"เขาค้อ" ไม่ต้องรอหยุดยาว เสาร์-อาทิตย์ 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้

"นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี" คำพูดติดปากที่เป็นเสมือนคำขวัญของเขาค้อไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะจริงอย่างที่เขาพูดรึเปล่า ก็เลยต้องไปพิสูจน์กันหน่อย ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋า ก้าวเท้าขึ้นรถ ออกไปแตะของฟ้า เอ๊ย!! ออกไปพิสูจน์ความจริงกัน

ทริปนี้เราใช้บริการ น้อง ออส คู่ใจเช่นเดิม (ก็มีอยู่คันเดียว จะไปใช้คันไหนได้อี๊ก)



ก่อนที่เราจะออกเที่ยวหรือทำกิจกรรมอะไร เราต้องมองหาสิ่งที่สำคัญที่สุดในทุกๆการเดินทางเสียก่อน นั่นก็คือ "ที่ซุกหัวนอน" ยังไงล่ะ และทริปนี้ เราก็เลือก "ภูแสนดาว รีสอร์ท"



รีสอร์ทขนาดเล็กที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและสายหมอก ตั้งอยู่บนความสูง 927 เมตรจากระดับน้ำทะเล ความสูงระดับนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องบรรยากาศเลยรับรอง ฟินเฟ่อ!!

ห้องพักแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกเป็นโซนยอดนิยม ชื่อ ห้องแยมโรล ซึ่งถูกออกแบบรูปทรงคล้ายกับขนมแยมโรล สีส้มสดใส มีทั้งหมด 5 ห้อง จัดเรียงลดหลั่น ไล่ระดับไปตามแนวเขา อีกทั้งยังมีระเบียงส่วนตัวทุกห้อง ทำให้ทุกห้องสามารถชมวิวได้แบบ 180 องศา

อีกโซนหนึ่งเป็นห้องระเบียงริมผาด้านบนมีทั้งหมด 3 ห้อง เรียงติดกัน โซนนี้มีระเบียงทอดยาวหน้าห้อง เหมาะสำหรับผู้เข้าพักเป็นครอบครัว หรือหากจะมาเป็นครอบครัวใหญ่จะจองเหมาทั้ง 3 ห้องเลยก็จะเฮฮากันได้เต็มที่


บริเวณห้องอาหารของรีสอร์ท ที่นี่มีบริการอาหารเช้าฟรี คิดรวมกับค่าที่พักเอาไว้แล้ว ส่วนมื้อเย็นก็มีแม่ครัวคอยให้บริการอยู่ ถึงแม้ว่ารีสอร์ทจะมีร้านอาหารบริการ แต่ขนม เครื่องดื่ม เสบียงหรือของใช้ส่วนตัวต่างๆก็ยังมีไม่เยอะ แนะนำให้จัดเตรียมขึ้นไปให้พร้อมเลยจะสะดวกกว่า

และเนื่องจากที่พักอยู่บนเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 927 เมตร ทำให้ทางขึ้นค่อนข้างชัน หน้าฝนรถเก๋ง รถโหลดต่ำ แนะนำให้จอดรถไว้ด้านล่าง รีสอร์ทจัดที่จอดรถไว้ให้มีคนดูแล และมีรถรับส่งระหว่างรีสอร์ทและที่จอดรถ ส่วนฤดูอื่นๆสามารถขึ้นได้แต่คิดว่าจอดไว้ด้านล่างจะดีกว่า ดูจากลักษณะรถที่รีสอร์ทใช้รับส่งแล้ว น้องออสของเราไม่น่าจะรอด เลยจอดไว้ด้านล่างเหมือนกัน


ด้วยความสูงระดับนี้ ความเงียบสงบเบอนี้ เหมาะมากับคำพูดที่ว่า "กลางคืนนอนดูดาว" ซึ่งไม่ได้ถ่ายดาวมาให้ดูเพราะกล้องดันเกเรซะงั้น

แสงแรกของเช้าวันใหม่ เมื่อคืนนี้นอนดูดาวแล้ว เช้าวันนี้เราก็ต้องนั่งดูหมอก แต่!! หมอกฉันอยู่หนาย ความชื้นไม่ถึงระดับที่หมอกฟูจะออกมาอวดโฉม แต่ไม่เป็นไรที่รีสอร์ทไม่มีหมอกให้ดู เราก็ออกไปตามหาหมอกกัน

เป้าหมายแรกของเรา คือ เขาตะเคียนโง๊ะ

และเขาตะเคียนโง๊ะก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ ที่นี่มีจุดเด่นที่ทัศนียภาพแบบ 360 องศา จึงเป็นทั้งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินได้ในที่เดียว จุดนี้จึงเป็นจุดกางเต้นท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักแรมอีกจุดหนึ่งของเขาค้อ

ทะเลหมอกตรงนี้คือ "จุดชมวิวหลักเขาค้อ"

ตรงนี้เป็นจุดชมวิวน้องใหม่ของเขาค้อเลย กับ ร้าน 180 องศาคาเฟ่ ร้านกาแฟน่านั่ง บรรยายกาศดีแค่ไหนให้ภาพนี้เล่าเองละกัน

เขาค้อไม่ได้มีเพียงแค่วิวทะเลหมอกหรอกนะ "ทุ่งกังหันลมเขาค้อ


พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

เขาค้อยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะแยะมากมาย แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา 2 วัน 1 คืน ทำให้เราเก็บได้เท่านี้ แต่เรื่องที่ว่า "นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนหนึ่งปี" ขอบอกว่าไม่จริงนะ เพราะแค่คุณมาเขาค้อ มาสูดโอโซนเข้าปอด มาปลดปล่อยความเคลียดที่มี แค่นี้คุณก็อายุยืนแล้ว แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะคะ



ความคิดเห็น