ใครว่าฤดูฝน ไม่ควรเดินเข้าป่า คุณคิดผิด !! ฤดูฝนคือช่วงที่เข้าป่าแล้วโคตรสนุกเลย ที่ๆเราจะกล่าวถึง นั่นคือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของอำเภอภูเรือ จะว่าใหม่ก็ไม่ถูกสะทีเดียว เพราะที่นี่มีหลายคนเคยไปแล้ว แต่นั่นหลายๆคนอาจจะไปช่วงฤดูหนาว แต่เราไม่ เราไปฤดูฝนค่าาา
ที่แห่งนี้ที่เรากล่าวถึงคือ '' ภูบักได'' ที่มีไฮไลค์คือผาหลอกลวง
ก่อนอื่นที่จะเดินทางไปเที่
อย่างมีค
1. บนยอดภูบักได ไม่มีห้องน้ำ ห้องสุขาให้บริการ
2. จุดจอดรถอยู่ที่บ้านกลาง อ.ภูเรือ จ.เลย เดินทางจากภูเรือไปทางเกษตร
3. ต้องจองล่วงหน้า ติดต่อกำนันเชิด ได้ที่เบอร์ 087-866-2648, 095-701-3139
และพี่แสงเดือน 096-415-1467
4. สามารถจอดรถได้ที่วัดบ้านกล
5. ค่าบริการ 3,000 บาท/คัน สามารถนั่งได้ 6 คน ราคานี้รวม
- ค่ารถแต๊กขึ้น/ลง
- ค่าบริการแบกสำภาระอาหารการ
กิน - ค่าบริการก่อกองไฟเพื่อปรุง
อาหาร - ค่าหาฟืนไฟ
- ค่าไกด์นำทาง
- ค่าดูแลความปลอดภัย
- ค่าบำรุงกิจการท่องเที่ยวชุ
มชน 6. นั่งรถแต๊กใช้เวลาประมาณ 1.30 ช.ม. หรือมากกว่านั้น ตอนเราไปทางชัน รถติดปาไปเกือบ 3 ชั่วโมง 7. เดินเท้าต่ออีก 1.30 ช.ม. แบ่งเป็น 2 ช่วง - ช่วงแรก ทางชัน 300 เมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
- ช่วงที่ 2 ทางราบ ระยะทาง 3 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 1.10 ช.ม. ทางเดินส่วนมากจะเลาะตามหน้
าผา - ทาก.. เยอะมากๆ เตรียมตัวด้วยนะ
สิ่งที่ควรพกไปป้องกันทาก เราเตรียมไปดังนี้
- ปูนขาว
- เกลือ
- ยาเส้น ผสมน้ำ ใส่ขวด
- ซอฟเฟล ที่ฉีดกันยุง
- ที่ช่วยได้ คนที่หมู่บ้านใช้ แป้งเย็น ก็ใช้ได้นะคะ
- ถุงกันทาก
- ปล. เวลาเจอทากใช้ที่กล่าวข้างต้นเทใส่เลยนะคะ ทากจะค่อยๆหลุดออก แล้วค่อยเขี่ยออก
นัดรวมตัวกันที่หมอชิต เวลา 20.00 น ซื้อตั๋วรถทัวร์ของเพชรประเสริฐทัวร์ รอบ 22.00 น. ราคา 349 บาท ซื้อตั๋วที่ชั้นล่างของหมอชิต ขึ้นที่ชานชาลา 130 ตรงข้างศูนย์อาหารชั้นล่างขวามือสุด รถจากกรุงเทพ-ภูเรือมีสายเดียวนะคะ คือของเพชรประเสริฐทัวร์ เวลาจะไปซื้อตั๋วทำใจโดนคนขายตั๋วทำหน้าเหวี่ยงใส่ด้วยนะคะ
รถทัวร์ของเพชรประเสริฐ ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะคะ เบาะเอนได้สบาย มีน้ำ และขนทให้ ผ้าห่ม ผืนใหญ่นอนสบาย
รถจะสุดสายที่ตลาดเทศบาลอำเภอภูเรือนะคะ ลงตรงนั้นเลย ออกจาก กรุงเทพ 22.00 ถึงภูเรือ 6.00 น
ถ้าลงจุดนี้แล้ว สามารถโทรให้คนที่หมู่บ้านมารับได้เลยค่ะ คิดราคาเหมา 1500 บาท รับส่ง ขาไปและขากลับ
ก่อนเดินทางไปยังบ้านกลาง สามารถซื้ออาหารของสด ไปทำกินบนภู ที่นี่ได้เลยนะคะ
ระหว่างทางจากตลาดไปบ้านกลาง บรรยากาศดีมาก ผ่านเขา ผ่านโค้งถนน อย่างฟินนน
จากตลาดสเทศบาลถงหมู่บ้านบ้านกลาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนะคะ
ถึงแล้วติดต่อบ้านกำนันเชิดได้เลยค่ะ คนขับรถอิแต๊กมารอแล้ว
เตรียมตัวขึ้นภู ใส่ถุงกันทากให้เรียบร้อย กระเป๋าพี่เค้าจัดการเก็บให้ค่ะ เดินไหวไม่ไหว อุปกรณ์ต้องแน่นไว้ก่อนค่ะ ช่วยได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที ฮ่าๆ
รถอิแต๊กแบบนี้นะคะ สามารถนั่งได้ 5 คน ต่อ 1 คัน หน้า 3 หลัง 2
ผู้หญิง 3 คน อึดและบึกบึนในทริปนี้ !!
ทุกคนพร้อม ฝนตกลงมาปรอยๆ เตรียมใส่เสื้อกันฝน ไว้เลยนะคะ !
คนขับรถของเรา คันแรก ชื่อพี่ลำปาง พี่เค้าขับเก่งมาก ทางอย่างเละ ทางทางชัน ทางอย่างโหด แต่พี่เค้าพาพวกเราขึ้นและลงมาอย่างปลอดภัย พร้อมดูแล ตลอดคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะฝนตกหนักตลอดทั้งคืน คอยดูว่าน้ำจะเข้าเต้นท์ให้พวกเราไหม !
เส้นทางแรกๆ สบายๆ ยังไม่ชัน จะผ่านไร่ ของชาวบ้าน ปลูกแก้วมังกรไว้ เต็มพื้นที่
สภาพก่อนขึ้น รองเท้า และถุงกันทากสะอาด สะอ้านนน
แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ ไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน
ถูกเยียวยาด้วยป่าและภูเขาสีเขียวจริงๆ สดชื่นนนนนน
เสื้อ rain jacket ของ ร้าน Huya กันฝนได้ดีเลยนะคะ พร้อมสีสดใส แจ่มบาดตา
ทางแรกๆสบายๆ ชิวๆ ลมพัดปลิวๆ จนพี่สมโภชนั่งหลับ ฝันได้เลยค่ะ
ผ่านจุดไร่มันสำปะหลังตรงนี้ พี่ลำปางและพี่จ่อยก็จอดเอาโซ่ใส่ล้อไว้ เพราะทางต่อจากนี้ โหด เละ ชัน และลำบากค่ะ
ทางเละ บวกฝนตก ตกหลุมแล้วต้องลงเดินค่ะ รถขึ้นไม่ได้ ต้องลงมาช่วยกันเข็นขึ้น
เอ้า ลงก่อนๆ รถขึ้นไม่ได้ ลงไปเดินก่อนนนนน รถติดดด
ติดถึงขนาดล้อจมลงไปข้างนึงเลยนะคะ ต้องใช้จอบขุดทางให้ขึ้นไปให้ได้ก่อน
ยังไม่ถึงครึ่งทาง แวะพักรถก่อน พี่ลำปางบอกว่าทางต่อจากนี้ โหดและชันกว่าเดิม เตรียมตัวเตรียมใจ !!
จวนจนใกล้เที่ยงยังไม่ถึงครึ่งทาง แวะกินข้าวก่อน ซื้อไก่ย่างข้าวเหนียว มาจากตลาด และ แท่ดๆๆๆ
เรามีเคเอฟซี ที่แบกมาจากกรุงเทพ ฮ่าๆ ใครว่าอยู่ป่าเขากินอาหารไม่ดี ใครว่า นี่กินเคเอฟซีนะคะ
ได้กินข้าวแล้ว ยิ้มแฉ่งพร้อมเจอทางข้างหน้าา ลุยยยย ++
บุกป่า สวยยย แต่ไม่สามารถทานได้นะคะ
พอผ่านทางโหดมาสักพักเราจะถึงจุดพักรถ ที่รถไม่สามารถไปต่อได้ ต้องจอดไว้แล้วเดินทางเท้าต่อ จากนี้ก็เตรียมตัวเจอเจ้าทากได้เลยค่ะ
ก่อนเจอทากเอายาเส้น ผสมน้ำราดไปที่ขาเลยค่ะ แล้วเอาแป้งเย็นโรยเข้าไปในถุงกันทาก ยาเส้น ใส่เข้าไปในรองเท้าได้เลย
ฤดูฝนเจ้าทากพร้อมโผล่มาทุกพื้นที่ เดินไประแวงไป มองไป เจอทีกรี๊ดที เจอทีแหกปากลั่นที จนพี่ๆรำคาญ บอกให้มันดูดเลือดออกไปบ้าง ฮ่าๆ
เวลาพักหาก้อนหินยืนนะคะ
ภาพตอนนี้คือทากอยุ่ในถุงกันทาก 1 ตัว พร้อมดูดเลือดไปแล้ว เจ็บจี๊ดๆเหมือนมดกัด
นั่น !!! อิทากมันเกาะอีกแล้วว เอาไม้ปัดๆไม่ออกนะ ต้องเอา ซอฟเฟลฉีดมันจะค่อยๆปล่อยแล้วเอาไม้เขี่ยออก
กลัวทากแค่ไหน ก็ยิ้มสู้ หมอกลงแค่ไหน ฟ้าไม่เปิดแค่ไหนก็ยิ้มสู้ !!
พักเหนื่อยต้องหาหินนั่งนะคะ อย่านั่งพื้นไม่งั้นทากเข้าตูดแน่ๆ ฮ่าๆ
กระเป๋าหนักแค่ไหน ฟ้าไม่เปิดแค่ไหน ทากเยอะแค่ไหน ก็ยิ้มสู้ !!
เราใกล้ถึงผาหลอกลวงแล้ววว แต่ฟ้าไม่เปิดเลย ลมแรงมาก
ถึงแล้วววว ! ผาหลอกลวง หลอกลวงจริงๆ มองไม่เห็นอะไรเลยยยย
หมอกเจ้ากรรม ฟ้าเจ้ากรรม ฝนเจ้ากรรม พายุเจ้ากรรม !!
ในความโชคร้ายมีความโชคดีอยู่ 2 วินาที ฟ้าเปิดนิดนึง วิ่งจน จะตกหินน แล้วฟ้าก็ปิดเหมือนเดิมม
ข้างบนภูบักได มีพระพุทธรูปอยู่ข้างบนนะคะ พี่อีกคนไหว้ขอพรให้ฟ้าเปิด แต่ฟ้าก็ไม่เปิด
ผาหลอกลวง ลวงจริงๆ ลวงมากๆ แต่พอยืนขาสั่นพรั่บๆ บวกกับลมแรงๆ ตัวปลิวได้เลยนะคะ
ท่ายากบนผาหลอกลวง
นั่งรับลม รับหมอก รับอากาศเย็นๆ จนน้ำมูกไหลลลล
ทำใจฟ้าไม่เปิดก็ไปจุดกางเต้นท์กันเถอะ ทำกับข้าวกินกันดีกว่าา
กางเต้นท์เสร้จแล้ว เอาฟรายชีสคลุมอย่างดี กางตรงทางน้ำไหล กลางคืนเท่านั้นแหละ ฝนตกลงมาห่าใหญ่ น้ำเข้าเต้นท์ นอนไม่ได้ ต้องขยับเต้นท์เข้าในผ้าใบที่กางไว้ ตอน 20.00 น.
กางเต้นท์เสร็จ เอาปูนขาวโรยรอบเต้นไว้ด้วยนะคะ ป้องกันทาก เราโรยไว้อย่างดีสรุปฝนตก ช่วยอะไรไม่ได้เลย ปูนขาวหายไปกับสายฝน
ตรงจุดกางเต้นท์จะมีเพลิงสังกะสีไว้ก่อไฟนะคะ ไว้ทำอาหารตรงนี้ได้เลย
เนี่ยยยยย ! ใครว่าอยู่ป่าอยู่เขา จะอดอยากกก อย่านะ พวกเราแบกหมูขึ้นไปสองกิโล กินหมูกะทะนะคะ อย่างฟินนนน
กินหมูกะทะอิ่มม กลับไปที่ผาหลอกลวง เพื่อลุ้นว่าฟ้าจะเปิดไหม แต่แล้วความหวังก็ลิบหรี่
หมดความหวังนั่งน้ำตารินนน กลับเข้าเต้นท์ นอนพักผ่อนเถอะ !!
แต่ แต่ แต่ พอกลับเข้าเต้นท์ใช่ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ฝนตกตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตกทั้งคืน ตกหนัก ตกแบบไม่ละความพยายามที่จะตก น้ำก็เข้าเต้นท์ ถุงนอนก็เปียก ย้ายเต้นท์ตอน 2 ทุ่ม ย้ายแล้วใช่ว่าสถานการณ์จะดี ตกหนักกว่าเดิม มีพี่อีกคนเอาเปลไป นี่ไม่ได้นอนเลย ขนาดเต้นท์ยังเปียก แล้วเปลจะเหลืออะไร ฮ่าๆ แถมทากเข้าเต้นท์อีกนะ นอนทรมานยันตี 5 นอนแบบไม่หลับ
ตี 5 ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมเก็บเต้นท์ ทำกับข้าว กับข้าวเช้านี้มีข้าวผัด หมูเหลือจากเมื่อวาน เอามาใส่ๆผัดๆ แบบสูตรไม่ใส่น้ำมัน แต่ใส่น้ำเปล่าแทน ฮ่าๆ แต่เชื่อไหมเป็นข้าวผัดที่อร่อยเลยนะเพราะแย่งกันกิน
ใครไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ทำครัวไป ที่บนนั่นมีหม้อนะคะ สามารถก่อไฟทำได้เลย แต่หม้ออกจะดำๆหน่อยนะ เพราะความเรียลของหม้อต้องเข้ากับป่า ฮ่าๆ
ช่วยกันเก็บเต้นท์ ขอบคุณผ้าใบผืนข้างบนที่ทำให้เรารอดจากฝนเมื่อคืน ได้นิดหน่อย ลมก็แรงเหมือนผ้าใบจะปลิว สั่นพรึ่บๆ
ขากลับลงมา อุปกรณ์กันทากทุกอย่างไม่เหลือ เปียกหมด ถุงกันทากเปียกหมด ฝนตกตลอดทางขากลับ อย่าหวังว่าจะไม่เจอทาก นางทากมันเตรียมตัวชูหัวรอต้อนรับ ตลอดเวลา ตลอดเส้นทาง
เจอนางทากที่ไหน เตรียมเอายาเส้นผสมน้ำราดมันได้เลย ดิ้นแด่วๆ
นางเอกของเราในทริปนี้ อาจจะยังไม่ใช่น้องนุ้ย !! แต่นี่เลย นางเอกคือนางทาก
เดินลงมา ทางลื่น ตรงไหน ลื่นมากๆเอาตูดไถลงมาเลยค่า รองเท้าดอกยางไม่มีนี่ นั่งลงเอาไถลลงมาเลย อย่ากลัวเลอะ ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์
ลงมาถึงจุดพักรถ พี่ลำปางก็เตรียมตัดไม้ต้นใหญ่ๆ ไว้เตรียมถ่วงรถไม่ให้ลื่นนะคะ ช่วยได้มากเลย แต่ขอบอกว่าทางลงนี่จับไม่ดี นี่ ลื่นตัวลอยเลยนะ นั่งเกร็งขาตลอดทาง หลวงพ่อนี่เรียกมาหมด กลัวเด้อออ ไหลลงมาแบบเบรกจะไม่อยู่ ถ้าไม่ได้ต้นไม้นี่ รถคว่ำแน่ๆ
ทางไหนชันหน่อย ลื่นหน่อยดูสถานการณ์แล้ว ต้นเดียวเอาไม่อยู่แน่ๆต้องตัดเพิ่มนะคะ ถ่วงได้เยอะเลย
ถึงจุดนี้มีลำธารนะคะ ถอดโซ่ล้าง ล้างรองเท้าได้เลย
รองเท้าเจ๊มิ้น เหยียบขี้วัวมาเต็มๆ ฮ่าๆ จะบอกว่าข้างบนภูบักได ขี้วัวเยอะมากเลยนะคะ บวกกับฝนตกแบบนี้ กลิ่นกับ เนื้อสัมผัสนี่ไม่ต้องพูดถึง เละ เหยียบเข้าไปนี่สบายจมูกเลยทีเดียว ฮ่าๆ
สภาพขาลง เละไม่เละไม่รุ้ แต่ที่รู้ๆ ถุงกันทาก ทากเข้าไปดูดเลือดได้ ฮ่าๆ
ลงมาอาบน้ำอาบท่าที่บ้านกำนันเชิดได้เลยนะคะ หลังจากที่ไม่ได้อาบมา 1 คืน ลงมาอาบน้ำให้สบายใจได้เลย
ขากลับเราขึ้นรถที่ตัวเมืองเลยนะคะ ก่อนกลับ มีร้านส้มตำแนะนำ ชื่อว่าร้าน ผู้ชายขายหอย ส้มตำอร่อยนะ แต่ใส่พริกเยอะมาก เวลาสั่งอย่าลืมเขียนว่าเอาแบบไม่เผ็ดนะคะ ราคาไม่แพง
บขส ตัวเมืองเลย กลับรถรอบ 22.00 น
กลับโดยรถทัวร์ของ ซันบัส ราคา 605 บาท เค้าบอกว่าเป็นวีไอพี รถทัวร์ที่ดีที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้
แต่ แต่ แต่ เราว่าไม่ใช่ เราว่าไม่ใช่ มันเป็นยังไงจะเล่าให้ฟัง !!
ที่ว่าไม่โอเคสำหรับเราคือ เบาะเอนได้ปกติ ขนม มีให้ 2 ชิ้น น้ำ 1 ขวด บวกกับเรานั่งหลังสุดติดห้องน้ำ ห้องน้ำเหม็นมากเด้อ ประตูห้องน้ำเปิดออกแล้วเสียงกระทบ ปิดไม่สนิท แถมผ้าห่มผืนนิดเดียว ห่มไม่ถนัดเลย แถมรถวื่งไปมีเสียงอะไรกึกๆไม่รู้
แนะนำถ้าจะไปภูเรือเราแนะนำขึ้นรถทัวร์ของเพชรประเสริฐดีกว่านะ สำหรับเรา เราว่าโอเคกว่า แถมราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง สามารถขึ้นรถปลายทางที่ภูเรือได้เลยอีกต่างหาก ส่วนซันบัสจะไปไม่ถึงภูเรือนะคะ
คอลเซ็นเตอร์ของซันบัสก็ให้ข้อมูลไม่รู้เรื่องด้วยค่ะ
แต่ข้อดีขอรถทัวร์ซันบัสคือ มีที่เสียบ ที่ชาร์ตแบต มีจอส่วนตัวดูหนังฟังเพลง ได้ แค่นั้นเอง เท่านั้นจริงๆ
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน ที่ร่วมชะตากรรมด้วยกันในทริปนี้นะคะ
แม้จะไม่เจอวิวสวยๆ อย่างที่คิดไว้ แต่ระหว่างทางสนุกมาก ไม่เสียดายที่ไม่เจอวิวเลย เพราะระหว่างทางมิตรภาพและการเดินทางมัน เฟี้ยวกว่าปลายทางสะอีก
ถึงกรุงเทพ ตี 5 กลับมาทำงานต่อได้ สบายๆ
สรุปการเดินทาง
ขาไป รถทัวร์ กรุงเทพ-ภูเรือ หมอชิต ชานชาลา 130 ราคา 349 บาท
ขากลับ เลย-หมอชิต ราคา 605 บาท
ค่าอาหาร ตลอดการเดินทาง 356 บาท
ค่ารถอิแต๊ก 2 คัน คันละ 3000 บาท รวม 6000/8= 750 บาท
รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริป
2060 บาท
กาลครั้งหนึ่ง
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.56 น.