โลกไม่ใหญ่ (เท่าไหร่หรอก) แค่ 'บางที่' เรายังไปไม่ถึง...
เรามักฝาก ปลายทาง ไว้กับที่ที่เราคุ้นเคย ที่ที่ใครๆ ก็ไป ที่ที่เขาเล่าว่า 'ดี' อย่างนั้นอย่างนี้ จนบางที่กลายเป็นแค่เส้นทางสัญจรผ่านไปซะอย่างนั้น วันนี้เราขอฉีกแนว ขอเปลี่ยนสถานที่ ทางผ่าน ของใครหลายๆ คน มาเป็น จุดหมาย ในการเดินทางของเรา
Traveling Season เดือนธันวาคมของทุกปี นี่เป็น 'ฤดูกาลเดินทาง' สำหรับเราเลยนะ เป็นเดือนที่อากาศ (โคตร) ดี มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอก ดอกไม้ก็งอกงาม พูดได้ว่าท่องเที่ยวได้ทุกภาคของไทย วันนี้...ย่างเข้าวันที่หนึ่งของเดือน ไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราก็เลยเริ่มต้นฤดู ด้วยการออกไปเยือนสถานที่ที่ใครหลายคนไม่ค่อยจะนึกถึง
ยัง...งงงง (ลากเสียงยาวๆ) ยังไม่ใช่คิวของการออกไปสัมผัสลมหนาวหรอก แต่เป็นที่นี่ จังหวัดจันทบุรี ที่ที่ทำให้ทริปสั้น...สั้นของเรา [โคตรฟิน] จนต้องเอามาบอกต่อ :)
"MIND Destination"
: : จังหวัดจันทบุรี (Chanthaburi Province) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของไทย ติดกับหลายจังหวัดอย่าง...ระยอง, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, สระแก้วและตราด เป็นเมืองที่มีชายฝั่งติดทะเล กับมีสภาพภูมิอากาศแบบเขตมรสุม ทั้งปีมีสามฤดู คือ ฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม, ฤดูหนาว ช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม และฤดูร้อน ในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
จันทบุรีเป็นแหล่งอาหารทะเลสดๆ เป็นสวนสวรรค์ของคนรักผลไม้ นานาชนิด และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลากหลาย ทั้งชายหาด ทะเล น้ำตก และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว คือ เดือนธันวาคมถึงพฤษภาคม โดยเฉพาะหน้าผลไม้ที่มาเมื่อไหร่ก็คุ้ม หลายๆ โรงแรมจะออกแพ็คเกจห้องพัก พร้อมพาเข้าสวนชิมผลไม้กันแบบบุพเฟ่ต์
เรามักเรียกจังหวัดจันทบุรี สั้นๆ ว่า เมืองจันท์ หรือ จันทบูร ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากกทม. เลย แค่สองร้อยกิโลเมตรเศษๆ เท่านั้น ที่จริงก็คล้ายๆ ขับรถไปหัวหิน ไม่ก็เขาใหญ่นั่นแหละ ตอนแรกเลย...คิดว่าจันทบุรีขึ้นชื่อแค่เรื่องผลไม้ เอิ่ม แต่นี่ไม่ใช่หน้าผลไม้นี่หว่า ไปแล้ว...เราจะเจออะไรล่ะ???
เอาจริงๆ ก็ยังไม่รู้ เรารู้แค่ว่า...ปันใจให้เมือง 'ทางผ่าน' เผลอใจไปเที่ยว 'เมืองจันท์' แล้ว ไปค้นหาเอาข้างหน้าก็แล้วกัน (ตอบง้ายง่ายเนอะ) ป้ะ! กระโดดขึ้นรถไปด้วยกัน แล้วจะรู้ว่าเราไปเจออะไรที่ เมืองจันท์ :)
ออกเดินทางเช้าวันแรกของเดือนธันวาคม เก้าโมงเช้า แวะซื้อเสบียง ขนมกรุบกริบกับกาแฟคนละแก้วแล้วไปต่อ จากถนนรามคำแหงเราดิ่งขึ้น Motorway เลย สำหรับเราเป็นเส้นทางที่ใกล้และสะดวกสุด ระยะทาง 245 กิโลเมตร [ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 344 กับหมายเลข 3 ค่ะ]
ขึ้นทางด่วนปั้บ ดูป้ายไว้ไม่หลง ชัวร์! ขับผ่านด่านลาดกระบัง มาถึงด่านพานทองให้เข้าซ้ายเพื่อแยกเข้าเส้น บ้านบึง-แกลง ช่วงนี้ทำถนนเยอะหน่อย (แต่พอทน) ขับต่ออีกแป๊บๆ ไม่นานเลย จะว่าไปก็เดินทางง่ายดีนะ
คณะเราเดินทางโดยรถส่วนตัว ไปกัน 3 คนค่ะ เที่ยวครั้งนี้ลองเที่ยววันธรรมดาดูบ้าง รถติดขาออกจากกรุงเทพฯ นอกนั้นแล่นฉิว นี่ล่ะ! ข้อดีของการท่องเที่ยววันธรรมดา รถไม่ติด ไม่ต้องเบียดเสียด แย่งยื้อกับรถคันอื่น ไม่ต้องแย่งเรื่องที่พัก ที่กิน แหม...แค่เริ่มต้นก็ชิวล์จัง :)
"...สองชั่วโมงผ่าน"
แหงนหน้ามองฟ้า ณ ท่าแฉลบ วันนี้ท้องฟ้าโปร่งเป็นสีฟ้าสวย แดดเปรี้ยง อากาศแบบ...ร้อนละลาย ก็ยังดีนะ ที่ถึงจะร้อนแค่ไหน หันไปมองเรือกสวนริมทางข้างๆ ยังเผื่อแผ่ความชอุ่ม ชุ่มชื้นมาถึงคนในรถบ้าง _ _ !
ก่อนถึงตัวเมืองจันท์ มีทางแยกเข้า ท่าแฉลบ ซึ่งอยู่ติดทะเล กะจะลองชิมอาหารทะเลสดๆ ที่นี่เป็นมื้อแรก ลองเสิร์ชเส้นทางไป 'ร้านปูจ๋า' ก็ไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่นัก ขับเพลินก็เลยเลยทางเข้าแรก แต่ความฉลาดของเฮีย Google Map นี่สิ (...หรือเปล่าหว่า?) ที่ยังพยายามพาลัดเลาะ ฝ่าเข้าไปในสวนชาวบ้านจะไปให้ถึงที่หมายให้ได้
เอิ่ม...สุดท้ายหลงจ๊ะ เพราะเข้าไปในสวนลึกเอาการ ขับย้อนออกมาตั้งต้นใหม่แล้วเข้าอีกซอยหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พาไปทะลุถนนเส้นที่ใหญ่กว่า แล้วก็ถึงร้านโดยสวัสดิภาพ
อันที่จริง ถ้าเดินทางโดยเส้นสุขุมวิทให้แยกเข้า ท่าแฉลบ ได้เลย (ตามป้าย) ขับต่อสัก 16 กิโลเมตรได้ (ไกลกว่านั้นอาจเลยนะ) จะเห็นร้านอยู่ริมถนน สังเกตไม่ยากค่ะ
"เที่ยวนี้...สายกิน"
: : ร้านปูจ๋า ท่าแฉลบ เปิดมาหลายสิบปีแล้วล่ะ เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวโซเชียล ดูจากรถที่แวะร้านนี้ (ทะเบียนกรุงเทพฯ ทั้งนั้น) เรานั่งโซนเอาท์ดอร์ ข้างๆ เป็นป่าชายเลนกับลานดินเล็กๆ พร้อมเครื่องเล่นเด็ก ภายในร้านเปิดโล่ง กว้างขวาง รับลูกค้าได้จำนวนมากเลยล่ะ (ไปเห็นตอนหลัง ว่าเขามีโซนห้องแอร์ด้วย)
อากาศร้อนๆ แบบนี้ เมนูแรกที่สั่งเป็น สละลอยแก้ว ขายเป็นกระปุกๆ ละ 170 บาท แบ่งได้ 3 ถ้วยเล็ก สละหอมๆ หวานอมเปรี้ยวลอยตัวในน้ำเชื่อม เต็มน้ำแข็งเกล็ดเข้าไปหน่อย หายร้อนเลย :)
จัดเต็ม!!! งานนี้ กุ้ง หอย ปู ไข่ปลา เลยมาชุมนุมกันเพียบ รสชาติอาหารใช้ได้ ส่วนน้ำจิ้มซีฟู้ดเผ็ดกลางๆ ยังไม่จี๊ดจ๊าดเท่าไหร่นะ
ปล. เผื่อใครแวะมาแถว ถนนท่าแฉลบ อยากกินอาหารทะเลสดๆ ไซส์ใหญ่ๆ บรรยากาศร่มรื่น รสชาติสมกับราคา ร้านนี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่โอเคค่ะ
จากท่าแฉลบไปที่พัก เราค้นหาเส้นทางด้วย GPS ที่นำทางไปเข้าทาง ถนนตรีรัตน์ ทะลุตัวเมืองใกล้ๆ กับตลาดพลอยแล้วพาเข้ามาใน โครงการบ้านสวนจันท์ ซึ่งเป็นทางเข้าอีกทางหนึ่งของโรงแรม ระยะทางสัก 10 กิโลเมตรได้
: : โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท (อยู่ในตัวเมืองจันท์) ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท เมื่อถึงทางแยกไป อ.มะขาม ให้เลี้ยวขวา ขับตามป้ายทางไป จังหวัดตราด อยู่กิโลเมตรที่ 336 (ก่อนถึงน้ำตกพริ้วให้ยูเทิร์นกลับมา) โรงแรมจะอยู่ทางซ้ายมือเมื่อยูเทิร์นแล้ว เลี้ยวเข้ามาจะเห็นวงเวียน หอนาฬิกาสีขาว เป็นสัญลักษณ์
ถนนภายในโครงการ ปลูกประดับไว้ด้วยต้นไม้เป็นระยะ ให้ความรู้สึกร่มรื่นตั้งแต่ทางเข้า พื้นที่ของโรงแรมกว้างขวาง มีสวนเล็กๆ ด้านหน้ากับต้นไม้ ดอกไม้ที่เราไม่ค่อยมีโอกาสเห็นบ่อยนัก อย่าง...เหลืองจันทบูร ซึ่งถือเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด
"Into Nature, Fantastic Convenient"
: : Maneechan Resort โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ที่มีโซนต้อนรับอยู่ที่ชั้นสอง ทางขึ้นเป็นบันไดแยกซ้าย-ขวา ไปบรรจบด้านบน ทางด้านซ้ายเป็นโซนรีเซบชั่น ส่วนทางขวาเป็นห้องอาหาร เดี๋ยวเจอกันตอนเช้านะ :)
ภายในโรงแรมตกแต่งไว้ได้อย่างลงตัว หรู...แต่ก็ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ตัดด้วยโทนสีเขียวกับสีครีม โคมไฟทำจากวัสดุประเภทสาน ประดับด้วยผลไม้จำลอง บ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นเมืองผลไม้ นอกจากจะเป็นส่วนต้อนรับและเช็คอิน บริเวณนี้ยังเป็นเลาน์ช พร้อมชุดโซฟาสบายๆ คอยรับรองแขกด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ กับผลไม้แต่ละฤดูกาลด้วย
ห้องพักของเราอยู่ชั้น 3 (ไม่มีลิฟต์) ตัวอาคารเชื่อมจากส่วนต้อนรับด้านหน้า ห้องพักเรียงตัวทอดยาวไปตามแนวระเบียงโอบล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่ ใจกลางรีสอร์ท
การเดินทางในแต่ละครั้งของเรา ส่วนใหญ่เป็นแบบ Family ห้องพักแบบ Delux Room ของ โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท ตอบโจทย์เลยเพราะเป็นห้องพักขนาด 50 ตารางเมตรแบบ Twin Bed เสริมเตียงแล้วก็ยังกว้างมากๆ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้และมุมนั่งเล่น (สบายเหมือนอยู่บ้าน)
ภายในห้องสะอาดเอี่ยม ห้องน้ำแยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง พร้อมด้วยเครื่องอาบน้ำและไดร์เป่าผม เรียกว่า 'ครบครัน' จริงๆ ค่ะ
...และแค่ชะโงกหน้าออกไปนิดเดียวก็พบวิวสวน ต้นไม้ ดอกไม้กับสระเล็กๆ จากระเบียงห้องพัก ออกไปนั่งรับลม สูดอากาศโปร่งๆ ที่ชุดเก้าอี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบ สบายจนไม่อยากลุกไปไหนเลย ช่วงบ่ายๆ พนักงานมาเสิร์ฟ 'ขนมไข่' ของอร่อยเมืองจันท์ด้วยล่ะ กินกันหมุบหมับ แป๊บเดียวหมด [คือ...หิว? ไม่แน่ใจ] >///<
เราว่าที่นี่เหมาะแก่การมาพักผ่อน ไม่ว่าจะเดี่ยว เที่ยวคู่ หรือจะมากับครอบครัว ความที่ห้องพักมีความเป็นส่วนตัวสูง บรรยากาศภายในโรงแรมเงียบสงบ ร่มรื่น หากคิดจะ 'พัก' ทิ้งเรื่องหนักหัวไว้ชั่วคราว ทำตัวสบายๆ ขับรถชิวล์ๆ มาใช้ชีวิตสโลว์ๆ ที่นี่สักวันสอง ชาร์ตพลังสักหน่อยก็น่าจะดี :)
นอกจากบรรยากาศภายในโรงแรมจะเหมาะแก่การพักผ่อน ส่วนของ สปอร์ตคลับ ซึ่งอยู่ชั้นล่างของตัวโรงแรมก็ให้บริการสปา กับส่วนของห้องฟิตเนต เราเดินไปตามแนวระเบียงเรื่อยๆ จนถึงห้องพักฝั่งสวน พบว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่สงบ สบาย
มันเป็นสนามหญ้าขนาดย่อมๆ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เราว่า...แค่มีหนังสือดีๆ สักเล่มกับเปลตัวหนึ่ง แค่นี้ก็เพลินสุดๆ แล้วล่ะ
...ที่เห็นไม่ขาดสายตาเลย ก็คือความร่มรื่นจากหมู่มวลดอกไม้ ต้นไม้ ทั้งต้นสูงใหญ่ให้ร่มเงา ทั้งเถากอที่เลื้อยเลาะไปตามแนวระเบียง ทอดยาวล้อมรอบสระขนาดใหญ่ บรรยากาศภายใน มณีจันท์รีสอร์ท เต็มไปด้วยสีเขียวๆ ให้ความรู้สึกสบายตา ตัดกับสีชมพูจัดๆ อมม่วงของกอเฟื่องฟ้า จะเดินไปทางไหนก็สดชื่นและได้ภาพสวยๆ ค่ะ
ที่กิน ที่เที่ยวรอบๆ เมืองจันท์เยอะไม่ใช่เล่น แล้วเราจะเริ่มตรงไหนดีหว่า? โชคดีได้แผนที่ "กิน...เที่ยว" มาแผ่นหนึ่งก็เลยหมดปัญหา บอกแล้วว่า 'เที่ยวนี้...สายกิน' เดี๋ยวจะพาไปชิมทั่วๆ เลยค่ะ
ปล. ทางโรงแรมมีบริการรถตู้รับ-ส่ง เข้าเมืองฟรีด้วยนะ ใครไม่ได้นำรถส่วนตัวมาก็เที่ยวได้สะดวก หมดปัญหา :)
เขาว่า...ถึงเมืองจันท์ต้องลองชิม อาหารพื้นเมือง ร้านนี้ก็เลยเป็นลิสต์แรกๆ ที่ต้องลอง เราออกจากโรงแรมใช้เส้นถนนตรีรัตน์แล้วมุ่งเข้าเมือง ถึงร้านตอนหกโมงกว่าๆ
: : ร้านจันทรโภชนา เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองจันท์เขาล่ะ เปิดมากว่า 50 ปีแล้ว ด้านนอกร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวเกือบทั้งหมด ฉลุลวดลายอ่อนช้อยตรงเชิงเฉลียง โซนนั่งมีทั้งด้านนอกและด้านในซึ่งคืนนี้ถูกจองไว้แล้วหลายโต๊ะ เรานั่งด้านในค่ะ บรรยากาศภายในร้านโล่งและเย็นสบาย สะอาดสะอ้าน น่านั่ง
เมนูชวนชิมละลานตาอยู่บนชอล์คบอร์ดหน้าร้าน อาหารพื้นเมือง เมืองจันท์ ออกจะแปลกลิ้นสำหรับเราอยู่สักหน่อย ก็เลยสั่งอะไรที่ไม่แปลกมากนัก อย่างหมูชะมวง หลนเนื้อปูแกล้มกับผักสด หมูป่าผัดเผ็ด ปลากะพงทอดน้ำปลา อาหารได้เร็ว หน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย มีรสหวานนำ ซึ่งคงจะเป็นรสชาติแบบฉบับอาหารเมืองจันท์
สำหรับเครื่องดื่มสีสวย นี่อร่อยเลย น้ำลิ้นจี่กุหลาบ กับ อัญชันมะนาว ถูกใจ! แถมก่อนกลับยังแวะช้อปของฝากเมืองจันท์ กลับบ้านได้อีกแหน่ะ มาร้านเดียวครบเลย :)
ปล. ร้านจันทรโภชนา สาขานี้ตั้งอยู่ที่ถนนมหาราช หาง่าย (ตาม GPS มาก็เจอ) มีที่จอดรถ รสชาติเหมาะสมกับราคาค่ะ
เช้าวันนี้ฝากท้องกับ ลายน์บุพเฟ่ต์ อันยาวเหยียดของโรงแรม มีอาหารเช้าให้เลือกหลากหลายมาก ที่พิเศษ คือ ปาทังโก๋พร้อมน้ำจิ้มแบบฉบับเมืองจันท์ กับ ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ที่ใส่เนื้อหมูนุ่มๆ ในน้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม ถือเป็นเมนูพิเศษที่เราได้ลองที่นี่เป็นครั้งแรก ตบท้ายด้วยกาแฟสด ร้อนๆ ลาย 'พี่ม่อน' น่ารักเชียว
ห้องอาหารของ โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท มีขนาดใหญ่ทีเดียว อีกทั้งมีพื้นที่เล็กๆ บูชาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงโสร่งสบายๆ ประทับอยู่หน้าเตาในพระอิริยาบถ 'ทอด' อาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง (คาดว่าเป็น...ปลาทู) เรามักเห็นภาพนี้ในร้านอาหารค่ะ
โต๊ะที่เรานั่งติดกระจกก็เลยได้วิวสวน ชวนสดชื่นกันแต่เช้า ด้วยด้านหน้าห้องอาหารติดสวนและลานจอดรถของโรงแรม มุมด้านหลังติดระเบียงยื่นออกไป มองเห็นสระน้ำกับสวน จะนั่งจิบกาแฟยามเช้าตรงนี้ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ
: : โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ตกแต่งสไตล์รีสอร์ทไว้ได้อย่างหรูหรา มีระดับ พร้อมรับรองด้วยห้องพักกว่า 70 ห้อง ซึ่งมีรูปแบบห้องพักถึง 4 แบบ เรามีโอกาสเดินชมบรรยากาศรอบๆ โรงแรม และได้เข้าชมห้องพักแบบต่างๆ ด้วยล่ะ เก็บไว้เป็นข้อมูลดีๆ สำหรับใครที่อยากตามรอยมาท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี
ห้องพักอีกสองแบบ Maneechan Sweet และ Premier Triple Room เป็นห้องพักขนาด 50 ตารางเมตรเท่ากับที่เราพัก แต่มีการอัพเกรดขึ้น สำหรับห้อง Premier กว้างขวาง เหมาะสำหรับเข้าพัก 3 ท่านโดยไม่ต้องเสริมเตียง ส่วน Maneechan Sweet มีทั้งหมด 4 ห้อง ครบครัน พิเศษยิ่งขึ้นด้วยการจัดเตรียมลำโพง I Pod กับมีเครื่องทำกาแฟไว้ภายในห้อง เพิ่มอรรถรสและยกระดับความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพักขึ้นอีก
เราว่า...ถ้าเลือกที่พัก ที่เที่ยว ที่เหมาะกับเราแล้ว รับรองว่าทุกการเดินทางจะประทับใจแน่นอน :)
: : ขอบคุณ โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท พร้อมทั้ง คุณโอ สำหรับการดูแลและเอื้อเฟื้อสถานที่ในการเข้าพักของทริปเที่ยวเมืองจันท์ครั้งนี้ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท หรือ [email protected] ค่ะ
ตอนเที่ยงแวะไปชิมเย็นตาโฟขึ้นชื่อ ซอยวัดไผ่ล้อม อยู่ไม่ไกลจากที่พักนี่เอง ร้านอยู่ตรงข้ามวัด พอเลี้ยวเข้าซุ้มประตูวัดไม่ไกลจะเห็นป้าย วัดไผ่ล้อม (อารามหลวง) เบี่ยงซ้าย ขับตรงไปอีกหน่อยจะเห็นป้าย ร้านเจ๊เพ็ญ เล็กๆ อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เป็นห้องแถวเล็กๆ อยู่ตรงข้ามวัดไผ่ล้อมพอดิบพอดี
"เจ๊เพ็ญ ก๋วยเตี๋ยวหนักเครื่อง"
: : มาถูกที่แล้ว! ร้านเจ๊เพ็ญ เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อที่เปิดมากว่าสี่สิบปีแล้ว สาขาวัดไผ่ล้อมเป็นสาขาแรก สั่งเย็นตาโฟกับประเภทแห้งและยำ ลองชิมหลายๆ อย่างดู ระหว่างรอมีขนมถ้วยกับเต้าหู้ทอด พร้อมน้ำจิ้มหวานๆ รองท้องก่อนได้
ก๋วยเตี๋ยวเขาเด่นตรงเครื่องเพียบ ทั้งกุ้ง ปู กั้งแบบแกะเนื้อมาพร้อมกิน ในราคาชามละ 100 บาท สมราคาอยู่ (สั่งพิเศษจะแพงกว่านี้) รสชาติสไตล์คนจันท์ ติดหวานนะ เราสั่งบะหมี่แห้งยำ คิดว่ายังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ส่วนขนมถ้วย นี่สิเด็ดเลย!
'บ่ายโมง' จู่ๆ ฝนก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา เราติดอยู่ในร้านเจ๊เพ็ญนั่นแหละ พักใหญ่ๆ ฝนก็เริ่มซาพอจะกลับไปขึ้นรถได้เลยกลับไปตั้งหลักที่โรงแรมก่อน _ _"
ฝนตกน้านนานอย่างนี้ เอิ่ม...นอนรอเลยดีไหม?
"ชุมชนริมน้ำ วิถีไทย...ไทย สไตล์จันท์"
ฝนซา ฟ้าครึ้มเมื่อครู่ก็ค่อยๆ สว่างขึ้น แต่ก็คงสว่างได้ไม่นานนัก ตอนนี้ย่างเข้าบ่ายแก่ๆ แล้ว ดูนาฬิกาอีกทีสี่โมงเย็น ฮ้า! เราออกจากที่พักใช้เส้นทางถนนจันทนิมิตร 2 (ตาม GPS) ที่กำลังติดแหง่กเพราะรถผู้ปกครองที่มารอรับหน้าโรงเรียน ติดเป็นสิบนาทีได้ ฝ่ามาได้ก็ต้องลัดเลาะเข้าซอยแบบที่รถสวนไม่ได้ ซ่อกแซ่กตามซอยเล็กๆ ที่สองข้างทางเป็นเขตชุมชน จนมาถึงด้านหลังของโบสถ์คริสต์
เราจอดรถในลานจอดของโบสถ์ เป็นบริเวณเดียวกับ โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ตามที่ 'คุณโอ' เจ้าหน้าที่ของโรงแรมแนะนำ ข้ามสะพานนิรมลไปอีกฝั่งหนึ่งเป็นชุมชนที่พักอาศัยริมแม่น้ำจันทบุรี
"ฟ้ายามเย็น กับชุมชนริมน้ำจันทบูร"
สะพานนิรมล พาเราข้ามแม่น้ำจันทบูร จากฝั่งโบสถ์คริสต์มายังอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นชุมชนเก่า บริเวณสะพานแห่งนี้เดิมเป็นท่าน้ำกับบ้านเรือนที่เคยปลูกสร้างริมน้ำ ซึ่งยังมีภาพสมัยก่อนให้ระลึกถึงอยู่บนกำแพง ก่อนที่เราจะเข้าไปในชุมชน
: : ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนเก่าแก่บริเวณริมน้ำแม่จันทบูร (แม่น้ำจันทบุรี) มีมายาวนานกว่า 300 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมเป็นที่พำนักของทั้งชาวจีน มอญและญวน จะเห็นได้จากสถาปัตยกรรม ลักษณะบ้านเรือน วัด ศาลเจ้า เป็นดั่งมรดกตกทอดทางสถาปัตย์ให้เห็นมาจนถึงปัจจุบัน
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่หวือหวา คลาคล่ำไปด้วยร้านค้าหรือผู้คน แต่เป็นชุมชนที่ดำเนินชีวิตอย่างสงบ เรียบง่าย เลียบสายน้ำแห่งนี้ บรรยากาศแบบนี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตแสนจะวุ่นวายแบบคนเมืองอย่างเราได้ผ่อนคลายตามไปด้วย ทุกอย่างดูช้าลงเมื่อเดินผ่านตรอกซอยเล็กๆ จนเข้าถึงตัวชุมชน บ้านเรือนส่วนใหญ่ ปิดประตู ปิดร้านค้า แง้มไว้ให้เห็น...ชาวบ้าน กำลังนั่งๆ นอนๆ พักผ่อนในบ้านของตน ทิ้งไว้ก็แต่...ถนนสายเล็กๆ ที่มีคนสัญจรไปมาน้อยราย
พ่อค้าแม่ค้าต่างก็ปิดบ้าน เอนกายตามอัธยาศัยเหมือนกัน เหลือร้านที่ยังเปิดอยู่เพียงร้านเดียว ร้านขนมไข่ป้าไต๊ ที่กำลังจะปิดร้าน เจ้าของร้านใจดีแบ่งขายขนมไข่ที่มีคนสั่งไว้แล้วให้ ก็เลยไม่พลาดของฝากกลับบ้าน และคงเพราะเย็นมากๆ แล้ว เราก็เลยพลาดร้านกาแฟเก๋ๆ กับอีกหลายๆ ร้านที่หมายตาไว้
แต่ที่ได้ทดแทนกลับมา เราว่า 'คุ้มค่า' นั่นคือ 'โอกาส' ในการบันทึกภาพบรรยากาศ ชุมชนริมแม่น้ำแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด
"ความทรงจำ...ไม่มีวันจาง"
สำหรับนักเดินทาง สถานที่ที่ไปเยือนจะคงอยู่ในความทรงจำเสมอ อาจขึ้นอยู่กับว่า...ประทับใจสถานที่นั้นมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับเจ้าของ ผู้ที่อยู่อาศัยเอง เราเชื่อว่า 'ความทรงจำ' ของเขาไม่มีวันจาง เพราะที่นี่คือ 'บ้าน' เป็นถิ่นฐานที่อาศัยกันมายาวนานจากรุ่นสู่...รุ่น
ชุมชนริมน้ำจันทบูร แห่งนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน เงาอดีต ของที่แห่งนี้ยังคงงดงาม น่าชื่นชมที่ชุมชนเล็กๆ ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ของชุมชน ที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้ คุณค่าและรำลึกเรื่องราวครั้งเก่าก่อนได้สมบูรณ์ เท่าที่จะทำได้
เราเดินผ่าน บ้านเลขที่ 69 คาดว่าคงจะปิดแล้ว เห็นแค่ประตูเปิดแง้มไว้ ด้วยความเสียดายจึงชะโงกหน้าเข้าไปด้อมๆ มองๆ โชคดีพบเจ้าหน้าที่ดูแลบ้าน ท่านอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมชมข้างใน ทั้งที่เป็นเวลาเย็นมากๆ แล้ว [ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ]
ความน่าสนใจของบ้านหลังนี้ คือ เป็นบ้านของ รองอำมาตย์ตรีขุนอนุสรสมบัติ ตัวอาคารเป็นสถาปัตย์แบบตะวันตก ส่วนภายในตกแต่งไว้แบบผสมผสานระหว่างไทยกับจีน เป็นบ้านเก่าแก่ที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น อีกทั้งยังมีการรวบรวมภาพถ่าย ประวัติความเป็นมาของชุมชนริมน้ำจันทบูร รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนไว้
ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 69 ได้เปิดเป็น 'บ้านเรียนรู้ชุมชน ชุมชนริมน้ำจันทบูร' มาเมืองจันท์ อย่าลืมแวะมา 'ย้อนวิถีจันท์' ที่บ้านหลังนี้กันนะ
เราใช้เวลาที่ 'บ้านเรียนรู้ชุมชน' ครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะย้อนกลับมาทางเดิม ข้ามสะพานนิรมลกลับไปยังฝั่งโบสถ์คริสต์
: : อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (The Cathedral of Immaculate Conception) เป็นโบสถ์ที่มีประวัติการก่อสร้างยาวนานถึง 300 ปี มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิค นับเป็นโบสถ์คาทอลิกของเมืองจันท์ ที่เก่าแก่และสวยที่สุดในประเทศไทย
เลยเวลาเข้าชมด้านในโบสถ์ไปนานแล้ว ได้แต่ชื่นชมความงดงามด้านนอก แต่ที่มากกว่าความงามที่สัมผัสได้ด้วยตา เราว่า...ความศรัทธาในใจ หล่อเลี้ยงผู้คนในชุมชน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับลมหายใจของชุมชนแห่งนี้มายาวนาน
ปล. โบสถ์คริสต์ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ในย่านท่าหลวง เดินทางมาไม่ยาก เมื่อถึงถนนจันทนิมิตรให้แยกไปทางขวาจะพบโบสถ์ จอดรถที่นี่ได้ค่ะ
ปล. มีเวลาเปิดให้ชมภายในโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามเวลาเปิด-ปิดที่กำหนด คือ วันธรรมดาวันละ 2 ครั้ง เวลา 6.00-7.00 น. และ 18.00 – 19.45 น. และวันอาทิตย์วันละ 3 ครั้ง เวลา 6.15 น., 8.30 น. และ 19.00 น. และไม่อนุญาตให้เข้าชม ขณะมีพิธีกรรมทางศาสนา ผู้เข้าชมควรแต่งกายสุภาพและปฏิบัติตามระเบียบในการเข้าไปในโบสถ์
โบสถ์คริสต์ สะพานนิรมล ชุมชนริมน้ำ และวิถีชีวิตยั่งยืนที่ยังอยู่คู่ 'เมืองจันท์' กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางให้มาเยี่ยมเยือนมากขึ้นทุกวัน สำหรับเรา...มิใช่แค่มาท่องเที่ยวหรือบันทึกภาพเพียงเท่านั้นหรอก แต่มาเพื่อสัมผัสถึง...เสน่ห์ และความงดงามภายใต้ 'วิถีจันท์'
ภารกิจเล็กๆ เสร็จสิ้นลงพร้อมกับแสงเรื่อๆ ที่กลืนไปกับท้องฟ้า นกฝูงใหญ่บินกันพึ่บพั่บเหมือนรู้เวลา...กลับรัง ส่วนเราก่อนกลับโรงแรมคงต้องหาอะไรรองท้อง มื้อเย็นวันนี้ขอเลือกอะไรง่ายๆ ที่ ร้านข้าวต้มธนา สาขา 2 ร้านตั้งอยู่ริมถนน บนถนนเบญจมราชูทิศ ไกลจากย่านท่าหลวงเล็กน้อยค่ะ
...จะว่าไปก็ร้านข้าวต้มทั่วไปนี่ล่ะ ทั้งตู้หน้าร้าน โต๊ะที่นั่งและเมนูที่มีหลากหลายแต่กลายเป็นมื้อที่อร่อยทุกเมนู ไม่ต้องรอนาน ราคาน่าคบ นั่งเพลินๆ ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ เราชอบ ซุปเยื่อไผ่ กับ หมูกรอบทอด นะ คิดว่าเป็นร้านที่ลงตัวในเรื่องรสชาติ แนะนำให้มาชิมกันค่ะ
...ว่าไหม ช่วงเวลาดีๆ หมดเร็วทุกครั้ง?
เราตื่นแต่เช้า ถึงแม้ว่าจะถูกฟูกนุ่มๆ สูบวิญญาณอยากหลับยาวกว่านี้ เก็บสัมภาระให้พร้อมแล้วฝากท้องกับอาหารเช้าโรงแรมอีกครั้ง เมนูซ้ำๆ ที่ไม่เบื่ออย่างก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงถูกสั่งมาอีก ก็บอกแล้วว่า...อร่อย :)
ก่อนเดินทางยาวๆ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ แวะไปร้าน D.C. Coffee Corner ร้านกาแฟที่ขับผ่านไปผ่านมาหลายรอบ หมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
เราสั่งเมนู D.C. (ดีซี) เป็นกาแฟเย็นที่รสชาติเข้มข้น ไม่รู้เป็น Signature ของร้านหรือเปล่านะ เราว่าโอเคเลยล่ะ สำหรับแก้วอื่นๆ อย่าง Mocha กับชาลิ้นจี่ (ร้อน) จิบคู่กับเค้กนุ่มๆ ก็ถือว่าเยี่ยมเลย ร้านอยู่ติดกับร้านประดับยนต์ชื่อเดียวกันค่ะ ถ้ามาจากโรงแรมร้านจะอยู่ทางขวามือ ให้ยูเทิร์นกลับมา จอดรถหน้าร้านได้เลย
ถ้ามองหากาแฟดีๆ ที่ เมืองจันท์ แวะที่นี่ ไม่ผิดหวังนะ
ขอจบ Family Trip สั้นๆ ในวันที่เราเผลอใจไป 'จันท์' ไว้ตรงนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ >///<
"...แล้วเที่ยวหน้า จะเที่ยวไหน?" อย่าลืมติดตามการเดินทางครั้งใหม่ของเรา เร็วๆ นี้น้า...
: : ย้อนอ่าน 'บันทึกเดินทาง' ของเราได้ที่นี่เล้ย (คลิกๆ) : :
Stay Alive!! เกาะติด...ชีวิตติด 'เกาะ' | ท่องทะเลอันดามัน กินลม ชมชิวล์ ภูเก็ต - กระบี่
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 1 |Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#1
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 2 | Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#2
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอน 3 | Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#3
: : ถ้าเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนๆ กัน แวะพูดคุย แบ่งปันและแชร์เรื่องเที่ยวด้วยกันได้ ที่เพจ MINDJourney นะคะ : :
HAVE A NEXT TRIP WITH ME
GO OUT THERE
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.16 น.