"ถ้าเราเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่าาาาา"

ไม่แก...เราเดินไม่ไหว เราไม่เข้าป่า ยุงก็กัด เหนื่อยก็เหนื่อย หน้าก็เหนียว เนตก็ไม่มี

แต่เราอยากได้ ความกรีน สายหมอกสวยๆ พักกายพักใจจากชีวิตที่วุ่นวาย (ไม่ แกไม่ได้วุ่นวาย แกแค่ขี้เกียจทำงาน)

เยอะเลยแก..... ห้ะ แกมีที่แนะนำเยอะเลยหรอ!!?

ไม่!! นิสัยแกอ่ะ เยอะ!! (ผ่าม) แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี........เห้ยยยยยยย ที่ไหนแก บอกมา


น่ า น ไ ง....น่ า น น ะ สิ....ไ ป ฮั ก น่ า น กั๋ น.....

DAY 1

  • นั่งรถรางชมเมืองน่าน
  • ตานงค์โฮมสเตย์

ดิสสส อิสส เดอะ วออ เคค ชั่นนน ทาร์มมมมมม (ระหว่างอ่านรีวิวนี้ ให้เปิดเพลงนี้คลอเบาๆค่ะ) เพียงเวลาประมาณ 1 ชม.กว่า เครื่องบินก็ลงจอดที่ท่าอากาศยานน่านนคร และตามที่เราเห็นการตั้งหัวข้อกระทู้แนะนำที่เที่ยวเมืองน่านนั้น จะมีประมาณว่า...

นา เขา เรา น่าน

ไป น่าน นาน นาน นะ

เนิบ เนิบ นาน นาน ณ น่าน

หลง น่าน อยู่ นาน

ฟังจากหัวข้อที่ตั้งๆกันมาแล้วน่านนี่ดูเป็นเมืองตัวสล็อตสุดๆ ดูช้าๆ เดินกันแบบต่อน ยอน ตะ ต่อน ยอนมาก ทำไมไม่มีแบบ...สุดติ่งซิ่งสะบัดน่าน แรดให้สุดหยุดที่เมืองน่าน น่านเฟี้ยวฟ้าวเกรี้ยวกร้าดสายฟ้าฟาด อะไรแบบนี้??? (เมื่อเราพูดจบ เพื่อนก็หันมาถามว่า แกต้องอะไรจากสังคม ห่ะ)

เอาเป็นว่าเราไปพิสูจน์กันดีกว่าค่ะ ทำไมมาน่าน ต้องมีแต่เนิบๆหรอ ลงจากเครื่องบิน เอาสัมภาระแล้วตามข้าพเจ้ามาเลยจ้าาา (ส่วนใครนั่งรถทัวร์ ก็บอกพี่คนขับเร่งเครื่องตามมาให้ไวจ้าา)


จุดหมายแรกที่เราจะไป คืออออ (เสียงพิธีกรเชฟกะทะเหล็กประเทศไทย)

"นั่งรถรางชมเมืองเก่าน่าน"

รถรางที่เราได้นั่งมีทั้งหมด 24 ที่นั่ง (แกรู้ได้ไงอ่ะ แกนับมาหรอ โครตละเอียด...เปิดgoogleดิ ใครจะนับ) เป็นรถรางแบบโบราณ โดยรถรางจะพาเราชมเมืองน่าน เมืองเก่าที่มีชีวิต พร้อมทั้งมีผู้บรรยายคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่สำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็นวัด โรงแรมเก่า ตึกราบ้านช่องล้วนมีประวัติความเป็นมา ในแบบภาษาเหนือ (ได้อรรถรสมาก แต่บางครั้งก็อยากเรียกร้องขอsubtitleแปลเป็นภาษากลางบ้าง แซววว)

เดี๋ยววว มาดูรอบของรถรางก่อนน ไม่ใช่อยากไปก็จะมีให้ขึ้นนะเฮ้ย (ลากมาฟังให้จบ)

รถรางจะมีให้บริการในวันจันทร์-ศุกร์จำนวน 2 รอบคือเวลา 9.30 น. -15.30 น.

ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ จำนวน 4 รอบคือเวลา 9.30 น. 10.30 น. 13.30 และ 15.30 น.

บัตรราคา ผู้ใหญ่ 30 บาท ส่วนเด็กและผู้สูงอายุ 15 บาท (ฝาแปปซี่ไม่สามารถนำมาลดราคาได้ บอกเพื่อออ)


และแน่นอนค่ะ ไฮไลท์!!!! ที่ทุกคนจากทั่วทุกมุมโลกอยากมาดูนั่นก็คืออออออ

"ภาพปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรัก ณ วัดภูมินทร์"

หนึ่งในงานจิตรกรรมฝาผนังถูกวาดขึ้นช่วงปี พ.ศ. 2410-2417 ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านองค์ประกอบและอารมณ์ รังสรรค์โดยศิลปินนิรนามที่คาดว่าเป็น หนานบัวผัน ศิลปินชาวไทลื้อ(ข้อมูลจาก วิกิพีเดียจ้า เอามาแค่นี้พอ เยอะๆเดี๋ยวจะง่วงกัน)

โดยผู้ชายกระซิบบอกข้อความนี้แก่ผู้หญิง.....

"ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย

หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะแย่งความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น"

โอ้ยยยยยยยยยยย เลี่ยนเว่อร์ เหม็นความรักค่ะ มองดูภาพกระซิบรัก คือควรจะมากับแฟนกระหนุงกระหนิง พอหันไปมอง ใช่ค่ะ ดิฉันมากับเพื่อนสาว 2 คน จะให้ไปจับมือกันก็แบบ อี๋ ชะนี!!!


อ่อ....บริเวณใกล้กับวัดภูมินทร์ยังมีจุดเช็คอินอีกที่ที่จะแนะนำค่ะ

"ซุ้มลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน"

ต้นลีลาวดีที่ขึ้นเป็นอุโมงต้นไม้ใหญ่ เป็นฉากถ่ายรูปที่คนพกเลนส์ฟิกไม่ควรพลาด


จุดหมายที่สอง "ตานงค์โฮมสเตย์ อ.ปัว"

อยากมาที่นี่ มีเงินอย่างเดียวมาไม่ได้นะ ต้องแต้มบุญสูง จองให้ทันในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เรียกว่า เต็ม เต็ม เต็ม เต็ม อยู่ตลอดเวลาไปเลยจ้า เดี๋ยวเราจะพาไปดูเหตุผลว่าทำไมโฮมสเตย์แห่งนี้ถึงฮิตติดชาร์ตที่พักน่านขนาดนี้

การเดินทาง

1.นั่งแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์ไปลงสถานีขนส่งน่าน

2.นั่งรถสายน่าน ปัว (มีหลายคันลองถามทางสถานี) ของเราเป็นคันสีแดง หวานเย็นสไตล์ ลมพัดเย็นสบาย ต่อน ยอน ตะ ต่อน ยอน

3.ลงหน้าสุเกียว สาขาปัว ต่อมอเตอร์ไซด์เข้าตานงค์โฮมสเตย์ (80-100บาท)
**อ่านหน่อยข้อแนะนำ** ใครไม่อ่านจะให้อีปริกโบยด้วยหวาย
เข้าที่พักไม่ควรเกิน 4โมงเย็น เพราะทางเข้าค่อนข้างเป็นหลุมบ่อ และไม่มีไฟข้างทาง หากไปตอนมืดๆอาจเกิดอันตรายได้

รถทัวร์หวานเย็นหน้าตาประมาณนี้

บรรยากาศภายในรถทัวร์มุ่งหน้าสู่อ.ปัว

และต่อจากนี้ ขอเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ตามรีวิวเข้าสู่อ.ปัว พับกบ พบกับที่พักของเราในคืนนี้ แท่ม ทะ แล่ม แท่ม แทมมมมม (ซาวส์สร้างความตื่นเต้น)

ที่พักที่คุณจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ท้องนาสีเขียวชอุ่ม ตัดกับวิวภูเขา บรรยากาศเงียบสงบ และฟินๆกับสายหมอกในยามเช้า กับที่พัก "ตานงค์โฮมสเตย์" อ.ปัว จ.น่าน
ดิชุ้ง(เสียงดัดจริต)...คัดมาแล้วค่ะ ที่พักที่เหมาะจะไปใช้พักร้อนของคุณอย่างคุ้มค่าาา อ่าา อ่าา

รูปมาา า า า า

บ้านพักของเรา คือ หลังสีขาว ชั้น 2 ในรูปเลยจ้า สวยใช่มั๊ยล่ะคุณพวกเธอ

บรรยากาศภายในห้องพัก มีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่นให้พร้อม เรียกว่าอยู่สบายท่ามกลางธรรมชาติ

เอาข้าวของไปเก็บเสร็จแล้ว เรามาเดินชะม้อยชะม้ายชายตาเหล่ผู้ชาย กับวิวท้องทุ่ง ถ่ายรูปอวดลงโซเซียลกันดีกว่าค่ะ รูปมารัวๆๆๆ

เมื่อเพื่อนถามว่า แกมองแล้วยิ้มให้กับต้นหญ้าทำไม เพื่อนนน นี่คือ ความฮิปสเตอร์ เพื่อนไม่เข้าใจ

อาหารการกิน
ขันโตกกลางวัน เปิดบริการแล้ว
ราคา 150 บาท/ท่าน เปิดบริการ 11.00-15.00 น.
สำหรับลูกค้าทั่วไป

(130 บาท/ท่าน สำหรับผู้เข้าพัก สั่งได้ทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น)

กรุณาโทรสั่งล่วงหน้า ที่เบอร์ 089-7618013 : คุณนุ้ย

รายการอาหาร : แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่ม+ผัก แคปหมู ไส้อั่ว ลาบคั่วเหนือ ผัดผัก ไข่ต้ม ข้าวสวย
และมีเมนูอื่นๆ สั่งได้ ครัวปิด 1 ทุ่มตรง

บริเวณที่นั่งรับประทานอาหาร

ข้อแนะนำ (จากเราเอง)
1. ไม่มีขนม อยากกินพกไปเอง (อันนี้เราว่าสำคัญเพราะเราติดขนม แฮร่)
2. อาจมีแมลงในที่พัก (เพราะอยู่กลางธรรมชาติเนอะ เรียกพนักงานมาจัดการได้ค่ะ แต่เราไม่เจอนะ)
3.หลัง 4 ทุ่ม งดใช้เสียงดังรบกวนผู้อื่นนะคะ

(สนใจจองที่พักเบอร์ 089-7618013 :คุณนุ้ย) โปรโมทฟรี ไม่ได้หัวคิวอะไรทั้งสิ้นเลยจ้า หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาเจอสายหมอกเบาๆ ร่างกายก็พร้อมจะไปเที่ยวกันต่อแล้ว

DAY 2 :

  • จุดชมวิวดอยภูคา
  • กาแฟบ้านไทลื้อ
  • ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ
  • หอศิลป์ริมน่าน
  • วัดพระธาตุเขาน้อย

เช้าวันนี้ ชะนีทั้งสองที่ขับรถไม่เป็น มาแต่ตัวกับหัวใจ เป้ 1 ใบ และใจเหงาๆ ตัดสินใจจ้างรถแท็กซี่พร้อมคนขับให้ขับพาเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเราออกรถกันตั้งแต่เช้า

เช้าวันนี้ทั่วทั้งถนนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวๆเต็มไปหมด ทำให้การขับรถค่อนข้างลำบาก ประกอบกับเส้นทางขึ้นเขาทางโค้งเยอะมาก แน่นอนค่ะ อ้วกสิ !! โอร้กกกกกกก

"จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น อุทยานแห่งชาติดอยภูคา"

หลังจากดมยาดม ยาหม่อง กันไปแล้ว ก็ถึงจุดชมวิวแล้วค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง เสียดายวันนี้หมอกลงจัดเลยไม่เห็นแสงอาทิตย์ขึ้น แต่ภาพทิวเขาสลับกัน กับปุยเมฆก็สวยพอให้ลืมอาการเมารถไปได้ (ยืนมองวิวด้วยใบหน้าซีดเซียว)


"กาแฟบ้านไทลื้อ"

มาหากาแฟกินกันสักหน่อย ให้หายเมารถ ร้านกาแฟไทยลื้อ จะตกแต่งตามสไตล์ของชุมชนชาวไทลื้อผสมล้านนา มุมนั่งดื่มกาแฟเป็นกระท่อมไม้มุงด้วยหลังคาจาก บรรยากาศริมท้องนาเห็นวิวภูเขา สามารถเลือกนั่งพักผ่อนตามใจชอบ เครื่องดื่มราคาไม่แพง และอร่อยมาก

ในรูปเราสั่งโกโก้เย็น กับชามะนาว (ขอกินอะไรเปรี้ยวๆหน่อย ยังไม่หายอ้วก)

บรรยากาศชิวล์ๆริมท้องนาสีเขียว อากาศเย็นๆในตอนเช้า จิบกาแฟเบาๆ ความฟินระดับ 10

ร้านกาแฟไทลื้อที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของร้าน ลำดวนผ้าทอ ร้านขายผ้าพื้นบ้าน ร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณ ซึ่งผ้าทอส่วนใหญ่เมื่อทอมาแล้วก็มีการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน

มุมเช็คอินยอดฮิต คือการเอาตัวไปยืนบนสะพาน แล้วมีผ้าทอลายแขวนพลิ้วๆไปมา เพื่อนตั้งคำถามเดิม แกยิ้มให้กับผ้าทำไม เข้าใจแอคเผลอๆป่ะ ถ่ายรูปให้ดูเหมือนโดนแอบถ่ายอะไรแบบนี้

เวลาเปิด-ปิดร้านกาแฟไทลื้อ : 8:00 น.–18:00 น. โทรศัพท์ร้านกาแฟไทลื้อ : 089 264 6058

"ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ"

หิวแล้ววววววว หาอะไรกินกันดีกว่า ทีวีไดเรคขอเสนอ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ( บ้านผาเก๊าะน้ำกูน) ชื่อว่าฟาร์มเห็ด ของขึ้นชื่อที่นี่ก็ต้องเป็นเมนูทำมาจากเห็ดสดๆแน่นอน

และ สุดยอดเมนู ที่รังสรรค์โดยเชฟผู้ชำนาญ นั้นก็คืออออ (กลับมาอีกครั้ง กับเสียงพิธีกรเชฟกะทะเหล็ก เพราะเป็นเรื่องอาหาร 555)

พิชช่าเห็ดดดดดดด อื้อออฮืออออ กินแล้วก็ร้องอาฮ้าา า า า า

ต้องขออภัย หากใครแวะมาดูรีวิวนี้ตอนดึกๆ จงไปเปิดตู้เย็นซะ เพราะพิชช่าอร่อยยยยยมากกกกกกกก แป้งบางกรอบ ไม่เลี่ยน ไม่ต้องใส่ซอสเพิ่ม

นอกจากนี้ เราขอแนะนำ โกโก้เย็น คือมันโครตตตอร่อย เข้มข้น โดนใจ

(เรามาเที่ยว เราจะกินน้ำหวาน2แก้วก็ได้ เราไม่อ้วน นานๆที พูดให้รู้สึกผิดน้อยลง)

อร่อยยยยยโว้ยยยยยย ยย (โกโก้เย็นหวานน้อย ฉันเลือกนายแล้วนะ)

อาหารอื่นๆก็มีนะ ราคาปานกลาง จับต้องได้ วิวสวย ร้านนั่งสบาย อากาศเย็นมาก ต้องมาโดนค่ะ

เมนูในรูป ประกอบด้วย ส้มตำเห็ดทอดกรอบ(อันนี้ใส่ปลาร้าด้วย เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่) , ข้าวผัด , ซุปเห็ดกับขนมปัง (อันนี้ดี ชอบ)

อิ่มท้องแล้ว ไปต่อกันเลยจ้าา อย่างเพิ่งเหนื่อย ตามมาๆ

"หอศิลป์ริมน่าน"

หอแสดงงานศิลปะของเอกชนขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ห่างจากตัวอำเภอเมืองน่านไปประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นแหล่งรวมศิลปะ รูปวาด ภาพถ่าย โปสเตอร์ งานปั้น งานผ้าทอ และอื่นๆที่สื่อถึงวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน ก่อตั้งและดำเนินการโดยศิลปินชาวน่าน คุณวินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่านชื่อดังที่รักในงานศิลปะ (สาระมาเต็มจ้า)

มาเดินดูกันหน่อยว่าในหอศิลป์แห่งนี้มีอะไรบ้าง

เอาล่ะค่ะ ตอนนี้แท็กซี่ของเราจะขับเข้าตัวเมือง เพื่อไปส่งชะนีหนีเที่ยว 2 คนที่สนามบิน ที่แวะเที่ยวที่สุดท้ายของพวกเราก็คือ...

"วัดพระธาตุเขาน้อย"

วัดแห่งนี้ ความเอกลักษณ์ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปนั้น ก็คือ รูปที่พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน หันหน้าออกสู่วิวทิวทัศน์เมืองน่าน เราสามารถเห็นวิวเมืองน่านแบบ 360 องศา เป็นจุดชมพระอาทิตย์อีกที่เช่นกัน เสียดายเรามาเวลาค่อนข้างเย็น แต่ความสวยงามก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย


หมดเวลาสำหรับวันหยุดนี้แล้ว เป็น 2 วัน 1 คืนที่เรามีความสุขมาก เมืองน่านจะว่าเนิบๆ ก็จริงนะ ทุกอย่างดูช้าลง มีการผสมผสานทั้งวัฒนธรรมเก่าและใหม่ เป็นเมืองที่มีเสน่ ธรรมชาติสวย อาหารอร่อย แต่ในจุดที่รู้สึกว่าจ๊าบ ก็มีนะ เราว่าเพื่อนๆมาลองหาดูกันค่ะ

ไม่แน่ กระทู้หน้า เราอาจมาแนะนำ สุดจ๊าบเมืองน่าน ไปเฟี้ยวฟ้าวกันที่เมืองน่าน อะไรแบบนี้ดีกว่า

ขอบคุณที่อ่านนะคะ ไว้ไปเที่ยวด้วยกันอีก

ความคิดเห็น