สวัสดีครับ ทริปนี้เป็นทริปเร่งด่วนที่ไปกันแบบงงๆ ไม่มีแพลน ไม่มีกำหนดการ เน้นไปตายเอาดาบหน้า แฮร่!
ไปเริ่มกัน
....................................................................................................................................................
Day 1 : begin again.
08:30 น.สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี
พวกเราเลือกเดินทางด้วนรถไฟเพราะสะดวก ราคาถูกและได้ชมวิวข้างทางด้วย ถึงเวลานัดพบ ซื้อตั๋วกันก่อน คนละ 35 บาท ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน ด้วยกันล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมดทำให้ทริปนี้ถือว่าผมหล่อสุด เพราะเป็นผู้ชายหน้ามลคนเดียวในทีม
#หน้าตาอาจจะยังง่วงๆ เพราะนัดกันเช้า
09:46น.
รถไฟมาแล้ววววซึ่งเลทจากเวลาที่กำหนด 10 นาที ขึ้นมาบนรถก็สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ สะดวกตรงไหนก็จับจองเป็นเจ้าของโลดดดด
รถไฟที่เรานั่งเป็นรถท้องถิ่น บรรยากาศจะออกแนวย้อนยุคนิดๆได้กลิ่นอายของธรรมชาติเต็มๆ
#นี้คือ ปอ หรือแอ้ว หนึ่งในผู้ร่วมทริปซึ่งตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟในรอบ 10 ปี แลดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
....................................................................................................................................................................
หลังจากนั่งกันมาสักพัก ซึ่งบนรถไฟจะมีของกินขายตลอดเวลาทั้งน้ำเอย ขนมเอย ไก่ทอดเอย ชาเย็นเอย ไอติมเอย แม้แต่ปลาเค็มก็ยังมีเกินจะคาดเดาได้ มีให้กินกันจนพุงกางกันเลย
#เติมแป้งกันสักนิดเพื่อความแป๊ะ
13:21 น.
ถึงสถานีชะอวด มีญาติมารับนั้นคือ พี่ตูน ซึ่งมารับพวกเราที่หน้าสถานี
#พี่ตูนคือคนซ้ายมือ
ซึ่งหากมากันเองไม่มีรถมารับก็จะมีรถแถวนั้นคอยบริการ สามารถเดินทางไปกันง่ายๆไม่มีหลง นั่งรถต่อไปอีก 20 นาที ก็จะถึงหนานมดแดง
ซื้อตั๋วล่องแก่งกันก่อน คนละ 200 บาทถ้วน ขอบอกว่าเป็น 200 บาทที่คุ้มมากๆ
#ก่อนจะไปเชือด เอ้ยไปล่องแก่งก็ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกกันก่อนเอ้า ยิ้มมมม
ซึ่งระยะทางในการล่องแก่งของหนานมดแดงจะยาวที่สุดหากวัดกับล่องแก่งเจ้าอื่นๆ ในแถบนั้น รวมระยะทางเกือบๆ 7 กิโล ซึ่งจะได้พายกันหน้ามืดเลยทีเดียว ตลอดเส้นทางสองข้างทางก็จะร่มรื่นด้วยธรรมชาติ มีช่วงน้ำนิ่งและแรงสลับกันไป
#น้ำเชี่ยวให้ทำปากจู๋ 55555
ซึ่งช่วงที่ถึงแก่ง ที่มีน้ำเชี่ยวก็จะมีสตาฟคอยดูแลหายห่วง ซึ่งเป็นช่วงที่ระทึกที่สุดถ้าเรือไม่ล่มถือว่ามาไม่ถึงหนานมดแดง ซึ่งจากประสบการณ์การล่มถือว่าสนุกทีเดียว น้ำไม่ลึกมากยิ่งได้มากับเพื่อนๆยิ่งสนุกเข้าไปอีก
ซึ่งสตาฟที่นี้เป็นกันเองเหมือนญาติมิตร มีมุขตลก คอยแกล้งพวกเรา ให้เกิดความบันเทิงตลอดเส้นทางเรียกว่าไม่มีเหงา ในการล่องแก่งครั้งนี้ใครพายเรือเป็นก็ถือว่าโชคดี เพราะเรือจะไปได้เร็วนำคนอื่น ส่วนใครที่พายไม่เป็นก็อาจจะเหนื่อยหน่อย พายวนอยู่ที่เดิม เข้าป่าบ้าง โดยกิ่งไม่เกี่ยวบ้าง ก็จะได้แผลกันมาเป็นสีสันเล็กๆน้อยๆ
ซึ่งใครกลัวว่าจะไม่มีรูปไปอัพลงโซเชี่ยว หายห่วงได้เลยเพราะที่นี้มีบริการถ่ายรูปสวยๆแต่บางรูปก็ฮาบ้าง 5555''
ใครอยากได้ รูปพร้อมกรอบก็ 100 บาท รูปอย่างเดียว 50 บาท จบไปกับหนานมดแดง
..........................................................................................................................................................................
18:30 น
เดินทางไปที่พัก ขอบคุณพี่ตูนผู้สนับสนุนที่พักในทริปนี้นะฮ่ะ
หลังจากเก็บของสัมภาระ กินข้าวกินปลากันโชคดีมื้อนี้เรามาตรงกับตอนที่บ้านมีงานบวชพอดี
ฟรีครับอิ่มกันไป 55555
#มีแกงน้ำเคยด้วย ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวภาคใต้
กินกันจนอิ่มก็ออกไปย่อยกันต่อที่ “ เรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น “เป็นเช็คอินนั่งชิว มีอาหารอร่อยทั้งคาวหวาน มีดนตรีสดเพราะๆให้ฟัง นั่งชิวกันได้ยาวๆ
#จบไปกับหนึ่งวันครับกับพัทลุง
------------------------------------------------------------------------------------------------
Day 2 : keep it as a memory.
08:30น
หลังจากตื่นเช้า กินข้าวเหนียวไก่ทอดคาราบอย ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในพัทลุงเป็นอาหารเช้าแล้ว ( กินกันเพลินไปหน่อยลืมถ่ายรูปมาฝาก ) เดินทางกันต่อไปที่สะพานเอกชัย ทะเลน้อยพัทลุง
แวะที่จุดพักรถชมธรรมชาติ มีน้องควายนอนรอรับแขก บางคนก็เรียกว่าควายน้ำ แวะถ่ายรูปเก็บความสวยงามกันสักหน่อย
#ว่ากันว่าบ้านสองหลังนี้เป็นแลนด์มาร์คของที่นี้ ใครมาก็ต้องถ่ายคู่ด้วย ว่ากันอย่างนั้น555
ต่อกันที่ทะเลน้อย ค่าเข้า 20 บาทราคาเป็นมิตร ทะเลเป็นสถานที่ชมธรรมชาติ สามรถมาถ่ายรูปชมนกกันได้ซึ่งที่นี้มีนกหลายพันธุ์อยู่
13:30 น
ต่อด้วยสถานที่สุดท้าย นาโปแก ฟังชื่ออาจจะงงๆ กันซึ่งคำว่า นา คือพื้นดินที่ราบกั้นเป็นแปลงโป คือปู่ (หรือพ่อของพ่อ) แก คือบรรพบุรุษรวมกันเป็นนาโปแก คือนาของคุณปู่หรือบรรพบุรุษ
ซึ่งผมประทับใจที่นี้มากๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ สาธิตการทำนาการเกษตร มีการสีข้าว พันธุ์ข้าวและข้าวสังหยดที่เป็นของขึ้นชื่อ
#มีน้องควายเผือกสามารถให้อาหารน้องกันได้ น้องอัธยาศัยดีถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด
..........................................................................................................................................................
มีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านทางภาคใต้ ทั้งอังกะลุง หนังตะลุง รวมไปถึงการขายของฝาก ร้ายอาหารและมีมุมถ่ายรูปสวยๆถูกใจคนชอบถ่ายรูปแน่ๆ เป็นอีกที่ท่าพัทลุงต้องแวะมาสักครั้งฮ่ะ
#โชคดีที่หมวกใหญ่กว่าตัว 55555
...............................................................................................................................................................
เดินทางกลับไปยังสถานีรถไฟพัทลุงรอบนี้พวกเรากลับรถเร็ว ราคา 97 บาท
ระหว่างรอรถไฟก็ถ่ายรูปกันสักหน่อย
#เอ้ากลับบ้านกัน :)
22:10 น ถึงสถานีสุราษฎร์ธานีโดยสวัสดิภาพ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
จบไปอีกทริปกับทริปพัทลุง ถือเป็นการเดินทางที่มีทั้งความสุขและอุปสรรคปะปนกันไป การได้มาท่องเที่ยวพัทลุงร่วมกับเพื่อนๆในครั้งนี้ทำให้เห็นการช่วยเหลือกันในยามคับขัน การแก้ปัญหาต่างๆที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่พวกเราก็สามารถผ่านมาได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน ได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนๆ พัทลุงถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ เป็นเมืองที่เงียบสงบ ผู้คนน่ารัก อาหารอร่อย หวังว่าพัทลุงจะเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสผมเชื่อว่าการที่ได้ออกไปท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆที่เราไม่เคยไปเป็นการชาตพลัง ทิ้งเรื่องเครียดๆ ออกไปสร้างความทรงจำใหม่ๆ และแรงบันดาลใจให้กับเรานะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ.
ฮิปเตอร์หน้าฝน.
waterbee_eiei
วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.23 น.