Contact and Follow me at Facebook Fan Page or Govivigo Blog


จากทริปโดนเท เลยเซมาชวนเพื่อน แล้วเคลื่อนตัวลงเลไปด้วยกัน

ตามนั้นเลยค่ะ เริ่มต้นจากการชวนคนนึงไปด้วยกันแล้วสุดท้ายเกิดเรื่องให้เราต้องโดนเท ทั้งๆที่บุ๊กวันลางานไว้เรียบร้อยแล้ว จนคิดว่าเออ.......คงต้องไปคนเดียวล่ะสิ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเที่ยวคนเดียวหรอกนะคะแต่ถ้าต้องไปทะเลคนเดียวกับภาวะแบบนี้คงได้เข้าฟิว MV เพลงอกหักแน่นอน ฮร่าาาาาา

ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอกหักชอบไปทะเลคนเดียว แพนว่าไม่ค่อยจะเวิร์คเลยนะ เดี่ยวฟุ้งซ่านจับหอยมาเชือดคอตัวเองตายทำไง เพราะงั้นแพนเลยโทรชวนเพื่อนเป็นการชวนแบบปกติของพวกแพนมากเลย คือชวนตอนเช้า ไปเย็นนี้นะ แฮร่... ตามนั้นเจอกันสายใต้ก่อนทุ่มนึง และเราก็ออกเดินทางค่ะ



ชม Terser ก่อน ค่อยอ่านรีวิวนะจ๊ะ

*มีวีดีโอฉบับเต็มท้ายรีวิวนะคะ



การเดินทาง

ก็รู้ๆกันอยู่ว่าแพนมันสายยาจกจะให้ขึ้นเครื่องบินไปกระบี่ก็แหมตั้ง 2000 กว่า เลยได้ใช้บริการรถทัวร์สายใต้นี่ล่ะค่ะ ขาไปแพนซื้อตั๋วของบริษัท ลิกไนท์ทัวร์ ราคา 574 บาท เป็นรถ ม.4ข

นั่งๆนอนๆตั้งแต่เกือบ 2 ทุ่ม มาถึงขนส่งกระบี่ตอน 8 โมงเช้า พอดี๊ พอดี รถจากทาง Srisawara Casa Hotel มารอรับแล้ว จะบอกว่าเค้ามารอแพนเลทตั้งเป็นชั่วโมงแหนะ แอบเกรงใจเหมือนกันแต่ก็ทำไรไม่ได้เนาะ ก็เราไม่ใช่คนขับรถนี่นา

ขาไป : รถทัวร์ ลิกไนท์ทัวร์ สายใต้ใหม่ - ขนส่งกระบี่ 574 บาท แล้วให้รถรับส่งของโรงแรมมารับ

ขากลับ : รถทัวร์ บขส. จากขนส่งกระบี่ - สายใต้ใหม่ 545 บาท


----DAY 1----

มื้อเช้าที่ "ราชรสติ่มซำ"

พอมาถึงนี่คือหิวเวอร์ ร่างกายต้องการอาหารเช้า พี่ส้มปอยกับน้าไข่ (คนที่ช่วยดูแลและแนะนำที่เที่ยวในกระบี่ให้แพนกับเพื่อน) พาแพนมาแวะที่ร้านติ่มซำเจ้าเด็ดของเมืองกระบี่ค่ะ

ตบท้ายมื้อเช้าด้วยชาร้อนๆค่ะ จากนั้นแพนก็ไปเดินเล่นกันค่ะแถวๆโรงแรมนี่แหละ เพราะเรายังเช็คอินไม่ได้เนาะมาเช้าไป โรงแรมนี้นี่มีบริการทัวร์ทะเลด้วยนะคะของ "Kohphiphi tour" ค่ะ มันก็ง่ายดีทั้งโรงแรมทั้งที่เที่ยวอยู่ด้วยกันไปเลย ไม่ต้องไปเดินหาหลายที่ ก่อนที่แพนจะออกไปเดินเล่นข้างนอกเลยได้จองทริป "ปีนผาอ่าวไร่เลย์" เป็นแบบครึ่งวันบ่ายค่ะ คือถ้าแพนมาถึงกระบี่เร็วกว่านี้ซัก 6 โมงเช้า คงได้เป็นฟูลทริปปีนผาแบบเต็มวันไปแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรเรามาเดินดูเมืองกระบี่กันดีกว่า


เดินเล่นเมืองกระบี่

กว่าจะฝากของ ล้างหน้าแปรงฟัง กินติ่มซำเสร็จ ก็ปาเข้าไป 10 โมงกว่าแล้วค่ะ รถจะมารับไปขึ้นเรือข้ามไปอ่าวไร่เลย์ประมาณบ่ายโมง เลยมีเวลาเดินสำรวจเมืองเล็กน้อย

แพนออกมาจากโรงแรมตรงมาตามทางก็เจอกับสี่แยกมนุษย์โบราณเข้า เห้ยยยยเท่จัง ออกแบบสัญญาณไฟจราจรเป็นรูปปั้นมนุษย์โครมันยองด้วย แล้วจากการที่แพนได้ถามถึงที่มาของแยกนี้ เค้าบอกว่าเนี่ยคือบรรพบุรุษของคนชาวกระบี่ เมืองกระบี่มีประวัติว่าเป็นต้นกำเนิดของเหล่าโครมันยองเนี่ยล่ะค่ะ


ในวันที่แสงแดดแผดเผาแบบนี้ บอกตามตรงว่าร้อนมากกกกกกกก แต่ก็อยากเดินมากกกกกกกกกเช่นกัน ฮร่า แต่แดดแรงๆนี่มีข้อดีอย่างคือถ่ายรูปแล้วสวยนี่ไง


เดินออกจากโรงแรมไปด้านขวาสุดจะเจอสี่แยกมนุษย์โบราณ แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายมาจนสุดทางก็จะเจอเขาขนาบน้ำค่ะ ที่นี่เค้ามีเรือรับจ้างพาเที่ยวด้วยนะแต่แพนจะเก็บไว้เป็นทัวร์ล่องเรือวันหลังเพราะวันนี้เรามีนัดปีนผาซะแล้ว

ทางเดินเลียบคลองนอกจากจะมองเห็นเขาขนาบน้ำแล้วยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นแลนด์มาร์คของกระบี่ค่ะ อย่างรูปต่อไปนี้คือหลักกิโล 0 กม. ค่ะเป็นรูปปั้นนกออก เพราะว่าที่เขาขนาบน้ำแห่งนี้มีนกออกอาศัยอยู่จริงๆค่ะแต่มีแค่ 2 ตัวผัวเมียแค่นั้นนะ แต่จะเห็นก็ยากหน่อยแพนเลยอดได้เห็นนกออกตัวจริงเสียงจริงเลย

ส่วนภาพด้านบนนี้คือรูปปั้นแก๊งปูดำค่ะ เป็นที่ขึ้นชื่อของเมืองกระบี่เหมือนกัน แต่แพนไปถ่ายด้านหน้าไม่ได้เพราะคนเยอะเชียว เลยได้ภาพถ่ายตอนกลางคืนที่ปลอดคนและสวยมาก ติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะคะอยู่ใน DAY 2


มดูที่พักกัน "Srisawara Casa Hotel"

แพนพักที่ "Srisawara Casa Hotel" ค่ะ เป็นโรงแรมที่ไม่ใหญ่มาก แต่น่ารักเว่อร์ น่ารักในที่นี้แพนหมายถึงคนนะคะ พนักงานเป็นกันเองดีจัง แพนสามารถคุยถามข้อมูลหาร้านเด็ด ร้านโดน เหมือนคุยเมาท์มอยกับเพื่อนเลย ที่สำคัญโรงแรมนี้กับ "Kohphiphi Tour" เนี่ยเจ้าของเดียวกันค่ะเค้าก็จะมีแพ็คเก็จเที่ยวบวกที่พักแบบราคาน่าคบมาออกโปรบ่อยๆ แล้วคือพนักงานเค้าก็น่ารักทั้งฝั่งเที่ยวกับฝั่งโรงแรมเลยนะ คือดีย์

จุดเด่นอีกอย่างนึงของโรงแรมนี้ก็คือการที่มันตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลักของตัวเมืองกระบี่ อย่างพวกถนนคนเดิน ตลาดปูดำ ตลาดโต้รุ่ง ร้านเหล้า ร้านเบียร์ เขาขนาบน้ำ และจุดแลนด์มาร์คอื่นๆ ใกล้ในที่นี้คือสามารถเดินไปได้ไม่กี่นาทีเองค่ะ มันเริ่ดมาก

เข้ามาด้านในโรงแรมก็จะเจอ Reception คอยต้อนรับ พอหันมาด้านซ้ายมือก็จะเป็นมุมนั่งทานอาหารค่ะ สำหรับมื้อเช้า หรือจะนั่งเล่น ถ่ายรูปเล่นรอเวลาก็ตามสบายเลยค่ะ



อาหารในตอนเช้า เราสามารถนั่งทานได้ทั้งด้านในและริมถนนด้านนอก อย่างแพนชอบนั่งข้างนอกทานอาหารตอนเช้ามองคนสัญจรไปมาก็เพลินๆดี


มาดูห้องนอนกันบ้างดีกว่า

แพนว่าแพนได้ห้องที่แจ่มมาก เพราะพอเปิดระเบียงออกไปก็เจอวิวคลองอยู่ลิบๆ ไว้ช่วงเช้ามายืนดูก็เข้าท่าใช่มั้ยล่ะ

แพนเลือกเป็นห้องเตียงคู่สำหรับแพนและเพื่อน บนเตียงก็จะมีผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้าถูกพับไว้อย่างดี

มีกระจกบานใหญ่เบิ้ม กับทีวี รวมถึงตู้เย็น น้ำเปล่า ชาและกาแฟไว้บริการด้วยค่ะ ส่วนไวไฟมีแน่นอนแพนเอาคอมฯไปด้วย ต่อไวไฟทำงานได้สบายเลย


ไปปีนผากันเถอะ "อ่าวไร่เลย์"

พอถึงเวลาที่นัดไว้ก็มีรถตู้มารับแพนไปที่ท่าเรือค่ะ เราต้องนั่งเรือจากฝั่งอ่าวนางไปยังอ่าวไร่เลย์เพื่อไปเริ่มต้นปีนผากันค่ะ


นั่งเรือมาไม่ถึง 10 นาทีเรือก็จอดเที่ยบท่าอ่าวไร่เลย์ค่ะ หูยยยยยยย แวบแรกที่เห็นที่มันเมืองในฝันเลย มีบาร์เหล้าเต็มสองข้างทาง คนเท้าปล่าวเดินย่ำทรายจิบเบียท้าแสงแดด ครั้งนี้ถือว่าแพนแวะมาสำรวจเดี๋ยวทริปหน้าต้องจัดอ่าวไร่เลย์แบบเต็มๆซะแล้ว

เดินตามที่คนต้อนรับบอกก็มาถึงร้านปีนผาค่ะเราต้องมาใส่อุปกรณ์ปีนผาที่นี่ ก่อนจะเดินเท้าตามพี่ๆ Belayer เข้าไปยังจุดปีนผา ซึ่งเป็นจุดปีนผาสำหรับคนเลเวลน้อยอย่างแพนและเพื่อนค่ะ เพราะเรายังไม่เคยมีประสบการณ์ปีนผาของจริงเลย การจะไปตรงจุดไฮไลท์ที่เค้าถ่ายรูปกันเท่ๆก็เป็นไปได้ยากหน่อย แง......เราต้องฝึกไปก่อน

ยืนมองชาวบ้านเค้าขึ้นกันไปทีละคนสองคน จุดปีนผาตรงนี้ใช่ว่าจะเฉพาะมือสมัครเล่นนะคะ มันไม่ง่ายอย่างนั้นเลย แพนได้เห็นฝรั่งที่ดูท่าทางเจนจัดกับการไต่ผา ปีนเขา บางคนเค้าไต่ขึ้นโดยไม่มีเชือกเซพตัวเองด้วยเพื่อเค้าจะไปเกี่ยวเชือกกับด้านบนสร้างทางปีนให้คนอื่น หืม...จะเก่งไปหนายยยยย

ฝั่งคนด้านล่างก็คอยดึงเชือกไปค่ะ ความจริงเป็นหน้าที่ของ Belayer แต่ด้านคุณพี่ในภาพบนนี้คงจะขี้เกียจรอมั้ง จับเชือกเองละกัน ฮร่า เอาล่ะค่ะมาถึงคิวแพนขึ้นไปบ้าง

ปีนเส้นแรกก็ง่ายดีอยู่หรอก พอได้ลองเส้นอื่น มือไม้ถึงขั้นหมดแรง แต่ยังดีขึ้นไปแตะห่วงได้อยู่

และเบื้องหลังความสำเร็จของแพน แต่น....แตน....แต๊นนนนนนนนน ภาพต่อไปนี้เลยจร้าาาาาาา

แหมพี่ Belayer คอยดึงเชือกและกำกับการปีน คอยแนะว่าควรจับตรงไหนดี เอี้ยวตัวไปฝั่งไหนดี คือถ้าไม่ได้พี่หนูแย่แน่ แต่....เอิ่ม...หน้าพี่คือดูเบื่อหน่ายยังไงชอบกล -.-!

พอเหนื่อยจากการโหนตัวขึ้นเขา ก็ยังพอมีเวลาก่อนเรือจะมารับแพนก็เดินเล่นริมหาด ทำให้เพิ่งรู้สึกได้ว่าที่นี่แทบไม่มีคนไทยเป็นนักท่องเที่ยวเลยถ้าไม่นับรวมคนขับเรือกับพนักงานขายของตามร้าน 99%บนอ่าวไร่เลย์ชาวต่างชาติล้วนๆจร้า และนี่แหละที่เราเลิฟ ^*^


ถนนคนเดินกระบี่

กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เย็นย่ำเชียว แพนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาของกินที่ถนนคนเดินกระบี่ค่ะ ที่นี่จะเปิดเฉพาะคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะคะ ตั้งอยู่ใกล้ 4 แยกมนุษย์โบราณค่ะ หลังห้างโวค ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์

ขอยืมภาพมุมสูงจาก http://www.andamanseatravel.com/trip/th/%E0%B8%97%...

ตลาดนี้เค้าขายพวกของกินของฝากค่ะ ทั่วๆไปเหมือนถนนคนเดินจังหวัดอื่นๆ แต่ไอ้ที่เด็ดกว่าแพนยกให้ของต่อไปนี้เลยคร่าาาาาาาาา

โรตีเด็ดจริง มีให้เลือกทั้งแบบกรอบ แบบหน้านุ่ม แพนก็จัดมาทั้งสองเลย แพยว่าแป้งเค้าอร่อยนะมันออกรสเค็มนิดๆตัดกับนมข้นหวาน คือไม่หวานมากกำลังพอดียิ่งกินกับชาร้อนฟินมากต้องไปลอง ร้านอยู่ติดถนนตรงแยกมนุษย์โบราณ



----DAY 2----

ดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

ไม่รู้เป็นความโชคดีอะไรของแพน ได้ห้องวิวสวยสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งเขาขนาบน้ำด้วย เป็นเช้าที่ทำให้เอเนจี้เต็มเว่อร์

วันนี้แพนลงทริปเที่ยว ดำน้ำ รอบเกาะพีพีค่ะ ใช้บริการของ "Kohphiphi tour" เช่นเคยและรถจะมารับตอน 8 โมง แพนเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานข้าวเช้ารอเวลา

ซักพักรถตู้ก็มารับตรงเวลามาก เราไปยังท่าเรือที่มีอาหารและที่นั่งบริการด้วยแต่แพนไม่ทันได้ถ่ายเพราะเรือมาเร็วมากต้องรีบขึ้นก่อน ใช้เวลาแปปเดียวคนก็นั่งจนเต็ม Speed Boat ขนาดกลางจุคนประมาณ 10 กว่าคน มีไกด์คือพี่มาเรียมคอยดูแลและให้ความรู้เกี่ยวกับหมู่เกาะต่างๆ แต่เวลาพี่เค้าอธิบายจะพูดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เพราะส่วนใหญ่ที่มาทริปนี้ก็ชาวต่างชาติค่ะถ้าเรามีข้อสงสัยอะไรก็สามารถถามได้โดยตรงกับพี่เค้าเลย



จุดแรก "อ่าวมาหยา-โละซามะ"

นั่งเรือมาไม่นานก็มาถึงจุดแรกคือ "อ่าวมาหยาค่ะ" เป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ในเวิ้งหุบเขา มีน้ำใสสีฟ้าอมเขียวกับเขาสูงตระหง่าน ถ้ามาถึงอ่าวมาหยาแล้วต้องเดินไปด้านหลังค่ะเพื่อไปดู "โละซามะ"

เดินจากหน้าหาดไม่ไกลเท่าไหร่นะคะ แนะนำให้เดินเท้าเปล่าเหยียบเม็ดทรายนุ่มๆไปตลอดทางค่ะ เราจะผ่านอุโมงค์ต้นไม้เขียวๆด้วย สายกรีนอย่างแพนนี่เลิฟเลย

ไปจนสุดก็เจอสะพานไม้ที่คาดว่าถ้ามาในช่วงน้ำขึ้นกว่านี้อาจได้เห็นสะพานบนผืนน้ำสวยๆ แต่แพนมาเร็วก็ดีไปอย่างคือคนยังไม่เยอะมาก พี่มาเรียมเล่าว่าถ้าเรามาสายกว่านี้จะได้เจอกรุ๊ปทัวร์แย่งกันเดินเต็มพื้นที่แน่นอน

แวบไปถ่ายรูปแล้วก็ต้องรีบเดินกลับค่ะมาถ่ายบรรยากาศหน้าหาดซักหน่อย เรือจอดเต็มไปหมดจนแพนคิดว่านี่มันลานจอดเรือใช่มั้ย แทบไม่เห็นพื้นน้ำเลย ไอ้ตรงที่พอจะเห็นน้ำคนก็ยืนกันเต็มเชียว นี่ขนาดเรามาเร็วกว่าคนอื่นเค้านะเนี่ย ไม่อยากจะคิดถึงช่วง high season คนจะเยอะขนาดไหน


อ่าวปิเละ (Lagoon)

ออกจากอ่าวมาหยาพี่มาเรียมก็พาเราออกมาดู Lagoon สีฟ้าใส สวยเชียวล่ะค่ะ อาจเป็นเพราะภูมิทัศน์ที่มีเขาสูงสองฝั่งทำให้เว้นช่องกลางเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ แถมเรายังได้เห็นตีนเขาที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนกร่อนเข้าไปด้านในดูสวยแปลกตา


"ถ้ำไวกิ้ง" รังนกนางแอ่น

เรือชะลอให้ได้แวะถ่ายรูปที่อ่าวปิเละพักใหญ่ๆก่อนจะออกมาเจอถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกนางแอ่น "ถ้ำไวกิ้ง" แต่แพนไม่ได้เข้าไปหรอกนะคะแค่ได้ถ่ายรูปอยู่บนเรือ พี่มาเรียมเล่าว่าชาวบ้านจะมาเก็บรังนกจากที่นี่ไปขายค่ะกิโลกรัมละเป็นแสนเลยนะ อู้วววว อลังการงานแพง


ดำน้ำกันดีกว่า "อ่าวลิง, โละลาน่า"

พอนั่งเรือผ่านอ่าวปิเละ และส่องถ้ำดูรังนกนางแอ่นแล้วพี่มาเรียมก็พามาดำน้ำเลยค่ะ นี่แหละที่รอคอย ฮร่า วันนี้แพนได้ดำน้ำ 2 ที่นะคะคือ อ่าวลิง กับ โละลาน่า ซึ่งสถานที่ดำน้ำเนี่ยไม่ได้ตายตัวกับ 2 ที่นี้นะคะมันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และช่วงสวยงามของปะการังแต่ละจุด ความเหมาะสมของหลายๆอย่าง ทางไกด์เค้าจะจัดให้เราเองค่ะ แพนจะลงรูปรวมๆเลยแล้วกันนะคะ



แอบเสียดายเล็กๆ น้ำขุ่นกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ไม่เห็นอะไรเลย ยังคงสวยและทำให้เรารู้สึกคุ้มค่าที่ได้มา มีปลาตัวเล็กๆว่ายวนรอบตัวแค่นี้ก็ Happy โคตรๆแล้วล่ะ



กินข้าวเที่ยงเล่นน้ำใสบน "เกาะพีพีดอน"

พอได้ดำน้ำจนเค็มคอกันเต็มที่แล้วก็มาทานข้าวเที่ยงกันที่ "พีพีดอน" เป็นอาหารแบบตั้งโต๊ะมีคนมาเสริฟเหมือนโต๊ะจีนค่ะ ในส่วนของค่าใช้จ่ายอาหารก็รวมอยู่ในแพ็กเก็จทัวร์แล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มแต่อย่างใด นาทีนี้กินได้จนพุงกางเลย

อิ่มแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอเวลาที่จะไปดำน้ำต่อ หาดพีพีค่อนข้างจะกว้างเลยค่ะ ยาวมาก มีคนนอนอาบแดด คนเล่นน้ำตลอดริมหาด แต่ดีตรงที่คนไม่เยอะมากทำให้แพนพอจะมีมุมดีดีๆได้ถ่ายรูปสวยกับเค้าบ้าง

เกาะไม้ไผ่

หลังจากดำน้ำเสร็จก็มาต่อกันที่เกาะสุดท้ายค่ะ "เกาะไม้ไผ่" ถือเป็นการปิดฉากทริปที่โคตรสวยเลย จริงๆนะหาดทรายกว้างมากสีขาวละเอียด ถึงจะเจอแดดแรงจากดวงอาทิตย์ยักษ์ใหญ่แต่มันไม่เป็นอุปสรรคกับการเดินสำรวจรอบหาดและลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำทะเล แถมแสงแบบนี้ยังถ่ายรูปได้แจ่มมากๆอีกต่างหาก

ไม่รู้เป็นเพราะหาดกว้างมากหรือเพราะคนกลัวแดดกันเยอะเลยทำให้บริเวณหาดคนไม่พลุกพล่านมาก ซึ่งเป็นข้อดีของแพนในการเล่นน้ำและถ่ายรูปถ่ายวีดีโอเล่นกับเพื่อน


คืนสุดท้ายที่กระบี่กับ "ตลาดนัดลานปูดำ"

ถือเป็นคืนสุดท้ายแล้วสินะวันนี้เป็นวันจันทร์ ในทุกคืนวันจันทร์ - พฤหัสบดี จะมีตลาดลานปูดำค่ะ มีอาหารและของฝากขายเหมือนๆกับถนนคนเดินที่แพนไปเมื่อคืนก่อน แต่ดีตรงมีลานดนตรีสดด้วย แพนว่าดูชิลกว่าถนนคนเดินเยอะเลย

เบาๆกับคราฟเบียร์ก่อนนอน ทั้งของไร่เลย์และพีพี เรียกว่าปิดฉากวันนี้จริงๆแล้วสินะ เป็นการปิดวันที่โคตรชิลและน่าจดจำมากๆเลยล่ะค่ะ


----DAY 3----

ไปล่องเรือกัน

ตื่นสายหน่อยวันนี้ แพนลงมาทานข้าวเช้าที่เดิม เป็นการเปิดฉากวันสุดท้ายที่ทำให้ร่างกายพร้อมเที่ยว ด้วยว่าวันนี้แพนต้องไปนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯตอน 5 โมงเย็น ทำให้ต้องเลือกทริปเที่ยวสั้นๆหน่อยเดี๋ยวจะตกรถซะก่อน

อย่างที่บอกว่าโรงแรมศรีสวราที่แพนพักเนี่ยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางไปตามจุดแลนด์มาร์คต่างๆได้ใกล้มาก หนึ่งในนั้นคือเขาขนาบน้ำค่ะ ออกจากตัวโรงแรมเลี้ยวซ้ายมาจนสุด 3 แยกก็เจอจุดขึ้นเรือแล้วค่ะ

พร้อมแล้วขึ้นเรือ แพนมากับเพื่อนแค่ 2 คนเลยต้องเหมาเรือแบบหารกันแพงหน่อยคือถ้ามาหลายคนก็ตัวหารเยอะจะราคาถูกลงกว่านี้

ทริปล่องเรือนี้แพนได้ "บังหมูด" มาเป็นไกด์ท้องถิ่นและคอยขับเรือให้ ในช่วงแรกบังหมูดพามาดูเขาขนาบน้ำ ลัดเลาะป่าชายเลน แอบเสียดายเพราะแพนไม่เจอนกออกแล้วก็ไม่เจอพวกตัวนากที่มักจะขึ้นมาอาบแดดบริเวณเนินทราย แง.....


ไม่เป็นไรเดี๋ยวครั้งหน้าค่อยมาดูใหม่ พอล่องเรือดูป่าชายเลนแล้วบังหมูดก็วกเรือกลับมาที่เขาขนาบน้ำ เราสามารถขึ้นไปเพื่อดูถ้ำได้ มีค่าเข้าคนละ 30 บาท

ทางเข้าถ้ำก็จะเป็นบันไดแบบภาพด้านบนค่ะ แต่ก็ได้รู้จากบังหมูดมาว่าบันไดนี้เพิ่งมีการสร้างขึ้นตอนที่มีการถ่ายทำภาพยนตร์ที่นี่เมื่อหลายปีก่อน ส่วนทางเข้าแบบดั้งเดิมนะหรอคะก็ภาพต่อไปนี้เลย

จะเห็นว่าเป็นเพียงรูเล็กๆที่ต้องลงทีละคน ตอนขึ้นแพนก็ไปขึ้นทางบันไดธรรมดาค่ะส่วนตอนลงก็ขอให้บังหมูดพาลงทางรูนี้ มันก็จะตื่นเต้นหน่อยๆแต่สนุกดีแล้วก็ได้ฟังเรื่องขำๆจากบังหมูดว่าเคยมีนักท่องเที่ยวฝรั่งตัวใหญ่ลงรูไม่ได้ต้องช่วยกันอยู่นานเชียว

ด้านในถ้ำก็จะมีพวกรูปปั้นมนุษย์โบราณแล้วก็โครงกระดูกจำลอง เครื่องใช้ดินเผาจำลอง เพราะที่นี่เคยมีการขุดพบจริงแต่ว่าของจริงก็เอาไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่แพนไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งมา ยังไงก็สามารถดูได้จากในวีดีโอนะคะ

จากในถ้ำออกมาก็ได้ล่องเรือดูปากอ่าวกว้างมากกกกกกกก สวยมากกกกกกก ลมแรงมากกกกกกก


แล้วต่อไปก็ต้องผ่านอุโมงค์ป่าโกงกาง ซึ่งถ้าน้ำลงมากๆเราจะมาทางนี้ไม่ได้นะ วันนี้แพนโชคดีเลยมีโอกาสได้ผ่านทางสีเขียวแบบนี้

บังหมูดพาเลาะอุโมงค์โกงกางมาจนถึงหมู่บ้านชาวประมงซึ่งเป็นหมู่บ้านบนเกาะค่ะ ที่นี่ไม่มีรถยนต์ ใช้การสัญจรบนเกาะด้วยรถมอไซด์และรถสามล้อที่ประดิษฐ์เอง ถนนบนเกาะนี้เลยเล็กมากและคนที่นี่เค้าก็ยังชีพด้วยการประมง น้องๆบนแพพาแพนมาดูบ่อเลี้ยงปลา ปู แล้วก็ดูปลาเสือพ่นน้ำด้วยถ้าใครอยากเห็นก็ในวีดีโอนะคะ

ปิดทริปของจริงแล้วสินะกับ 3 วัน 2 คืน ที่กระบี่ แพนได้ไปปีนผาที่อ่าวไร่เลย์ ดำน้ำที่เกาะพีพี ชมอ่าวมาหยา ทะเลใน ชิมคราฟเบียร์กระบี่ และล่องเรือดูป่าโกงกาง หมู่บ้านชาวประมง มันคือฟูลทริปที่กิจกรรมโคตรแน่นจริงๆค่ะ จนเกือบลืมไปแล้วเชียวว่าเราโดนเทนี่หว่า ฮร่าาา ถ้าใครชอบหรือสนใจอยากเที่ยวแบบแพนข้อมูลทริปต่างๆดังนี้นะคะ



ถ้าอยากเห็นบรรยากาศของจริงทั้ง แสง สี เสียง คลื่นทะเลคลิกดูวีดีโอจ้า


++++ ข้อมูลทริปทั้ง 3 วันของแพน ++++

ทริปล่องเรือชมเขาขนาบน้ำ

ติดต่อไกด์ท้องถิ่นได้แถวๆเขาขนาบน้ำเลยค่ะ คิดเป็นราคาเหมาลำ

  • ชั่วโมงละ 500 บาท ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงบังหมูดลดราคาให้แพน เหลือ 800 บาท
  • มีแบบเหมาทั้งวัน ไปชมทะเลแหวกและเกาะต่างๆแล้วแต่ตกลง

ทริปที่แพนใช้บริการของ Kohphiphi tour มี 2 ทริป

  • ปีนผาอ่าวไร่เลย์ (แบบครึ่งวัน บ่าย) 1200 บาท/คน
  • ทัวร์ทะเล ดำน้ำ หมู่เกาะพีพี (เต็มวัน) 1500 บาท/คน *ชาวต่างชาติอาจมีเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ 400/200 บาท
  • ที่พัก 2 คืน ที่ Srisawara Casa Hotel คืนละ 1500x2 คืน 3000 บาท
  • มีเป็นแบบแพ็คเก็จเหมาทั้งที่พักและทริปเที่ยวด้วยนะคะตามนี้

ข้อมูลเพิ่มเติมที่

เว็บไซด์เกาะพีพีทัวร์ หรือ Facebook page kohphiphitour *ถ้าช่วง Low Season ก็จะราคาถูกลงไปอีก เอาไว้เลือกตามชอบนะคะ


thx.ภาพบางส่วนจากเพื่อนร่วมทริป คุณฟารดาจร้าาาา และพี่ส้มปอยที่ชวนให้มาเที่ยวกระบี่กับ phi phi tour ^0^

ความคิดเห็น