จากวันนั้นที่ฉันไปทำความรู้จักกับผู้คนบนดอยผาหมี
ถึงวันนี้ หนึ่งปีผ่าน ฉันได้กลับไปดอยผาหมีอีกครั้งด้วยความคิดถึง
จุดหมายอยู่ที่ผาหมี แต่เส้นทางนี้ก็ยังมีอะไรมากมายให้แวะหา
ฉันได้พบลิงน้อยน่ารัก
ฉันได้เจอเสือสีชมพู
ฉันได้เห็นบ้านช่องที่แปลกตา
ฉันได้มานั่งจิบกาแฟบนดอยสูง
เดินทางไปกับฉันด้วยกันเถอะ
ทริปนี้เดินทางเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา
จากสนามบินแม่ฟ้าหลวงเราเช่ารถขับเองเหมือนทุกครั้ง
เริ่ม...
ทุกครั้งฉันเลือกไปไฟลท์เช้าสุด ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ไปถึงก็ต้องไปกินต้มเลือดหมุจูจิงฉ่ายร้านสหรส มันอร่อยจริง ๆ นะเออ มาเชียงรายทุกครั้ง เราต้องจัด
อิ่มหนำแล้วก็ตรงไปแม่สายค่ะ ผาหมีอยู่แม่สายนี่นะ
ระหว่างทางก็แวะกันไปเรื่อย
จุดแวะแรก วัดถ้ำปลา
เคยเห็นในรีวิว มีถ้ำที่มีน้ำสีสวย ๆ ไหลออกมา และมีปลาเยอะมาก
เมื่อไปถึงพบว่า....
ไหนปลาาาาา??
เจอแต่ลิง
ลิงเยอะมากค่ะ
หน้าวัดมีป้ายเตือน และจะมีไม้ไผ่ให้ถือติดมือเข้าไป เผื่อเจอลิงก้าวร้าว
แต่เท่าที่เจอ ลิงที่นี่ไม่ก้าวร้าวเลย ออกจะเรียบร้อยน่ารัก
ไม่แย่งของไม่แย่งอะไรเลย นั่งรอขออาหารกันเรียบร้อยดี
ก็จะอ้วนหน่อย ๆ
ในวัดมีร้านขายอาหารลิง ก็พวกถั่วคั่ว ถั่วต้ม มันดิบ อะไรพวกนี้
ใครไปก็อุดหนุนอาหารเขาหน่อยนะคะ
รายได้ก็เอามาเป็นค่าอาหารหมุนเวียนให้ลิงพวกนี้แหละ
สรุป ได้มาแต่รูปลิง ไม่มีรูปปลา รูปวัดแต่ประการใด
ไปต่อเถอะ วิวระหว่างทางไปแม่สายสวยดีนะคะ
เราแวะอุทยานขุนน้ำนางนอนด้วยเพราะเป็นทางผ่าน
ก็กะจะเข้าถ้ำซะหน่อย
พอดีไม่เจอเจ้าหน้าที่เลยวันนั้น ดูเหมือนเขาไปประชุมอะไรกันนี่แหละ
เราสองไม่กล้าลงถ้ำไปเอง มันมืดมาก
เคยได้ยินตำนานมาบ้างว่า เคยมีคนหายเข้าไปในถ้ำหลวง
จริงหรือไม่ไม่รู้ แต่ไม่เสี่ยงดีกว่า
เลยเมียงมองอยู่แค่ปากถ้ำนี่หละ
กลับเห๊อะ ไม่กล้าลงไป
กลับออกมาจากขุนน้ำนางนอน ก็บ่ายนิด ๆ เริ่มหิว
นี่ค่ะ แนะนำเลย ใครไปแม่สายแวะกินข้าวที่ร้าน จันกะผัก กันเถอะ
ร้านอยู่ติดถนน หาง่าย มีป้ายตลอดทาง
จันกะผัก เป็นร้านของ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ อ.แม่สาย
โดยมูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
เป็นอีกร้านที่ต้องแวะมาทุกครั้งที่มาเชียงราย อาหารอร่อย ผักสดกรอบ ราคาถูก
จริง ๆ ถ้าใครมีเวลาก็ไปปั่นจักรยานชมแปลงผักได้นะคะ
ด้านในเป็นแปลงผัก และสวนร่มรื่นให้พักผ่อน
จานนี้สั่งทุกครั้งเลย เห็นสีจืด ๆ งี้ อร่อยมากค่ะ
อ้อ มีส้มตำบุฟเฟต์แบบให้เราตำเองด้วยนะคะ
อิ่ม อร่อย สบายใจก็ไปต่อค่ะ
แต่เดี๋ยว ที่ลานจอดรถมีร้านขายผัก และขนมนิดหน่อย
ขนมครกแบบไม่ใส่อะไรเลยฉันชอบบบบ จัดมา
ถนนที่เข้าดอยผาหมีก็อยู่ข้างร้านจันกะผักเลย
แต่เราไม่รีบร้อน ไปแม่สายก่อนละกัน ยังไม่เคยไปเลย
ไปถึงก็โอ้โห!! แม่สายผู้คนเยอะแยะมากมาย
คนค้าขาย คนมาเที่ยว ละลานตาไปหมดเลย ที่จอดรถวนแล้ววนอีกกว่าจะได้ ค่าจอดรถ ๔๐ บาท
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ หละ เดินไปแชะภาพสักหน่อยโนะ
ไปเดินเล่นในตลาด ฉันก็สงสัยนะเรื่องราคาของที่ขายกัน
เขาว่าแม่สายของเราคาถูก จริงเหรอออออ???
มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะฉันว่า
เดินไปเดินมา ก็เห็นว่ามีวัดพระธาตุดอยเวาอยู่ในตลาดเลย
มีจุดชมวิวมุมสูง ที่เห็นฝั่งพม่าลิบ ๆ ด้วย ว่าแล้วก็เดินขึ้นกันเถอะ
บันได้สองร้อยกว่าขั้นมั้ง เหมือนจะไม่มาก แต่ฉันก็ถึงขั้นลิ้นห้อยนะ
เมื่อขึ้นมาถึงแล้วมองลงไป เออ ก็สูงอยู่
สักการะพระธาตุกันสักหน่อย
พระท่านกำลังทำงานอยู่ค่ะ
ไปชมวิวกันนนนน
นั่นคือเมืองท่าขี้เหล็ก
ส่องไปไกล ๆ เห็นชเวดากองจำลองด้วย
อันนี้ฝั่งแม่สาย เมืองหนาแน่นทีเดียว
แมงป่อง สัญญลักษณ์ของดอยเวา
คือตามตำนาน ผู้สร้างพระธาตุดอยเวา คือ พระองค์เวาหรือขุนควัก
กษัตริย์พระองค์ที่ 10 ในราชวงศ์สิงหนวัติ ผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ หรือเมืองเชียงแสนโบราณ
เวา หรือแมงเวา คือแมงป่องค่ะ
เอาหละ เย็นแล้ว กลับลงไปกันเถอะ
ขาลงนี่หละค่ะ ก็พบว่า ยอดดอยเวามีถนนให้รถวิ่งขึ้นจนถึงจุดชมวิว
ฮือออออ ฉันเดินขึ้นบันไดจนขาลากเพื่อ????
ย้อนกลับทางเดิม มาเช้าซอยเล็ก ๆ ข้างร้านจันกะผัก ขึ้นสู่ดอยผาหมี
อันที่จริง มีอีกเส้นทางจากแม่สายจะไปทะลุยอดดอยผาหมีเลย
แต่ฉันไม่มั่นใจ กลัวตาม GPS แล้วจะหลงทางไกลไปอีก เอาทางเดิมเถอะ
เนื่องจากเย็นแล้วก็เข้าที่พักเลยดีกว่า บ้านผาหมีเมื่อปีก่อนยังไม่มีที่พักค้างคืน
ร้านอาหารก็ยังไม่มี ร้านกาแฟมีร้านเดียว ตอนนั้นมีเพียงลานกางเต๊นท์ที่ยังเคลียพื้นที่ไม่เสร็จ
ปีนี้ ผาหมีมีโฮมสเตย์น่าจะ 2-3 ราย มีร้านกาแฟเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ร้าน
มีร้านอาหารเป็นกิจลักษณะเท่าที่ทราบก็ ร้านในโฮมสเตย์ที่เราพัก
และอีกร้านคือ ที่บ้านของพ่อหลวงซาเจ๊ะ (เปิดโฮมสเตย์ด้วย)
ที่พักของทริปเราครั้งนี้คือ บูซอโฮมสเตย์ ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงสุดของผาหมี
ตรงลานกางเต๊นท์ ลานกิจกรรมที่เราเคยโพสในกระทู้ปีก่อนค่ะ
นี่ค่ะปีที่แล้ว มีแค่นี้
ส่วนปีนี้นั้น นี่ค่ะ บ้านหลังนี้ที่อยู่ข้างลานกางเต๊นท์ ถูกปรับปรุงใหม่กลายเป็นโฮมสเตย์
ข้าง ๆ ยังกางเต๊นท์ได้เหมือนเดิม
ทางขึ้นมาบูซออาจดูลึกลับนิดนึง แต่มีป้ายตลอดทาง ตามป้ายมา ไม่หลงแน่นอน
รถเล็กก็ขึ้นได้ค่ะ อันนี้มีลูกค้ามาดื่มกาแฟ เพราะที่นี่เป็นร้านกาแฟด้วย มีอาหารขายด้วย
ที่นี่มีห้องพัก 4-5 ห้อง ไม่แน่ใจ ห้องพักสำหรับสองคนอยูด้านบนตรงโซนร้านกาแฟ
และมีห้องใหญ่สำหรับครอบครัวอยู่ชั้นล่าง
ก็ชมวิวกันหน่อย
ในห้องพักประมาณนี้ ไม่มีทีวี ตู้เย็น แอร์ นะคะ แต่ขอบอกว่าบนนี้หนาวมาก
ห้องพักมีผ้าเช็ดตัว เช็ดผม สบู่ ยาสระผม ครบค่ะ
ห้องน้ำส่วนตัวในห้องค่ะ มีเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส
ห้องสำหรับสองคน ช่วงกลางวันอาจไม่เป็นส่วนตัวนักนะคะ เพราะอยู่ติดโซนร้านกาแฟ
จะมีลูกค้าเดินไปเดินมาผ่านหน้าห้อง แต่ตอนกลางคืนนี่เงียบมากกกกกก
มาดูบริเวณร้านกาแฟกันหน่อย
ทางขึ้นดาดฟ้า ถ้าช่วงแจ่ม ๆ น่าจะได้ดาว แต่ช่วงทริปฉันนี่อากาศอึมครึมมาก
นี่หน้าห้องพักเรา มีแมวเหมียวน่ารักสองตัว
ค่ำนี้เรากินอาหารที่นี่หละค่ะ อากาศหนาวจะขาจะแข็ง ไม่อยากออกไปไหนแล้ว
จริง ๆ ก็มีอาหารชนเผ่านะคะ แต่เรากินไม่เป็น เอาอาหารทั่วไปละกัน 5555
ก่อนอื่น ต้องชาร้อนคลายหนาวได้ดีทีเดียว
อันที่จริงก็ไม่ใช่อาหารทั่วไปเท่าไหร่หรอก การปรุง เครื่องปรุงก็แนว ๆ ชนเผ่า
อันนี้หมูผัดเครื่องเทศอะไรสักอย่าง
ซุปหมูอะไรสักอย่างอีกเช่นกัน คือก็มีชื่อนั่นหละ แต่ฉันจำชื่อไม่ได้ แก้หนาวได้ดีนักเชียว
ไส้กรอกที่รสชาติไม่เหมือนไส้กรอกทั่วไป
คล้ายเบคอน แต่เห็นว่าเมนูนี้ต้องเอามาหมูนี่มาตากน้ำค้างด้วย
กี่คืนจำไม่ได้หละ ก่อนจะเอามาปรุง กินกับน้ำจิ้ม
โดยรวมแล้ว อร่อยทุกอย่างนะคะคุณ
อิ่มแล้วก็นอนเถอะ น้ำเนิ้มไม่อาบหละ ไม่ไหวจริง ๆ หนาวเกิ๊น
ตัดฉับมาตอนเช้า ไม่อยากตื่นเลย
กาแฟร้อน ๆ สักหน่อย
นี่ถ้าหน้าฝน หมอกต้องอลังฯแน่ ๆ เลยวิวแบบนี้
ดื่มกาแฟ เฝ้ามองแสงจาง ๆ จากฟากฟ้า พร้อมกับแมวสองตัว
ค่าห้องพันสอง มีอาหารเช้าให้นะคะ ตามนี้
ข้าวต้มกินกับเครื่องเคียง อร่อยมากมายในเวลาที่หนาวเย็นขนาดนี้
ขนมปัง กาแฟ จัดไว้ให้เติมได้ตามสะดวก
เป็นมื้อเช้าที่มีความสุขมากจริง ๆ (แม้จะหนาวแทบบ้า)
เสร็จจากมื้อเช้า เราอ้อยอิ่งสักพัก ก็เก็บของเช็คเอ้าท์
แล้วลงไปแวะเยี่ยมเยียนพ่อหลวงซาเจ๊ะสักหน่อย
เมื่อวานมาถึงผาหมีเย็นมากแล้ว ไม่ได้แวะ
ที่บ้านพ่อหลวงซาเจ๊ะ
ตอนนี้ได้ต่อเติมเป็นร้านอาหารและโฮมสเตย์
ครั้งนี้เราไม่ได้มาพักที่นี่ เนื่องจากเพิ่งรู้ตอนมาถึงแล้วนี่แหละว่าบ้านพ่อหลวงเปิดเป็นบ้านพัก
ฉันจองบูซอมาล่วงหน้าหลายวันก่อนเดินทาง แต่พักที่ไหนก็เหมือนกันเนาะ
ผู้คนที่เขาล้วนเป็นเครือญาติพี่น้องกันทั้งนั้น
ฉันได้เจอพ่อหลวงซาเจ๊ะเช่นเดิม ท่านดูสดใส แข็งแรง หน้าตาอิ่มเอิบ
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา พอดีมีลูกค้ามาร้าน พ่อหลวงออกไปต้อนรับ
ร้านที่เปิดก็ใหญ่โต เป็นกิจลักษณะเลยค่ะ ข่าวว่าอาหารอร่อยด้วยนะ
เราสองคนไม่ได้อยู่ชิม พอดีเพิ่งอิ่มจากมื้อเช้าเลยได้แค่แวะไปกราบสวัสดีพ่อหลวง
ถ่ายรูปบรรยากาศร้านมานิดหน่อย
ภาพที่คุ้นตา...
ผู้คนที่นี่จำเราสองคนได้ ดีใจจัง ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทาย ถามสารทุกข์สุขดิบ
วิถีของผู้คนก็เหมือนเดิม เงียบ ๆ สงบ ๆ
ทำไร่กาแฟ ลิ้นจี่ มีความสุขกันไปตามประสา
มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ไม่มาก จึงไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยน
ความสุขสงบยังคงมากมายเช่นเดิม
พูดคุยทักทาย ถามไถ่กันพอสังเขป ก็ต้องกล่าวคำลา
แน่นอนว่า เราต้องมาที่นี่อีก ผูกพันไปแล้วนี่นะผาหมี
บ้านผาฮี้
จากผาหมี ไม่ต้องลงมาข้างล่าง ขึ้นต่อไปข้างบนได้เลย
เป็นเส้นทางที่จะทะลุดอยตุง เส้นทางนี้สวยงามทุกฤดูกาล ถนนคดเคี้ยวบนยอดดอย
สำหรับมกราคม ถนนสายนี้มีสีชมพู
เราจะแวะจิบกาแฟเบา ๆ ที่บ้านผาฮี้ ที่นี่กาแฟรสชาติดี
เจอป้ายหมู่บ้านเลี้ยวเข้าไปเลย
หมู่บ้านเล็ก ๆ บนไหล่เขา สวยงามแปลกตา
น่าเอ็นดู
ร้านกาแฟที่นี่มีแห่งเดียว อยู่ใจกลางหมู่บ้าน กาแฟภูผาฮี้ กับวิวดีงาม
ที่นี่มีโฮมสเตย์นะคะ ใครสนใจก็ติดต่อได้ที่ร้านกาแฟภูผาฮี้เลย
หนาวมาก ผิงไฟสักหน่อย
กาแฟภูผาฮี้ หอมละมุน รสชาติดีงามเลย
ดอยผาฮี้จัดว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งเลยหละ
ชาวบ้านที่ที่นี่ คือ เผ่าอาข่า มูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ เมื่อก่อนเป็นพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด
เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงได้เข้ามาในหมู่บ้าน ก็ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่น
เลิกตัดไม้ทำลายป่า และสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟขึ้นแทน
เดินเล่นกันหน่อย
อ้อยอิ่งอยู่ที่นี่พอสมควรกว่าจะกลับ
ออกมาก็โอ้เอ้ลอยชายอยู่ริมถนนนี่หละ
เสือโคร่งมากมายแต่ไร้ผู้คน เพลินฉันเลยสิ
มีเวลาเหลืออีกมากมายกว่าจะได้เวลาขึ้นเครื่อง ไปไหนดีล่ะที่ไม่ไกลจากเมืองมาก
ค้นไปค้นมา เจอโครงการหลวงบ้านปังขอน อยู่ไม่ไกลก็จัดไป
เส้นทางไปทางไร่บุญรอด ผ่านทางเข้าน้ำตกขุนกรณ์
ถนนช่วงแรกก็โอเคอยู่ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร ไปได้เรื่อย ๆ
ระหว่างผ่านหมู่บ้านก็เห็นมีป้ายติดเป็นระยะ ว่ามีรถรับจ้างขึ้นโครงการหลวง
แต่ก็เห็นว่าหลายคันที่ขับอยู่ข้างหน้าเขาก็ขับขึ้นเอง
คงไม่มีไรมั้ง
วิวข้างทางก็สวยงาม
เจอถนนลูกรังบ้าง เรื่องเล็ก
แต่แล้ว....ค่ะ ทั่นผู้ชม
คันที่มาก่อนเราจอดนิ่งอยู่ตรงนี้
ไปต่อไม่ได้ค่ะคุณ ดูเหมือนโคลนนั่นไม่ได้ลึก แต่ลึกค่ะ มีรถรับจ้างชาวบ้านที่ขับลงไปได้
มันลึกและลื่น ขณะที่ข้างทางคือเหวลึก และหากว่าลองเสี่ยงจนผ่านตรงนี้ได้
ข้างหน้าก็มีแนวนี้หรือหนักกว่านี้อีก เราไม่กล้าเสี่ยงหละค่ะ
รอบนี้เราไม่ได้เช่าโฟร์วิลมา
กลับค่ะ กว่าจะกลับรถได้ก็แทบแย่เหมือนกัน เพราะทางแคบ ลื่น
มีส่วนที่เว้าเข้าหาไหล่เขานิดนึง ค่อย ๆ ขยับจนกลับลงได้ในที่สุด
ไม่เป็นไร คราวหน้าจะมาอีก จะทำการบ้านมากกว่านี้
นี่คือผลของการไม่หาข้อมูลล่วงหน้า แทบจะกลับตัวไม่ได้ ไปต่อไปก็ไปไม่ถึง
ฝากไว้ก่อนเถอะ ปางขอน!
กลับลงมาแบบหิวซ่ก เวลายังเหลืออีกเยอะหาอะไรกินก่อนดีกว่า
รอบนี้ลอง จ.เจริญชัย เห็นเขาว่าอร่อย อยู่ไม่ไกลจากสนามบินด้วย
ไปถึงโชคดีร้านเพิ่งเปิดไม่นาน เขาเปิดสี่โมงเย็น คนเลยยังไม่เยอะ
แต่หลังจากได้โต๊ะนั่งแล้ว คนทยอยมากันเยอะเลยค่ะ
เมนูแนะนำของเขา มะเขืออะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้ แต่ก็คือผัดมะเขือยาวนั่นหละ
ปกติฉันไม่กินเมนูนี้ แต่เห็นว่าขึ้นแนะนำเลยลองดู ก็อร่อยนะคะ ไม่ขม ไม่เหม็นเขียว
จานต่อมาก็เมนูแนะนำของร้านอีกแหละ จำชื่อไม่ได้เช่นเคย (ฉันจำอะไรได้บ้างนี่ ชีวิต)
โดยรวม อร่อยค่ะ ร้านสะอาด อาหารโอเคมาก
และราคาไม่แพง ราคาเหมือนร้านข้าวต้มข้างทางทั่วไป
ออกจากร้านมา คนรอคิวกันเต็มหน้าร้านเลย
จบทริปที่ร้านนี่หละค่ะ อิ่มแล้วก็ตรงเข้าสนามบิน ไว้เจอกันใหม่นะเชียงราย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะอ่านกระทู้ค่ะ
Paramee Na Prasri
วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.17 น.