กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.. ณ ดินแดนสุขาวดีที่แสนสงบ มีกระต่ายฝูงหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ทุกวันเป็นวันแห่งความสุข กิน ขี้ ปรี้ นอน และร้องรำทำเพลง ลูปวนอยู่เช่นนี้ พอนานวันเข้า ฝูงกระต่ายได้ขยายพันธุ์ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่พวกมันไม่ได้เอะใจเลยว่า การเพิ่มประชากรของพวกมัน ยิ่งส่งกลิ่นเย้ายวนชวนให้เงาทะมึนอันน่ากลัว คืบคลานเข้ามาหาพวกมันอย่างช้า
และแล้ว..วันแห่งมหาเภทภัยก็อุบัติขึ้น เมื่อดินแดนสุขาวดีของเหล่ากระต่าย ทุกคุกคามจากนางพันธุรัต ยักษ์ใจร้าย ฝูงกระต่ายน้อยแตกกระเจิงดิ้นรนเพื่อหนีเอาชีวิตรอด ดินแดนของพวกกระต่าย จึงแปรเปลี่ยนไปเป็น หุบเขานางพันธุรัต
บรรดากระต่ายที่รอดตาย พากันหนีมาจนสุดชายฝั่ง แล้วพวกมันก็ได้พบกับดินแดนในฝันที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม หัวหน้าฝูงกระต่ายจึงตัดสินใจร่ายมนต์หยุดเวลา สร้างกำแพงปิดกั้นนางยักษ์ ทำให้ในอาณาเขตนี้ มีเพียงนาฬิกาชีวิตของพวกมันเท่านั้นที่เคลื่อนต่อไปได้
ในดินแดนสุขาวดีแห่งใหม่ พวกมันจะใช้ชีวิตได้ เยี่ยงกระต่ายไฮโซ
ทุกวัน..พวกกระต่ายมีแต่มีความสุข ไร้เรื่องกวนใจ ทั้งจากการเมืองและรายการเดินหน้าประเทศไทย จึงทำให้ฝูงกระต่ายทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ด้วยความพยายามบวกกับกลิ่นเนื้อกระต่ายที่หอมหวล ผลักดันให้นางพันธุรัต ต้องใช้หมองนั่งมาธิ เพื่อหาวิธีที่จะฝ่ากำแพงหยุดเวลานี้ให้ได้ และในที่สุด นางก็พบว่ากำแพงหยุดเวลานั้น ไม่ได้ครอบคลุมลงไปถึงใต้ดิน นางจึงใช้ฆ้อนแกะสลักซึ่งยืมมาจากแอนดี้ ดูเฟรน ขุดอุโมงค์ใต้ดินจนมาถึงชายหาด และเป็นอีกครั้ง ที่ฝูงกระต่ายต้องหนีเอาชีวิตรอด
ขณะที่ฝูงกระต่ายพยายามหนี พวกมันก็มาพบกันประตูต่างมิติเข้าโดยบังเอิญ บรรดากระต่ายจึงกระโจนเข้าไปในประตูและปิดมันลง เพื่อมิให้นางพันธุรัตตามเข้ามาได้
ภายในประตูต่างมิติ พวกมันได้พบกับป้อมปราการสุดแกร่งอันแสนสงบ ที่จะทำให้พวกมันหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย
แล้วในที่สุด พวกกระต่ายน้อยก็ตัดสินใจใช้ชีวิตที่นี่ อย่างมีความสุข ตลอดไป...
...............THE END...............
แต่เดี๋ยวก่อน!
คุณผู้ชมอยากรู้มั้ยครับ ว่าดินแดนสุขาวดีแห่งใหม่ของเจ้ากระต่ายคือที่ไหน? เอาเป็นว่า ผมมโนว่าทุกคนอยากรู้ละกัน ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหาดชะอำ มีชื่อเรียกว่า so sofitel hua hin (โซ โซฟิเทล หัวหิน) อยู่ชะอำ แต่เรียกหัวหิน งงเด้...!
ไม่ต้องงง..เราไปทำความรู้จักกับ SO Sofitel Hua Hin กันครับ
ประตูด่านแรกเมื่อเรามาถึง จะพบกับเจ้ากระต่ายหยุดเวลา ซึ่งอยู่ในตำนานของ SO ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้า เราจะดร็อปของลงรถกอล์ฟ ณ จุดๆนี้ (สำเนียงพริตตี้)
จากกระต่ายในตำนาน เราจะพบกับล็อบบี้ ที่ยกตัวสูงประหนึ่งพระราชวังต้องห้าม สองข้างขนาบด้วยองครักษ์จั่น ยืนรักษาการณ์อยู่ เดาว่าคงไม่มีการเปลี่ยนเวร ตากแดดจนตัวดำเลย
มองไกลๆนึกว่าน้องตูบที่ไหนมานั่งรับลม พี่เสือนี่เอง
เมื่อขึ้นมาบนล็อบบี้แล้วรู้เลยว่าทำไมต้องยกระดับให้สูงขึ้น เพราะลมพัดเย็นสบายไม่ต้องใช้แอร์เลย ECO มากๆค่ะ ณ จุดๆนี้ (สำเนียงอิพริตตี้อีกแล้ว)
เดินทางมาเหนื่อยๆดื่ม Welcome drink หอมชื่นใจดับกระหายกันก่อนครับ เป็นน้ำสมุนไพร มีส่วนผสมเป็น กระเจี๊ยบ, ตะไคร้ และใบโหระพา ชงกันสดๆตรงนี้เลย
จากล็อบบี้มองออกไป จะเห็นภาพรวมของโซ โซฟิเทล หัวหิน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของโรงแรมจะรวมกันอยู่ตรงกลาง โดยมีอาคารห้องพักและวิลล่ารายล้อมอยู่
Facilities ทั้งหลายจะอยู่ภายใน The Wall ทางด้านซ้าย โดยมีทางเข้าตรงกับ The Door ของทุกอาคาร จะใช้บริการก็แสน Easy ณ จุดๆนี้ (เป็นพริตตี้ต้องไทยคำอิ้งคำ)
กำแพงหินเหล่านี้ เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ที่ดึงสัญชาตญาณนางแบบของคุณสาวๆออกมา โดยเฉพาะสัญชาตญาณของพริตตี้สาวร่วมทริปของเรา อ่านมาถึง ณ จุดๆนี้ หลายท่านอาจจะเริ่มรำคาญ และอยากจะเห็นหน้าอิพริตตี้ตนนี้แล้ว แต่เสียใจด้วยครับ เนื่องจากเธอรับอีกจ๊อบเป็นบล็อกเกอร์ โดยจรรยาบรรณแพรศ จึงไม่อาจเปิดเผยใบหน้าได้
เมื่อเข้ามาภายในตัวอาคาร จะพบกับความเป็นมินิมัลสิสต์ผสมความดิบแบบล็อฟๆ ห้องพักของเราอยู่ชั้น 2 เดินขึ้นไปครับ
ห้องพักในคืนนี้มีชื่อว่า So Nature โดยแปลนห้องจะแบบเป็น 2 โซน คือห้องน้ำ และห้องนอนแบบสตูดีโอ
มาดูโซนแรกกันก่อน ทางเข้าห้องน้ำจะเป็นมินิบาร์แบบเรียบๆ ดูไม่รกหูรกตา เพราะซ่อนถาดขนมนมเนย และตู้เย็นไว้ในบิวต์อินทั้งหมด มีเครื่องดื่มสมุนไพร ชา กาแฟ พร้อมเครื่องชงให้ด้วย
อ่างล้างหน้ามี 2 อ่าง พร้อมเครื่องใช้เกรดดีในภาชนะเกร๋ๆ
พื้นที่ห้องน้ำกว้างมาก ไฮไลท์คือ Rain shower ขนาดใหญ่กลางห้อง ถ้าปรับน้ำแรงสุด จะรู้สึกเหมือนเวลาเราไปยืนเล่นน้ำอยู่ใต้น้ำตกเอราวัณชั้นที่สอง น้ำเทลงมาหนักหน่วงดีจริงๆ
Rain shower กับกระจกบานใหญ่ ช่วยเพิ่มอารมณ์เซ็กซี่ เมื่อยามสายน้ำกระทบกาย อันนี้ชิซุกะจังผู้เชี่ยวชาญด้านการอาบน้ำ มาคอนเฟิร์มด้วยตัวเอง (เซนเซอร์โดยช่อง 9 การ์ตูน)
มาดูภายในห้องกันบ้างครับ ตกแต่งรับกับธรรมชาติ สมกับที่เป็น So Nature
แม้จะอิงแอบธรรมชาติ แต่ก็แฝงไว้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไฮเทค เวลาดูทีวีเสียงก็จะกระหึ่ม Surround รอบทิศทาง ด้วยลำโพง Bose ที่ฝังไว้ในจุดต่างๆอย่างเหมาะ ส่วนแสงไฟก็จะมีธีมให้เลือกหลายบรรยากาศ โดยที่เราไม่ต้องออกแบบเองด้วยการเดินไปเปิดไปปิดทีละดวง
ชุดเครื่องนอนที่นี่ ดูดวิญญาณมากขอบอก นอนแล้วอยากจะแฮฟไปไว้ที่บ้าน แต่นั่งวินมาคงขนลำบาก
อิป้ากำลังรับชมการประชุมรัฐสภา ด้วยระบบเสียง Dolby Surround แม้แต่เสียงกรนของสส.ยังได้ยิน! อันนี้ก็เว่อร์ไป
ที่ SO Sofitel Hua Hin จะมีห้องอยู่หลาย Type เช่น Comfy, Studio, Family และ Pool villa ห้องในแต่ละ Type ก็จะมีการตกแต่งให้เลือก 2 สไตล์ คือ So Nature ที่ผมพัก และ So Arty ซึ่งตกแต่งออกแนวอาร์ตๆ เน้นความหรูหราแบบฝรั่งเศสครับมองซิเออร์
นี่เป็นห้อง So Family ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ในส่วนของระเบียงด้านนอกจะมีสวนหย่อมเล็กๆไว้ให้นั่งเล่นสบายๆ
นอกจากมีเตียงคิงส์ไซส์แล้ว ก็ยังมีเตียงสองชั้นในฝันของเด็กๆอีกด้วย
หรือถ้าจะให้พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับเด็กๆ ก็ต้องห้อง So Family Kids House เพราะมีฐานบัญชาการลับเพิ่มมาให้อีกหนึ่งหลัง ถูกใจบรรดาเจ้าตัวน้อยแน่นอน
So Pool villa มีทั้ง 1 และ 2 ห้องนอน ตั้งอยู่ใกล้กับชายหาดที่สุด พื้นที่ค่อนข้างใหญ่มากครับ เหมาะกับกลุ่มเพื่อนฝูงมาพูลปาร์ตี้สังสรรค์กัน
คราวนี้เราไปดูสังคมชายหาดกันครับ ว่าผู้คนที่นี่มีไลฟ์สไตล์กันอย่างไรบ้าง?
ชายหาดที่นี่ดูมีสีสัน มีเบาะ เก้าอี้ชายหาด และซุ้มต่างๆให้นั่งทั้งกลางแดดและในร่ม
SO Sofitel Hua Hin จะสร้างหาดทรายยกระดับขึ้นมา เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกที่มาพัก ส่วนใครอยากจะเล่นน้ำทะเลก็ลงบันไดไปได้ เมื่อยามน้ำลด บริเวณนี้จะมีชายหาดที่กว้างมาก
ช่วงกลางวัน จะพบเห็นแต่ชาวต่างชาติมานอนเรียงตากแดดเป็นปลาแห้ง เพื่อสร้างผิวสีแทนกลับไปอวดคนที่บ้าน
มาอีกแล้วครับ พริตตี้ ณ จุดๆนี้ จะมีประติมากรรมรูปมือ เป็นมือของนางพันธุรัตยักษ์ใจร้าย ที่ไล่จับกระต่ายน้อยกินเมื่อตอนต้น แต่พริตตี้ของเราก็ไม่ใช่กระต่าย ที่จะให้ใครหลอกกินตั๊บได้ง่ายๆ
ที่ Beach Society มีมุมหลากหลายให้คุณสาวๆเซลฟี่ไปพร้อมกับเสียงเพลงจากดีเจ หรือจะสั่งค็อกเทล และบาร์บีคิวมาดื่มกินริมหาดก็จิฟินมิใช่น้อย ะนี่เป็นช่วงเวลาของหนุ่มสาวที่จะใช้ชีวิตให้เต็มที่กับสายลมและแสงแดด อย่ามัวแต่หลบแดดอยู่ในห้องนะครับ
พอถึงช่วงแดดร่มลมตก ก็เป็นเวลาสำหรับครอบครัวบ้าง เด็กๆออกมาเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน
สระว่ายน้ำของ SO Sofitel Hua Hin จะมีอยู่ 2 แห่ง บริเวณริมหาดจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีทั้งส่วนลึกและส่วนตื้น สามารถเล่นได้ทั้งผู้เด็กและผู้ใหญ่
ตอนนี้เราไปชม Facilities ส่วนอื่นๆที่อยู่ภายในกำแพงหินกันครับ
ภายในกำแพงหินจะมีสระว่ายน้ำอีก 1 สระที่เรียกว่า Solarium Pool เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบ โดยจะเป็นสระเฉพาะผู้ใหญ่ ที่จะมาว่ายน้ำ อาบแดด นอนอ่านหนังสือกันเงียบๆ
ณ จุดๆนี้ พริตตี้มาอีกแล้ว เห็นกำแพงมิได้ วิญญาณนางแบบสิงสู่
บริเวณนี้ยังมี So Fit ฟิตเนสริมสระ สำหรับผู้ที่อยากออกกำลังกายแบบไม่เปียก
ข้างๆกันยังมี So Spa ให้ผ่อนคลายกับโปรแกรมสปาหลากหลายให้เลือก
หลังทำสปา เราก็จะมาพักผ่อนจิบชากันที่ Cocoon แปลตรงตัวก็คือ รังไหม ให้เราฝักตัวกลายเป็นผีเสื้อแสนสวยที่พร้อมสำหรับ Beach Party ในค่ำคืนนี้
ภายใน Cocoon จะเหมือนเรานอนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว
ในช่วงเย็นก่อน Beach Party มีการเปิดงานแสดงศิลปะของศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ So Galerie
ศิลปินหนุ่มรูปงามนามว่า Ugo Li
เซเลบในวันนี้ คือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
งานของ Ugo Li จะเป็นแนว Pop Art ที่แฝงไว้ด้วยแง่คิดทางสังคม
แต่เป้าหมายหลัก ที่ทำให้เราแฝงตัวเนียนเข้ามาในงานนี้คือ เครื่องดื่มและของว่าง
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณให้เหล่าผีเสื้อราตรีออกโผบิน คืนนี้มีงาน So Beach Party ซึ่งจะจัดขึ้นที่ริมหาด ทุกวันเสาร์แรกของเดือน
อาหารและเครื่องดื่มจัดเต็มตลอดคืน ใครใคร่เมาก็เมา แบตหมดก็กลับไปนอน คออ่อนแอก็แพ้ไป
ยิ่งดึก เพลงยิ่งเร้า สาวยิ่งร้อนแรง
กรึ่มได้ที่ต้องออกมาวาดลีลากับระบำสาละวันเตี้ยลง เอ้ย! Limbo rock ด้วยจรรยาบรรณแพรดจึงให้ดูตัวอย่างได้แค่ภาพหนุ่มๆ ส่วนภาพสาวๆ ขอเก็บไว้ชื่นชมเป็นการลับ
ใครอยากมาปาร์ตี้สุดเหวี้ยง ต้องจัดโปรแกรมให้ดีนะครับ เพราะ So Beach Party มีเฉพาะวันเสาร์แรกของเดือนเท่านั้น
เช้าวันใหม่ เราพาร่างที่เพิ่งสร่างเมา มาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร White Oven ซึ่งนอกจากอาหารเช้าแล้ว ยังเปิดบริการสำหรับอาหารกลางวัน และดินเนอร์อีกด้วย
ภายในตกแต่งหรูหราสวยงามพานให้เจริญอาหาร
ช่วงเวลาแบบนี้ขอกาแฟมาก่อนเลยครับ จะได้มีสติสัมปชัญญะในการกระหน่ำบุฟเฟ่ต์
หามุมนั่งทานกันตามใจชอบ เพราะไม่ว่ามุมไหนก็เซลฟี่ลงเฟส ลงไอจี ให้เพื่อนๆอิจได้แน่นวล
มหกรรมเจริญอาหารได้เริ่มขึ้นแล้ว กับอาหารทั้งไทยและเทศ หลากหลายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
มุมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จัดเข้าไปล้าง L กอ ฮอ ในท้องซะหน่อย
ของหวานที่นี่มีเยอะมากครับ มันช่างทรมานจิตใจคุณสาวๆที่รักษาทรวดทรงองเอวจริมๆ
ทานๆไปก็เริ่มแน่น ด้วยไม่อยากมีจุดจบแบบชูชก จึงต้องปลีกตัวไปห้องน้ำซะหน่อย พอเลี้ยวเข้ามา ณ จุดๆนี้ ผมถึงกับอุทานเป็นภาษาตรินิแดดแอนด์โทเบโก้ ดีไซน์ประตูห้องน้ำของ White Oven เล่นเอาหัวใจแทบวาย นึกว่าเจอวิญญาณตามติดกลางวันแสกๆ รอแป๊บๆ เสร็จกิจเดี๋ยวจะมาเซลฟี่ลงโซเชียลให้หนำใจ
ยังอยู่กันที่เรื่องกิน มื้อเที่ยงเรามาต่อ Sunday Brunch ที่ Beach Society เจ้าเก่า
ลมดี จะ Indoor หรือ Outdoor เอาบรรยากาศ ก็เลือกนั่งกันตามอัธยาศัย
Sunday Brunch จะเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 990 บาท ทานได้ไม่อั้นตลอด 4 ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป รวมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์อีก 1 แก้ว
จัดไปทุกสิ่ง เอเวอรี่ติงที่มีในเมนู
อย่างละนิดละหน่อย ก็อิ่มได้ไปยันค่ำ
ปิดท้ายด้วยของหวาน มื้อนี้ผมว่าเหมาะกับคนที่ยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะใครที่มาทาน Sunday Brunch Buffet ก็จะสามารถเลทเช็คเอาท์ห้องพักได้ถึงถึง 4 โมงเย็นเลย
แค่ 2 วัน 1 คืน ที่ SO Sofitel Hua Hin แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมาอยู่เป็นอาทิตย์ เพราะกิจกรรมมันเยอะจนลืมเวลา สมกับ Concept การหยุดเวลาของที่นี่ ถ้าคุณมาพักที่ SO Sofitel Hua Hin บอกเลยว่าไม่ต้องไปจัดโปรแกรมท่องเที่ยวที่อื่นให้ยุ่งยาก จะว่าไปก็เหมาะกับผู้ที่เดินทางด้วยรถโดยสาร แค่เรียกรถตู้ของโรงแรมไปรับ-ส่ง ณ จุดลงรถของคุณ เมื่อมาถึง SO แล้ว คุณก็แทบไม่ต้องออกไปไหน ใช้ชีวิตเต็มที่ กับที่พักที่มีทุกสิ่งแห่งนี้ SO Sofitel Hua Hin
สุดท้ายนี้ ฝากเพจท่องเที่ยวน้อยๆ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ สวัสดีครับ
https://www.facebook.com/travelerpoint
จุดพักนักเที่ยว by PAEstudio
วันพฤหัสที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.18 น.