กาญจนบุรี....เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย และยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ทุกแบบทุกไลฟ์สไตล์
อ้อมเองก็อยากจะไปเยือนเมืองกาญดูบ้างเหมือนกัน วันว่างก็ดันมีแค่เสาร์-อาทิตย์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนอยากเที่ยวแบบอ้อมหรอก คิดได้ก็จัดกระเป๋าแล้วออกเดินทาง
กับทริปง่ายๆ "2 วัน 1 คืน ตะลุยเช็คอินเมืองกาญ"
ทริปนี้อ้อมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวอีกเช่นเคย เมื่อถึงจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ ก็ขอไหว้พระขอพรเอาฤกษ์ เอาชัยที่วัดขึ้นชื่ออย่าง "วัดถ้ำเสือ" กันก่อนที่จะไปตะลุย ตะลอนเที่ยวกัน ซึ่งวัดนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสวยงามของหลวงพ่อชินน์ประทานพร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ องค์พระมีความสูงถึง 9 วา 9 นิ้ว หน้าตักกว้าง 5 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2516
และภายในวัดยังมี “พระเจดีย์เกษุแก้วมหาปราสาท” เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม สีส้ม สูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ มีทั้งหมด 9 ชั้น ตรงกลางมีบันไดเวียนสามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด แต่เราไปไม่สุด เหนื่อยก่อน 555555
ทำบุญไหว้พระอิ่มอก อิ่มใจกันแล้ว ก็ไปหาของกินให้อิ่มท้องกันบ้างดีกว่า ออกจากวัดถ้ำเสือ เลี้ยวขวาเข้าซอย ไปตามทางเล็กๆ ก็จะเจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวกลางทุ่งนา ที่มีกระแสโด่งดังอยู่ในตอนนี้ร้าน
"รักษ์คันนา" นั้นเอง
ร้านนี้เค้ามีคอนเซ็ปเก๋ๆว่า "ก๋วยเตี๋ยวกลักสิบ แต่วิวหลักล้าน"
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำพิเศษ ราคา 50 บาท น้ำดื่มฟรี บริการตัวเอง นั่งห้อยขากินก๋วยเตี๋ยว มองดูทุ่งนาที่มีฉากหลังเป็นวัดถ้ำเสือ ตรงคอนเซ็ปจริงๆ เสียดายอย่างเดียวที่ในนาตอนนี้ไม่มีต้นข้าวเขียวๆแล้ว
(เสียดายรอบที่ 2)
ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวก็มาต่อที่คาเฟ่ชื่อดังอย่างร้าน "มีนาคาเฟ่" ที่นี่ก็จะได้บรรยากาศคล้ายๆกับร้านรักษ์คันนา ต่างกันตรงที่มีกระท่อมกลางนาให้ได้นั่งเล่นพักผ่อนด้วย แต่ก็ต้องเสียดายเป็นรอบที่ 3 ที่ในนาไม่มีต้นข้าวเขียวๆ เฮ้อ เธอมาช้าไป อ้อม เอ้ย
เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ออกเดินทางสู่จุดแลนด์มาร์คของจังหวัดกาญจนบุรีกันต่อเลยที่ "ต้นจามจุรียักษ์" ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีขนาดถึง 10 คนโอบ ซึ่งก่อนที่จะมาก็คิดว่าคงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เคยเห็นทั่วๆไป แต่พอมาถึงต้องตะลึงในความใหญ่โตของต้นไม้และกิ่งก้านสาขาที่แผ่ออกอย่างสวยงามสร้างความร่มรื่นให้บริเวณโดยรอบ
แลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรีคือ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" สะพานที่มีประวัติความเป็นมา ที่ยาวนาน สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ภายใต้การควบคุมของกองทัพญี่ปุ่น ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียงหนึ่งปี และสพานแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็น "สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ" อีกด้วย
ออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายแก่ๆแล้ว จึงขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่อำเภอไทรโยคแต่ก่อนที่จะเข้าที่พักขอแวะเติมพลังที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องอาหารรสเลิศ ราคาถูก บรรยากาศดี อย่างร้าน "คีรีมันตรา" เป็นร้านอาหารที่โอบล้อมไปด้วยความร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้และภูเขา ซึ่งร้านนี้เค้ามี คอนเซ็ปต์ว่า "เป็นร้านอาหารที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หลบหลีกจากความวุ่นวายในเมือง ที่สุดของการพักผ่อนและรับประทานอาหาร สำหรับครอบครัวและนักท่องเที่ยวทุกวัย" ซึ่งสิ่งที่อ้อมได้สัมผัสมันตรงกับคอนเซ็ปของร้านที่ว่ามาทุกอย่าง ขอแนะนำว่าถ้าอยากเดินเล่นบนสะพานท่ามกลางสนามหญ้าที่ทอดยาวเลียบริมทะเลสาบ ให้มาถึงร้านประมาณ 16.00 น.เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่แดดร่มลมตกอากาศค่อนข้างดี ไม่ร้อน และโซนที่นั่งด้านนอกเปิดให้บริการด้วย แต่หากใครไม่เน้นที่จะนั่งรับลม เดินชมวิวแล้วละก็ ทางร้านก็เปิดให้บริการโซนในอาคารตั้งแต่เวลา 11.00 น.
หลังจากอิ่มหนำกับอาหารที่ คีรีมันตราแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่พักของเราในวันนี้กันเลย "นาคาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา" เมื่อเข้ามาถึงก็ประทับใจกับรถรับส่งแขกที่เข้าพักไปยังห้องพักต่างๆ เก๋ไก๋สุดๆ
มาดูทางด้านห้องพักกันบ้าง อ้อมเข้าพักห้องซูพีเรีย ขนาด 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก
มีระเบียงด้านนอกสำหรับนั่งรับลม กับวิวต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม
สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน อาทิ ไดร์เป่าผม นำ้ดื่ม ชากาแฟ
มาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง แบ่งแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกัน พื้นที่ใช้สอยขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่มาก มีเครื่องใช้ในห้องน้ำให้ครบ
ที่นี่มีสระว่ายน้ำบริการด้วย สระค่อนข้างใหญ่เลยที่เดียว
หลังจากพักผ่อนท่ามกลางเสียงฝนกันมาทั้งคืน ตื่นมาก็เจอกับบรรยากาศสุดสดชื่นแบบนี้ไง ตรงนี้เป็นบริเวณห้องอาหารที่เราทานอาหารเช้ากัน
อาหารเช้ามีให้เลือก 2 แบบ มีทั้งแบบแบบเอเชีย เบรคฟาส จะมีข้าวต้มหมู/ไก่ ชา/กาแฟ ขนมปัง น้ำผลไม้และผลไม้ อีกแบบเป็นอเมริกัน เบรดฟาส จะมีชุดอาหารเช้าแบบอเมริกัน ชา/กาแฟ ขนมปัง น้ำผลไม้และผลไม้ เราสามารถเลือกทานได้ตามชอบเลย
ทางขึ้นไม่ถึงกับลาดชัน แต่โค้งเยอะมากๆ พื้นถนนอยู่ในสภาพดี รถเก๋ง หรือรถโหลดต่ำสามารถขึ้นได้สบายมาก
ขอแวะพักความมึนเมาจากความโค้งของถนนสักหน่อย ที่จุดชมทิวทัศน์
ทางขึ้นเหมืองปิล็อก
ถึงแล้ววววววววว บ้านอีต่อง เมืองในสายหมอกของฉัน
ที่หมู่บ้านอีต่องแห่งนี้มีที่พักสไตย์โฮมสเตย์ให้เลือกมากมาย แต่ขอแนะนำว่าใครที่จะขึ้นมาพักที่นี่ควรจะจองล่วงหน้า เพราะในวันที่อ้อมขึ้นมาเป็นช่วงที่มีพายุฝน แม้จะไม่ถึงกับโหมกระหน่ำรุนแรงแต่ก็ถือว่าเป็น ช่วงโลซีซั่นอยู่ ซึ่งที่พักที่มีอยู่เยอะมากกกกกกกก กลับเต็มหมด เพราะฉะนั้นจองก่อนไปแน่นอนที่สุดค่ะ
การขึ้นมาที่หมู่บ้านอีต่องในครั้งนี้ อ้อมยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่หลายอย่าง และด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา และสภาพอากาศด้วย เอาไว้ถ้ามีโอกาศอ้อมจะขึ้นไปนอนค้างที่นี่สักคืน ในวันที่ท้องฟ้าเปิดกว่านี่ และเที่ยวให้ทั่วไปเลย ครั้งนี้ขอติดเอาไว้ก่อนนะ "อีต่อง" แล้วจะกลับมาหาใหม่
ฝากติดตามรีวิวอื่นๆของอ้อมด้วยนะคะ
FB : อยากเที่ยว ต้องได้เที่ยว WANT TO TRAVEL
https://www.facebook.com/wanttotravel29/
อยากเที่ยวต้องได้เที่ยว Want To Travel
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.04 น.