ภูเขาไฟโบรโม่ : ชาวอินโดนีเซียเชื่อว่าโบรโม่คือลมหายใจของเทพเจ้า จากเมืองสุราบายา มายังเมืองโปรโบลิงโก อันเป็นที่ตั้งของกลุ่มภูเขาไฟโบรโม่
Kawah Ijen : อยู่เกือบสุดชวาตะวันออก จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวนี้ คือ เปลวสีน้ำเงิน ซึ่งต้องดูในช่วงกลางคืนเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีดูตอนสาย พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว ซึ่งต้องมาดูการเก็บกำมะถันเท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมานั่งชมวิวขอบปล่องและทิวทัศน์ทะเลสาปสีเขียวมรกต เมื่อแดดยิ่งจัดผืนน้ำในทะเลสาปสีก็ยิ่งเข้มขึ้น จัดว่าเป็นความสวยงามที่แฝงเร้นด้วยพิษภัยอันตรายที่เราต้องพึงระวังอย่างสูง
บาหลี : บาหลีเป็นเกาะชิคๆที่ควรค่าแก่การมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง
DAY 1 เดินทาง ดอนเมือง-กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)(ต่อเครื่อง)-สุราบายา (ที่พักใกล้โบรโม่ Otix Bromo Guest House)
DAY 2 จุดชมวิว Penanjakan selamat datang - จุดชมวิว king kong Hill - ภูเขาไฟโบรโม่
- ทุ่งหญ้า Savana
DAY 3 ภูเขาไฟคาวาอิเจี้ยน - บาหลี
DAY 4 เกาะ Nusa Penida - หาด Broken Beach Pasih Mentioning
- หาด Angel's Billabong - หาด Kelingking Beach
DAY 5 - น้ำตก Tegenungan - Blue Lagoon Beach
DAY 6 ตลาดเช้า Ubud Market - นาขั้นบันได Tegalang RiceTerrace - วัด Gunung Kawi - วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ Tirtha Empul -วัดกลางน้ำ Tanah Lot
DAY 7 เดินทางกลับ
**** ค่าตั๋วเครื่องบินขาไป (จองล่วงหน้า 2 เดือน) ดอนเมือง-สุราบายา = 2896 บาท *****
**** ค่าตั๋วเครื่องบินขากลับ (จองล่วงหน้า 1 เดือน) บาหลี-ดอนเมือง = 2891 บาท *****
รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 5787 บาท
แลกเงินไทย 7956 บาท จาก super rich = 3,400,000 รูเปีย (อินโดนีเซีย)
วิธีคิดเงินรูเปียอินโดนีเซียให้เป็น เงินไทย ให้เอาเงินรูเปีย คุณ ด้วย 0.00234
** เช่น 50000 IDR (รูเปีย) = 50000*0.00234 = 117 บาท เป็นต้น
ในเมื่อจะเริ่มเรื่องประหยัดหรือไม่อะไร หรือหาที่พักกะทันหันที่ดอนเมืองไม่ได้ ทริปนี้จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นตั้งแต่แรก เอาว้ะ !! ในเมื่อที่นอนไม่มี ก็นอนแม่งมันสนามบินนี่แหละ
ณ สนามบินดอนเมืองวันที่ 27 ก.พ 2561 เวลา 22.30 น. เฮ้ยแก นี่ฉันมานอนสนามบินตั้งแต่สี่ทุ่ม แต่เครื่องฉันออก 7.05 น แอร์สนามบินก็หนาว แถมมีทัวร์จีนมายืนมองจนหลับไม่ได้ ก่อนจะขึ้นเครื่องก็แทบจะวิ่งเข้า Gate
DAY 1 28/2/2018 บินโดยแอร์เอเชีย ดอนเมือง- สุราบายา ถึงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย 11.00 รอต่อเครื่องอีก 3 ชม.-ถึงสุราบายา 4-5 โมงเย็น
**ช่วงระหว่างต่อเครื่องก็แลกเงินริงกิต มาเลเซียที่สนามบินไว้ทานข้าวด้วยนะคะ**
ระหว่างนั่งบนเครื่องอย่าลืมพกยาดม ยาลม ยาหม่อง กันด้วยนะคะ เที่ยวบินไปอินโดนีเซีย แขกกลิ่นเต่าแรงจริงๆ 555555
ระหว่างต่อเครื่องที่มาเลเซีย
เราจองทัวร์จากไทยไปล่วงหน้า แล้วเขียนโปรแกรมส่งให้ทัวร์ว่าเราต้องการไปที่ไหนบ้าง
ให้มารับตั้งแต่สนามบิน วันที่ 28/2/2018-วันที่ 2/3/2018
ไปส่งถึงข้ามฟากไปเกาะบาหลี จนถึงที่พัก
- มีรถจิ๊บที่โบรโม่ให้ - มีหน้ากากใส่ที่คาวาอิเจี้ยน ค่าเข้าทุกที่
ราคา 1,600,000 IDR / 3,744บ. รวม 3 วัน 2 คืน เหมารวมทุกอย่าง รวมค่าน้ำมันแล้ว
ติดต่อทัวร์ Bromo zigzag Transportation & Tour
Line ID: bromozigzag
ไกด์ที่เราติดต่อไปเป็นกันเอง service ดีมาก ใจเย็น รถบัสคันเล็ก นั่งได้ 10 คนไม่มีอึดอัด ที่นั่งไปตลอด 3 วัน 2 คืน ก็สะดวกสบายมากๆ เราแนะนำเลย ทัวร์นี้
ถึงสนามบินสุราบายา ตม. ที่นั่นใจดีอยู่นะคะ ตอนแรกก็กังวลว่าจะผ่านไหม เนื่องจากซื้อยาบำรุงไก่ไปให้ไกด์ แต่ก็รอดไปได้ด้วยดี เพราะเราไปกลุ่มชะนีส่วนใหญ่ ยิ้มหวานๆส่งให้ไป ผ่านฉลุย 55555
ถึงสนามบินระหว่างรอเพื่อนอีกคนที่บินตามมาอีกไฟล์ จะช้ากว่ากันประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินออกไปหาอะไรทาน เลยเดินตรงไปที่ตรงข้ามสนามบิน มีร้าน KFC ขาย เราสั่งเป็น Box set หน้าตาอาหารก็น่าทานนะ แต่ทานไปไม่อร่อยเลยสักนิด แถมคนขายไม่ใส่ใจลูกค้าอีก ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำ ** ว่าอย่าเข้าไป** ที่เห็นแก้วน้ำนั้น น้ำได้แค่ครึ่งแก้วนะคะ
ไกด์มารับพวกเราที่สนามบิน แล้วเดินทางจากสนามบินต่อไปยัง โบรโมลิงโก ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงจากสนามบิน แต่ช้ากว่านั้นเพราะถนนที่อินโดนีเซียแคบมากแถมรถติดอีกต่างหาก เราบุ๊คที่พักไว้ใกล้ๆ ภูเขาไฟโบรโม่ ชื่อที่พัก Otix bromo Guest house ถึงสนามบินถึงที่พักทางขขึ้นเขาลงเหวเลย บวกกับอากาศหนาวมาก นอนไม่หลับเพราะความหนาวเลยคืนนั้น
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 1
-ค่าทัวร์ 1,600,000 IDR = 3744 บาท
- ค่า อาหารที่สนามบินมาเลเซีย 87 บาท
- ค่าที่พัก Otix bromo Guest house = 70,000 IDR = 168 บาท
-ค่า KFC ที่สนามบิน สุราบายา 40,000 IDR = 96 บาท
-เข้ามินิมาร์ท 12,900 IDR = 31 บาท
รวม 4126 บาท
DAY 2 : 1/3/2018 : ตะลุยภูเขาไฟโบรโม่
นัดกันรวมตัวตอนตี 3 นั่งรถจี๊ปจากหน้าที่พักไปยังภูเขาไฟโบรโม่ประมาณ 15 นาทีถึง จุดแรกที่เราไป จุดชมวิว Penanjakan selamat datang เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น
ที่เห็นยิ้มๆกันนั้น จะบอกว่าหนาวจนควันออกปาก ยืนสั่นเป็นลูกนก
ถ้าเพื่อนเดินขึ้นถึงเร็วให้หาที่จับจองที่นั่งเลยนะคะ เพราะคนเยอะมาก
นั่นพี่ไกด์เรา เป็นทั้งไกด์เป็นทั้งช่างถ่ายรูปให้ ชื่อพี่ Suki
ที่เห็นข้างล่างๆนั้น จะมีหมู่บ้านนะคะ ถูกหมอกปกคลุมสวยมาก
พอสายๆหน่อยหมอกเริ่มคลุ้งไปทั่วเลยคะ
ไปกัน 10 คนก็จะแน่นๆ เฟรมหน่อย ไม่ต้องถามว่าใครถ่ายรูปให้พี่ไกด์ของเรานั่นเอง
เราคนไทยพกธงไทยไปด้วยทุกที่
พอสายๆประมาณ 6 โมง หมอกข้างบนเริ่มคละคลุ้งมองไม่เห็นอะไร พี่ไกด์เราเลยพาไปจุดชมวิวอื่นๆ คราวนี้หล้ะถ่ายรูปจนเพลิน แต่ว่ารูปถ่ายอาจม่สวยเท่ากับที่ตาเห็นนะคะ
หลังจากถ่ายรูปจุดนี้ เราจะไปปีนปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่กันคะ กับทางลงอันคดเคี้ยว เวียนหัว แต่วิวสองข้างทางนั้นทำให้ไม่เมารถเลยคะ เพลินตามาก
พี่ไกด์จะพาเรามาจอดตรงที่จอดรถจี๊ปแล้วเราต้องเดินต่อไปอีกนะคะ แต่ไม่ไกลมาก
นั่นเราเดินใกล้เข้าตีนภูเขาไฟแล้วนะ
บันไดประมาณ 200 กว่าขั้นนะคะ เห็นแบบนั้น เหนื่อยใช่เล่นเลยนะ
ถึงปากปล่องแล้วววววว นั่งอึนๆ อยู่นั้น ขาสั่นพรั่บๆ
พระพิฆเนศ สิ่งศักสิทธิ์คู่ภูเขาไฟโบรโม่
ขาลงสบายๆ แทบอยากจะกลิ้งลง แต่เกรงใจม้าที่มันกำลังเดินลงเดี๋ยวมันจะตกใจ ฮ่าๆ
ที่โบรโม่มีบริการขี่ม้าทั้งขาขึ้นและขาลงนะคะ ราคาก็ตามตกลงกัน ส่วนราคามาตรฐานจะอยู่ที่ 50000-60000 รูเปีย
เราไม่ได้ขึ้นหรอก เราเดินทั้งขาไปและขาลง เราสงสารม้า !! ป่าวหรอกกก เราเสียดายเงิน ฮ่าๆ
ลงจากปากปล่องภูเขาไฟแล้ว จุดไฮไลที่พลาดไม่ได้ที่มาที่นี่ คือ ถ่ายรูปกับรถจี๊ปนะ ฮ่าๆ
ไปต่อทุ่งหญ้าสะวันนา อยู่ห่างจากโบรโม่ประมาณ 10 นาทีถึง
หลังจากไปสะวันนาเสร็จแพลนเราไปน้ำตกมาดาการิปุระต่อ แต่เราไม่ได้เข้าไป ตอนนั้นฝนตกแรงมาก บวกกับเสื้อกันฝนขาด เลยหัวร้อนไม่เข้าไปเลย บวกประจบกับพี่อีกคนอ้วกแตกตลอดระยะเวลาที่เดินทางกลับมาจากทุ่งหญ้าสะวันนาเลยช่วยกันดูแลพี่เลยด้วยสะเลย จนต้องพาพี่มิ้นเข้าโรงหมอที่อินโดนีเซียสะเลย หลังจากนั้นแกก็บอกว่ายาอินโดนี่ดีนะ เอาหายปริดทิ้งเลย ฮ่าๆ
เราแวะพักทานข้าวเย็นที่ KFC อีกแล้ว ฮ่าๆ คราวนี้ อร่อยเว้ยเห้ยย กินไก่ทอดราดซอสกับข้าวเปล่าทำให้มีแรงเดินทางต่อไปคาวาอีเจี้ยนเลย
สรุปค่าใช้จ่าย DAY2
-ค่า KFC = 30.000 IDR = 72 บาท
- ค่าเข้า minimart = 26152 IDR = 63 บาท
- ค่าเข้าห้องน้ำที่น้ำตก 5.000 IDR = 12 บาท
รวม 147บาท
DAY3 2/3/2018: เราเดินทางจากโบรโมลิงโกไปสุดชวาตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของคาวาอีเจี้ยน ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 6 ชั่วโมง ถามว่านอนไหน ไม่ต้องตอบนะคะ พวกเรานอนกันในรถคะ อากาศหนาวแบบสัสๆ จนเวลาประมาณ ตี 1 ต้องเดินขึ้นคาวาอีเจี้ยน
จะบอกว่าทางขึ้นคาวาอีเจี้ยนโหดอยู่นะคะ ทางชัน ทางโค้ง ทางหักศอกตลอดเส้นทาง ถ้าใครไม่ไหวมีรถลากบริการทั้งขาขึ้นขาลง คนที่นั่นจะเรียกว่า แท็กซี่ แต่ราคานี่แอบแพงอยู่นะ 600000 รูเปียเลยทีเดียว
เหนื่อยก็เหนื่อยเหม็นก็เหม็น
ข้างบนลมแรงมาก หนาวมาก แนะนำให้เตรียมเสื้อผ้าไปให้ดีเลยนะคะ
จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวนี้ คือ เปลวสีน้ำเงิน ซึ่งต้องดูในช่วงกลางคืนเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีดูตอนสาย พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว ซึ่งต้องมาดูการเก็บกำมะถันเท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมานั่งชมวิวขอบปล่องและทิวทัศน์ทะเลสาปสีเขียวมรกต เมื่อแดดยิ่งจัดผืนน้ำในทะเลสาปสีก็ยิ่งเข้มขึ้น จัดว่าเป็นความสวยงามที่แฝงเร้นด้วยพิษภัยอันตรายที่เราต้องพึงระวังอย่างสูง
เปลวไฟสีน้ำเงินจะคล้ายๆ เราจุดเตาแก๊สนะคะ เป็นแบบนั้นเลย
เราต้องรีบลงก่อน 7.00 น. เพราะช่วงสายๆ จะมีควันเถ้ากำมะถันส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ทำให้เราหายใจไม่ออกเลยทีเดียว
อาชีพหลักๆของคนในพื้นที่ตรงนี้ จะขึ้นมาเก็บกำมะถันเพื่อลงไปขายในกิโลกรัมละไม่กี่บาท ต้องแบกลงเขาที่ทางชันๆ วันนึงได้ไม่ถึง 100 กิโลกรัม
หลังจากลงจากคาวาอีเจี้ยน ด้วยร่างกายอันสะบักสะบอม เลยให้พี่ไกด์แวะพาทานข้าวก่อน
เมนูนี้คือข้าวผัด รสชาติคล้ายบ้านเราเลย แบบเดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ที่แปลกกว่าคือจะมีข้าวเกรียบมาให้
จากที่ไปอินโดนีเซียจะมีข้าวเกรียบทอดมาให้เกือบทุกร้าน ทุกจาน ทุกเมนูอาหารก็ว่าได้
หลังจากทานข้าวอิ่มข้าวเสร็จวันนี้เราต้องเดินทางข้ามไปเกาะบาหลี
เราลาพี่ไกด์สองคนที่ฝั่งโบรโม่ตรงท่าเรือนี้นะคะ พี่ไกด์บ๊ายบายพวกเราใหญ่เลย พร้อมมีคนมารับเราถึงท่าเรือ
เดินทางไปท่าเรือ Ketapang Harbour East Java
เผื่อไปฝั่งบาหลีท่าเรือ Gilimanuk Harbour - Ferry Port
ใช้เวลาเดินทางไปยังท่าเรือ 1.30 น. แล้วนั่งเรือไปอีก 15-20 นาที ค่าเรือประมาณ 16-18 บาทไทย
เป็นเรือที่ขนรถ ขนของ และคนไปด้วย
ถึงแล้วฝั่งบาหลี แต่เอ๊ะยังไม่ถึงที่สุด ฮือออ
ลงเรือเสร็จจะมีคนมารับเราไปที่พักอีกทีนะคะ ในส่วนนี้เราจ่ายพร้อมค่าทัวร์ตั้งแต่ฝั่งโบรโม่เลย
ช้เวลาเดินทางจากท่าเรือถึงที่พักอีกประมาณ 4 ชั่วโมแต่เป็น 4 ชั่วโมที่โคตรทรมานเลย แอร์รถไม่เย็นต้องเปิดกระจกให้ลมพัดเข้ามา หงุดหงิดมากกว่าจะถึงที่พัก
ฝั่งบาหลีคืนแรกเราพักที่ White Villa Hostel ubud ที่พักเป็นห้องใหญ่ 1 ห้อง เตียงสองชั้น สามารถนอนได้ 10 คนเลย แต่แอบหลอนหน่อยๆ บ้านสไตส์บาหลี เป็นเรือนไม้ มีประตูทั้ง 4 ทิศ แถม เตียงกลางห้องยังอยู่ใต้ขื่ออีก ต้องช่วยขยับเตียงให้พ้นขื่อ คืนนั้นนอนกันด้วยความหวาดผวา ฮ่าๆ
วิวด้านหน้าห้องพัก กับผู้สาวไทยนั่งแต่งหน้า
เราถึงที่พักที่บาหลีคืนแรกก็เกือบมืดแล้ว คืนนั้นเลยมีเวลาพักผ่อน หลังจากไม่ได้มาสองคืนจากฝั่งโบรโม่ เลยแอบไปหาอะไรกินกันใกล้ๆที่พักแล้วคืนนั้นฝนตก เดินลุยฝนกันไปเลยจ้าาา
Chicken salad มีไก่โปะมา 4 ชิ้น ที่เหลือผักกับหัวหอมแดงล้วนๆ ความจะอ้วกนี้ บอกใครไม่ได้
สรุปค่าใช้จ่าย DAY3
-ที่พัก White Villa Hostel ubud = 40.000 IDR = 94บาท
- อาหารเย็น 50.000 IDR =117 บาท
-ทริปไกด์ฝั่งโบรโม่ 400.000 IDR / 10 คน = 40.000 IDR = 94 บาท
รวม 305 บาท
ปล. เราแนะนำว่าถ้าไปแค่ฝั่งโบรโม่และคาวาอีเจี้ยนพกเงินไป 5000 บาท น่าจะเอาอยู่ เพราะถ้ารวมไกด์แล้วเราแทบจะไม่ได้เสียอะไรอีกเลยนอกจากค่าอาหาร
DAY4 : 3/3/2018 บาหลี บาหลี
วันนี้เราต้องข้ามไปเกาะนูซาปนีดา จากที่พักไปท่าเรือใช้บริการอูเบอร์ คิด 150.000/5 คน คนละ 30.000 รูเปีย ส่งตรงท่าเรือ
เรามาถึงท่าเรือสาย เลยได้ขึ้นเรือข้ามเกาะ รอบ 11.30 น กลับเที่ยวสุดท้าย 16.30 น. ค่าเรือไปกลับ 400.000 รูเปีย (ขาละ 200.000 รูเปีย ) เป็นเรือ speed boat
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
เมื่อเรามาถึงเกาะ นูซา ปนีดา สามารถเที่ยวรอบเกาะได้ 2 วิธีคือ
1. เช่ารถ แบบนั่งได้ 5 คน คันละ 600.000 รูเปีย คนละราคา 120,000 IDR / 282 บาท
2. มีมอไซร์แบบเช่า ราคาคันละ 100,000 IDR / 235 บ. นั่งได้ 2 คน คนละ 118 บ.
หาดแรกที่อิคนขับรถพาไป ขอเรียกอิคนขับรถนะ นางพาไปแต่ละจุดแบบ 5 นาทีแล้วตะโกนเรียกให้ไปจุดอื่นต่อ นางกลัวพวกเราไม่ทันเวลาหรือว่านางรับทัวร์คนอื่นต่อไม่รุ้ พอเราจะถ่ายรูปนานๆ แม่งมายืนตะโกนกดดัน แบบนี้ ไอ้ห่า ต้องเรียกเช่ารถมาเพื่อมา ดูทัวร์ชะโงก
หาดแรก บนเกาะสวรรค์ นูซา ปนีดา ฺBroken Beach Pasih Mentioning
หาด Angel's Billabong หาดนี้เราได้ถ่ายรูป 2 นาที เห็นจะได้
หาด Kelingking Beach จุดพีคของหาดนี้ ไม่มาจุดนี้คือพลาดมากๆ มีบันไดลงมาได้นะคะ ทางค่อนข้างชัน ข้างล่างเป็นชายหาดเล่นน้ำได้นะ แต่ถ้าลงไปอาจเป็นลมได้
บอกเลย ว่าข้ามมาเกาะ ได้วิ่งถ่ายรูปหาดละ 5 นาที แถมมารอเรือขากลับอีกเกือบชั่วโมง ไอ้คนขับรถ...
หลังจากนั่งเรือกลับจากเกาะรอบสุดท้าย มาถึงฝั่งก็เรียกอูเบอร์กลับที่พัก
คืนนี้เราพักที่ Bedplus Back Packer Lagian ที่พักนี้อยู่ใกล้ผับบาร์นะจ้ะ ใครสายแดนซ์เราแนะนำเลย
มีห้องครัวทำอาหารส่วนกลาง หม้อ ชาม กะละมังครบ มีห้องนั่งเล่น ทีวี ส่วนกลาง
อย่าตกใจนั่นคือเราเอง ฮ่าๆ
ไหนๆ ลองนับเงินกันหน่อย จะอยู่ถึงวันสุดท้ายกันไหม ฮ่าๆ
หมดเวลาไปอีก 1 วัน เที่ยวต่างประเทศทีไร หลงวัน หลงคืนหมด ใครเป็นเหมือนเราบ้าง
สรุปค่าใช้จ่าย DAY4
- อาหารเช้าที่ท่าเรือ 42.000 IDR = 99 บาท
- ค่าเช่ารถบนเกาะ 600.000/5 = 120.000 IDR = 280 บาท
-ค่าเรือข้ามเกาะ 400.000 IDR =936 บาท
- ค่าน้ำดื่ม 15.000 IDR = 35 บาท
- ค่าอูเบอร์ไปที่พัก 75.000/5 = 15.000 IDR = 35 บาท
- ค่าที่พัก Bedplus Back Packer Lagian 70.000 IDR= 164 บาท
ค่าข้าวเย็น 52.000 IDR = 122 บาท
รวม 1671 บาท
DAY 5 : วันนี้วันเปียกตื่นแต่เช้าจากที่พักจองรถแบบเหมานั่งได้ 10 คน ได้นามบัตรมาจากท่าเรือ เข้าทางจัดการติดต่อให้มารับแต่เช้า
กินมาม่าอินโดลองท้องหน้าห้องพักรับแดดยามเช้า
มาม่าอินโด Pop Mie ถ้าใครชอบจืดๆ ทานได้นะคะ แต่กินไปกินมาเลี่ยนมาก
เราเดินทางไปแกนแคนยอน แต่เราไม่ได้เข้านะ ฮ่า และหลังจากนั้นก็ไปน้ำตก Tegenunganต้องเดินลงบันไดไปประมาณ 10-15 นาที
Blue Lagoon Beach
ระยะทางห่างกัน 36 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. จุดนี้เล่นน้ำกันอย่างเมามัน ไหนๆ วันนี้ก็เปียกทั้งวันและ
เล่นมากจนลืมถ่ายรูป น้ำใสฟ้ามากๆ มีจุดดำน้ำด้วย หาดคนน้อยสงบ แถมหินบาดเท้ามาอีก 2 แผลแบบ
เพลินๆ
เล่นน้ำจนตัวดำแล้วต้องกลับที่พัก
คืนนี้พักที่ Bali Backpacker hotel ห้องรวมชายหญิง เตียงสองชั้น มีกาแฟฟรี ห้องครัวส่วนกลางด้านล่าง และห้องนั่งเล่น ใครพักที่นี่แนะนำให้เล่นจระเข้งับ ฮ่าๆ
วันนี้เรากินข้าวหน้าโรงแรมและอาหารมื้อนี้ถูกกว่าทุกมื้อ ปรบมือออออ
สรุปค่าใช้จ่าย DAY5
-ค่าที่พัก Bali Backpacker hotel =40.000 IDR 94 บาท
- ค่าข้าวกลางวัน = 40.000 IDR 94 บาท
- ค่าเช่ารถเหมา 700.000/9 = 84000 IDR = 197 บาท
-ค่าข้าวเย็นหน้า ที่พัก 18.000 IDR = 43.12 บาท
รวม 428.12 บาท
DAY 6 : วันสุดท้ายที่บาหลี มาบาหลีต้องมาวัด
เราเช่ารถเหมาแบบเดิม พี่คนขับคนเดิม เช้าวันสุดท้ายเปิดด้วยตลาด อูบุด ตลาดที่มีของขายหลากหลาย แต่แอบของแพง ถ้าเพื่อนๆมีเวลาไม่จำเป็นต้องไปตลาดอูบุดก็ได้คะ มีของถูกกว่าตรงนี้เยอะ
คนบาหลีส่วนใหญ่จะเอาของวางไว้บนหัวแบบนี้เหือบทุกคนเลยนะคะ
จะบอกว่าเดินตลาดอูบุดเสียเวลามาก เสียเวลาเพราะเสียเงินนี่แหละคะ ฮ่าๆ ได้ตาข่ายดักฝันมา 1 อัน ราคา 60.000 IDR แอบเสียใจที่อื่นถูกกว่าตลาดอูบุดตั้งหลายเท่า เพื่อนๆอย่ามานะ
ก่อนไปนาขั้นบันได แวะกินข้าวแถวตลาดอูบุด เดินหาร้านยากมาก สุดท้ายได้ร้านนี้มา อยู่เกือบจะสุดซอย
เมนูนี้เราจำชื่อไม่ได้ แต่รสชาติคล้ายๆ เฝอเวียดนาม ออกจืดๆ กินไปกินมาเลี่ยนมาก
จุดต่อไปที่ต้องมาบาหลีคือ นาขั้นบันได Tegallalang Rice Terrace แต่แอบเสียดายค่าเข้า เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ว้าวเหมือนที่คนอื่นรีวิวเลย บวกกับวันนั้นฝนตกอีกเราเลย ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับวิวมากมาย เลยมานั่งหามะพร้าวบาหลีกิน แต่รสชาติมะพร้าวนี่ บ้านเราอร่อยกว่า รสชาติจืดมาก ไม่อร่อยเลย
ไปต่อความมาผิดวัด ฮ่าๆ ตั้งใจไปวัดน้ำพุศักสิทธิ์ แต่ดันมาผิดวัด เสียค่าเข้าวัดนี้อีก แถมเดินลงบันไดโคตรเหนื่อย ร้อนก็ร้อน กางเกงก็ถอดยากเวลาจะเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆ แถมมาเจอกางเกงราคาที่ถูกกว่าหลายเท่า
บาหลีนี่ถ้าใครจะมา ต่อราคา ให้ครึ่งต่อครึ่งเลยนะคะ
Gunung Kawi วัดนี้เป็นวัดคล้ายๆถ้ำ มีน้ำตกไหลผ่าน โดยรวมแล้วสวย เท่ากับที่เดินเหนื่อยมาเลยคะ ตัดความหัวร้อนข้างบนออกไป ฮ่าๆ
เวลาก็ใกล้กล้จะหมดเราเลยรีบออกจากวัดนี้ ไปยังวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ต่อเลยคะ
Tirtha Empul ก่อนเข้าทุกคนต้องใส่ผ้าถุงทับอีกรอบ ไม่ว่าคุณจะใส่กางเกงยาวถึงตาตุมแล้วก็ตาม หรือกระโปรงที่ยาวแล้ว ก็ต้องใส่ทับอีกครั้ง
จุดนี้เป็นจุดรับผ้านะคะ
เราไม่มีชุดไปเปลี่ยนด้วยความศัรทธาเราเอาน้ำพรมๆหัวเพื่อเป็นสิริมงคลก็ได้ เอาจริงๆอยากมีขวดน้ำแล้วกรอกกลับมาเลย มีคนกรอกเอากลับมาเต็มเลย เสียดาย
หลังจากออกจากวัดน้ำพุศักสิทธิ์ ทางเดินออก ของขายเพียบ เยอะกว่าตลาดอูบุดอีก ของคล้ายๆกันเลย ที่สำคัญไปกว่านั้น ถูกกว่าตั้ง ห้าเท่า พระเจ้า นี่เสียค่าโง่ตาข่ายดักฝันที่ตลาดอูบุดไป มาเจอที่นี่เหลือ 50.000 อันใหญ่กว่าด้วย เสื้อตัวละ 80 บาท ตลาดอูบุดตัวละ 200 บาท ช้ำใจไปกว่านั้นที่นี่พ่อค้าแม่ค้าพูดไทยได้หมด พูดแบบชัดแจ๋ว พูดแบบเข้าใจความหมาย พร้อมมีบริการให้จ่ายเงินไทยได้แล้วทอนเป็นเงินรูเปียนะจ๊ะ เอาสิ บอกเลยที่นี่แม่งล้ำ อย่าโง่ไปตลาดอูบุดเหมือนพวกเรา
แต่แอบมีข้อเสีย ที่นี่พ่อค้าแม่ค้า ถ้าเราเดินปฎิเสธ เค้าจะดึงแขนเราเลย เพื่อนๆควรระวังตรงนี้ด้วยนะ แต่ก็เป็นบางคนแหละ อย่างร้านที่เราซื้อของแม่ค้าคือพูดดี พร้อมบอกว่า ไม่หลอก แน่ๆ ซื่อสัตย์ๆ
บาหลีคนไทยเที่ยวเยอะมาก ไม่ไปคือพลาด !!
ออกจากวัดมาได้สักพัก อยุ่ๆเพื่อนในทริปก็นึกได้ว่าลืมพาสปอร์ทไว้ที่ รร. ตั้งแต่เมื่อวาน ต้องไปหาก่อน เหมือนมีอะไรมาดนใจให้นึกถึงพาสปอร์ต หลังจากพูดประโยคว่าเราต้องย้อนไป โรงแรมก่อนนะ ได้ไม่ถึง 3 นาที รถที่เราไปเลี้ยวซ้ายไป 1 ที โรงแรมอยู่ทางขวามือเลยเหมือนมีประตูโดเรมอนเปิดมาหน้าโรงแรม แล้วก็ได้พาสปอร์ตคืนทันที.....
จากนี้เราต้องเดินทางไปวัดกลางน้ำ ห่างกัน 41 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบๆ 2 ชม.
ไปถึงตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วแทบไม่ได้มีเวลาถ่ายรูปเลย
วัด Tanah lot
วัดนี้เป็นวัดสุดท้ายของวันสุดท้ายที่เรามาเที่ยวที่บาหลี หลังจากนี้ไปเราต้องไปที่สนามบิน บินกลับไปยตอนตี 1
จากท่าอากาศยาน นานาชาติ งูระห์ไร ลง ดอนเมือง รถมาส่งที่สนามบินบาหลี
เคลียร์ของหน่อยกลัวได้โหลดน้ำหนักกระเป๋า ฮ่าๆ
เละเทะจนวันกลับ
สรุปค่าใช้จ่าย DAY 6
-ข้าวเช้าตลาดอูบุด 52000 IDR =122 บาท
- ข้าวโพดปิ้ง 15.000 IDR = 36 บาท
-มะพร้าว 25.000 IDR=59 บาท
- ข้าวเย็นวันสุดท้าย 55.000 IDR=129 บาท
-ค่าเช่ารถ 100.000 IDR เกิน 3 ชั่วโมง เกินคิดชั่วโมงละ 70.000 IDR =234 บาท
-ค่าเข้านาขั้นบันได 15.000 IDR =36 บาท
-ค่าเข้าวัด Tirtha Empul 15.000 IDR =36 บาท
-ค่าเข้าวัด Gunung Kawi 15.000 IDR =36 บาท
- ค่าเข้าวัด Tanah lot 60.000 IDR=140 บาท
รวม 828 บาท
คำแนะนำจากเราระหว่างการเที่ยวอินโดนีเซีย
1. อาหารที่นั่นค่อนข้างแพง กว่าบ้านเรา ถ้าตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือตามร้านจะบวกเพิ่มอีก 10-15 %
2 เมนูอาหารส่วนใหญ่ไม่มีรูปภาพประกอบ ถ้าไม่อยากเสี่ยง สั่งแบบเรา คือข้าวผัดและ ผัดหมี่อินโด คุณจะรอดตลอดการอยู่ทั้งทริป ฮ่าๆ
3 ที่นั่นจะไม่มีเนื้อหมู คุณจะต้องกินแต่ไก่ตลอดทั้งทริป อาหารทะเลมีบ้างบางร้าน
4 อย่าไปตลาดอูบุด ถ้าจะไปช็อปปิ้ง เพราะมันแพง ถ้าจะไปวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไปชอปปิ้งตรงนั้นคุ้มกว่าเยอะ
5 การต่อราคา ให้ต่อราคาจากราคาที่เค้าบอกมาครึ่งหนึ่งก่อน ถ้าไม่ได้ ให้ทำท่าจะเดินหนี แล้วบอกราคาที่ต้องการ ที่ถูกที่สุดไป
6 ที่พักถ้าแพลนว่าไปเที่ยวแถวไหน ให้บุ๊คกิ้งไปเลย
7 คนบาหลีส่วนมากจะใช้มือเปิบกินข้าว แต่ไม่ต้องห่วงตามร้านอาหารเค้ามีช้อนให้เราแน่นอน ฮ่าๆ
8 ฝั่งโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน ให้ติดต่อไกด์ตั้งแต่อยู่ประเทศไทยแล้วส่งแพลนที่เราจะไปบอกไกด์ พอถึงเวลาสะดวกสบายมากๆ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
9 ฝั่งโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน ถ้าติดต่อไกด์ตกลงราคากันแล้ว ให้บวกเงินเพิ่มไปอีก ประมาณ 1500 บาทก็อยู่รอดทั้งทริป
สุดท้ายแล้วเราจะรู้ว่าประสบการณ์หาได้จากการเดินทาง
พบกันใหม่ทริปหน้านะคะะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ
กาลครั้งหนึ่ง
วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.41 น.