เราได้ยินความงามของความเป็นลาว ทั้งภูมิประเทศ ผู้คน บ้านเมือง สถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามมานานมากๆและนี่คือรีวิวการเดินทางฉบับย่อของทริปลาวของเราในครั้งนี้
เพราะความตื่นเต้นมันเริ่มต้นตั้งแต่เราวางแผน ออกเดินทาง เอ้ย ! แก เรา สาม คน ลาว สาม เอ้ย ! แก แปด วัน แปด พัน เราไปได้
เรารวมความมันส์ ความสนุก ของทริปลาวตลอดการเดินทางพร้อมกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้ที่นี่ เราเริ่มการเดินทางโดยไม่มีกำหนดการอยู่ที่นี่ ไม่มีการจองที่พัก มีแต่กำหนดว่าต้องกลับไปให้ทันทำงานน่ะ และเรามีสมาชิกทั้งหมด 5 คน แต่ เอ๊ะ ! ไปๆมาๆ ลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย เอ้ย ! แก เหลือ 3 คน โอ้ยยยยย มาลุ้นกัน ว่าเราจะไปที่นี่ยังไงกันต่อ ...
วันที่ 1 เราเริ่มเดินทางจาก จ.เพชรบุรี โดยมีเงินติดกระเป๋า 8,000 บาทถ้วน ราคาค่ารถจากเพชรบุรีไปที่กรุงเทพสถานีหมอชิต 140 บาท เรานั่งรถจากเพชรบุรีเวลา 16.00 น. และไปถึงที่สถานีหมอชิตตอนเย็นๆ ประมาณ 18.00 น. เราก็รีบทำการหารถทัวร์ไป จ.อุดรธานี โดยมาที่อาคารโดยสารขึ้นลิฟท์มา น้องๆไปไหนกัน อ่อไปอุดรค่ะ อ่อซื้อตั๋วเลยจ่ะ เอ้ยยยย คือไร งง แต่ก็จ่ายตังน่ะ 555 เราซื้อตั๋วรถทัวร์กันแบบงงๆ ในราคา 350 บาท ระหว่างรอเวลา เราก็ไปหาขนมทานกัน รถของเราจะออกจากที่นี่ประมาณ 19.30 น. ไปถึงที่ อุดรก็ 06.00 น. เราไปทำธุระส่วนตัว ทานอาหารเช้า และซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปเวียงจันทน์ ในราคาเพียง 80 บาท รถของเราจะออกจากที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานีเวลา 08.00 น.
09.30 น. เราได้ทำการนั่งรถข้ามมาที่ด่าน เราเขียนใบ ตม. และทำเรื่องผ่านแดน ทำการจ่ายค่าผ่านแดน 5 บาท และนำเงินสดที่พกมาแลกเป็นเงินกีบ จำนวน 5,000 บาท ตอนนั้นเป็นเง้นลาวประมาณ หนึ่งล้านหกแสนบาท โอ้ย ! รวยค่ะ 555 รามาดูกันซิ ว่าเงินจำนวนนี้จะอยู่ได้กี่วัน
ว่าด้วยการลงจากรถแวปแรกที่สถานีขนส่ง มีผู้คนมากมายทั้งนักท่องเที่ยว และคนขายทัวร์ เช่ารถ เรามากันแบบไม่ค่อยมีข้อมูล จึงหลีกเลี่ยงการพบปะมากๆ จึงเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อทำการเปลี่ยนซิมเป็นซิมลาว เราใช้ซิมแบบ 7 วันน่ะ เราก็ไม่รู้ไงว่าจะอยู่กี่วัน เลยเอาเก็บๆไว้ก่อน ในราคา 35,000 กีบ แล้วเซิร์ชหาที่พักที่เที่ยวกัน
12.00 น. เราเดินกันมาค่อนข้างไกล สอบถามที่พักก็หลายที่ เราไม่ค่อยพอใจกับราคาเท่าไหร่และบางที่ก็เต็ม เราจึงถือโอกาสนี้เดินเล่นไปเรื่อยๆก่อน จนถึงที่พัก ซึ่งชื่ออะไรก็ไม่รู้เราลืม 555 แต่ว่าราคาโอเคนะ 180,000 กีบ หาร 3 คน ต่อคืน และที่นี่มีจักรยานให้เช่าด้วยเราเช่าจักรยาน 2 คัน ราคา 20,000 บาท หาร 3 คนน่ะ ตอนนี้ก็บ่ายแล้วเราจึงไปหาของกินกัน เราเจอร้านเฝอแซ่บ เลยจัดมา 2 ชาม ราคา 49,000 กีบ หาร 3 คน แล้วเราก็ปั่นจักรยานกันเล่นต่อไปที่ เจดีย์ดำ
มาปั่นวนๆเล่นที่นี่สักรอบสองรอบ แล้วไปกันต่อที่ประตูไช
ประตูไชที่นี่สวยมากๆ มีความยิ่งใหญ่อลังการ ถ้าหากใครมาเวียงจันทน์แล้วไม่ได้ขึ้นมาบนนี้ ถือว่าพลาดสุดๆ เมื่อเราชมความงามของเมืองลาวจากมุมสูงเสร็จเราก็ไปกันต่อที่วัดพระธาตุทอง ราคาค่าเข้าอยู่ที่คนละ 10,000 กีบ
เรามาถึงที่นี่ก็ค่อนข้างบ่ายแก่ๆจึงจะเดินทางไปทางแม่น้ำโขง แต่ระหว่างทางผ่านเราเจอที่นี่ค่ะ พิพิธภัณฑ์สงครามโลก ค่าเข้าที่นี่ 3 คน รถ 2 คันเขาคิด 4,000 กีบเอง
หลังจากที่นี่เราก็มาชิวริมโขงกัน การขี่รถจักรยานทาทงที่นี่คือ ปวดตูดมากๆ เพราะเป็นทาทงลูกรัง ดินแดงๆ แฉะๆหลังจากที่ฝนตกลงมา แต่บรรยากาศนี่ดีสุดๆไปเลย
เมื่อเรานั่งชิวแล้วก็เกิดความหิว จึงหาร้านอาหารนั่งที่ริมฝั่งโขง เราหมดไปกับค่าอาหารมื้อนี้ 169,000 กีบ หาร 3 คน เราเราก็มาต่อกันที่ตลาดมืดริมแม่น้ำโขงที่มีความยาว ความกว้าง ความใหญ่ มีร้านค้ามากมายให้เราได้เลือกสรรทุกๆอย่าง หลังจากนั้นแล้วเราก็เดินทางกลับที่พักกัน
เช้าวันต่อมาเราทำการเช็คเอ้าท์ที่พัก แล้วเดินมาต่อรถกันที่ขนส่ง แต่ระหว่างทางเราขอแวะวัดศรีสะเกดนิดหนึ่ง ราคาค่าเข้าที่นี่ 10,000 ต่อคน
หลังจากที่นี่เราก็มาหรถเพื่อไปกันต่อที่วีงเวียง เรามาดูรถ แล้วได้รถรอบ 10.30 น. ราคาคนละ 80,000 กีบ ตอนนี้เวลาเหลือและหิวมากๆเราึงเดินหาอะไรกินแถวๆนั้น จนได้ร้านนี้ ซึ่งเป็นเฝอ ข้าวเปียก ขนมปังที่อร่อยสุดๆ อร่อยมากๆจริงๆน่ะ ถ้าคราวหน้าได้มีโอกาสมาอีกก็จะมากินร้านนี้แน่นอน อ่อ มื้อนี้เราหมดไป 60,000 กีบ หาร 3 ด้วยนะ
เราขอบอกเลยว่า เวียงจันทน์ไม่ใช่แค่เมืองทางผ่าน แต่เวียงจันทน์มันส์จุง ต้องมา !
10.30 น. ถึงเวลาออกเดินทาง เราเดินทางโดยรสบัส พี่เขาบอกว่า 3-4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โอเคค่ะ หลับได้
13.00 น. ได้เวลารถจอกแวะพักทานอาหารกัน คือเรานอนมากเลยไม่ค่อยหิวอะไร อากาสก็ดี ฝนตกปรอยๆตลอดทางยิ่งหลับสบายเข้าไปอีก เราจึงซื้อขนม ข้าวจี่ หมูปิ้งกินเพียงเล็กน้อย
16.00 น. เราก็เดินทางมาถึงวังเวียง เอ๊ะ ! ไหนว่าไม่นานนนนน 555 จ่ะ ไม่นานเลย พอมาถึงทีนี่ก็จะมีรถสองแถวพาเรามาส่งต่อรถจากที่สถานีขนส่งมาในเมืองวังเวียงฟรีน่ะ ดี๊ดีย์ พอมาลงรถปุ๊บ โอเค หาที่พักได้ เราค้นหาที่พักกันพอสมควร เลยได้ที่นี่ จำปาลาว ที่พักราคา 540,000 กีบต่อคืน หาร 3 น่ะ เราพักที่นี่ 2 คืน โอเคกะว่าจะเที่ยวให้ทั่ว แล้วเก็บบรรยากาศให้ได้มากที่สุด
เมื่อเราเอาของเก็บที่พักก็เดินเล่น หาของกินและจะเช่ารถมอเตอร์ไซด์กันแต่ด้วยความเมื่อยล้าเราจึงเดินไปเดินมา จึงได้ไปซื้อทัวร์ ในราคาคนละ 120,000 กีบ แถมจักรยาน 1 คัน เย่ๆ ได้จักรยานฟรี หลังจากนั้นเราก็ปั่นจักรยานเล่นกันไปที่ถ้ำจัง ระหว่างทางก็ได้เจอกับสะพานส้ม
เรานั่งชิวที่นี่แปปเดียว เอ้ย เริ่มเย็นแล้ว รีบเดินไปที่ถ้ำ เดี๋ยวเขาปิดไม่ให้เข้า แล้วก็เป็นเช่นนั้น เราไปไม่ทันถ้ำเพิ่งจะปิดไปเมื่อกี้เอง TT
เราจึงเปลี่ยนแผนมานั่งชิว กันที่ริมแม่น้ำซอง สายฝนโรยริน งือออออ ก็ยนั่งกินกันตากฝนไปน่ะ
เราสั่งอาหารมาหลายอย่างอยู่ หมดไป 205,000 กีบ หาร 3 คน แล้วก่อนกลับเราก็ไปซื้อหมวก ซื้อกระเป๋า ซื้อนม ซื้อน้ำ ซื้อขนม เก็บไว้กินด้วย ท่ามกลางสายฝนที่ลงมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ตอนเย็น สมควรที่เราจะเข้านอนเพื่อที่จะเก็บแรงไว้ไปทำกิจกรรมวันพรุ่งนี้กัน
08.00 น. เราเดินมากันที่ร้านขายทัวร์เพื่อมาขึ้นรถ ที่นี่มีตลาดเช้าด้วย แต่ฝนตกหนักมากตลาดจึงวายไป เรามากินอาหารเช้ากัน นั่นคือเฝอ ราคา 30,000 กีบ หาร 3 คน
09.00 น. เราได้ทำการขึ้นรถแล้วออกเดินทางไปกัน โอ้วววววว โห๋ นี่คือบรรยากาศข้างทาง ดีงามมมม
สถานที่แรกที่เรามาคือถ้ำช้าง มาไหว้พระขอพร
และเห็นอะไรนั่นไหม หินรูปช้าง
มาค่ะ แล้วเราก็เดินกันต่อเพื่อไปที่ถ้ำน้ำ
การเดินทางเพื่อไปที่ถ้ำน้ำต้องผ่านหมู่บ้าน แล้วเดินไปตามคันนาเรื่อยๆระยะทางไม่ไกลมาก หรือไกลก็ไม่รู้แต่วิวสวยจนลืมเวลาเลยละค่ะ เมื่อเรามาถึงถ้ำน้ำก็มากินอาหารกลางวันกัน แล้วไปทำกิจกรรมกันต่อ นั่นคือการนั่ห่วงยางเข้าถ้ำ โดยทุกคนจะมีอาวุธติดต่อคือไฟฉาย ห่วงยาง ชูชีพ แล้วก็นั่งกันแบบนี้เข้าไปในถ้ำเรียงๆต่อกัน
เมื่อเราลอยๆเข้าไปเรื่อยๆถ้ำก็มืดลงเรื่อยๆ แต่ไม่น่ากลัวนะคนเยอะ ครึกครื้นนนนน กันเกินไปแล้วววว
ก็มีนอนหงสย นอนคว่ำ สาวเชือก บางที่ก็มีลุกเดินเล่นกันเป็นช่วงๆ และพี่ๆไกค์ก็บอกให้เราปิดไฟ 555 เงียบกันกริ๊บเลย
ภายในถ้ำที่นี่ สวยงามและยาวมากๆ ถ้าใครอยากเข้าถ้ำแต่ขี้เกียจเดินก็ลองมาลอยๆเล่นๆที่ถ้ำน้ำกันได้นะคะ
เมื่อเราออกมาจากถ้ำน้ำภาระกิจต่อไปขิงเราก็คือการพายเรือคายักล่องแม่น้ำซอง
แก้งค์เรามันก็จะประมาณนี้นะคะ
เอ้า ป่ะ เริ่มพาย
เราพายกันไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พักน้ำพัดเราไป แต่ในบางช่วงน้ำแรงมากๆก็ต้องระวังเรือล่มกันหน่อยนะคะ ที่เราไปนี่ล่มต่อหน้าหลายลำเลย บางลำก็เข้าไปติดที่พุ่มไม้ข้างๆ
การพายคายักที่นี่สนุกมาก ในระยะทาง 5 กิโลเมตร คือชมวิวน้ำ วิวเขาสองข้างทางไปก็จบระยะทางแล้ว ต่อมาสุดท้ายในการทัวร์ครั้งนี้คือบลูลากูน ที่ลาวมีบลูลากูนตั้ง 5 แห่ง แต่ที่ทัวร์พาเราไป โอเค ใกล้ที่สุด คนเยอะที่สุด น้ำเย็นมากๆเพราะฝนตก จบการรีวิว 555
เราคาดว่าน่ะ บลูลากูนแห่งอื่นคงสวยกว่านี้ คนน้อยกว่านี้ และอาจใหญ่โตกว่านี้ แต่เราไปได้แค่นี้ กลับละนะ
17.00 น. เรากลับมาที่พักแล้วทำการอาน้ำแต่วตัวไปเดินตลาดมือกัน เอ้ยยยยย ฝนพรำ โอเค ไปต่อ == เราไปนั่งสั่นกินหมูกะทะกันให้ฟินสุดไปเลย ค่าหมูกะทะวันนี้ 110,000 กีบ หาร 3 คน
แล้วคืนนี้เราก็ได้พบกับสาวลาวที่ร้านหมูกะทะ ชื่อน้ำฝน น้องชวนไปกินเบียร์ที่ร้านอาหารต่อ เอ้ยยยย เราก็ไป 555 พอเที่ยงคืนเราก็กลับก่อน ปล่อยพี่ๆของเราไว้กับน้อง ไปๆมาๆ เอ้ย พี่เรากลับมาตี 3 ซึ่งพรุ่งนี้เรามีแพลนว่าจะไปผาเงินกันตอนหกโมงเช้า
06.00 น. ทุกคนเงียบกริ๊บ หลับสบาย มีเราตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวคนเดียว โอเค ไปค่ะ ไปคนเดียวก็ได้ เราทำการเช่ารถไปที่ผาเงิน 100,000 กีบ ซึ่งที่จริงมันต้องหาร 3 แต่เราไปคนเดียวไง เลยต้องจ่่ายคนเดียว TT เรานั่งรถไปแปปเดียวก็ถึงทางขึ้นผาเงิน ที่นี่เสียค่าขึ้น 10,000 กีบ
มาเริ่ม คนเดียวก็เอา !
เอาจริงการขึ้นมาที่นี่คนเดียว มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดน่ะ ถ้าเรากล้า แล้วแข็งเเรงพอ มั่นใจว่าเราไม่เป็นลม ถือว่าโอเค ขึ้นมาได้ ที่นี่ขึ้นไม่ยาก ทางไม่ชันมากสำหรับเราน่ะ แล้วก็โชคดีที่ฝนโปรยมาแล้วเพิ่งจะหยุดไปอากาศจึงเย็นไม่ร้อนเลย
การมาที่วังเวียงที่เราชื่นชอบมากที่สุดนอกจากถ้ำน้ำก็ที่นี่แหร่ะ ใครมาที่วังเวียงอย่าลืมแวะมาที่นี่นะใช้เวลาไม่นาน แต่ฟินมากกกกกกกก
เมื่อเราชมความงามของภูเขา ท้องนาและหมอกแล้วเราก็เดินทางกลับกัน โดยเราจะไปกันที่เวียงธารากันต่อเห็นใครๆมาที่นี่ต่างก็มีรูปคู่กับสะพานๆไม้และทุ่งนาเราก็อยากมีบ้างน่ะ
แต่ ! พี่ค่ะๆ พี่เขาไม่ให้เข้า ทำไมใจร้าย TT เราจึงเดินทางกลับมาที่ที่พัก แล้วอาน้ำแต่ตัวใหม่ ซึ่งพี่ๆเรายังหลับอยู่เลย 555 มันใกล้เวลาเช็คเอ้าท์แล้ว ตื่นๆๆ หลังจากนั้นดชเราก็ไปหาอะไรกินเลกน้อย แล้วไปจองตั๋วรถเพื่อไปหลวงพระบางต่อไป
14.30 น. คือเวลาที่เราเดินทางออกจากวัเวียงเพื่อไปกันต่อที่หลวงพระบาง ค่ารถคนละ 16,000 กีบ เรานั่งรถตู้กันมาเรื่อยๆ ฝนลงเม็ดเล็กน้อย ขึ้นภูเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็เย็นๆหน่อยที่สำคัญวิว วิวข้างทาง
18.00 น. เรานั่งรถ หลับๆตื่นๆกันมาจนมาถึงที่นี่ หลวงพระบาง เราคิดไว้ว่าจะอยู่ที่นี่สัก 2 คืน แล้วค่อยกลับฝั่งไทยในตอนเย็นๆ อ่ามาดูกัน เรามีเวลาเที่ยว 2 วันเต็มเชียวน่ะ
เราเดินมาในตัวเมือง แล้วเข้าพักที่โฮสเทลราคาประหยัดซิยแถวๆตลาดมืดเลย ราคาคืนละ 40,000 กีบต่อคน เรานอนสองคืนก็ 80,000 กีบ เราเอาของเก็บที่ที่พักแล้วไม่รอช้ารีบเดินมาหาของกิน 555 คือเราชอบอันนี้มากๆ เซส่วน มันจะคล้ายๆสุกี้แต่น้ำจิ้มเป็นพริกหม่าล่า อร่อยมากกกกกกก ราคาแล้วแต่จะเลือกอันนี้เราหมดไป 33,000 กีบ หาร 3 คน
แล้วเราก็มาต่อกันที่ปิ้งย่างที่อยู่ในซอยแถวๆตลาดมืด
อันนี้หมดไป 50,000 กีบ อร่อยกันจนมือสั่นเลยทีเดียว หลังจากนี้เราก็เดินเล่นกันที่ตลาดมืด ช็อปปิ้งเล็กๆน้อยๆ
เช้าวันต่อมา เราได้มาทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวแต่เช้า เราก็เดินกันมาแบบ งงๆ พระก็เดินกันมา แม่ค้าก็รีบๆเรียกเรา เราเลยได้การตักบาตรมาในราคาการตักบาตรจะอยู่ที่ 30,000 กีบ ต่อ 1 ชุด
เมื่อเราตักบาตรเสร็จเราก็ไปเดินเล่นกันที่ตลาดเช้า แวะซื้อขนมชิมๆนิดหน่อย
แล้วเราเดินไปเดินมา ก็ทะลุออกไปที่แม่น้ำ
แล้วเราเดินมาเรื่อยๆ ก็หิวเฉยเลย เลยแวะที่ร้านนี้ ร้านข้าวปุ้นน้ำพริก อันนี้ 18,000 หาร 2 คนนะ
ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปกันเล็กน้อย
เเล้วเรา 2 คนก็เช่ารถมอเตอร์ไซด์ เพื่อที่จะไปน้ำตก เดินชมป่าไม้ แล้วเล่นน้ำนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับมาชมวัดที่ในเมืองต่อ ราคาการเช่ามอเตอร์ไซด์ อยู่ที่ 100,000 กีบ เราเติมน้ำมันไป 10,000 กีบ อันนี้หาร 3 ทั้งหมดน่ะ
10.00 น. เราเริ่มขี่รถออกจากตัวเมืองหลวงพระบาง ระหว่างทางไปน้ำตกตาดกวางสี สวยงามมากๆ ตันไม้เขียวขจี อากาศเย็นๆกำลังดี พอเที่ยงๆเราแวะพักกินข้าวกันแถวร้านข้างทาง หมดไป 50,000 กีบ หาร 3 คน และแล้วเราก็มาถึงที่นี่ น้ำตกตาดกวางสี ที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 20,000 กีบ
โอเค เหมือนน้ำตกที่ไทยเราเนอะ เสียค่าธรรมเนียมแล้วเดินขึ้นไป เราเดินขึ้นไปตามทางลาดยางไปเรื่อยเปื่อย โอเคแปปเดียวก็ถึง อ่ะนี่ ตาดกวางสี
น้ำใส ไหลเย็น สวยงามตามที่เขาเล่ากันมาจริงๆ แต่เอ๊ะ เราเห็นมาทางเดินขึ้นไปอีก ป่ะลองเดินไปต่อกัน เราเดินขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆก็พบกับความงามนี้
ป่ะ พักแปปหนึ่งแล้วไปต่อกัน เราเดินมาเรื่อยๆก็ขึ้นมาบนน้ำตกแล้ว
เราเดินข้ามาอีกทางก็เจอกันลุงคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่แกบอกว่า ตรงนี้น้ำตกเขาเรียกว่าตาด ส่วนกวางสีอยู่ข้างในไปมั้ยล่องแพกัน ไม่รอช้าเรารีบตอบเลย ค่ะ โอเคไปค่ะ 555 เราเสียค่าแพคนละ 10,000 กีบ ชมความงามความชิวสองริมข้างทาง
ลุงใช้เวลาล่อแพไม่นานเราก็มาถึงจุดที่เรียกว่า กวางสี กวางสีนี้มีตำนาน ลองงไปหาอ่านกันน่ะ
เมื่อเสร็จจากตรงนี้ เรากำลังคิดกันอยู่ว่าจะไปไหนต่อไปถ้ำหรือกลับกันดี แต่ยังไง เอาว่ะ ไหนๆก็มาแล้วไปให้สุด แล้วเราก็เดินเท้ากันต่อไปที่ถ้ำ
การเดินทางนี่ ไม่ยากเลย ไม่ต้องปีน ทางเรียบๆร่มๆสองข้างทาง
เดินกันสนุกสนาน อีกไม่นานก็คงถึงถ้ำ คงเป็นถ้ำที่อยู่ในป่า เงียบสงบแน่นอน
เราเดินไปๆ เอ้ยยยยย มีเด็กขี่มอเตอร์ไซด์มาไหนว่าป่า 555 เอาล่ะเซอร์ไพรส์ เราเดินมาตั้งไกลน่ะ หึ ไม่ย่อท้อเดินไปเจอถนนใหญ่ โอ้ยยยยย ! แต่ไม่เป็นไรน่ะ ไปต่อกว่าจะถ้ำถ้ำคง เอ้ย ! ฟน้าถ้ำมีร้านอาหาร เปิดเพลงแบบดังมาก แล้วมีรถยนต์วิ่งไปมา เอาน่าไม่เป็นไรถือว่าขากลับก็ขเกาะๆรถเขกลับได้ ไหนๆก็มา ไปดูต้นน้ำกันก่อน น้ำที่นี่เ็นบ่อต้นน้ำเล็กๆใสกิ๊กเลย ใสมากๆ มากๆจริงๆ
ต่อมาเราก็เดินไปที่ถ้ำ เราจ่ายค่าไฟฉายไปคนละ 10,000 กีบ แล้วเดินเข้าไปในถ้ำกัน
เราใช้เวลาเดินเข้าไปในถ้ำมืดๆ ที่มีแต่เราสามคน ใชเวลาในการสำรวจไม่นานมาก เวลาเราเดินเข้าไปจะเจอทางแยกซ้ายขงาก็เดินสำรวจจนเจอทางตัน แล้วดูความงามของหินมาเรื่อยๆ จน เอ๊ะ ! น้ำไหลเข้าถ้ำ ฝนจกๆรีบออกไปกันเร็ว เมื่อเราเดินออกมาจากถ้ำฝนก็ยิ่งตกแรง มีลุงที่ให้เราเช่าไฟฉายนั่งรออยู่ที่ศาลา เรากะว่าจะอาศัยรถคนอื่นกลับก็ไม่ทันแล้วเขากลับกับไปหมดเพราะตอนนี้ก็เย็นแล้วอีกอย่างฝนก็ตกด้วย เราจึงทำการเดินกลับทางเดิม ==
เราเดินตากฝนกลับมา เพราะกลัวว่าถ้ารอฝนหลุดคงมืดแน่ๆ ความสนุกของทริปนี้มันอยู่ตรงนี้ ขี้ดิน โคลน เลน ที่ไหลลงมาจากภูเขา น้ำจากฝนที่ตกลงมา ระยะทางการเดินที่ค่อนข้างไกล มาดูสภาพเราค่ะ
โอเคๆน้องยังไหว แต่พอเดินๆไปก็เริ่มดินพองหางหมู งือออออ
ถอดแล้วนะ บายยยยยย หนักมาก หนักและลื่นเดินไม่ไหวถ้าขืนใส่อยู่ ต้องใช้เวลาเดินนานกว่านี้แน่เลย
เอาจริงๆเราชอบน่ะ นี่แหร่ะคือ ประสบการณ์ความสนุกของที่ที่หนึ่งที่เรามีเป้าหมายที่จะไปเหมือนกัน แต่ความสุข สนุกของแต่ละคนมันต่างกัน โอเคค่ะ มาน้ำตกแปปเดียว เดินป่าเบาๆ
เราเดินลงมาจากถ้ำมาที่กวางสี โอ้ววววว ไม่มีคน ลงมาที่าด โอ้ววววว เขากลับบ้านกันหมดแล้ว เราเดินลงเขามา ลื่น มัน ฮา สงบ เย็น ชุ่มฉ่ำ และที่นี่คือน้ำตกส่วนตัวของเรา
เราเดินทางกลับมายังที่พัก เรามาถึงที่นี่ก็เย็นแล้ว ด้วยความเปียกปอนเราจึงอาบน้ำแต่งตัวไปหาอะไรกินกัน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเที่ยวกันอีก 1 วัน เย็นนี้จักหนักลยค่ะ เพราะวันนี้เราใช้พลังงานเยอะ หมดไป เท่าไหร่ไมม่รู้ แต่มีตำหลวงพระบาง ตำไทยเส้นใหญ่ หมูย่าง ไก่ย่าง คอหมู และเซส่วนถ้วยยักษ์ ถ้าจำไม่ผิดหารกันแล้วตกคนละ 40,000 กีบ
สำหรับตอนนี้ฝนก็ยังตก เราไม่ได้ไปเที่ยวไหน จึงหาที่จองรถทัวร์ เราได้รถทัวร์รอบเช้า 08.00 น. ห่ะ ! ทำไมเช้า ทำไมมีรอบเดียว แล้วพรุ่งนี้ทริปเราล่ะ TT ก็คงต้องยอมมมมม เราจองรถทัวร์ขากลับราคาคนละ 230,000 กีบ สำหรับคืนนี้ก็ลากันตรงนี้ ฮือออออ
ัวนนี้เราก็ตื่นแต่เช้ากันเช่นเคยเพื่อที่จะมาขึ้นรถกลับไทย แต่เราขอแวะไปวัดก่อนนะ แวะนิดนึงก่อนไปขึ้นรถก็ยังดี เรารีบเอากระเป๋ามาไว้ที่ที่จองตั๋วแล้วจะมาเข้าวัดแต่ตังงงงง ตังค่ะ ตังงงงง หมด ! เหลืออยู่ 500 กีบ ไม่สามารถดเข้าที่ใดได้เลย และวัดยังไม่เปิดเราจึงใช้ความพยายามได้มาเท่านี้
เมื่อเสร็จจากตรงนี้เราไปที่ที่จองตั๋ว จะแปดโมงแล้วทำไมรถๆไม่มา เน็ตก็หมด โทรศัพท์ก็โทรไม่ได้ เราจึงไปขอความช่วยเหลือจากพี่ๆร้านฝั่งตรงข้ามติดต่อให้ สรุปแล้วพี่เขาลืม == เราเลยได้รถซาเล้งมรับไปส่งที่สถานีขนส่ง
09.00 น. เราเริ่มออกเดินทางจากหลวงพระบาง
15.00 น. เราทำการผ่านด่านตม. เรียบร้อย
17.00 น. เรามาอยู่กันที่จังหวัดเลย มาเดินเที่ยวกินข้าวกัน แล้วไปซื้อตั๋วรถทัวร์กลับไปที่หมอชิตในราคา 389 บาท
19.30 น. รถของเราเดินทางออกจากจังหวัดเลย เรานอนกันยาวๆ
05.30 น. รถของเราเดินทางมาถึงที่สถานีหมอชิต เราก็ทำการต่อรถตู้มาลงที่จังหวัดเพชรบุรี
07.30 น. เรามาถึงที่จังหวัดเพชรบุรีแล้ว ทำการรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อมาทำวานต่อตอนแปดโมงเช้า เย่ จบทริป 555
อ่อ ในทริปนี้ง่ายๆคือ เรามีเงินสดในกระเป๋า 8,000 บาท ใช้จ่ายในไทยนิดหน่อยไม่ถึง 3,000 บาท แล้วแลกเงินลาว 5,000 บาท ในทริปนี้ส่วนมากเราจะหาร 3 ทั้งหมดจึงประหยัดมากๆ ในส่วนเงินนี้เราคาดว่า คนไม่ช็อปปิ้ง ไม่เมา เอาอยู่น่ะ แต่กระซิบนิดนึง ลาวเบียร์ถูกมากกกกกกกก
คือที่เราพลาดมากๆในทริปนี้คือเราหลง งงกับเวลาการเดินทาง ทำไมเที่ยวไม่เผื่อเวลาเดินทางกลับ ห่ะ ! เสียดายมากๆที่ดูวันมั่ว แทนที่จะไดด้ทั่วหลวงพระบางอย่างเต็มอิ่ม แต่ไม่เป็นไรน่ะ ลาว ไปง่าย ใครๆก็ไปด้ ประหยัดด้วยยยยย ไว้เจอกันอีกน่ะ
ME' Art X Traveller.
วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.56 น.