ดอยหลวงพะเยา ขุ น เ ข า แ ห่ ง ศ รั ท ธ า…ชัมบาลาเมืองไทย

แท่งหินทมึนดำขนาดใหญ่ใจกลางป่า การเดินเท้าที่ต้องผ่านเส้นทางขึ้นเนินลงเขา ปีนป่ายไปตามเส้นสลิง สู่ยอดดอยแห่งศรัทธา ในผืนป่าจังหวัดพะเยา คือจุดหมายปลายเหตุของเรา…



ติดตามการเดินทางมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/wildlife.feelfree/

ชมภาพการเดินทางสุดมันส์สู่ยอดดอยแห่งศรัทธา อีกหนึ่งช่องทาง https://youtu.be/Dlm7rlqB5Ek

เริ่มกันที่……อืมมมมม ตลาดแม่ทองคำ จุดซื้อเสบียงสดก่อนไปเจอกันที่จุดนัดพบ ต้นทางของการเดินเท้าสู่ยอดดอย…

ตัดขั้นตอนกล่าวถึงการนั่งรถจนเมื่อก้นจากกรุงเทพสู่พะเยา 7 โมงเช้า 14 ชีวิตพิชิตยอดดอย ก็มาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ตลาดแม่ทองคำ หาโจ๊ก ต้มเลือดหมู กินกันให้อิ่มท้องเพราะนี่คืออาหารมื้อเช้าที่เราต้องใช้เป็นพลังงานในการเดินทางวันแรก ระยะทาง เกือบ 10 กิโล

กินกันเสร็จก็หาซื้อ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไว้ไปกินเติมแรงสร้างพลังระหว่างทาง ซื้อผักสด อาหารสดอีกนิดหน่อยไว้เป็นอาหารสำหรับ 3 วัน 2 คืน ไปกันต่อเลย…

ตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่อำเภอวังเหนือ ผ่านจุดชมวิว กว๊านพะเยา 2 กิโลเป๊ะๆ ถึงละครับ จุดเริ่มเดิน เรานัดเจ้าหน้าที่กับลูกหาบไว้เรียบร้อยแล้ว อันนี้ขอบอกข้อมูลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้…

ค่าเจ้าหน้าที่ คนละ 1500 บาท

ค่าลูกหาบต่อวัน 500 บาท แบกน้ำหนัก 20 กิโลกรัม

ค่ารถรับส่งลูกหาบ 1600 บาท

ไปกันต่อ…

ใกล้ๆจะสิบโมง เริ่มต้นเดินกันซักที ข้ามถนนไปก็มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางของป่าเขา น้ำต้องมีติดตัวอย่างน้อย 2 ขวด มากกว่านั้นจะดีมากๆ ทางเดินช่วงแรกไม่หนักหนาสาหัส เดินกันสบายๆ เลาะตามไหลเขา ผ่านเส้นทาง ขึ้นเนิน ลงเขา ยังไปกันอย่างสบายๆ

ผ่านไป 2 ชั่วโมง เดินกันอย่างไว ก็มาถึงเนินหนักๆเนินแรกชื่อ สันหมูแม่ด้อง ชันอยู่ แต่ดีว่าด้วยระยะที่ไม่ไกลมา ก้มหน้าก้มตาเดิน พักใหญ่ๆก็ผ่านมาได้แบบเหนื่อยโฮกอยู่นะ หมดแรงแล้ว กินเหนียวหมูปิ้งกันดีกว่า…

พักใส่แรงเติมพลังกันเรียบร้อย ก็ทำไรล่ะ…เดินกันต่อไปปปป เดินผ่านป่าขึ้นเนินมาอีกสักพักเล็กๆ อยู่ๆก็มาโผล่ที่ทุ่งกว้าง เด่นสะแกง ทุ่งหญ้าผืนใหญ่ แดดร่ม ลมเย็น เดินสบายมากเลย ยังกะเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ยังไงยังงั้น…

ผ่านทุ่งหญ้าแห่งควาฝันก็เผชิญกับความจริงกันต่อ เขาลูกแล้วลูกเล่า เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ก็ยังไม่ถึงสักที เดินจนมาถึง บันไดก่ายฟ้า เนินโหดเนินสุดท้าย ต้องปีนป่ายกันนิดหน่อยก่อน เดินกันยาวๆ ก็จะถึงที่พักแรมคืนแรก บริเวณก่อนขึ้นจุดสูงสุดดอยหลวงพะเยา ระหว่างทางเดินจากจุดนี้ เราก็จะเห็น ย อ ด ด อ ย ห น อ ก อีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้…

เกือบ 5 โมงเย็น ทุกชีวิตก็มารวมกันตรงแคมป์ค้างแรมค่ำคืนนี้ แบบหมดสภาพกันไปหลายคน พักกันได้ไม่นาน ก็ต้องเริ่มกิจกรรมการตั้งแคมป์กันแล้ว กางเต็นท์ ทำกับข้าวสำหรับดินเนอร์ สายถ่ายภาพ ก็เดินเก็บภาพพระอาทิตย์ตก บรรยากาศยามใกล้ค่ำแสงสวยสุดๆ…

จุดพักตรงนี้จะไม่มีน้ำให้อาบ แต่มีน้ำดื่มจากธรรมชาติ ลูกหาบจะเป็นคนไปแบกมาจากตาน้ำด้านล่าง ไกลพอสมควร ควรใช้อย่างประหยัด…

เวลาวารีไม่เคยรอใคร ความสว่างเริ่มจางลง ความมืดเข้าปกคลุมทั่วยอดดอย ทั้งผืนป่า หลังจากจัดการกับมือเย็นถึงค่ำเรียบร้อย ก็มานั่งคุยกันชมความงามของแสงจากเมืองพะเยากันได้ไม่นานมาก เนื่องจากจุดตั้งแคมป์เป็นที่โล่ง ลมแรงมาก อากาศก็เย็นถึงหนาวเลยแหละ แล้วยังพัดพาฝุ่นดินปลิวกระจายไปทั่ว ทำให้หลายคนขอตัวเข้าเต็นท์ ประกอบกับการใช้กำลังแรงกายมาแบบเต็มลิมิต ค่ำคืนนี้ขอราตรีสวัสเพียงแค่นี้เนอะ พรุ่งนี้ค่อยลุยกันต่อ…

เช้าวันใหม่แค่โผล่หน้ามาจากเต็นท์ก็สามารถรอรับพระอาทิตย์ดวงกลมโต ที่ลอยขึ้นเหนือก้อนเมฆ ที่นี่จุดตั้งแค้มป์สุดยอดมาก มันคือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้นเอง…

วันนี้จุดหมายปลายทางอยู่ที่แค้มป์ น้ำตกผาเกล็ดนาค ระยะทางประมาณ 8 กิโล มีจุดหมายก็ต้องไปให้ถึง แต่เรื่องราวระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กัน…

จุดหลักปักธง ของเรื่องราวในวันนี้คือ ย อ ด ด อ ย ห น อ ก ชัมบาลาเมืองไทย ไป…ไปกันเลย

หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน แต่ไม่มีน้ำให้อาบนะ จัดการมื้อเช้าให้เต็มพุง หุงข้าว เตรียมอาหารไว้ไปทานมื้อเที่ยงระหว่างทาง ก็เริ่มเดินกันอีกแล้ว ไม่ถึง 10 นาทีเราก็มาถึงจุดสูงสุด ด อ ย ห ล ว ง พ ะ เ ย า ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1694 เมตร อยู่ใกล้ๆกับแค้มป์มาก ไหว้พระขอพรกันเสร็จ ก็มุ่งหน้าสู่ยอดดอยหนอก ไฮไลต์ของวันนี้…

เกือบเที่ยงเล็กน้อย 14 ชีวิต ก็มากองรวมกันอยู่ที่ฐานของภูเขาหินปูนสีดำทมึนขนาดใหญ่ มองเงยขึ้นไปจะพบกับเส้นทางสุดแสนหวาดเสียว ต้องเดินไต่ไปตามผาหินที่วางตัวสลับไปมา มีเส้นสายสลิง เพื่อใช้ในการฉุดกระชากลากดึงตัวเองให้ขึ้นไปยังจุดสูงสุด แค่เห็นก็มันแล้ว…

ทุกสิ่งของที่นำติดตัวมา ต้องกองรวมไว้ข้างล่าง เอาไปได้เฉพาะ กล้องถ่ายภาพกับน้ำ 1 ขวดเท่านั้น ตอนแรกเราก็อยากจะดื้อนะ ก็กะจะสะพายเป้ ขึ้นไปด้วยเผื่อจะเปลี่ยนเลนส์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ ขอร้องแกมบังคับ ก็ได้นะ และเมื่อได้ขึ้นไปจริงๆ ต้องบอกเลยว่า ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่มากๆเลยครับ คือถูกแล้วล่ะ มันอันตรายจริงนะ…

เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย ช่วงแรกเริ่มจากไต่ผาผ่านหินไปที่ละก้อนสองก้อน คือต้องใช้คำว่าไต่นะ มันไปแบบ 4 เท้าเลยทีเดียว ลืมบอก ควรติดถุงมือกันการเสียดสีไปด้วยนะ ช่วยได้เยอะ ทั้งตอนไต่ผาหรือช่วงดึงสลิง…ไปต่อ ผ่านช่วงแรกไปได้ ช่วงสองคือ สลิง ช่วงนี้ต้องไปทีละคน มีเจ้าหน้าทีคอยช่วยแนะนำ “ดึงตัวขึ้นไปเลยครับ ออกทางขวาครับ ก้าวสั้นๆครับผม” ก็ผ่านกันไปได้ทุกคนแบบสนุกสนาน หลังจากผ่านช่วงสลิงก็ไต่ผากันขึ้นไปอีกนิดเดียว ก็ถึงแล้วครับ ชัมบาลาเมืองไทย จุดสูงสุด ย อ ด ด อ ย ห น อ ก…

เก็บเกี่ยวความประทับใจ ความสุข กราบไหว้ขอพรพระพุทธรูปที่อยู่บนดอยหนอกเรียบร้อย ก็ได้เวลาร่ำลากัน เค้าว่าตอนขึ้นนั้นยากแล้ว แต่ตอนลงนั้นมันเสียวกว่าเยอะ บอกเลยใครกลัวความสูง ไม่ต้องขึ้นไปเลยนะจ๊ะ มันเสียวเกิ๊น แต่ละคนค่อยๆคลานกระดื๊บๆลงมาทีละก้าวสองก้าว กว่าจะมาถึงฐานด้านล่างก็เกือบบ่ายโมง หิวสิครับ…

จัดมื้อเที่ยงกันที่ตรงนั้นแหละ เพราะเส้นทางข้างหน้านั้นอีกไม่ไกลแต่ใช้เวลานานมาก อันนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกมา คือความเข้าใจของเราตอนแรก คิดว่าระยะทาง 4-5 กิโล ก็ไม่น่าจะเดินนานมากนะ แต่เอาเข้าจริง โคตรโหดดดดด…

ออกจากดอยหนอก เดินกันต่อ ผ่านองค์พระบริเวณจุดกางเต็นท์ดอยหนอกแต่เราของข้ามไปนอนข้างน้ำตกเลย อันนี้แหละ ที่สุดของที่สุด การลงไปน้ำตก คือการเดินดิ่งลงไปเบื้องล่างยังพื้นที่ราบ ให้เห็นภาพชัดเจน คือ ตอนนี้เราอยู่จุดสูงสุดเดินลงจุดต่ำสุด แบบไม่มีการเลาะไปตามความชัน แต่ตัดดิ่งลงเลย แล้วมันจะยังไงล่ะ ก็เสร็จสิครับผม…

เกือบ 4 ชั่วโมงกับระยะทาง 3 กิโลเมตรกว่าๆ ลื่นก็แล้วไถลก็แล้ว เกร็งกันจนหน้าขาน่องแข็ง น้องผู้หญิงบางคนถึงกับอยากจะร้องไห้ “ทำไมไม่ถึงสักทีค่ะพี่” สุดๆจริงๆ ตอนลงเขา…

ห้าโมงกว่าเกือบหกโมงเย็น ถึงซักที แคมป์ที่ 2 น้ำตกผาเกล็ดนาค หมดแรงกันทุกคน แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะพูดคุยถึงความมันส์ ความโหดร้ายของเส้นทางที่ผ่านมา สุดจริง…

เรื่องราวที่เหลือ ก็เป็นความบันเทิง การพูดคุย การบอกเล่า การเดินทางในครั้งนี้ของแต่ละคน ส่วนเส้นทางเดินกลับบ้านวันสุดท้าย สั้นจุ๊ดจู๋ เดินลัดเลาะไปตามสายน้ำตก ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงแล้ว จึงขอบอกลาการเดินทางครั้งนี้ไว้แค่นี้นะ…

ขอบคุณเพื่อนร่วมทางสาย ธ ร ร ม ช า ติ ทุกคน ทั้งอึด ทึก ทน จริงๆ

ขอบคุณ ธ ร ร ม ช า ติ ที่สร้างสรรค์ เนรมิต ความดีงาม ให้พวกเราได้ชื่นชม…

เราเป็นเพียงผู้ผ่านมาแล้วก็จากไป เก็บเกี่ยวไปแต่ความทรงจำที่ดี ไม่ทิ้งร่องรอยของความไม่ใส่ใจ ธ ร ร ม ช า ติ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว…

แล้วพบกันใหม่นะ ธ ร ร ม ช า ติ

ความคิดเห็น