"บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี" บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีภูเขาล้อมรอบ อากาศเย็นตลอดทั้งปี ไปแล้วติดใจแน่นอนค๊าาา ^^"
หมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็ก ในดินแดนแห่งหุบเขาแห่งปิล๊อก เมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต หลังจากตำนานอันรุ่งโรจน์ได้ปิดตัวคงไว้ซึ่งหมู่บ้านอันแสนสงบที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ และวิถีชีวิตมิตรไมตรีอันดีของชาวบ้านทั้งชาวไทยและชาวพม่าซึ่งเป็นลูกหลานของคนงานเหมืองแร่ในอดีตที่ที่สืบทอดเชื้อสายกันมาจนปัจจุบัน ที่นี่เหมือนมีมนต์สะกดให้นักท่องเที่ยวผู้โหยหาธรรมชาติเข้ามาสัมผัสความเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์
เอาล่ะ! มาเริ่มกันที่วันแรกเลยนะคะ เราเริ่มเดินทางจาก หมอชิต โดยรถตู้กรุงเทพฯ-กาญจนบุรีค่ะ
รถตู้ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี จะอยู่ตรงชานชะลาที่ 3 หาไม่ยาก ราคาตั๋วรถตู้คนละ 120 ค่ะ ไปลงที่ บขส.กาญจนบุรีนะคะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ด้วยความที่เราออกเดินทางจาก กทม. ตอนเที่ยงครึ่ง เราจึงไปถึง กาญจนบุรีตอนบ่ายสาม วันนี้เลยตัดสินใจเที่ยวในเมืองกาญค่ะ เพราะไปไม่ทันรถที่จะเข้าหมู่บ้านอีต่องแน่ๆ
เราจองที่พักจาก Booking.com เข้าพักที่ คะนาอัน เกสท์เฮาส์ อยู่หลัง บขส.กาญจนบุรี ห้องจะมีหลายราคาตั้งแต่ 300-600 บาทโดยประมาณ ส่วนห้องที่เราพักราคา 450 บาท เป็นห้อง 2 คน มีแอร์และพัดลมค่ะ ห้องสบายมาก เจ้าของที่พักก็ใจดีมากๆค่ะ ที่นี่จะมีรถจักรยานให้เช่า ปั่นเที่ยวในเมืองด้วย ราคาแค่ 50 บาทเองค่ะ ส่วนมอไซต์เช่า ราคา 200 บาทค่ะ (แต่เราไม่เช่า เพราะมีเวลาน้อย ไม่คิดจะเที่ยวในเมืองเยอะ)
หลังจากเก็บของเสร็จ เดินไป บขส.เรียกพี่วินมอไซต์ ค่าโดยสาร40บาท ไปเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ อยู่ใกล้ๆนี่เอง ห่างจาก บขส.กาญจนบุรีแค่ 4 กม. ไปถึงก็เดินเล่น ถ่ายรูป หาไรกินกันนิดๆหน่อยๆ พอดีเราไปตรงกับวันเสาร์ พี่เจ้าของที่พักบอกว่าวันนี้มีตลาดถนนคนเดินด้วยนะ ก็เลยประหยัดงบไปจัดเต็มที่ตลาดกัน555
บรรยากาศที่นี่คือดีมาก พี่เขาบอกว่าปกติฝนจะตกตอนเย็นทุกวัน แต่วันนี้ไม่ตกแฮะ โชคดีไปอีก อิอิ
เช้าวันต่อมา....
เช็คเอาท์ออกจากที่พัก 7 โมงเช้า เดินตรงเข้าไป บขส.กาญจนบุรี ในทันที ถามหารถไปทองผาภูมิ เป็นรถเมล์สีแดง ราคาค่าโดยสารคนละ 80 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. ตอนแรกจะนั่งรถตู้แต่หาไม่เจอ คือรถที่จะเข้าทองผาภูมิ จะมีทั้งรถเมล์แดง และรถตู้ กาญจนบุรี-สังขละบุรี ผ่านอำเภอทองผาภูมิเหมือนกันค่ะ บอกเขาว่าลงตลาดทองผาภูมิ เขาจะจอดให้ ส่วนมากชาวบ้านก็จะลงที่นั่นเยอะ ถ้านั่งรถตู้จะถึงเร็วกว่าหน่อย
เมื่อถึงตลาดทองผาภูมิ เรารีบหารถก่อนเลยค่ะ เป็น รถสองแถวสีเหลือง ราคาค่าโดยสารคนละ 70 บาท รถจอดอยู่ตรงข้ามเซเว่นเลยค่ะ หาไม่ยาก เขียนข้างรถว่า ทองผาภูมิ-อีต่อง จะวิ่งแค่วันละ 3 รอบ ช่วง 10:30 ช่วง 11:30 และช่วง 12:30 บางวันอาจจะมีถึง 13:30 ค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ผ่าน 399 โค้ง ส่งถึงบ้านอีต่องเลยค่ะ ( ถ้าไปไม่ทันรถเหลือง ก็ต้องเหมารถคนที่นั่นขึ้นไปค่ะ หรือไม่ก็โบกรถไปค่ะ )
และแล้วเราก็มาถึงบ้านอีต่อง เมืองในหมอก ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ อากาศหนาวกำลังดี ชาวบ้านที่นี่น่ารักมาก ใจดี และเป็นกันเองมากๆค่ะ
เราพักที่ เลิฟปิล๊อกโฮมสเตย์ ค่ะ ห้องพักราคา 1000 บาท (รายละเอียดที่พักต่างๆในหมู่บ้านอีต่องอยู่ด้านล่างนะคะ) ที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ เพราะอากาศหนาวตลอดทั้งปี จะมีพัดลมให้ แต่ก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี อิอิ หนาวมากกก
ที่นี่มีอาหารเช้าไว้บริการ ทั้งขนมปัง ข้าวไข่กะทะ ชา กาแฟต่างๆค่ะ พนักงานบริการเป็นกันเองใจดีมากค่ะ
เก็บของเสร็จเราลงไปถามหามอไชต์เช่าของที่พัก พี่เขาบอกเอารถพี่ไปได้เลยจ้ะ พี่คิดแค่ 100 บาท พร้อมน้ำมัน อิอิ ได้รถแล้วไม่รอช้าค่ะ ตรงดิ่งไปที่ เนินเสาธง ก่อนเลย
เนินเสาธง เป็นสถานที่ตั้งธงประเทศไทยและธงประเทศพม่า จะมีเจ้าหน้าที่ทหารจากประเทศไทย และประเทศพม่าดูแลตลอด บริเวณตรงนี้จะมองเห็นวิวประเทศพม่าด้วย อยู่ห่างจากที่พักแค่ 1 กิโลเมตรเองค่ะ
ใกล้ๆกันก็จะมี จุดเฝ้าตรวจช่องทางมิตรภาพ ชายแดนไทย - พม่า
แล้วก็ไปต่อกันที่ วัดเหมืองปิล๊อก เป็นวัดที่เงียบสงบมาก ร่มรื่น เราแวะนั่งเล่นกันที่นี่พักนึง
แล้วก็ไปต่อกันที่ เนินช้างศึก นั่นเอง เนินช้างศึกอยู่ห่างจากหมู่บ้านอีต่อง 4 กม. อยากบอกว่าวิวสวยมากๆๆๆๆๆ ต้องไปเห็นกับตาอ่ะ อลังการ360องศา เห็นทั้งวิวฝั่งไทยและฝั่งพม่า อะไรมันจะคุ้มขนาดนี้คะคุณผู้ชม ถ่ายรูปกันเพลินเลย ฟ้าเป็นใจมาก มีหมอกบางๆ ลมเย็นสบายยยยย ^^"
เนินช้างศึก อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตร เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของฝั่งไทยและฝั่งพม่าที่สวยงามทั้งชมพระอาทิตย์ตก สามารถมองเห็นหมู่บ้านอีต่อง ด้านล่างได้อย่างชัดเจน รับแสงอรุณยามเช้า สัมผัสอากาศหนาว และทะเลหมอกใกล้กรุงเทพฯ ในช่วงที่ทัศนวิสัยดี ยังสามารถมองเห็นทะเลอันดามัน ฝั่งประเทศพม่าได้อีกด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถกางเต๊นท์ บริเวณเนินช้างศึก และบริเวณใกล้เคียง (ในช่วงเทศกาล) จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิถึงชายแดน จะมีจุดที่กางเต๊นท์ได้หลายจุด และมีห้องน้ำให้บริการค่ะ
...หลังจากนั้นก็กลับเข้าหมู่บ้านอีต่อง เดินชิลๆ อยู่ๆฝนก็ตกลงมาปอยๆ แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆต่อเราเลยยังคงเดินต่อ แปปๆก็แล้ง สักพักมีรุ้งกินน้ำสวยมากจะซ้อนกันสองชั้น นี่สินะ ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ง้อวววววว
ป้ายไม้เขียนที่ระลึก ราคา20 บาท เขียนความในใจผูกกับสะพานที่ตลาดอีต่อง...
เริ่มหิวล่ะ! ไปหาไรทานดีกว่าเนอะ ไม่รอช้า ค่ะสำหรับของกิน อิอิ เรามุ่งตรงไปที่ครัวเจ๊ณี
อยากกินปูพม่าง่ะ แต่เจ้าของงบ บอกจะไม่มีตังกลับบ้านนะ5555 เอ้าาาา อด! งั้นกินต้มยำกุ้งก็ได้ ชิๆ เราสั่งต้มยำกุ้ง ราคา 120 บาท กุ้งตัวใหญ่เวอร์ แล้วก็ เห็ดหอมผัดหอยนางรม ราคา 80 บาท อร่อยมากค่ะ
ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้น เราไปต่อกันที่ โรตีใส่ไข่ 20 บาท อีก 2 ชุดค่ะ เรียบร้อย อิ่มมากเวอร์
ด้วยความที่ บ้านอีต่องมีอากาศหนาวตลอดปีจะมี เครื่องทำน้ำอุ่นชนิดแก๊ส ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้าใช้เหมือนบ้านเรานะ และมีวิธีใช้ติดอยู่ในห้องน้ำอย่างละเอียด ปลอดภัยแน่นอน
อยากบอกว่าอุณหภูมิน้ำก่อนเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นคือ 8.8 องศา แบบว่าโคตรเย็นเลยอ่ะ
ตอนเช้าอากาศดีมาก ไม่อยากกลับเลยอยากอยู่ต่ออีก แต่ไม่ได้ค่ะต้องกลับไปทำงาน รีบแต่งตัว เก็บของกลับค่ะ เพราะรถสองแถวเหลือง อีต่อง ไปทองผาภูมิ หมดตอน 8 โมง รถจะมีช่วง 6 โมงเช้า 6:30 - 7:00 - 7:30 และ 8 โมงค่ะ เรามาทันรถ 7 โมงพอดี กะไว้ว่าจะไปให้ทันรถ บขส.99 ด่านเจดีย์สามองค์-กรุงเทพฯ เขาเข้ามารับผู้โดยสารที่ทองผาภูมิ ซึ่งมีแค่รอบเดียว คือรอบ 10 โมงเช้า เราจะได้ไม่ต้องต่อรถตู้ 2 รอบ
ระหว่างทางลงมาจากบ้านอีต่อง ทองผาภูมิ เราก็ได้เห็นทะเลหมอกที่จุดชมวิวพอดี กริ๊ดดดดด! คือดีงามมาก ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้ว พี่คนขับก็ใจดีแวะจอดให้ถ่ายรูปด้วย อิอิ แถมยังขับรถเลยไปส่งที่จุดขึ้นรถ บขส.ทันเวลาพอดีเลยค่ะ รถ บขส.99 ราคาค่าโดยสารคนล่ะ 218 บาท มีอาหาร และขนมให้ทานระหว่างทางด้วยนะ
ตอนมาจากรุงเทพฯ จะมีรถ บขส.99 กรุงเทพ-ด่านเจดีย์สามองค์ เหมือนกันค่ะ จะมีแค่รอบเดียวคือรอบ 6 โมงเช้า ซึ่งเราคงตื่นไม่ทันเลยใช้บริการรถตู้แทน อิอิ
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้นะคะ
ค่าที่พัก 1000+450=1450 บาท
ค่ารถตู้กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี 120 บาท
ค่ารถเมล์แดงกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ 80 บาท
ค่ารถสองแถวเหลือง ทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง 70+70=140บาท
ค่าเช่ารถมอไซต์ 100 บาท
รวมทั้งหมด 1790 บาทต่อคน **ไม่รวมของกินนะคะ**
"เหมืองปิล๊อก" ดินแดนแห่งนี้ เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ของ บรรดานายเหมือง ทั้งหลายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาผู้แสวง โชคมีทั้งคนไทย พม่า และที่มาจากแถบอินเดีย เหมืองแร่จึง สร้างความเจริญ รุ่งเรืองให้แก่ชุมชนโดย รอบเป็นอย่างมากเนื่อง นิยายเหมืองแร่แห่งปิล๊อกดำเนินเรื่องราวอยู่หลายสิบปี ก่อนประสบภาวะราคาแร่โลก ตกต่ำในปี พ.ศ. 2528 บรรดาเหมืองแร่ทยอย ปิดตัวลง ไม่เว้น แม้แต่เหมืองปิล๊อก ทิ้งไว้เพียงตำนานเมือง เหมืองอันรุ่งโรจน์และ มนต์เสน่ห์แห่งปัจจุบันอันเรียบง่ายสงบ ปิล๊อก กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แวดล้อมด้วยทะเลแห่งภูเขาอันสลับซับซ้อน และสวยงามของเทือกเขาตะนาวศรี
แนะนำที่พักในหมู่บ้านอีต่องคล่าวๆนะคะ มีให้เลือกหลายที่ราคาก็ใกล้เคียงกันประมาณ 800-1000บาทค่ะ
ต้องจองลวงหน้าหน่อยนะคะ เพราะขนาดช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาลห้องยังเต็มทุกโฮมสเตย์จนต้องเปลี่ยนวันเที่ยวกันเลยค่ะ
1.เลิฟปิล๊อกโฮมสเตย์ 098-3815999,088-4553823 Line id:lovepilok
https://www.facebook.com/lovepilokhomestay/
2.ที่พักบ้านทานตะวันโฮมสเตย์ปิล๊อก บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก 080-7815729
https://www.facebook.com/Banthantawanhomestaypilok...
3.Pilok Camp Coffee - ปิล๊อก แคมป์ คอฟฟี่ & โฮมสเตย์
https://www.facebook.com/pilokcampcoffee/?fref=ts
4.ที่พัก อาร์มโฮมสเตย์บ้านอีต่อง - Armhomestay เหมืองปิล๊อก 086-1703410
https://www.facebook.com/Armhomestay/?fref=ts
5.ที่พักโฮมสเตย์ปิล๊อกต๊อกแต๊ก บ้านอีต่อง 080-7788315
https://www.facebook.com/Piloktoktakhomestay/
6.ปิล๊อกไมนิ่งโฮมสเตย์ บริการที่พัก 0623639128,0908980088
https://www.facebook.com/baanpilokhomestay/
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่สนใจและเข้ามาอ่านน๊าา ฝากติดตามด้วยนะคะ แล้วจะพาไปเที่ยวด้วยกันใหม่อีกครั้ง บ๊ายบาย ^^"
จะไปป่ะ | Ja Pai Pa
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.09 น.