยอะๆ ใส่พริกเผาเด็ดถั่วฝักยาวตาม รับรองแซ่บ
หลังจากกินอิ่มเราจะไปตะลุยน้ำตกตาดกวางสีกัน เราก็ได้ทำการเหมารถสามล้อไปน้ำตก ใช้เวลาเดินทางจากหลวงพระบางถึงน้ำตกประมาณ 1 ชั่วโมง ใครไปหลวงพระบางแนะนำต้องไปเลยนะคะ สวยมาก
ชั้นที่ 1
ชั้นที่ 2 ชั้นนี้คนเล่นน้ำเยอะ
ชั้นที่ 3 ห้ามเล่นน้ำนะคะ
ชั้นที่ 4 ชั้นบนสุด
กลับจากน้ำตก กลับไปที่พัก กินอาหารเย็นฟรีแล้วไปเดินเล่นถนนคนเดินหลวงพระบางต่อค่ะ
เลือกต่อราคากับแม่ค้าได้เลยคะ ราคาไม่แพง ถ้าแม่ค้าตกลงราคา เค้าก็จะพูดว่าโด่ย นั่นคือว่าได้นะคะ สังเกตุส่วนมากคนหลวงพระบางจะพูดคำว่าโ่ด๊ยๆ แปลว่า ได้ ใช่ อะไรประมาณนี้นะคะ
ขนมครกหลวงพระบาง
สรุปค่าใช้จ่าย DAY3 หลวงพระบาง
โอวัลตินร้านประชานิยม 5000 กีบ = 20 บาท
เฝอ 15000 กีบ = 60 บาท
สะบาย สะบาย โฮลเต็ล 61000 กีบ = 244 บาท
สามล้อไปน้ำตก 200000 กีบ หาร 5 = 40000 กีบ = 160 บาท
ค่าเข้าน้ำตกตาดกวางสี 20000 กีบ = 80 บาท
อาหารไปกินบนน้ำตก 20000 กีบ = 80 บาท
ของฝากที่ถนนคนเดิน 95000 กีบ = 380 บาท
น้ำ 3000 กีบ =12 บาท
สามล้อขากลับไปที่พัก 10000 กีบ = 40 บาท รวม 1076 บาท
DAY 4 16/12/60: หลวงพระบาง-หนองเขียว
หลังจากโดนคนขับรถที่หลวงพระบางเบี้ยวไม่มารับตอนตี 1 เพื่อที่จะไปหนองเขียวตอนแรกนัดราคากันดิบดี พอเอาเข้าจริงไม่มารับ ให้ตื่นแต่ตี 1 เพื่อมานั่งรอสุดท้ายเบี้ยวไม่มา บอกเลยประเทศลาวจะไม่น่าเที่ยวก็ตรงนี้แหละ โมโหมากจังหวะนั้นแต่ก็ไม่เป็นไรตื่นเช้ามาแล้วรอใส่บาตรข้าวเหนียวก่อนไปก็ได้
เสน่ห์ของเมืองหลวงพระบางที่พลาดเลยไม่ได้นั่นคือตื่นมาตอนเช้าเพื่อมาตักบาตรข้าวเหนียวหน้าวัดพูสี ถ้ามาช้ากว่าตี 5 ไม่ต้องมาแล้วนะคะ เพราะว่าพระท่านเดินบิณฑบาตรเช้ามากๆ พระประมาณ 200 กว่ารูป ข้าวเหนียวหมดตอนไหนก็หยุดใส่ได้ ที่นี่จะมีชุดตักบาตรชุดละ 80 บาท พร้อมผ้าพันคอให้แต่ผ้าพันคอต้องคืนนะคะ
หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก
เสน่ห์เมืองหลวงพระบาง กับอากาศหนาวๆ
หลังจากเราตักบาตรข้าวเหนียวเสร็จเราก็นั่งรถสามล้อเพื่อไปขนส่งสายใต้เพื่อไปขึ้นรถไปหนองเขียวค่ะ ต้องเปลี่ยนแผนมารถโดยสารเพราะไอ้คนลาวมันเบี้ยวไม่มา พิมพ์ไปก็โมโหไปอีกรอบ ฮ่าๆ
ซื้อตั๋วแล้วรถรอบแรกจะออก 9.00 นะคะ เต็มตอนไหน ก็ออกก่อนเวลา รีบซื้อตั๋วแล้ว รีบขึ้นไปจองที่นั่งเลยนะคะ มิฉะนั้นจะไม่มีที่นั่งเลย อย่าพลาดตรงนี้เลยนะคะ ใช้เวลาจากหลวงพระบางถึงหนองเขัยวประมาณ 4-5 ชั่วโมง ค่าโดยสาร หลวงพระบางไปหนองเขียว 40,000 กีบ
พอถึงสถานีขนส่งที่หนองเขียวแล้วเราแนะนำให้นั่งสามล้อไปตรงจุดที่จะปีนเขาเลยนะคะ ถ้าจะเดินไปไม่แนะนำเพราะไกล
ค่าตั๋วขึ้นหนองเขียวคนละ 20,000 กีบ ซื้อตั๋วก่อนขึ้นนะคะ จะมีลุงขายอยู่ด้านล่าง จากจุดเริ่มต้นตรงนี้ใช้เวลาปีนขึ้น ประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
ปีนเรื่อยๆ อ่านในรีวิวบอกเดินง่ายๆ สำหรับเราก็เหนื่อยพอตัว ขนาดปีนเขามาหลายลูก บอกเลยว่าเหนื่อย ฮ่าๆ
ถึงหินตรงนี้คือจะถึงจุด view point แล้วนะคะ
ถึงแล้ว view point หนองเขียว พี่ที่มาด้วยกันพกธงไทยมาสะบัดที่ลาวแล้ว ฮ่าๆ
เราปีนขึ้น view piont ตอนประมาณ เกือบบ่ายๆ ลงมา 16.00 น. ใช้เวลาเดินขึ้นและเดินลงประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วกลับหลวงพระบางวันนั้นเลย รถเที่ยวสุดท้าย จะให้ดีบอกพี่เค้าไว้แต่แรกเลยว่าจะกลับวันนี้ พี่เค้าจะได้รอ เพราะปกติคนที่มาหนองเขียวต้องนอนค้างที่นี่อีก 1 คืน แต่สำหรับเรา ไม่ได้ค้างนะ ไปเช้าเย็นกลับได้ แต่จะบอกว่ามันเพลียมาก แต่ค่ารถกลับเที่ยวสุดท้ายจะเป็น 50,000 กีบนะ จะแพงกว่ามาขามา
ถึงหลวงพระบางก็ประมาณเกือบ 3 ทุ่มเลยจำเป็นต้องนอนที่พักเดิมไปอีก 1 คืน
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 4 หลวงพระบาง-หนองเขียว
ชุดตักบาตรข้าวเหนียว 20,000 กีบ = 80
สามล้อมาขนส่งสายเหนือ 10,000 กีบ = 40
ข้าวเหนียวไก่ น้ำ 15500 กีบ = 65 บาท
ค่ารถหลวงพระบางหนองเขียว 40,000 กีบ เที่ยวแรก 9.00 น = 160 บาท
ค่ารถจากสถานีหนองเขียวไปจุดเริ่มปีน 10,000 กีบ = 40 บาท
ค่าตั๋วปีนผาแดง 20,000 กีบ = 80 บาท
ค่ารถหนองเขียวหลวงพระบาง เที่ยวสุดท้าย 16.00 น 50000 กีบ = 200 บาท
ค่ารถสามล้อกลับที่พัก 14000 กีบ = 56 บาท
ค่าข้าวขาหมูตอนเย็น 15000 กีบ = 60 บาท
ค่าน้ำ 3000 กีบ = 12 บาท
ค่า Hostel 60000 กีบ สะบาย สะบาย โฮลเต็ล = 240 บาท รวม 1033 บาท
DAY5 : 17/12/60หลวงพระบาง- วังเวียง
เราออกจากที่พักแต่เช้าเพื่อไปสถานีขนส่ง เรานั่งรถตู้ไปวังเวียงรอบเช้าสุดคือ 8.00 น. ค่ารถตุ้ราคา 105,000 กีบ ระหว่างรอรถออกก็จัดการอาหารเช้าเป็นมาม่าคัพ ใช้เวลาเดินทางจากหลวงพระบางถึงวังเวียงประมาณ 4-5 ชั่วโมง ด้วยทางอันหวาดเสียวและหนาวเหน็บตลอดเส้นทาง
เจอวิวนี้แล้วลืมความหวาดเสียวที่ผ่านมาทั้งหมด
หลังจากเดินทางมา 4-5 ชั่วโมงก็จะถึงสถานีขนส่งที่วังเวียง ต่อรถสามล้อเข้าที่พัก ที่บุ๊คกิ้งมา เราพักที่ real vangvieng ิbackpackers hotel 2 เดินไม่ไกลจากซากุระบาร์นะจะบอก ฮ่าๆ
เช็คอินเข้าที่พักปุ๊บอย่ารอช้า รีบหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์แว๊นไปบลูลากูนและสะพานส้มก่อนเลย ตอนบ่ายนี้อย่าให้เสียเวลา
ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์วางพาสปอร์ตเป็นมัดจำนะคะ น้ำมันเติมเอง เติมคันละ 20000 กีบก็เที่ยวได้รอบวังเวียง
บ่ายรี้เราแว๊นไปสะพานส้มกับบลูลากูนกันก่อนไม่ไกลจากที่พักมาก ร้านมอเตอร์ไซค์มีแผนที่ให้ ใช่ว่าจะไปถูกต้องคอยถามทางคนที่นั่นอีกทีนะคะ
อ้อ ! ลืมบอกไปนะคะ ที่วังเวียงจะข้ามสะพานทีต้องเสียเงินครั้งละ 20 บาทนะคะ
ระหว่างแว๊นมอเตอร์ไซค์ไปบลูลากูนจะเจอวิวทุ่งนาแบบนี้ก่อนนะคะ นี่แหละเสน่ห์ของวังเวียง
สะพานส้ม วังเวียง ต้องเสียค่าเข้าชม 20 บาท นะคะ ผ่านสะพานส้มไปจะเป็นถ้ำจัง แต่เราไม่ได้เข้าเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เป็นไปได้ ไม่ต้องไปสะพานส้มก็ได้นะคะ แค่สะพานเฉยๆเอง
ออกจากสะพานส้มเราไปบลูลากูนต่อนะคะ ขอบอกถ้าไม่อะไรมากบลูลากูนไม่น่าเข้าเลยสักนิด เสียค่าเช้า 20000 กีบ บวกกับคนจีน คนเกาหลีเยอะมาก น้ำใสจริง แต่คือเหม็นเพราะเค้าให้อาหารปลากันตรงนั้นเลยคะ จะให้ดีหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำด้วยนะคะ
ถ่ายแค่รูปสองรูปก็ออกมาเลยก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ เราแว๊นมอเตอร์ไซค์กลับ ไปเดินเล่นที่แม่น้ำซองยามเย็นอากาศดีมาก ที่นี่จะมีขขึ้นบอลลูนนะคะ ช่วงเช้าและช่วงเย็นแต่ราคาแอบแพงมาก คนละ 70-90 ดอลล่าร์ เลยทีเดียว
ออกจากแม่น้ำซองก็มาหาหมูกะทะที่ลาวกินกันดีกว่าค่ะ บันเทิงกว่าไปบลูลากูนสะอีก แอบผิดหวังทั้งสองสถานที่ไม่เหมือนในรีวิวบอกเลย ฮ่าๆ
ร้านหมูกะทะชื่อร้านพีบพิ่งหมูกะทะ รสชาติพอใช้ได้หรือว่าหิว ฮ่าๆ ขายเป็นชุดนะคะ ไม่ใช่บุฟเฟ่ย์น้า
กลับจากร้านหมูกะทะ ที่นี่เค้าบอกว่าถ้าไม่ไปคือมาไม่ถึง นั่นคือ ซากุระบาร์นั่นเอง อยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 700 เมตร เดินไปนิดเดียวถึง
ซากุระบาร์ จะปิดประมาณ เที่ยงคืนนะคะ จะมีเหล้าฟรีตั้งแต่ 1 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่ม หยิบมาเลยเท่าไหร่ก็ได้เอาให้เมา ฮ่าๆ
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 5 : หลวงพระบาง วังเวียง
ค่ารถหลวงพระบาง - วังเวียง 105,000 กีบ = 420 บาท
สามล้อมาขนส่ง 10000 กีบ = 40 บาท
ม่าม่า น้ำ เมล็ดททานตะวัน 22,000 กีบ = 88 บาท
ม่าม่า 6000 กีบ = 24 บาท
ค่าที่พัก real vangvieng backpackers hotel 2 , 45000 กีบ = 180 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 2 คัน 100000 หาร 5 = 20000 กีบ 80 บาท
น้ำมัน ออกคนละ 8000 กีบ = 32 บาท
ค่าเข้าสะพานส้ม 16000 กีบ หาร 5 =13 บาท
ค่าเข้าบลูลากูน 10000 กีบ = 40 บาท
ค่าข้ามสะพาน 4000 กีบ=16 บาท รวม 933 บาท
DAY 6 : 18/12/60 วังเวียง-เวียงจันทร์-อุดรธานี-กทม
ตื่นแต่เช้าออกจากที่พัก ไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ร้านเดิม เพื่อไปปีนผาเงินตอนตี 5 แว้นท้าลมหนาวไป เดินขึ้นแต่ยังฟ้าไม่สางต้องส่องไฟฉายและต้องปลุกคนเก็บตั๋ว ฮ่า๐
ผาเงิน วังเวียง ใช้เวลาเดินประมาณ 1-1-30 ชั่วโมงนะคะ
เจอป้ายแบบนี้ให้เลี้ยวซ้ายขึ้นนะคะ ถ้าเลี้ยวขวาจะเดินไกลกว่าเราหลงมาแล้ว ฮ่าๆ
เราต้องใช้เวลาเดินขึ้นและเดินลงสามชั่วโมงเพื่อให้ทันรถที่เราจองไว้ ตอน 9.00 น. เพื่อกลับไปเวียงจันทร์ กระหืดกระหอบกันเลยทีเดียวค่ะ รีบลงมาเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักและขึ้นรถ เราจองรถกลับเวียงจันทร์ไว้เลยนะคะ ราคา 5000 กีบ
จากวังเวียงใช้เวลากลับถึงเวียงจันทร์ประมาณ 3-4 ชั่วโมงนะคะ ที่รถที่เรานั่งมาช้ามาก เราเลยถึงเวียงจันทร์เกือบบ่ายสอง แล้วต้องนั่งรถจากเวียงจันทร์กลับไปที่ด่านพรมแดนหนองคายอีกค่ะ นั่งรถเมล์เขียวขึ้นที่ขนส่งตามเดิม บอกพี่สามล้อให้ไปส่ง แล้วขึ้นกลับมาได้เลยคะ ค่ารถ 6000 กีบ จากนั้นเราก็แลกเงินกีบเป็นเงินไทยตรงพรมแดนได้เลยค่ะ
เรามาถึงด่านพรมแดนประมาณ 16.00 น. จะมีห้องอาบน้อยู่ด้านหลังแวะอาบน้ำก่อนได้นะคะแล้วซื้อตั๋วรถตู้จากตรงนี้ไปลงสนามบินอุดรได้เลยค่ะ 200 บาท
นั่งรถจากหนองคายมาถึงสนามบินอุดร ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
เราได้ตั๋วของแอร์เอเชีย ประมาณ 760 บาท ช่วงโปรโมชั่น
สรุปค่าใช้จ่าย DAY6 วังเวียง -เวียงจันทร์-อุดรธานี
ค่าหมูกะทะ 41000 กีบ 164 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 20000 กีบ 80 บาท
ค่ารถขากลับวังเวียง-เวียงจันทร์ 50000 กีบ 200 บาท
ค่าข้ามสะพานและปีนผาเงิน 14000 กีบ 56 บาท
สามล้อมาขนส่งรถเมล์ 10000 กีบ = 40 บาท
รถเมล์เขียวกลับด่านหนองคาย 6000 กีบ = 24 บาท
น้ำเปล่า 3000 กีบ = 12 บาท
ค่าเบียร์ sakura bar 20000 กีบ = 80 บาท รวม 656 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 6วัน 5 คืน 1751+1076+1033+933+656 = 5449 บาท
กาลครั้งหนึ่ง
วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.18 น.