Day 1 in Danang @Vietnam (My Khe Beach - Dragon Bridge)
ทริปนี้ เริ่มเมื่อ 19-22 มิ.ย. 60 รวม 4 วัน
เริ่มต้นวันแรก จากดอนเมือง - สู่ดานัง ประเทศเวียดนาม โดยสายการบิน Air Asia
โดยทริปนี้ได้ตั๋วโปรมาในราคา 3500 บาท ไป-กลับ รวมที่พัก
ใช้ระยะเวลาเพียง 1 ชม. เราก็มาถึงสนามบินดานัง
หลังจากลงเครื่อง ผ่านจุดตรวจมา เราก็จะเจอเคาเตอร์สำหรับซื้อ SIM Internet ได้ที่ด้านซ้ายมือ
มีให้เลือกหลายเจ้า โดยราคามีตั้งแต่ 4$-6$ โปรโมชั่นก็จะแตกต่างกันไป
เมื่อตกลงได้แล้ว พนักงานก็จะทำการเปลี่ยน SIM และตั้งค่าให้เลย
เมื่อได้ SIM แล้วเราก็จะต้องไปแลกเงินก่อน จุดแลกเงินจะอยู่ด้านนอกของสนามบิน
เดินจากทางออกมาเลี้ยวซ้ายก็เจอเลย
ซึ่งก่อนมาเราแลกเป็นดอลล่าห์สหรัฐไว้ โดยทริปนี้เราเตรียมเงินไปประมาณ 200$
แลกเป็นสกุลเงินดอง ได้ 4,511,000 VND หรือประมาณเกือบๆ 7,000 บาทไทย
เมื่อเงินพร้อม คนพร้อม ก็ออกมาเรียก Taxi ได้ที่หน้าทางออก เดินมาก็เจอเลยฮะ
ระยะทาง 7 km ราคาอยู่ที่ 165000 vdn หรือเกือบๆ 250 บาท
(คาดว่าโดนโกงแต่วันแรกเลยทีเดียว ขากลับ ราคาแค่ 118,000 VND หรือ 170 บาท)
หน้าตาห้องพักที่นี่ ตอนแรกจองไว้เป็นเตียงแยก แต่ไม่รู้ผิดพลาดอะไร ทำให้ได้เป็นห้องเตียงรวม
ซึ่งเจ้าของก็รับปากว่าจะเปลี่ยนห้องให้วันพรุ่งนี้
เมื่อถึงที่พัก จัดแจงเก็บของเรียบร้อย ก็มาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ สามารถแจ้งกับทางโรงแรมได้เลย
ราคาเช่าอยู่ที่ 130,000 Vnd/วัน 24 ชม. หรือประมาณ 195 บาท
รอประมาณ 30 นาที ร้านจะขับมาส่งให้ที่โรงแรม
สำหรับพาหนะทริปนี้ รถที่ได้คือ SYM Excel 150 ซึ่งสภาพรถที่ได้ค่อนข้างเก่ามาก...
สภาพเท่าที่ลองเช็ครถดู มีหลายจุดที่บกพร่อง
- ลมยางอ่อน (แต่สามารถไปเติมลมยางได้ที่ร้านมอ'ไซค์ 5,000 VND ประมาณ 8 บาท)
- กระจกข้างมีข้างเดียว และปรับยังไงก็ไม่แน่น
- เบรคหลังไม่ค่อยมี ยังดีหน่อยเบรคหน้ายังพอใช้ได้
- สตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้าง ถ้าไม่บิดเร่งคุม เครื่องดับแน่นอน
- ไมล์เสีย บิดยังไงเข็มไมล์ก็ไม่กระดิก
- ถ้าเร่งเครื่องมากๆ จะมีอาการกระตุกๆ เร่งไม่ค่อยไป
- ยังดีที่แตรดัง เพราะที่นี่ใช้กันเป็นเรื่องปกติ ก็ทนๆใช้ไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะขอเปลี่ยนคันดู
หลังจากรถพร้อม ก็ตระเวนหาปั๊มน้ำมันก่อน ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก
ค่าน้ำมัน แนะนำเติมประมาน 50,000 vnd หรือประมาณ 75 บาท น่าจะพอเที่ยวได้ทั้งวัน
บอกราคาเด็กปั้มก็พอ เดี๋ยวเขาเติมให้เอง อ่อ ตอนรับรถ อย่าลืมถามก่อนว่าฝาถังอยู่ตรงไหนด้วยนะ
(ฝาถังรุ่นนี้อยู่ท้ายรถนะ ไม่ต้องเปิดเบาะเติมได้เลย)
ว่าด้วยเรื่องการขับขี่ในดานัง ถนนที่นี่ จะขับเลนขวา และมอเตอร์ไซค์มีเยอะมากๆ
จากที่สังเกตมา 90% ไม่มีกระจกข้าง หรือมีข้างซ้ายข้างเดียว และไม่ค่อยดูกระจกกัน
เวลาออกจากซอยหรือแยก มักจะวิ่งมาเลยไม่ค่อยหันมาดูกัน
แต่เพราะคนที่นี่ขี่กันไม่เร็ว ประมาน 40-60 ก็จะชะลอๆปล่อยไป
แตรที่นี่ บีบกันสนั่น ส่วนใหญ่บีบแตรเพื่อบอกตำแหน่งมากกว่าเตือน
และที่แปลกอีกอย่างของที่นี่คือ วงเวียนไม่มีไฟแดง!?
คือต่างคนต่างขับมา หาจังหวะแทรกกันเอาเอง เห็นเกือบจะชนกันหลายคันแล้ว
แต่เรื่องฝ่าไฟแดง ย้อนศร ขับไม่มอง เลี้ยวก่อนถึงเลน มีให้เห็นเพียบ
แต่จะเป็นแถบๆตามซอยหรือริมทะเลมากกว่า ในตัวเมืองขับขี่กันปกติดี
ที่ต้องระวังคือพวกฝุ่นทรายริมถนน ซึ่งมีตลอดทาง ถามว่าขับยากไหม
ถ้าเคยขับในใจกลางเมืองกทม. ช่วงรถติดๆคิดว่าน่าจะไหว
แต่ถ้ามือใหม่ ไม่เคยขับถนนใหญ่ แนะนำอย่าได้เสี่ยงดีกว่า
ระหว่างทางสิ่งที่หายากคือร้านข้าว คือมันก็มีเรียงรายเต็มไปหมดนะ
แต่อ่านไม่ออกสักร้านเพราะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ไม่มีรูปภาพ และป้ายร้านก็ดูคล้ายๆกันหมด
และคนที่นี่ พูด - ฟัง ภาษาอังกฤษ กันไม่ได้เลย
จนในที่สุดก็มาเจอร้านริมทาง น่าจะเป็นร้านขายเฝอ สั่งมาเจิมกินกันตาย
รสชาติจะจืดๆอมเปรี้ยวนิดๆ ราคาอยู่ที่ชามละ 30,000 vnd หรือ 45 บาท
และที่หายากอีกที่คือ Mini mart ขับมา 7-8 กิโล พึ่งเจอร้านเดียว (ที่นี่ไม่มี 7-11 นะ)
ส่วนใหญ่จะเป็นร้านของชำ ร้านโชว์ห่วย ซะมากกว่า
ราคาของในร้านไม่ต่างกันบ้านเราเท่าไร
น้ำเปล่า 5,000 vnd
น้ำอัดลม 7,000-9,000 vnd
น้ำปั่นสมูทตี้ 20,000-30,000 vnd
บะหมี่กึ่ง 6,000-15,000 vnd
ที่แรกที่เราไปคือ หาด My Khe Beach ที่ได้ชื่อว่าสวยเป็นอันดับ 6 ของโลก
มาเดินชิลๆรับบรรยากาศ หาดที่นี่ทรายขาวสะอาด น้ำทะเลออกฟ้าคราม
แต่หาดที่นี่จะแบ่งให้เล่นเป็นโซนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่ง เกาหลี และชาวเวียดนามนี่แหละ
ถ้าใครอยากนั่งชิลกินบรรยากาศ อ่อ ที่นี่มีเก็บค่าจอดรถ 3,000 VND (5 บาท)
หลังจากดูสาวๆในชุดว่ายน้ำจนอิ่มเอมแล้ว ก็ออกเดินทางไปต่อที่ Landmark ของที่นี่
"Dragon Bridge" หรือ สะพานมังกร นั่นเอง
โดยที่นี่จะมี Landmark ที่พึ่งสร้างเสร็จใหม่ "Dragon carp" หรือปลาคราฟมังกร
ดูๆไปคล้ายๆกับสิงโตทะเลของสิงคโปร์ จะตั้งอยู่ใกล้ๆกัน บริเวณ DHC Marina
โดยเราสามารถจอดรถได้แถวๆนั้นเลย มีค่าจอด 10,000 vnd (15บาท)เราใช้เวลาอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆ รอแสงอาทิตย์ล่วงลับไป
เมื่อกลับมาที่รถ จะพบว่ามอไซค์ที่จอดอยู่ที่เดิมหายไป
ไม่ต้องตกใจไป เพราะที่นี่ หลัง 5 โมง จะไม่ให้จอดบนฟุตบาท
โดยจะย้ายไปจอดที่ลานจอดรถอีกที่ใกล้ๆกัน ถามแม่ค้าแถวๆนั้น ก็จะชี้ๆให้เราเดินไปเอง
เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ ตอนนี้ท้องร้องแล้ว หาของกินวนไป
เจอร้านๆนึงน่าสนใจ คนเยอะดี น่าจะเป็นปิ้งย่าง
แต่กว่าจะสั่งอะไรแต่ละอย่างได้นี่ยากมาก
เพราะเมนูอาหารไม่มีรูปภาพกำกับ ยังดีที่มีเมนูภาษาอังกฤษกำกับไว้
แตก็อ่านไม่ค่อยเคลียส์
และเด็กเสริฟที่นี่ก็ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เราจึงสังเกตโต๊ะข้างๆ แล้วสั่งเอาแบบเดียวกัน
สุดท้ายก็ได้มา 3 อย่าง
- หมูติดกระดูก รสชาติธรรมดา กระดูกหนาเนื้อน้อยไปหน่อย
- หมูหมักอะไรสักอย่าง จานนี้อร่อยให้ผ่าน
และอีกจานที่ดูๆคล้ายๆผัดผักบุ้ง รสออกจืดๆไม่เข้มข้นเท่าไร
มื้อนี้หมดไป 151,000 vnd (225 บาท)
หลังกินเสร็จเราก็ถือโอกาสแว้นเส้นริมหาด ข้างทางจะมีกลุ่มวัยรุ่นนั่งสังสรรค์กันตลอดสองข้างทาง
ซึ่งมีแต่ร้านอาหาร อาหาร อาหาร มินิมาร์ทอยู่ไหนนนนนนน
สุดท้ายก็หาก็ไม่เจอ เลยกลับที่พักละกัน
สรุปคืนแรกที่ดานัง
- อุปสรรคใหญ่ๆดูจะเป็นการหาของกินนี่แหละ
เพราะร้านอาหารที่นี่ โดยเฉพาะริมฝั่งทะเล ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ
และไม่มีรูปประกอบ คนที่นี่ก็สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ต้องหาร้านที่มีรูปชัดเจน ถึงจะได้กิน
- การขับขี่ที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
ถนนที่นี่ ส่วนใหญ่เป็น 2 เลน โดยมอเตอร์ไซค์จะขับเลนขวา และรถยนต์เลนซ้าย
และจะแซงซ้ายกันมากกว่า ถ้าขับๆอยู่ เจอรถสวนข้ามเลนมาก็ไม่ต้องแปลกใจ
แนะนำไม่ควรขับเกิน 40 เพราะ รถที่นี่ขี่กันแบบชิลมากๆ
ต่อให้ไฟเขียวขึ้นให้ไปได้ แต่ก็มักจะมีรถเลี้ยวตัดหน้าตลอด
- การจอดรถ ควรสอบถามก่อนว่า จอดได้ถึงกี่โมง
และถ้าเกินเวลา จะถูกย้ายไปไว้ที่ไหน
สรุปค่าใช้จ่าย วันแรก
Taxi 165,000 VND = 248 บาท
น้ำมันวันแรก 30,000 VND = 45 บาท
เฝอ ชามละ 30,000 VND 2 ชาม 60,000 VND = 90 บาท
น้ำหวานขวดละ 7,000 VND 2 ขวด 14,000 VND = 21 บาท
ค่าจอดรถ 3,000 VND + 10,000 VND = 20 บาท
น้ำเปล่า 5,000VND 2 ขวด 10,000 VND = 15 บาท
MiniMart ซื้อน้ำ+ขนม 30,000 VND = 45 บาท
ปิ้งย่างมื้อเย็น 151,000 VND = 227 บาท
รวม 291,500 VND หรือประมาณ 711 บาท
*ราคานี้ยังไม่รวมค่าเช่ารถ 3 วัน*
เกิดมาก็พึ่งเคยใช้เงินหมดเป็นแสนในวันเดียวนี่แหละ
ถือว่าไม่แพงเลย สำหรับวันแรก ตกคนละ 350 บาทนิดๆเท่านั้นเอง
Day 2 in Hội An@Vietnam (Hoi An)
วันที่สองของการเดินทาง จุดหมายในวันนี้ของเรา คือ การขับมอไซค์ไป เมืองมรดกโลก "ฮอยอัน"
ระยะทางจากที่พักประมาน 36 km
ก่อนไปเราก็ทานอาหารเช้าของที่พักก่อน ซึ่งเมนูคือ ขนมปังกับออมเล็ต
ขนมปังที่นี่ค่อนข้างแข็งและแห้ง ส่วนออมเล็ตก็นุ่มๆอร่อยดี ซอสปรุงรสก็คล้ายๆบ้านเรา
จากเมื่อคืนวาน มอไซค์ที่ใช้ คิดว่าขับลำบากในหลายๆเรื่อง เลยแจ้งขอเปลี่ยนคันไป
ทำให้ระหว่างนี้เราต้องรอคันใหม่ แต่...เมื่อคันใหม่มาถึง ก็พบว่าอาการเดียวกันทุกประการ
แถมมาถึงน้ำมันหมด สตาร์ทไม่ติด... เลยขอใช้คันเก่าต่อละกัน...
ทำให้กว่าเราจะได้ออกเดินทางก็ประมาน 11 โมง...แดดกำลังแรงได้ที่เลย...
วันนี้เราเลือกเส้นทางเลียบติดชายทะเล คิดว่าน่าจะขับได้ง่ายกว่าในเมือง
ซึ่งจริงๆก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ได้ลมทะเลเย็นๆพัดมาบ้าง
ระหว่างทาง สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือ น้ำ
เพราะอากาศค่อนข้างร้อน แต่ก็ไม่ถึงกับอบอ้าว ซึ่งกว่าเราจะเจอร้านค้า ก็ปาไป 20 กิโล
ระหว่างทางไปฮอยอัน หาร้าน mini mart ยากมากที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านโชว์ห่วยมากกว่า
อีกกิจกรรมที่ทำประจำเวลาไปต่างแดน คือ ซื้อน้ำแปลกๆมาลองกิน
สำหรับขวดสีส้ม รสชาติเหมือนกระทิงแดงอัดลม จะซ่าๆ ช่วยแก้ง่วงได้ดีเลย
ส่วนชาเขียวขวดนี้ก็หวานกว่าบ้านเราหน่อย ราคาขวดละ 7000 VND หรือขวดละ 11 บาท
น้ำเปล่า 4000 vnd หรือขวดละ 6 บาท
หลังจากพักคนพักรถแล้ว แนะนำสำหรับผู้ที่จะขี่มอไซค์ในช่วงกลางวัน ควรพกถุงมือ หน้ากากกันแดด มาด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็นแบบนี้...
ออกเดินทางต่ออีกราวๆ 10 กิโลในที่สุดเราก็มาถึง "ฮอยอัน"
ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชม.
(ที่นี่จำกัดความเร็ว ราวๆ 40-60 จึงใช้ความเร็วมากไม่ได้นัก รวมเวลาพักด้วย)
ด้วยเวลาในตอนเที่ยงๆบ่ายๆ แสงยังไม่สวยเท่าไร เราเลยไปหาอะไรรองท้องกันก่อน
โดยเราจอดมอไซค์ไว้ที่หน้าร้าน Miss ly ร้านที่เราจะกินกันนี่แหละ มีค่าจอด 10,000 VND = 15 บาท
เมนูที่สั่งคือ "เกี๊ยวทอด" ของขึ้นชื่อของที่นี่ ราคา 100,000 VND หรือ 150 บาท
มันก็คือเกี๊ยวทอดที่มีหมูสอดไส้อยู่ด้านใต้ ด้านบนราดด้วยผัดเปรี้ยวหวาน ถือว่าอร่อยใช้ได้เลย
ส่วนเครื่องดื่ม ด้วยความกระหายน้ำ ลืมถ่าย ตอนนี้เหลือแต่แก้วเปล่า 555
แต่แนะนำ pineapple ราคา 50,000 vnd หรือ 75 บาท สัปปะรดชื่นใจดี
หลังจากนั้น ยังรู้สึกไม่หนำใจ เลยมาต่อกันอีกร้าน ชื่อร้าน Bale Well อยู่ห่างจากตัวเมืองฮอยอัน
มา 2 ล็อต เข้าซอยไปประมาน 50 เมตร มาถึงเวียดนาม ก็ต้องลองแหนมเนืองต้นตำรับซะหน่อย
ซึ่งในเซตนี้จะประกอบไปด้วย
- เปาะเปี๊ยะ
- ไก่ย่าง
- ผักดอง
- ผักสด
- น้ำจิ้ม 2 ถ้วย
- ไข่ทอด ด้านในมีกุ้งสอดใส้ด้วย
- แผ่นแป้ง สำหรับห่อ
- ของหวาน
สำหรับวิธีกินคือ
ให้นำแผ่นแป้งกางออกมาแล้วนำทุกอย่างมามัดรวมกัน ราดด้วยน้ำจิ้ม 2 สูตรที่ผสมกัน
ออกมาชิ้นหนาและใหญ่มาก เอาเข้าปากทีเต็มๆคำเลย
- ชุดนี้ราคาตกคนละ 120,000 VND
- Pepsi can 2 ป๋อง 30,000 VND
รวม 270,000 VND หรือ 400 กว่าบาท
ปริมาณให้เยอะมาก รสชาติอร่อยเลยทีเดียว
แต่ติดที่น้ำมันเยอะไปหน่อย
ส่วนของหวาน ก็หว๊านหวาน ถ้าใครติดหวานก็น่าจะชอบนะ
ดูเวลาประมานบ่าย 3 กำลังดี เข้าชมเมืองสักทีดีกว่า สำหรับจุดแรกที่เรามาถึงคือ สะพานญี่ปุ่น
เมื่อเดินเข้ามาด้านขวามือ จะเป็น landmark ยอดฮิต สะพานข้ามแม่น้ำ
ในตอนนี้คนยังไม่เยอะเท่าไร และแสงยังไม่น่าสนใจ เลยเดินชมเมืองกันก่อน
ภายในเมืองก็จะมีสินค้ามากมายให้เลือกชมกัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึกต่างๆ
ส่วนพวกอาหารน้ำดื่ม ค่อนข้างแพงกว่าด้านนอก
(น้ำเปล่าที่นี่ 10,000 VND หรือ 15 บาท ข้างนอกแค่ 4,000 VND หรือ 6 บาทเอง)
ระหว่างนี้ ผมใช้เวลาถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆฆ่าเวลา เพื่อรอแสงอาทิตย์ตกยามเย็น ซึ่งผู้คนก็จะค่อยๆทยอยมา จนประมาณ 4 โมง คนก็เริ่มหนาแน่นเต็มสะพาน พยายามอย่าให้พลัดหลงกันนะ จนในที่สุดเราก็ได้ภาพสวยๆมาสมใจละ
เดินอยู่นาน จนเวลาประมาน ทุ่มกว่าๆก็เดินทางกลับ ซึ่งจุดนี้เราเจอปัญหาคือ "รถหาย" ก็คาดว่าคงย้ายไปไหนสักที่อีกน่ะแหละ เลยเดินๆไปจนเจอ ถูกย้ายมาไว้ตรงปากทางเข้าแทน
ซึ่งขณะกำลังกลับ ลุงที่นั่งเฝ้าหน้ารถ เดินมาพูดอะไรสักอย่าง จับใจความไม่ได้ (คนที่นี่ฟังและพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย) และมาขวางหน้ารถไม่ให้เราไป
เราเจรจากันอยู่นานพอควร ก็ยังไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่แถวนั้นมาช่วยไกล่เกลี่ย
จนกระทั่งเราได้ยินคำนึงว่า "Money" ถึงได้พอเข้าใจ คาดว่าน่าจะจอดเกินเวลา หรือเป็นค่าย้ายรถนี่แหละ
ก็จ่ายเพิ่มไปอีก 10,000 VND 15 บาท ถึงยอมปล่อยเราไป...
การเดินทางกลับในช่วงนี้ บางจุดอาจจะมีแสงไฟน้อยหน่อย แต่รถก็ยังมีอยู่เรื่อยๆจึงไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรนัก ต้องระวังถนนเลนขวาหน่อย เพราะจะมีทรายอยู่ริมทางตลอด
มื้อเย็นเราเลือกที่จะหาร้านใกล้ๆที่พัก เพราะคิดว่าราคาน่าจะถูกกว่าในแหล่งท่องเที่ยว
อุปสรรคอีกอย่างในการมาเที่ยวที่นี่ คือ การเลือกร้านอาหาร เพราะ ร้านส่วนใหญ่ จะเป็นป้ายไฟภาษาเวียดนามไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ ต้องอาศัยขับช้าๆแล้วชะโงกดูว่ามันคือร้านอะไร
ซึ่งสองข้างทางแถบนั้น เท่าที่ดูๆจะเป็นอาหารทะเลซะส่วนใหญ่
แต่ไม่อยากเสี่ยงกลัวท้องเสีย ก็วนหาร้านอยู่นาน จนได้มาร้านนึงแถวนั้น
การสั่งอาหารก็ลำบากอีกเช่นกัน เพราะ เด็กเสริฟไม่รู้ภาษาอังกฤษ
ถึงจะมีเมนูอาหารอังกฤษกำกับ แต่ก็ไม่ได้ตรงเป๊ะ และไม่มีรูปอาหารกำกับ
ซึ่งรอบนี้ลองถามเป็นภาษาสัตว์
pork - อู๊ดๆ / Beef - มอๆ / เด็กเสริฟก็ยังงงอยู่ดี... อยากจะร้อง 8e88 555+
แต่ในที่สุดก็สั่งได้มา 2 อย่าง คือ หมูติดกระดูกย่าง และ ปีกไก่ทอด
รสชาติเข้มข้นดี แต่ติดที่น้ำมันเยอะไปหน่อย ราคา จานละ 60,000 VND โค้ก 12,000 VND
รวม 132,000 VND = 200 กว่าบาท
รีวิวน้ำดิื่ม ขวดซ้ายหลายๆคนคงเคยกินแล้ว รสชาติไม่ต่างกับบ้านเรา แต่ราคาถูกกว่า
ส่วนกระป๋องด้านขวา คือ ซาสี่ ที่รสชาติเหมือนผสมสมุนไพรลงไปด้วย
บรรยายไม่ถูก แต่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไรนัก
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สอง
น้ำ 7,000 + 7,000 + 4,000 + 15,000 = 31,000 VND = 47 บาท
น้ำมัน 50,000 VND = 75 บาท
ลมยาง 5,000 VND = 8 บาท
หน้ากากอนามัย 2,000 VND = 3 บาท
เกี๊ยว 210,000 VND = 315 บาท
Bale well 270,000 VND = 405 บาท
น้ำ 20,000 VND = 30 บาท
ค่าจอด 20,000 VND = 30 บาท
มื้อเย็น 132,000 VND = 200 บาท
Mini Mart 28,000 VND = 47 บาท
น้ำ 15,000 VND = 22 บาท
กระดาษ 50,000 VND = 75 บาท
รวม 835,000 VND = 1,226 บาท
Day 3 in Bana Hill - Hải Vân Pass@Vietnam (Bana Hill - Hai Van Pass)
วันที่สามของการเดินทางจากเมื่อวานเดินทางจนแดดเผาแขนเกรียม จึงลองหาถุงมือและหน้ากากสักคู่
ก็บังเอิญขับผ่านตลาดเจอจนได้ราคาชิ้นละ 10,000 vnd หรือ 15 บาทเท่านั้นเอง
ตลาดที่นี่จะบ้านๆหน่อย วางของขายแบกะพื้น มีทั้งผัก ผลไม้ เสื้อผ้า ชั้นในก็มี และเราก็แวะซื้อ ขนมปังสอดใส้ เพื่อเก็บไว้กินตอนอยู่ที่ Bana Hill (เพราะของด้านบนแพง แนะนำให้ซื้อเตรียมไว้ก่อนดีกว่า)
จากนั้นเราก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง โดยเราแวะเติมน้ำมันอีก 50,000 VND = 75 บาทเวลา
9.15 น. ออกเดินทางสู่ Bana Hill ระหว่างขับมาที่นี่ อยากให้ระมัดระวังถนนด้านขวา
เพราะจะมีทรายอยู่ตลอดทาง และอย่าไปตามรถบรรทุก เพราฝุ่นจะปลิวเยอะมาก
เราใช้เวลาประมาน 40 นาทีก็มาถึงที่นี่
ราคาบัตรเข้าที่นี่ 650,000 VND หรือ 900 บาท เมื่อมาถึงเราก็จะมาต่อคิวเพื่อขึ้น Cable car ที่ถือว่ายาวที่สุดในโลก
ใช้เวลาประมาน 30 นาทีก็มาถึงซะที Bana Hill เมื่อเข้ามาจะพบกับปราสาท พร้อมบรรยากาศเพลง
อารมณ์ผู้กล้าบุกไปล่าจอมมาร วิวที่นี่อลังการงานสร้างจริงๆ
จุดแรกที่เราไปคือ 2B ชั้นนี้จะรวมพวกตู้เกมส์ต่างๆสำหรับเด็กๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็สามารถมานอนนวดตัวได้ที่นี่
ลองไปเล่น 5D ดู พอเข้าไปก็จะเป็นที่นี่แบบหลังม้า และขยับขึ้นลงตามจังหวะของหนัง
เอาจริงๆนะ รู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะเป็นแค่จอ กับปืนยิงธรรมดาๆ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็จบ
หลังจากออกมาเราก็ไปครื่องเล่นที่เราตั้งใจไว้ Alpine Coaster โดยเราใช้เวลาต่อแถวอยู่ประมาน 30 นาที จึงได้เล่น...
โดยที่นั่งจะมีเข็มขัดคาดและมีคันบังคับ ดันไปด้านหน้าก็เร่ง ดันหลังก็เบรค ทีแรกคิดว่าจะน่ากลัว แต่เอาเข้าจริงๆสนุกมากกว่า ถ้าจะให้ดี ควรเล่นเป็นคนแรกๆ หรือรอให้คนด้านหน้าไปไกลๆก่อน จะได้ไม่เสียจังหวะในการควบคุม
หลังจากนั้นก็เดินชมงาน สถานที่บรรยากาศไปเรื่อยๆ แวะพักกินมื้อเที่ยง บ่าย 3
เดินงานได้สักพักฝนก็เทลงมา เราจึงตัดสินใจกลับ เพราะมีที่ต้องไปต่อ
แต่แล้วก็เจอปัญหา คือเราลงกระเช้าผิดอัน! กระเช้าจะมีให้ลงทั้งหมด 3 ทาง
ซึ่งเราไปลงทางที่ 3 เป็นทางเข้าที่พัก Resort ของที่นี่
ทำให้เราต้องเสียเวลาไปทำเรื่องสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันหลักฐานว่าเรามาผิดทางจริงๆ
ก็จะได้เอกสารมายืนยันแทนตั๋ว เพื่อขึ้นกลับไปทางเคเบิ้ลที่ 2 แล้วค่อยมาต่อเคเบิ้ลที่ 1 อีกที
เอาเป็นว่า ได้ขึ้นครบทุกตัว ชมวิวบนเคเบิ้ลคาร์เพลินเลย
หลังจากลงมา เราก็ออกเดินทางต่อสู่ Hải Vân Pass
แต่เราขับกลับทางเดิมไม่ได้นะ เพราะเป็นรถวิ่งเลนเดียว ต้องใช้อีกทาง ระหว่างขับกลับฝนตก ลมเย็นๆบนเขา ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้ดี แต่พอลงเขามาเท่านั้นแหละ แดดมาทันที ขี่ได้แป๊บเดียว ผิวก็แดงแสบร้อนอีกครั้ง จอดเอาเสื้อคลุมมาใส่ แวะพักร้านข้างทาง
ซึ่งระหว่างควรพกน้ำติดตัวไปด้วย อาจมีร้านค้าตามข้างทาง แต่ราคาก็อาจมีบวกเพิ่มไปอีก อย่างวันนี้ซื้อโค้กกับน้ำอีกขวด คิด 30,000 vnd ทั้งที่ปกติในเมืองราวๆ 12,000 vnd เท่านั้น
ออกเดินทางต่อ ระหว่างทางไปที่นี่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไร ราวๆ 30 km
แต่ก็ล้าๆจากการเล่นเครื่องเล่นและเพลียแดด แต่พอมาเห็นวิวที่นี่ปุ๊บก็หายเหนื่อยเลย... ภาพทะเลที่โค้งเป็นรูปจันเสี้ยว น้ำทะเลและหาดทรายที่สะอาดตา พาให้เราอิ่มเอมกับบรรยากาศมากๆ เราใช้เวลาอยู่จุดนี้สักพักก็ขับขึ้นไปต่อ ยังมีจุดชมวิวสวยๆอีกเยอะเลย
เมื่อขับเลยขึ้นไปอีกหน่อยเพื่อมาชมพระอาทิตย์ตกอีกด้านนึง จุดนี้เราใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว
นั่งชมวิว จนอาทิตย์ลาลับก็ได้เวลากลับก่อนที่จะมืดไปกว่านี้
การขับรถในตอนกลางคืนของที่นี่ ค่อยข้างอันตราย
ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง แสงไฟที่ไม่ค่อยมี แมลงที่บินเข้าตาจมูก วัวที่เดินริมทางมืดๆ
และรถพ่วงที่สวนทางข้ามเลน ควรใช้ความระมัดนะวังอย่างสูง
เมื่อลงมาเราก็ตามหาร้านอาหาร ซึ่งแน่นอนว่า มีร้านมากมาย แต่สื่อสารไม่ได้เลย
ร้านริมทะเลแถวนี้ ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ รูปอาหารก็ไม่มี วนอยู่ 5-6 ร้าน ก็ไม่ได้สักที
จนมาเจอร้านนึง ขายบุ๋นจ๋า เอาร้านนี้ละ ขี้เกียจหาแล้ว
"บุ๋นจ๋า" ลักษณะเป็นเส้นคล้ายขนมจีน วิธีกินคือนำเส้นแช่ไปในน้ำแกง ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว
รสชาติออกมาถือว่าอร่อยเลยทีเดียว
ส่วนจานที่สอง "บุ๋นเด่า" หรือขนมจีนเต้าหู้ทอด กินจิ้มกับ "หมำโตม" หรือ น้ำจิ้มซอสกะปิ
มีเครื่องเคียงคือ เต้าหู้ทอด และ หมูต้ม และผัก ส่วนตัวคิดว่ากะปิรสเค็มจัดไป
ถ้ามีพริก กระเทียม เพิ่มให้หน่อยน่าจะเด็ดกว่านี้
สรุปค่าใช้จ่ายในวันนี้
น้ำมัน 50,000 VND (75 บาท)
ถุงมือ-ปิดปาก 20,000 VND (30 บาท)
ขนมปัง 30,000 VND (45 บาท)
น้ำ 18,000 VND (27 บาท)
ค่าบัตร บาน่า ฮิลล์ 1,300,000 VND/2คน (1800 บาท)
น้ำ 30,000 VND (45 บาท)
มินิมาท 17,500 VND (25 บาท)
บุ๋นจ๋า 74,000 VND (96บาท)
นอกจากนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆในวันเดินทางกลับ
ค่าเช่ารถ 130,000 VND x 3 วัน (แต่ทางรร.คิดให้ 2 วันครึ่งแทน) รวม 345,000 VND (520 บาท)
อาหารเช้า x 3 วัน 300,000 VND (450 บาท)
Taxi กลับสนามบิน 118,000 VND (180 บาท)
รวมๆ ทริปนี้ หมดไปราวๆ 2 ล้านกว่าดอง หรือราวๆ 3,000 กว่าบาท
ก็ถือว่าจบเรื่องราวการเที่ยวเมืองดานัง ประเทศเวียดนามไว้เพียงเท่านี้
ถ้ามีโอกาสไปที่ไหนอีก จะกลับมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ^^
Freeman Rider
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.56 น.