แต่ก่อนหนูเล็กรู้จักรัสเซียในนามของสหภาพโซเวียต ภาพในความทรงจำที่แจ่มชัดที่สุดมีเพียงความเป็นประเทศมหาอำนาจขั้วคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น จวบจนวันที่ร่มเงาคอมมิวนิสต์ล่มสลายลง รัสเซียเปิดประเทศมากขึ้น ภาพความงดงามในมุมต่างๆ ปรากฏต่อสายตาบ่อยครั้งขึ้น รัสเซียจึงกลายเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่อยากจะไปเยือนสักครั้งกับประเทศที่แอบซ่อนความงดงามตระการตามากมาย และยิ่งเมื่อได้ทราบว่า คนไทยสามารถไปเยือนรัสเซียได้ถึง 30 วัน โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ความอยากก็ยิ่งมีมากขึ้น

ให้บังเอิญว่ามีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดจากสายการบินชั้นนำที่จะสามารถพาไปสู่รัสเซียได้ในราคาไม่ถึงสองหมื่นปล่อยออกมา แล้วจะรออะไรอีก พี่ใหญ่กับหนูเล็กจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกโดยไว ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการจองตั๋วเครื่องบินราคาย่อมเยานั้น เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้ภาพความฝันที่ยังเบลอๆ ชัดเจนขึ้นมาได้ สุดท้ายทริปนี้ก็เริ่มต้นขึ้นกับสมาชิกที่ร่วมตกระกำลำบากด้วยกัน 6 ชีวิต

การวางแผนการเดินทางเริ่มต้นขึ้นแบบด่วนๆ พวกเราเลือกที่จะเดินทางไปเยือนรัสเซียใน "ฤดูใบไม้ผลิ" เพราะอยากไปเห็นบรรยากาศของรัสเซียที่ต่างจากที่เคยเห็น เคยอ่านจากรีวิวส่วนใหญ่ อยากเห็นรัสเซียในวันที่ฟ้าใส ต้นไม้สวย และคิดว่าการมาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งจะมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานกว่า จะทำให้เรามีเวลาเที่ยวได้นานขึ้น อากาศก็ไม่หนาวเกินไปนัก และสถานที่เที่ยวบางแห่งก็จะปิดในฤดูหนาว ลองมาแปลกๆ ไปบ้างก็อาจได้ความรู้สึกแปลกๆ ใหม่ๆ กลับมา

เรามีเวลาสำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางล่วงหน้าไม่กี่เดือน ส่วนหนึ่งเพราะต่างมีภารกิจหน้าที่การงาน ไม่สามารถทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลต่างๆ กันได้อย่างเต็มที่ เต็มเวลา ทั้งๆ ที่เราค่อนข้างหนักใจกับการออกทริปครั้งนี้แม้จะมีชั่วโมงบินในการเดินทางท่องเที่ยวสารพัดประเทศมาก็ไม่ใช่น้อย อุปสรรคสำคัญก็คือประเทศนี้แทบไม่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเลย ทั้งป้ายตามถนนหนทางหรือแม้แต่ผู้คน ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นอุปสรรคสำคัญในการท่องเที่ยวพอสมควร แต่ ในเมื่อใครต่อใครเขาก็ไปกันได้ เราก็คงจะเอาตัวรอดจนได้เหมือนกันน่ะ

แต่วิบากกรรมการเดินทางของพวกเราก็ทยอยมาเรื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มทริป

  • หลังจากพี่ใหญ่จองตั๋วโปรฯ สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ จาก ฮานอย-มอสโคว์/มอสโคว์-กรุงเทพฯ ในราคาที่พอใจและรับได้ผ่านไปเพียงสองอาทิตย์ สายการบินต่างๆ รวมทั้งของกาตาร์แอร์เวย์เองก็ปล่อยตั๋วโปรฯแบบบินตรงไป-กลับ มอสโคว์-กรุงเทพฯ ออกมาในราคาที่แพงกว่ากันเพียงนิดหน่อย และบินในช่วงเวลาเดียวกัน
  • เส้นทางการบินหลังการจองตั๋วมีการปรับเปลี่ยน นั่นคือเมื่อออกเดินทางจากกรุงฮานอย จะแวะกลับมาจอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก่อนที่จะบินสู่กรุงโดฮา
  • การเดินทางไปรัสเซีย นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลงทะเบียนวีซ่า ถ้าพักโรงแรม นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเท่าที่หาอ่านจากรีวิว มีน้อยคนที่มีปัญหาเรื่องนี้ จนแทบจะไม่มีใครพูดถึง แต่เนื่องจากพี่ใหญ่กับหนูเล็กเลือกพักกับบ้านเปิดให้เช่าอย่าง Airbnb ซึ่ง Host ไม่ใช่เจ้าของ การลงทะเบียนวีซ่าจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและมีค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย Host แต่ละรายมีเงื่อนไขการดำเนินการต่างๆ กันไปและกฎหมายนี้คล้ายกับว่าเราต้องง้อเขา จนดูเหมือนไม่มีทางเลือกและหนทางต่อรอง
  • การเดินทางถูกกำหนดขึ้นก่อนที่จะทันนึกได้ว่าเราไปในช่วงที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ใกล้จะเริ่มขึ้น รัฐบาลรัสเซียดันประกาศกฎหมายใหม่ล่าสุดว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่เมืองที่กำหนดต้องลงทะเบียนวีซ่าภายใน 24 ชั่วโมง ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากให้เราเข้าไปอีก
  • ตั่วโปรโมชั่นที่จองไว้สำหรับการเดินทางสู่รัสเซียเป็นตั๋วที่ออกเดินทางจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ดังนั้น พี่ใหญ่จึงจองตั๋วสายการบินโลว์คอสต์บินจากกรุงเทพฯ ไปลงยังกรุงฮานอยเอาไว้ แต่เมื่อก่อนเดินทางราวสองสัปดาห์ สายการบินมีเมล์มาแจ้งว่า ขอเปลี่ยนแปลงไฟล์ทจากเดิมที่บินเวลา 11 โมง เป็นบ่ายสองโมงเพราะตอนนี้เขายุบเหลือเที่ยวบินเดียวต่อวันแล้ว ในขณะที่เวลาที่เครื่องลงนั้นพอดีกับเวลาที่เครื่องบินที่เราจะเดินทางสู่มอสโคว์จะออกเดินทางพอดิบพอดี ไม่ต้องคิดถึงเรื่องรอรับกระเป๋าเดินทางเพื่อไปเช็คอินหรือโหลดกระเป๋าเดินทางใหม่เลย ซึ่งยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ

แต่ละเรื่องทำเอาปวดสมอง ดังนั้น ก่อนการเดินทางจึงวุ่นวายกับทุกเรื่องจนเกือบถึงวันที่จะเดินทาง ไม่นับกับที่ต้องสะสางงานการให้จบเพราะจะหายหน้าหายตาไปจากโต๊ะทำงานร่วม 10 วัน

รวบรัดตัดตอนมาที่วันเดินทางเสียที หลังจากถูกปรับเปลี่ยนไฟล์ท ทำให้เราต้องบินด้วยสายการบินแสนคุ้นเคยเจ้าเดิมจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงฮานอยแต่เช้าตรู่ เพราะมีเพียงไฟล์ทเดียวที่จะสามารถพาเราไปได้ทันสำหรับการต่อไฟล์ทสู่กรุงมอสโคว์ที่จะออกเดินทางตอนห้าโมงเย็น

เข้าสู่แผ่นดินเวียดนามแล้ว

ตอนแรกคิดกันว่าจะไป one day trip กันในกรุงฮานอย หาสถานที่เที่ยวสำรองเอาไว้เรียบร้อย แต่พอนึกถึงกระเป่าเดินทางก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปไหนกันแล้ว สมาชิกทุกคนสมัครใจไปนั่งๆ นอนๆ ที่สนามบินกันหมด นับเป็นการจะไปเที่ยวที่ขาดความมีชีวิตชีวาที่สุดในชีวิต

สนามบินนอยไบ กรุงฮานอย

ร้านนี้ที่เราฝากท้องมื้อกลางวันกัน ราคาไม่แพงเลย

"เฝอ" มื้ออร่อยจากต้นตำรับกันเลยทีเดียว

เมื่อเคาน์เตอร์เช็คอินเริ่มเปิดเมื่อเวลาประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ความกระปรี้กระเปร่าจึงกลับมาเยือนพวกเราอีกครั้ง การเดินทางจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั้งที่จริงไม่อาจนับว่าเป็นก้าวแรกของการออกเดินทางได้เลยด้วยซ้ำไป เพราะเราจะต้องแวะไปที่สนามบินสุวรรณภูมิกันก่อนอีก กว่าจะได้เดินทางจริงๆ ต้องบอกว่ามีแต่เรื่องต้องลุ้นให้ไปเสียที

หลังจากผ่านการเดินทางอันยาวนานนับตั้งแต่ออกจากกรุงเทพด้วยสายการบินโลว์คอสต์ตั้งแต่เวลา 06.40 น. ไปต่อเครื่องของสายการบินกาตาร์จากกรุงฮานอยในเวลา 17.30 น. ถึงกรุงโดฮา ในเวลา 23.05 น. ความสะดวกสบายและความเอร็ดอร่อยที่เราได้รับระหว่างทำการบินสู่กรุงโดฮานั้น เต็มที่เลย

Savoury pastry, cake

Soba noodle salad with julienne vegetables,Red curry chicken, Mango cheesecake

เดินเที่ยว Duty free กัน

หลังใช้เวลาพักต่อเครื่องภายในสนามบินจนได้เวลา ก็ออกเดินทางจากกรุงโดฮาเอาเมื่อเวลา 06.55 น. ซึ่งแม้จะนั่งชั้นประหยัด แต่เที่ยวบินนี้ก็ว่างพอให้นักเดินทางหลายคนรวมทั้งพวกเราได้นอนเหยียดยาวแบบชั้นเฟิร์สคลาสแบบสบายๆ เลย

เมนูนี้ของหนูเล็ก Apple raisin bread pudding with creme anglaise sauce, Fruit yoghurt

เมนูนี้ของพี่ใหญ่ Mushroom and leek frittata, Fruit yoghurt

สายการบินกาตาร์ก็พาเราสัมผัสแผ่นดินรัสเซีย (Росси́я) ที่สนามบิน Domodedovo (Домоде́дово) กรุงมอสโคว์ (Москва́) ในที่สุดเอาเมื่อเวลา 12.00 น. (เวลาที่รัสเซียช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) รวมใช้เวลาเดินทางไปเบาะๆ แค่ 33 ชั่วโมงเอง

แต่ยังค่ะ การเดินทางของเรายังไม่จบลงแค่นั้น เพราะที่พักที่เราจองไว้สำหรับคืนแรกไม่ใช่ที่กรุงมอสโคว์เมืองหลวง แต่เป็นที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Санкт-Петербу́рг) ดังนั้น เราต้องเดินทางกันต่อค่ะ นี่แค่ช่วงแรกของทัวร์ทรหดของเราค่ะ

กรุงมอสโคว์มีสนามบินทั้งหมด 3 แห่งสนามบิน Domodedovo เป็นหนึ่งในสามแห่งที่อยู่ห่างตัวเมืองออกมามากที่สุดประมาณ 42 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 40 นาทีในเงื่อนไขว่าถ้ารถไม่ติด ในการเข้าเมืองจากสนามบินนี้มีหลายวิธี ส่วนใหญ่ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเที่ยวกันนิยมใช้บริการและกลับมารีวิวกันไว้เยอะแยะเลยก็คือการใช้บริการรถไฟ Aeroexpress (Аэроэкспресс) ซึ่งทุกเสียงต่างรีวิวกันไว้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ง่ายที่สุด เพราะใช้เวลาเพียง 45 นาที ราคา 450 RUB

แต่หนูเล็กขอแนะนำอีกสองวิธีเป็นทางเลือกสำหรับคนชอบประหยัดแบบหนูเล็ก แต่นั่นคือต้องไม่รีบเท่าไรนะ เพราะเวลาอาจไม่เป๊ะแบบรถไฟนั่นคือ รถบัสและรถตู้ สาย 308 ตอนทำการบ้านอ่านมาว่า ถ้ามีกระเป๋าเดินทางแนะนำให้ขึ้นรถบัสดีกว่า เพราะมีที่ไว้กระเป๋าใต้ท้องรถ ค่ารถคนละ 100 RUB ส่วนรถตู้จะไม่มีที่วางเพราะคันเล็ก และค่ารถแพงกว่าเมื่อออกจากสนามบินให้ออกที่ประตูทางออกที่ 3 จากนั้นเดินข้ามทางม้าลายเดินทางลอดกันแดดมาจะเจอป้ายรถ มีรถจอดเรียงรายอยู่ รถจะมีให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. รถบัสจะออกทุกๆ 15 นาที ส่วนรถตู้จะออกเมื่อผู้โดยสารเต็ม

พวกเราทำตามที่อ่านมาทุกประการ เดินกันมาถึงมีชายหนุ่มมาเรียกเราขึ้นรถทันที มองที่หน้ารถก็เห็นรถหมายเลข 308 มันก็น่าจะใช่นะ

แต่ก็แปลกใจว่า ไม่เห็นมีที่วางกระเป๋าใต้ท้องเลยเขาให้เอากระเป๋าขึ้นวางข้างคนขับหรือเขามีรถหลายแบบ ค่ารถก็ติดไว้ว่า 120 RUB ก็มีความเป็นไปได้ เพราะรีวิวที่อ่านมาเขาก็เขียนไว้ระยะหนึ่งแล้ว ค่ารถอาจขึ้นราคาแล้ว เพียงประเดี๋ยวเดียวคนก็เต็ม รถก็ออกทันที รถวิ่งออกไปสักพัก ก็ไปจอดที่ริมทางก่อนออกจากสนามบิน คนขับลงจากรถมาเดินเก็บค่าโดยสาร

จากนั้นก็วิ่งยาวเข้าเมืองมาจนถึงปลายทาง เป็นจุดที่ใครๆ ก็ลงกันหมด พอลงรถได้ เราก็มองตามว่าคนอื่นเขาเดินไปทางไหน เห็นมีคนเดินลงใต้ดินก็ทำให้แน่ใจแล้วว่า ใช่แน่แล้วสถานีรถไฟใต้ดิน Domodedova (Домодедовская) และจากการใช้แอพ Yandex จากวิชารัสเซีย101 ที่ช่วยเราในการค้นหาสถานีรถไฟใต้ดินสำหรับการเดินทาง เราจะต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน Komsomolskaya (Комсомо́льская) ซึ่งจะเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้กับ Leningrad Station (Ленинградский вокзал) หรือสถานีรถไฟที่จะใช้ในการเดินทางสู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากที่สุดนั้น เราจะต้องซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางไปยังสถานีนี้ก่อน ตอนแรกก็พยายามจะซื้อผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติด้วยตัวเองทั้งหมดค่ะ

แต่ด้วยธนบัตรของเราเป็นแบบมูลค่าสูงทั้งนั้น ดูวุ่นวายไปหมด ง่ายสุดสำหรับเราในวันแรกคือซื้อกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ดีกว่า แค่ไปบอกเขาว่าจะซื้อกี่เที่ยวเท่านั้นจบ ง่ายดี

จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินไปลงยังสถานี Komsomolskaya ส่วนตั๋วรถไฟนั้นเราได้จองไว้ล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ http://pass.rzd.ru/ เอาไว้แล้ว ซึ่งตั่วจะระบุตู้และที่นั่งไว้เรียบร้อยค่ะ เพียงแต่หากดูที่ตั๋วอาจจะงงๆ นิดหน่อยเพราะจะเขียนชื่อสถานีรถไฟว่า Moskva Oktiabrskaya

ทางเดินสู่ชานชาลาด้านล่าง

ถึงรถไฟจะดูโบราณ แต่วิ่งเร็วสุดๆ

ประติมากรรมสวยๆ ภายในสถานีขณะเดินเปลี่ยนสาย

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Komsomolskaya เดินหาสถานีรถไฟเลนินกราดให้เจอค่ะ เพราะละแวกนี้จะมีสถานีรถไฟหลายแห่ง สังเกตตึกเก่าๆ ที่อยู่ติดถนนใหญ่เข้าไว้ เพราะมีอีกที่ด้านในจะเป็นสถานีรถไฟชานเมืองที่ชื่อว่า Yaroslavsky เรามาถึงเร็วเพราะเลือกเที่ยวรถไฟที่ออกเดินทางในเวลา 18.08 น. เอาไว้ เผื่อการหลงทางในการมาถึงวันแรก จึงใช้เวลาหาอาหารละแวกสถานีรับประทานรองท้องก่อนจะเข้าไปนั่งรอให้รถไฟขบวนที่จองไว้เข้าเทียบชานชาลา จึงค่อยเดินเข้าไปรอเพื่อขึ้นขบวนรถ

ด้านหลังคือสถานีรถไฟใต้ดิน Komsomolskaya

ตารางเดินรถไฟความเร็วสูง Sapsan ที่ต้องรอดูชานชาลาที่จะเข้าเทียบ

เรานั่งรถไฟความเร็วสูง Sapsan (Сапсан) จากมอสโคว์สู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาเดินทาง 4 ชม. ด้วยความเร็วเฉลี่ย 166 กม.ต่อชม. ปกติเขามี 8-10 รอบต่อวัน นับเป็นการเดินทางที่เร็วสุด สะดวกสุด และประหยัดกว่าการนั่งเครื่องบินค่ะ เพราะเข้าถึงใจกลางเมืองเลย ไม่เช่นนั้นเราต้องเสียค่าใช้จ่ายจากสนามบินเข้าเมืองอีก จากนี้เราก็นั่งๆ นอนๆ ไปอีก 4 ชั่วโมงก็จะถึงที่หมาย นั่นหมายความว่า เราจะถึงในเวลาประมาณ 22.00 น. และเดินทางจากสถานีไปยังที่พักที่จองไว้อีก

ขบวนนี้ค่ะ ที่มารับเรา

นับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่เราเดินทางมาท่องเที่ยวรัสเซียในฤดูนี้ที่กลางวันยาวนานกว่ากลางคืน แม้เราจะเดินทางมาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเวลาประมาณ 22.00 น. แต่ฟ้าก็ยังคงสว่างโร่ราวกับว่านี่เพิ่งเป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นเท่านั้น แต่ให้บังเอิญว่าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Ploschad Vosstaniya (Плóщадь Восстáния) ของสายสีแดงที่เราต้องใช้ในการเดินทางสู่ที่พักเกิดขัดข้อง จำเป็นต้องปิดการให้บริการชั่วคราวประมาณ 15 นาที ทำให้ต้องเสียเวลาคอยกว่าจะได้เริ่มต้นออกเดินทางเพื่อไปต่อสายสีส้มเพื่อไปลงยังสถานี Novocherkasskaya (Новочерка́сская) ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่พักของเรามากที่สุด และเราก็เดินไปหาที่พักที่จองผ่าน Airbnb เอาไว้ กว่าจะถึงบริเวณนั้นก็ราวห้าทุ่มกว่า

ถึงแล้ว เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ทางลงสู่สถานีรถไฟใต้ดินที่ลึกมาก

สถานี Novocherkasskaya (Новочерка́сская)

ความมืดที่มาเยือน ผนวกกับความเปลี่ยว ความไม่คุ้นเคย ทำให้เราหาไม่เจอ ทำให้ต้องติดต่อกับ Host ให้มารับเราสู่ที่พัก ผลปรากฏว่าเมื่อพบกัน Host เป็นสาวจีนหน้าตาสดใสแต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย ที่ผ่านมาเธอสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่น Google Translate ดังนั้น จึงต้องใช้แอพพลิเคชั่นนี้ในการสนทนากันในทุกๆ เรื่อง

ที่พักของเราเป็นที่พักที่ผ่านการรีโนเวตใหม่จึงสวยหรู น่าอยู่ ดูดี มีความพร้อมสารพัด แม้จะอยู่ในตึกยุโรปเก่าๆ และเราต้องแบกกระเป๋าหนักๆ ขึ้นบันไดกันไปถึงสามชั้น แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อย เป็นอพาร์ทเมนท์ที่กว้างขวางและตรงตามรูปที่เห็นก่อนจองไว้ทุกประการ ซึ่งเราจะสิงกันที่นี่รวม 4 คืนก่อนจะเดินทางกลับไปยังมอสโคว์

กว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไปเราใช้เวลาสนทนากับ Host เป็นนาน โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือ การลงทะเบียนวีซ่า ซึ่งเธอจะต้องเอาพาสปอร์ตและเอกสารตรวจคนเข้าเมืองไปจัดการเรื่องการลงทะเบียนวีซ่าเพื่อไปดำเนินการให้ภายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็บอกไม่ได้เลยว่าจะแล้วเสร็จและสามารถนำมาคืนพวกเราได้ในเวลากี่โมง และพวกเราเองก็คงจะไม่บ้าจี้ออกไปตะลอนเที่ยวกันทั้งวันโดยไม่มีพาสปอร์ตและเอกสารตรวจคนเข้าเมืองฉบับนั้นเป็นแน่ เพราะหากเจอเจ้าหน้าที่เรียกตรวจขึ้นมาคงไม่สนุกเป็นแน่

การเดินทางสู่รัสเซียของพวกเรามันเริ่มต้นแบบโหดสลัดรัสเซียเหลือเกินกว่าจะได้มานอนเอนกายบนที่นอนแสนนุ่ม ในอพาร์ทเมนท์แสนสวยใจกลางกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเวลาเกือบเที่ยงคืนของวันนี้

สรุปแล้วเราต้องใช้เวลาเดินทางมาราว 43 ชั่วโมงเชียวนะนั่น ความสามารถเฉพาะตัวแบบนี้ กรุณาอย่าเลียนแบบ และการเที่ยวในแบบของพวกเราก็ไม่ใช่นักเที่ยวสายเก็บแต้ม นั่นคือ จะเที่ยวกันแบบชิลๆ เที่ยวบ้างพักบ้าง ถ้าไปได้ก็ไป ไปไม่ได้ก็ไม่ฝืน เพราะการมาเที่ยวคือการมาพักผ่อน ไม่ได้มาเช็คอิน เรามาเที่ยวเพื่อการใช้ชีวิต มิใช่เพื่อเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรม ดังนั้น จึงเที่ยวกันแบบสบายๆ ไม่วุ่นวายเกินไป ไม่อย่างนั้นทริปนี้คงจะต้องเรียกว่า "ทริปโหดสลัดรัสเซีย" แน่นอนเลย

ติดตามการเดินทาง แวะชมรูปถ่ายและไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น