รู้หรือไม่โฮจิมินห์ซิตี้เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเวียดนาม พื้นที่ใหญ่กว่ากทม. ประชากรพอๆกัน และรู้ไรมั้ยบินไปโฮจิมินห์ใกล้กว่าบินไปหาดใหญ่ อยากพิสูจน์ว่าใกล้กว่าขนาดไหน just click
นายน้ำฟ้าได้มีโอกาสกลับมาเยือนมหานครโฮจิมินห์อีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้วแค่โฉบๆ บินมาจากดานังลงที่เมืองนี้ stop over หนึ่งคืนแล้วเที่ยวนอกเมือง (อุโมงค์กู่จี) นิดหน่อย ก่อนจะบินดิ่งกลับไทย มาคราวนี้จัดเต็มกว่าเดิม แม้จะไม่เต็มมาก เพียง 2 วัน 2 คืน ก่อนจะโฉบออกไปลุยทะเลทรายที่ มุยเน่ Mui Ne (รอพบกับรีวิวเร็วๆ นี้) แต่สองวันสองคืนก็ได้ทริป sightseeing เที่ยว 8 จุดแวะ กิน 4 จุดอิ่มในมหานครโฮจิมินห์ โดยเน้นๆ กันที่เขต District 1 อันเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นในใจกลางเมืองกันเลย ก็ขอรีวิวเป็นไกด์บุ๊คเล็กๆ เผื่อไว้สำหรับลอกทริปนะครับ ปะ ไปดูกันเลย ขอเริ่มด้วย
ตารางทำการบินก่อน ผมเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบินนกแอร์ ซึ่งเปิดเส้นทางใหม่ล่าสุด สู่โฮจิมินห์ มาเมื่อหมาดๆ ตารางบินเป็นดังด้านล่างนี้ครับ
และจุดแวะจุดกินทั้งหมดเป็นดังแผนที่ด้านล่างนี้
พิกัดต่างๆ ในแผนที่ข้างบน
8 จุดแวะ
- โบสถ์ Notre Dame Cathedral 10.779745, 106.699024
- อาคารไปรษณีย์กลาง Saigon Central Post Office 10.779661, 106.699799
- Ho Chi Minh City Hall 10.776500, 106.700957
- Saigon Opera House 10.776658, 106.703239
- พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ 10.768262, 106.706770
- Ho Chi Minh City Museum 10.775990, 106.699646
- ตลาด Ben Thanh 10.772393, 106.697975
- โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ The Golden Dragon Water Puppet Theater 10.776435, 106.692605
4 จุดอิ่ม
- nha hang ngon restaurant 10.777379, 106.699680
- Quan Bui restaurant 10.781430, 106.705876
- An restaurant 10.774392, 106.704187
- The Refinery restaurant 10.777984, 106.703859
แถม 2 ร้านกาแฟ
- M2C bistro and coffee 10.776953, 106.700080
- Coffee Workshop 10.773623, 106.705288
และพิกัด point of interest อื่นๆ
- ตึก Bitexco Financial Tower 10.771806, 106.704414
ผมบินไฟล์ทเช้า เที่ยวบิน DD3210 ตีห้าครึ่งเช็คอินดอนเมือง เจ็ดโมงครึ่ง Take off เก้าโมงนิดๆ Landing แตะพื้นรันเวย์สนามบินเตินเซินเญิ๊ต สิบโมงก็ออกมาเดินเฉิดฉายหน้าเทอร์มินอล แล้วก็มุ่งหน้าเข้าเมือง
มาเริ่มกันที่จุดแรก หลังจากเครื่องนกแลนดิ้ง ผ่านตม.ออกมาเรียบร้อยก็ตรงดิ่งสู่ใจกลางเมือง เริ่มต้นเที่ยวกันเลย เพียง 7.5 กิโลเราก็มาถึงละ
แวะที่ 1
โบสถ์ Notre Dame Cathedral
โบสถ์ Notre Dame Cathedral อ่านว่า โบสถ์นอร์ธเธอดาม แลนด์มาร์คสำคัญที่สุดของเมืองโฮจิมินห์เลยก็ว่าได้ วิหารหรือโบสถ์คาธอลิคหลังนี้จัดเป็นโบสถ์ ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สร้างในยุคจักรวรรดิฝรั่งเศสครองเวียดนาม สร้างเลียนแบบวิหารนอร์ทดามแห่งกรุงปารีส มีอายุร้อยกว่าปีร้อย ปกครองโดยบาทหลวงที่มีฐานะขึ้นเป็นโป๊บได้ บั๊ดซาริก้า จริงๆแล้วคำเรียกนี้หายถึงอาคารในยุคโรมัน อันหมายถึงสถานที่ชุมนุม ต่อมาหมายถึงสถานที่แสวงบุญ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 6 ปี อิฐทุกก้อนส่งตรงลงเรือมาจากกรุงมาร์แซย์ของฝรั่งเศส ใครไม่เคยชมต้องมาชมให้ได้ จัดว่าเป็นโบสถ์ที่สวยมาก
สถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โรมันเนสก์
บนเพดานจะสังเกตเห็นปีค.ศ. 1880 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสร้างโบสถ์หลังนี้
แวะที่ 2
อาคารไปรษณีย์กลาง Saigon Central Post Office
อาคารสีเหลืองเข้ม สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ยุคที่ไซง่อนตกอยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส (ไซง่อนเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ซิตี้เมื่อปี ค.ศ.1976) อายุเก่าแก่กว่า 124 ปี (สร้างเสร็จในปี 1891) ก็เรียกว่ายุคเดียวกันสร้างกันมาไล่ไล่กับโบสก์นอร์ทเธอดามนั่นเลย อยู่ติดๆ กันอีกต่างหาก สมัยนั้นฝรั่งเศสตั้งใจเนรมิตเมืองไซง่อนให้เป็นปารีสตะวันออกเลยทีเดียว เป็นหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาชม เพราะว่าตึกเค้าสวยงามจริงๆ
ถึงแม้ทั้งโบสถ์นอร์ทฯ และไปรษณีย์กลางแห่งนี้จะอยู่ติดๆ กันแค่ข้ามถนนแต่สำหรับใครที่จริงจังกับการถ่ายภาพวิวสถานที่สวยๆ ต้องวางแผนนิดนึงครับ เพราะต่างหันด้านหน้าเข้าหาแดดแบบคนละทิศละทาง โบสถ์นอร์ทเธอดามจัดหันด้านหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอาคารไปรษณีย์กลางจะหันด้านหน้าอาคารออกไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไขว้กันแบบนี้ถ้าจะถ่ายโบสถ์ก็ต้องรับแสงยามเช้า จะถ่ายอาคารไปรษณีย์ก็ต้องรับแสงยามบ่าย ถ้าจะมาคราวเดียวถ่ายแล้วทั้งสองแห่งได้รับแสงในเวลาเดียวกันเนี่ยต้องมาตอนเช้าในช่วงหน้าหนาวราวปลายธค. ต้นมค.ล่ะครับ คือรอวันที่ตะวันขึ้นอ้อมใต้ให้มากที่สุด แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็แวะมาสองหนเลย ถ้าชิลๆสบายๆ ไงก็ได้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเวลา หรืออย่างวันไร้แดดก็คงถ่ายได้ทุกเวลาล่ะครับ เป็นเกร็ดเล็กๆมาฝากกัน
หากเดินเล่นมาถึงตรงนี้แล้วได้เวลาหม่ำมื้อเที่ยง ขอแนะนำร้านอาหารเวียดนามละแวกนี้
อิ่มที่ 1
nHa Hang Ngon restaurant
อาหารตำรับเวียดนามขนานแท้ authentic ฝุดๆ ตัวร้านก็เป็นอาคารเก่าแก่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสโคโลเนียลสีเหลืองอ๋อยแบบเดียวกับอาคารไปรษณีย์กลางนั่นเลย วิธีสั่งอาหารร้านนี้แปลกแหวกตลาด สามารถเดินไปเลือกๆ ชี้ๆ จดใส่มือน้องพนง. ได้เลย ตอนแรกนึกว่าทำไมในร้านอนุญาตให้แม่ค้าหาบเร่เข้ามาขายอาหารในร้านนะ 555 แนะนำว่าห้ามพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง
สามารถดูภาพเต็มๆ ตาพร้อมบรรยายภาพเพิ่มเติมได้ใน
อัลบั้มภาพในเพจ
อิ่มหนำแล้วอาจจะแวะชิมกาแฟ หรือหาของทานเล่น พวกเค้ก คุ้กกี้กันได้ที่ร้าน
M2C bistro and coffee
ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง
บ่ายแก่ๆ ก็เดินเล่นกันต่อกับอีกสองจุดแวะ
แวะที่ 3
จตุรัสโฮจิมินห์และ โฮจิมินห์ซิตี้ฮอล
โฮจิมินห์ซิตี้ฮอลหรือศาลาว่าการเมืองหรืออาคารคณะกรรมการประชาชน เป็นอาคารเก่าแก่สัญลักษณ์ยุคอาณานิคมฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่ง ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 16 ปี ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมด้านในนะครับ ชมได้แต่เพียงภายนอกซึ่งมีรูปปั้นลุงโฮจิมินห์ยืนโบกมืออยู่!!! ว่าแต่ว่ารู้สึกว่าเหมือนเมื่อก่อนจะเป็นรูปปั้นลุงโฮนั่งอุ้มเด็กนี่นา!!!
ด้านหน้าของซิตี้ฮอลนี้จะเป็นลานกว้างๆ ที่มีความยาวสุดลูกหูลูกตา
ต่อเนื่องมาที่
แวะที่ 4
Saigon Opera House
อาคารทรงสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค การก่อสร้างอาคารหลังนี้ถือเป็นการปฏิวัติการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ครั้งใหญ่ คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่แต่เดิมนิยมสร้างเป็นหลังคาอิฐมาใช้วัสดุเป็นเหล็กแทน ลดน้ำหนักไปได้มหาศาล เป็นอีกที่ที่น่ามา sightseeing ครับ สวย
กลางคืนก็สวย ด้วยการฉาบแสงสี lighting อย่างงดงาม
ขอตัวเช็คอินเข้าพักก่อนนะครับ ออกเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่ตีสี ถึงหนามบินตีห้า เจ็ดโมงครึ่งบิน เก้าโมงถึง สิบโมงเริ่มเดินเที่ยวแวะจุดแวะ 1 2 3 4 กินอีก 2 ที่ เพลานี้เมื่อยขาาาาา และง่วงมว้าก ซึ่งเราได้พักกับโรงแรม Pullman Saigon Centre พิกัดโรงแรม
- โรงแรม Pullman Saigon Centre 10.764421, 106.691928
(กำลังอยู่ระหว่างทำรีวิว เร็วๆ นี้)
นอนพักเมื่อยอยู่ในรร.สองสามชั่วโมงก็ได้เวลาพลบค่ำ เป็นเวลาออกมาหามื้อหม่ำดินเนอร์ และก็มาถึงจุดอิ่มต่อไปที่จะมาแนะนำกัน
อิ่มที่ 2
ร้านอาหาร Quan Bui
เป็นอาหารเวียดนามผสมรสชาติฝรั่งเศสนิดๆ ในละแวกร้านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารให้เลือกอีกมากมายหลายร้านทั้งแหล่งบันเทิงด้วย
รสชาติผมว่าติดหวานสไตล์ฝรั่งปนๆ ล่ะ น่าจะเป็นสไตล์ที่หลายๆ คนชอบ... ก็อาจเป็นได้
ตกกลางคืนดึกยังไม่ดื่น ตายังสว่างโร่ แนะนำให้ย้อนกลับมาจุดแวะนี้ครับ ณ จตุรัสโฮจิมินห์ Ho Chi Minh Square ออกมาดูแสงสี ดูความคึกคัก ที่ที่ผู้คนทั้งหนุ่มสาว เด็ก ผู้ใหญ่ ต่างมารวมตัวกันที่นี่
ซินจ่าวโฮจิมินห์ซิตี้
เช้าวันใหม่อดีตเมืองไซง่อน สูงชลูดขวามือนั่นคือไบเท็คโซ ไฟแนลเชียล ทาวเวอร์ ตึกที่สูงที่สุดอันดับหนึ่งในเมืองโฮจิมินห์ สูงเป็นอันดับที่ 3 ของเวียดนาม
เมืองโฮจิมินห์จัดว่าครองสถิติเมืองที่มีจักรยานยนต์มากที่สุดไปได้อย่างสบายๆ นะครับ มีรถมอเตอร์ไซค์แล่นอยู่ในเมืองนี้กว่าสามล้านคัน จากเดิมที่เป็นเมืองที่มีจักรยานปั่นมากที่สุดในโลก เดี๋ยวนี้แปรเปลี่ยนมาขี่มอเตอร์ไซค์กันแล้ว ดูสับสนอลม่านมากสำหรับคนเพิ่งมาเยือนเมืองนี้ และไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนๆ ของเวียดนามก็ตาม แต่ในความที่ดูเหมือนไม่เป็นระเบียบนั้นกลับมีระเบียบซุกซ่อนอยู่ครับ คนที่นี่ขี่ช้า สวมหมวกทุกคน และเราจะไม่เห็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 มาแว้นให้เห็น
แม้จะสูงไม่เท่าไบหยกสกายของไทยเรา แต่รูปทรงตึกที่มีจานเสียบโช๊ะอยู่ใกล้ๆ ยอดนั่นงามล้ำนะครับ ว่ามั้ย ถ้ามีเวลาคุณอาจจะขึ้นไปชมวิวจากข้างบน หรือหาบุฟเฟต์หม่ำบนนั้นก็ได้ Bitexco Financial Tower
เรามาเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันด้วยการข้ามไปที่ district 4 ซึ่งอยู่ติดกับ district 1
แวะที่ 5
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์
Ho Chi Minh Museum
ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำไซง่อนจุดบรรจบของปากคลองเบ้นแหย่ มองเห็นทัศนีภาพโค้งแม่น้ำสวยงามพร้อมชมเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของวีรบุรุษอันดับหนึ่งตลอดกาลของชาวเวียดนาม ลุงโฮจิมินห์
เรียกอีกอย่างว่า "บ้านมังกร" จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ อัตชีวประวัติของลุงโฮจิมินห์ หรือนามเดิม เหวียนเติ๊ดแถ่ง นั่นเอง
รายรอบนอกอาคารชั้นบนชมวิวได้ มองเห็นเรือสำเบาโบราณลำใหญ่จอดนิ่งสนิท บริเวณนี้อดีตเป็นท่าเรือขนส่งของฝรั่งเศส
นอกอาคารชั้นล่างริมก็เป็นส่วนสาธารณะริมแม่น้ำและริมคลอง
มาถึงเวลาที่ต้องแนะนำร้านอาหารอิ่มอร่อยจุดต่อไปกันอีกแล้ว เหมาะกับการหม่ำมื้อเที่ยง และก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอิ่มที่แล้วๆ มาแน่นอน
อิ่มที่ 3
ร้าน AN Vietnamese Bistro restaurant
อีกหนึ่งร้านอาหารเวียดที่ไม่น่าพลาด สุดคลาสสิคสไตล์จีนเวียด หลบหนีกลิ่นอายฝรั่งเศสสักพัก
ร้านนี้พนักงานแต่งชุดอ๋าวใหญ่เสริฟอาหารกันเลย แอบกรี๊ด ^^/
อิ่มจากมื้อเที่ยงก็ตบด้วยกาแฟตามระเบียบ ให้สมกับมาเยือนเมืองกาแฟนะครับ ที่
Coffee Workshop
เป็นร้านกาแฟสุดฮิบ สุดพิถีพิถันในการทำกาแฟ
ไปนั่งเปิดประสบการณ์ชมกรรมวิธีกลั่นกาแฟด้วยสารพัดเทคนิค กว่าจะมาเป็นกาแฟในแต่ละช็อทสุดพิศดาร
หรือจะหอบหิ้วโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานชิลๆ จิบกาแฟไปก็เข้าที
จากนั้นออกเดินเล่นผ่านถนนสายจตุรัสโฮจิมินห์ ยาวๆ ไป 1 กิโล ชมวิวไปด้วย สู่จุดแวะจุดต่อไป
แวะที่ 6
ชมพิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์
Ho Chi Minh City Museum
แวะมาชมเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาของเมืองไซง่อนก่อนและหลังถูกฝรั่งเศสยึดครอง กับพิพิธภัณฑ์ที่จัดว่าเป็นอาคารสถาปัตยกรรมศิลปะฝรั่งเศสที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองโฮจิมินห์ (ไซง่อนเดิม)
อดีตอาคารหลังนี้คือทำเนียบประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ที่จบชีวิตด้วยการถูกลอบสังหาร
ที่ผมชอบที่สุดก็คือมายืนมองสแตนด์อันนี้ (ภาพล่าง) ทำเป็นชาร์ต timeline ประวัติศาสตร์ชาติเวียดนาม
การจะทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติใดที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัย กับกาลเวลา ผมว่า timeline นี่ล่ะคือการอธิบายโครงร่างการเดินทางของประวัติศาสตร์ที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด
มองลอดหน้าต่างอาคารพิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์ไปเห็นตึกไบเท็คโคตะหง่านอยู่ สองสถานที่สองความแตกต่างทางกาลเวลา หนึ่งคืออาคารที่สะสมเรื่องราวเมืองในอดีต อีกหนึ่งคือตัวแทนสัญลักษณ์ของปัจจุบันและอนาคตของเมืองโฮจิมินห์
ลำดับต่อไป น่าจะถูกใจขาช้อปของก๊อป!
ลองเดินไปทางแนวที่ผมให้ไว้ในแผนที่ด้านขาว แม้จะไม่ใช่ระยะทางที่ใกล้ที่สุด แต่จะเป็นเส้นทางที่คุณจะตะลึงกับต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ลำตัวใหญ่ๆ เรียงรายตามแนวถนน
แวะที่ 7
ช้อบปิ้งที่ตลาดเบนถัน
Ben Thanh Market
บนพื้นที่กว่า 11,000 ตร.ม. มีของขายแทบทุกอย่าง ต่อรองราคาได้ ต่อครึ่งๆ ก็ยังได้ ของแทบทุกชนิดบอกผ่านกันสุดๆ แม้แต่เบียร์กระป๋องก็ยังต้องต่อ!
อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลด่องกับไทยบาท ช่วงที่ผมไปอยู่ที่ 10,000 ด่อง=16 บาทโดยประมาณ
ลิงค์ update อัตราแลกเปลี่ยนเงินสองสกุลนี้
ชาวเวียดนามไม่นิยมเรียกศูนย์ 3 ตัวหลังของตนเอง อย่างเช่น 1 หมื่นด่อง เค้าจะตัดศูนย์ทิ้งไป 3 ตัวแล้วเรียกว่า ten ก็แปลว่าหมื่นนึง อย่างผมซื้อเบียร์กระป๋อง (ยี่ห้อตองสามอร่อยดี) เค้าบอกราคาผ่านมา twenty-five แปลว่า 25,000 ด่อง ผมก็ต่อเหลือ fifteen เท่ากับหมื่นห้า ซึ่งก็ต่อได้ และเป็นราคาทั่วๆ ไปที่ซื้อจากที่อื่น 15,000 คิดกลับมาเป็นเงินไทยก็ 24 บาท
ตกกลางคืนที่ตลาดเบนถันยังแปรเปลี่ยนเป็นตลาดกลางคืน ร้านรวงตั้งแผงเรียงรายรอบตลาด ทั้งสารพัดร้านของกินด้วย นอกจากจะเป็นแหล่งช้อบกลางคืนแล้วยังเป็นสวรรค์นักชิมของข้างทางราคาประหยัดแถมอร่อย
จุดแวะสุดท้ายที่จะมาแนะนำกัน มาเวียดนามทั้งทีต้องหาโอกาสมาชมกันสักครั้ง
แวะที่ 8
ชมละครหุ่นกระบอกน้ำ ที่
The Golden Dragon Water Puppet Theater
การแสดงหุ่นน้ำนี้มีที่มาจากทางภาคเหนือของเวียดนาม แถบลุ่มแม่น้ำแดง เป็นการแสดงของชาวนา มีมาช้านานนับร้อยๆ ปีแล้ว ฉากการแสดงจะอยู่ในน้ำตลอด หุ่นจะถูกเชิดอยู่หลังม่าน
เปิดการแสดงทุกวันๆ ละ 2 รอบ 17.00 น. และ 18.30 น.
ปิดท้ายกับดินเนอร์มื้อค่ำ
ร้านที่จะแนะนำต่อไปนี้เดินไกลกันหน่อย 1.8 โล ถ้าจะลองถือโอกาสนี้นั่งแท๊กซี่กันก็ได้นะครับ
ดูที่มีมิเตอร์ ราคาไม่แพง มีใบเสร็จด้วย
อิ่มที่ 4
The Refinery restaurant
พักอาหารเวียดมาชิมอาหารสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ กันบ้าง
รสชาติอาหารก็โอเคนะครับ สำหรับผมที่ปกติไม่ชอบกินอาหารเมนูตะวันตก ก็ยังรู้สึกว่าอร่อยหลายอย่าง ที่สั่งมากินกันก็มี เริ่มด้วย Starter > Frise'e aux Lardons ตามด้วยMain Course > Roasted Sea Bass และปิดท้ายด้วย Dessert > The Refinery Frozen Cheesecake
ก็ถือเป็น ไกด์บุ๊ค ตะลอนนคร โฮจิมินห์ เล็กๆ นะครับ สำหรับทริปนี้ที่ได้ Nokair เป็นผู้เชิญผมไปในฐานะบล็อกเกอร์สื่อสายท่องเที่ยว อันที่จริงทริปยังมีต่ออีกหนึ่งวัน แต่ผมแยกออกจากกลุ่มทริปล่วงหน้า 1 วันเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองมุยเน่ และขอชดเชยเนื้อหาในเมืองโฮจิมินห์ที่ขาดหายไปด้วยรีวิว ลุยทะเลทรายมุยเน่ แทน รอติดตามรีวิวที่นี่เร็วๆ นี้ครับ ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์กันด้วยจักขอบพระคุณค้าบ
ฝากเพจน้อยๆ ไว้ติดตามอัพเดทกับแอดมินนายน้ำฟ้าด้วยนะครับ เลิฟคนไลค์เพจ อิอิ >> Page: GoTravel together with น้ำฟ้าป่าเขา >>>
www.facebook.com/Namfapakhao/
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.52 น.