เราเคยมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามหลายครั้งมาก เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดินทางง่ายแม้ไม่มีรถส่วนตัว ครั้งที่ผ่านมาเราเที่ยวแบบ One day trip เที่ยวคุ้ม สนุก แต่กลับบ้านไปแบบหมดแรงเพราะต้องเดินทาง เดินช็อป ท่องเที่ยวกันทั้งวัน การกลับมาเที่ยวครั้งนี้จึงพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะเราจะเที่ยวอัมพวาแบบ 2 วัน 1 คืน ไปดูกันดีกว่าว่าจะพิเศษยังไง...
สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมในทริป
- ตลาดมหาชัย พาไปกินร้านเส่ย เป็ดย่าง
- ตลาดแม่กลอง (ตลาดร่มหุบ)
- ตักบาตรพระยามเช้า
- นั่งเรือไหว้พระและชมหิ่งห้อย
- วัดค่ายบางกุ้ง
- วัดบางแคน้อย
- วัดท้องคุ้ง
- ตลาดน้ำอัมพวา
- ตลาดน้ำบางน้อย
การเดินทางโดยรถไฟ
เราเดินทางโดยรถไฟซึ่งการเดินทางด้วยวิธีนี้ค่อนข้างซับซ้อน ต้องมีการวางแผนเนื่องจากเดินทางด้วยรถไฟสองต่อและสองสายคือ 1.รถไฟสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัย และ 2.รถไฟสายบ้านแหลม - แม่กลอง ซึ่งรถไฟสายบ้านแหลม - แม่กลองมีเที่ยวรถไปกลับอย่างละ 4 เที่ยวต่อวัน ถ้าไปไม่ทันเที่ยวที่อยากไปก็นั่งรอต่อไปยาวๆ ค่ะ ดังนั้นควรวางแผนให้ดี
เที่ยวรถไฟที่เราแนะนำคือ...
- รถไฟจากวงเวียนใหญ่ไปมหาชัย เที่ยวที่ 07.40 น.
- รถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลอง เที่ยวที่ 10.10 น.
ตารางเดินรถ
- กำหนดเวลา และราคาค่าโดยสาร สายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย (WongwianYai- MahaChai Line)
- กำหนดเวลา และราคาค่าโดยสาร สายบ้านแหลม – แม่กลอง (BanLaem-MaeKlong Line)
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย
หากใครอยากได้วิธีการเดินทางโดยรถไฟที่เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยละเอียดดูที่รีวิวนี้ได้เลยจ้า วิธีการเดินทางโดยรถไฟจากวงเวียนใหญ่ไปอัมพวาแบบละเอียด
สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ - มหาชัย
ในสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่มีของขายเยอะมาก มีทั้งร้านอาหาร ร้านน้ำ ร้านขนม และร้านสะดวกซื้อ เราชอบกินข้าวยำไก่แซ่บร้านที่อยู่ตรงทางเข้าสถานี เผื่อเวลามาเดินเล่นมาหาของกินสักหน่อยก็ดีค่ะ ตอนนี้รถไฟฟรีไม่มีแล้ว ราคาตั๋วจากวงเวียนใหญ่ไปมหาชัย 10 บาท ซื้อตั๋วแล้วรอรถไฟเข้าชานชาลา
ทางรถไฟสายนี้อยู่ใกล้ชุมชนมาก เวลาถ่ายรูปหรือก่อนจะยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกไปนอกหน้าต่างโปรดระมัดระวังด้วย (ความจริงก็ไม่ควร) รถไฟจะจอดรับผู้โดยสารตามสถานีเล็กๆ ระหว่างทางมีที่นั่งรอนิดหน่อย บางสถานีในสายบ้านแหลม - แม่กลองเหมือนศาลารอรถเมล์เลยค่ะ
*หันหน้าไปทางหัวขบวน (ไปทางมหาชัย) นั่งฝั่งขวามือแดดจะไม่ร้อน
ตามตารางเดินรถรถไฟขบวนนี้จะถึงสถานีมหาชัยเวลา 08.39 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่วันนี้รถไฟช้ากว่าเวลาจริงไปกว่าครึ่งชั่วโมง เผื่อเวลาในส่วนนี้ไว้ด้วย
1. ตลาดมหาชัย
ใครอยากซื้ออาหารทะเลสดหรือว่าเป็นแบบแปรรูปแล้วที่ตลาดมหาชัยมีให้เลือกเยอะมาก ผัก ผลไม้ ของกิน โดยเฉพาะของหวานที่เราชอบมาก ยกให้เป็นเมนูในดวงใจเลยคือ "ลอดช่องวัดเจษ" หากินในกรุงเทพฯ ถุงเล็กเคยเจอราคา 80 บาท แต่ถ้าเป็นที่นี่ราคาประมาณ 60-65 บาท
เส่ย เป็ดย่าง
ดูนาฬิกายังพอมีเวลาหาอะไรใส่ท้อง เห็นรุ่นน้องโพสต์ใน Facebook พอดีว่าแถวตลาดมหาชัยมีร้านข้าวหน้าเป็ดอร่อยมาก เดินหาใช้เวลาไปพอสมควรเพื่อความรวดเร็วแนะนำว่าให้เปิด Google map และเดินตามทางมาถึงเหมือนกันค่ะ
เส่ย เป็ดย่าง นอกจากข้าวหน้าเป็ดแล้ว ยังมีข้าวหมูแดงหมูกรอบด้วย เราสั่งแบบรวมมิตรอยากลองชิมหลายๆ อย่าง เนื้อเป็ดไม่เหนียวและไม่สาบ หมูกรอบเคี้ยวทีสะเทือนหูกรอบมาก รสชาติดีราคา 50 บาท
ข้ามเรือไปท่าฉลอม + ต่อรถไฟที่สถานีบ้านแหลม
ถ้าออกมาจากสถานีรถไฟมหาชัยให้เลี้ยวไปทางขวามือ เดินผ่านตลาดจนสุดทางจะเจอท่าเรือทางซ้ายมือค่ะ ใครไม่รีบสามารถแวะสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองได้ ในทุกปีจะมีงานแห่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นงานใหญ่ของจังหวัดและเป็นศาลหลักเมืองที่เดียวที่มีการจัดงานแห่เจ้าพ่อหลักเมือง แต่ครั้งนี้เราไม่มีเวลาแล้วเพราะเดินชมตลาดกันเพลินไปหน่อยดูนาฬิกาอีกทีเหลือเวลาไม่ถึง 15 นาทีรถไฟจะออกยังไม่ได้ข้ามฟากไปท่าฉลอมเลย ควักเงินออกมาจ่ายค่าเรือ 3 บาทแล้วก็ไปนั่งร้อนรนรอเรือออก เรือข้ามฟากที่นี่สามารถเอามอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือได้ด้วย
ระยะทางจากท่าเรือท่าฉลอมสามารถเดินไปสถานีรถไฟบ้านแหลมได้ อย่างที่บอกเราไม่มีเวลาแล้วต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์ราคา 15 บาท หรือใครไม่อยากเดินและไม่รีบมีอีกหนึ่งตัวเลือกคือ "รถสามล้อ"
เรามาถึงเหลือเวลาอีก 4 นาทีรถไฟจะออก ค่าตั๋วไปแม่กลองราคา 10 บาท รถไฟสายนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะค่ะ เพราะว่ารถไฟจะผ่าน "ตลาดร่มหุบ" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand
วิวสองข้างทางของรถไฟสายนี้จะเห็นนาเกลือกับต้นไม้จำพวกโกงกาง เราเคยเห็นน้องลิงปีนต้นโกงกางด้วยนะไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ไหม เส้นทางรถไฟดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ฝุ่นจากการปรับปรุงเส้นทางก็ไม่มีแล้ว
2. ตลาดแม่กลอง (ตลาดร่มหุบ)
ตลาดร่มหุบอยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟแม่กลอง หลังจากผ่านสถานีบางกระบูนรถไฟจะวิ่งช้าลง เตรียมจับจองพื้นที่ใกล้หน้าต่างไว้เลย รถไฟวิ่งผ่านกลางตลาดโดยที่พ่อค้าแม่ค้าจะหุบร่มผ้าใบและเก็บแผงสินค้าก่อนรถไฟมาถึงและก่อนที่รถไฟจะออกจากสถานี บางร้านก็ใช้แผงแบบติดล้อเลื่อนเข้า-ออก ในหนึ่งวันพ่อค้าแม่ค้าจะต้องทำแบบนี้ 8 รอบ นักท่องเที่ยวที่รอชมรถไฟผ่านตลาดด้านล่างจะจับจ้องและถ่ายภาพมายังขบวนรถไฟ ให้ยิ้มพร้อมโบกมือสวยได้ฟีลแบบ Celebrity
รถไฟมาถึงตรงเวลา ข้อดีของการมารถไฟเที่ยวนี้คือถ้าอยากดูรถไฟออกจากสถานีผ่านตลาดร่มหุบรอเพียง 20 นาทีเท่านั้น จะมีรถไฟเที่ยวเวลา 11.30 น. ออกจากสถานีแม่กลองกลับไปสถานีบ้านแหลม เราใช้เวลาตรงนี้ไปเดิมชมตลาดร่มหุบและหาพื้นที่ปลอดภัยในการดูรถไฟกันค่ะ
ใกล้เวลารถไฟออกจากสถานีพ่อค้าแม่ค้าจะเก็บแผงร้าน มากี่ครั้งช่วงเวลานี้ยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเดิม รอไม่นานรถไฟก็วิ่งผ่านตลาดกลับไปยังสถานีบ้านแหลม เคยอ่านเจอมาว่าตลาดร่มหุบมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ตลาดเสี่ยงตาย"
*** ข้อควรระวัง***
ขณะอยู่บนรถไฟ: รถไฟวิ่งใกล้กับบ้านและแผงร้านค้ามาก ไม่ควรยื่นสิ่งใดหรือส่วนใดของร่างกายออกไปนอกหน้าต่างอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ
ขณะอยู่ด้านล่างบนรางรถไฟ: ให้สังเกตพ่อค้าแม่ค้าว่าเขาหลบไปยืนอยู่ระยะไหนถึงพ้น นั้นคือระยะที่ควรไปยืนรอ ถ่ายรูปอย่างมีสติ ไม่คึกคะนอง ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึงต้องดูแลตัวเองและเชื่อฟังคนพื้นที่
การเดินทางด้วยรถสองแถวเข้าที่พัก
เดินตามรถไฟไปและหาทางออกไปทางซ้ายมือ โผล่ออกมาจะเจอกับธนาคารธนชาติ บริเวณข้างธนาคารเป็นท่ารถสองแถวใครที่จะไปอัมพวาสามารถขึ้นรถสองแถวตรงนี้ได้ แต่เพื่อความแน่ใจก่อนขึ้นให้ถามคนขับก่อนเพราะสีรถสองแถวคล้ายๆ กัน ส่วนคันที่พาเราไปยังที่พักจอดฝั่งตรงข้ามกับธนาคารเป็น รถสองแถวคันสีฟ้าเขียนว่า "วัดปราโมทย์" บอกคนขับว่าไป "บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท" เปิด Google map ควบคู่ไปด้วยก็ได้ค่ะเพื่อความแน่ใจ ค่ารถ 16 บาท
บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท
"บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท" อยู่อำเภอบางคนที ห่างจากตลาดน้ำอัมพวาประมาณ 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบและเป็นกันเอง คุณเบญเจ้าของบ้านพักน่ารักมาก ดูแลการเข้าพักของเราเป็นอย่างดี เราได้ถามคุณเบญถึงความหมายของคำว่า "น้ำเป็น" ซึ่งมีความหมายประมาณว่า "สายน้ำที่มีชีวิต"
บ้านพักแยกเป็นหลัง มีทั้งหมดจำนวน 9 หลัง แต่ละหลังมีชื่อที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "น้ำ" บ้านน้ำหนึ่ง น้ำเพชร น้ำใส น้ำจืด น้ำใจ น้ำริน น้ำเย็น น้ำฝน และบ้านพักของเราคือ "บ้านน้ำฟ้า"
บ้านพักทุกหลังมีระเบียงหน้าบ้าน บางหลังใช้ระเบียงร่วมกันคล้าย Connecting room ทางเดินหน้าบ้านเชื่อมต่อกันเหมาะกับการมาพักเป็นครอบครัว บ้านหนึ่งหลังพักได้ 2 คน สามารถเสริมเตียงได้ 1 คน เตียงมี 2 แบบคือ King size bed (ห้องเตียงเดี่ยว) และ Twin bed (ห้องเตียงคู่) ห้องที่เราพักเป็นห้องเตียงคู่ค่ะ ห้องกว้าง มีที่นั่งที่วางสัมภาระ จัดวางพื้นที่ใช้สอยได้ดี ปลั๊กไฟเพียงพอต่อผู้เข้าพัก
กาแฟ โอวัลติน น้ำดื่มและขนมที่วางอยู่ในห้องสามารถทานได้เลยไม่คิดเงินเพิ่ม
สิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นมีครบ ผ้าขนหนู ไม้เเขวนเสื้อ ไดร์เป่าผม กาต้มน้ำร้อน ทีวี เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ
ในส่วนของห้องน้ำมีวิวสวนเล็กๆ ให้ชมขณะทำธุระส่วนตัวถ้ารู้สึกเขินมีม่านปิดได้ ฝักบัวมีสองแบบความแรงของน้ำที่ออกนิ่มมาก ภายในห้องน้ำมีครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวดผมไว้ให้
ใครที่นำรถส่วนตัวมามีที่จอดรถภายในรีสอร์ท ตอนกลางคืนประตูรั้วจะปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย
ที่นี่มีบริการห้องประชุมสัมมนาขนาดเล็กสำหรับ 30 คน มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการประชุม เช่นจอ Projector และเครื่องเสียง
บริเวณที่พักร่มรื่น ต้นไม้ครึ้มทำให้เย็นสบาย ต้นไม้เยอะแต่ไม่รู้สึกว่ารกเลยค่ะ เพราะมีคุณลุงดูแลและเก็บกวาด เดินเล่นในรีสอร์ทได้รูปสวยๆ ไป Update ใน Facebook เยอะเลย
บริเวณท่าน้ำมีศาลาและมุมนั่งเล่น สามารถนำอาหารมาทานได้ นั่งชมวิวรับลมริมแม่น้ำชิวดีค่ะ ที่นี่มีบริการจัดเลี้ยง พร้อมอุปกรณ์ปิ้งย่างและคาราโอเกะด้วย
บรรยากาศของบ้านพักยามค่ำคืน เรานำอาหารที่ซื้อจากตลาดน้ำอัมพวามาทานที่โต๊ะบริเวณท่าน้ำ คุณเบญบอกเราว่าตอนกลางคืนเงียบมาก จนมีคำพูดขำๆ กันว่าฝั่งตรงข้ามตดยังได้ยิน บรรยากาศเงียบจริงค่ะ จนเราได้ยินเสียงแมวร้องจากฝั่งตรงข้าม เนื่องจากที่พักอยู่ริมแม่น้ำทำให้ยุงเยอะ หากออกมานั่งเล่นตอนกลางคืนทายากันยุงมาด้วยนะคะ
กิจกรรมใส่บาตรยามเช้า
ในมโนภาพของเราถ้าพูดถึงอัมพวาเรานึกถึงการใส่บาตรทางเรือ มานอนค้างที่นี่แล้วอยากใส่บาตรตอนเช้า แจ้งล่วงหน้าไว้ได้ค่ะ ทางรีสอร์ทจะเตรียมชุดใส่บาตรไว้ให้ราคา 60 บาท ต้องขอบอกในส่วนของวิธีการใส่บาตรของที่นี่แตกต่างจากที่อื่นตรงที่พระท่านจะไม่รับซองปัจจัยและไม่มีการให้ศีลให้พร ไม่ต้องงงถ้าใส่บาตรเสร็จแล้วหลวงพี่พายเรือไปเลย เมื่อรับบิณฑบาตเสร็จเรียบร้อยก่อนฉันเช้า หลวงพี่จะสวดให้พรค่ะ หากพระท่านติดกิจนิมนต์จะไม่ได้บิณฑบาตรค่ะ
มองไปที่ท่าน้ำบ้านข้างๆ คุณป้ามารอใส่บาตรเหมือนกัน ภาพนี้ทำให้เราเข้าใจความหมายของคำว่า "น้ำเป็น" มากขึ้น...สายน้ำคือชีวิต...วิถีชีวิตของคนที่นี่เกี่ยวเชื่อมโยงกับสายน้ำแม่กลอง
ถึงเป็นรีสอร์ทเล็กๆ แต่อาหารเช้าจัดเต็มนะคะ อาหารจานหลักมีให้เลือก 2 เมนู คือไข่กระทะและข้าวต้มกุ้งที่ใส่กุ้งมาให้หลายตัว เรากับเพื่อนสั่งมาคนละอย่าง คุณเบญบอกว่าถ้าไม่อิ่มเพิ่มได้ หูย...
นอกจากอาหารจานหลักสองอย่าง มีปาท่องโก๋มาคู่กับนมข้น ขนมใส่ไส้ ขนมปังปิ้งกับแยมสตรอว์เบอรี่ แยมส้ม เนย กาแฟ น้ำเต้าหู้ และน้ำส้ม นอนสบายตื่นมาได้กินอิ่มเป็นการพักผ่อนที่ดีมาก
รายละเอียดราคาห้องพัก อาหารเช้า เตียงเสริม และบริการต่างๆ ตามรูปด้านล่าง ราคาวันธรรมดากับวันหยุดไม่เหมือนกัน ช่วงวันหยุดยาวต้องติดต่อสอบถามราคากับทางรีสอร์ทก่อนค่ะ
ที่อยู่: 3/1 ตำบลโรงหีบ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 75120
เบอร์โทรศัพท์: 094-454-4149, 034-702-528
Line ID: bnpresort
Email: [email protected]
Facebook: Baan nam pen resort
ล่องเรือเที่ยวตลาดและไหว้พระ
บริการเรือท่องเที่ยวจากบ้านน้ำเป็นรีสอร์ท สถานที่ท่องเที่ยวสามารถตกลงได้ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง ส่วนคนขับเรือเจ้าของที่พักได้มีการคัดเลือกมาแล้ว ขับดีมากไม่ซิ่ง ไม่หวาดเสียว เรือหนึ่งลำรองรับผู้โดยสารได้ไม่เกิน 14 คน ถ้ามา 1-2 คน สอบถามทางที่พักก่อน อาจจะ Join ไปกับกลุ่มอื่นได้ ราคาท่านละ 400 บาท ราคาเหมา 1,200 - 1,400 บาท
ตลาดที่ 3 ตลาดน้ำบางน้อย (วัดเกาะแก้ว)
สถานที่แรกคือ "ตลาดน้ำบางน้อย" เป็นตลาดโบราณอายุมากกว่า 100 ปีอยู่ที่วัดเกาะแก้ว ในอดีตตลาดน้ำแห่งนี้เคยคึกคักและรุ่งเรืองมาก เป็นแหล่งขายน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม พอเวลาเปลี่ยนการคมนาคมทางน้ำเปลี่ยนมาใช้ถนน ตลาดน้ำบางน้อยจึงหายไปตามกาลเวลา ตลาดในปัจจุบันจึงเป็นการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี 2557 แต่ยังคงวิถีแบบดั้งเดิมไว้
เราชอบของกินที่นี่ เพราะมีเมนูที่แตกต่างจากตลาดอื่นให้เห็นบ้าง ที่สำคัญราคาของกินของใช้ราคาไม่แพง ร้านค้าเป็นห้องแถวไม้เลียบไปตามลำคลอง วันที่ไปเราไม่สบายเลยแวะซื้อยาอมที่ร้านขายยาในตลาดเก่าเเก่มากเปิดขายมานานกว่า 80 ปี ใครที่ชอบหมอนขวานผ้าขิด หมอนอิง มีให้เลือกหลายแบบราคาถูกมาก ถ้าไม่ติดตรงที่กลับรถตู้เราคงหิ้วหมอนข้างจากผ้าขิดกลับไปนอนกอดที่บ้าน
ร้านเสื้อผ้าบางน้อยคอยรักลายเสื้อทำจากยางกล้วยแปลกและสวยไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ส่วนใครที่ชอบใส่ผ้าไทย ผ้าถุงสำเร็จรูป เสื้อมัดย้อม เสื้อย้อมครามมีให้เลือกหลายแบบหลายร้านเลยค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าของกินในตลาดเยอะมาก โดยเฉพาะเมนูเส้น ก๋วยเตี๋ยวมีทุกรูปแบบ ก๋วยเตี๋ยวปู ต้มยำมะนาว เย็นตาโฟ หมูน้ำแดง ผัดไทย กุ้งอบวุ้นเส้น ก๋วยจั๊บ ตลาดน้ำหรือตลาดก๋วยเตี๋ยวเนี่ย? จากการเดินสำรวจราคาก๋วยเตี๋ยวที่ถูกที่สุดคือ 20 บาท
เราถามคนในพื้นที่ว่ามาเที่ยวที่นี่ต้องทานอะไรบ้างและก็มีร้านที่เราอยากลองชิมด้วย ไปดูกันดีกว่าว่าเรากินอะไรไปบ้าง ร้านแรก "ก๋วยเตี๋ยวโอเล่" เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมู-เย็นตาโฟ-ต้มยำ มีที่นั่งริมน้ำและด้านในร้าน เห็นคนเยอะเลยลองแวะชิม เพื่อนสั่งก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟบอกว่ายังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ เรากินเกี๊ยวทอดกรอบอร่อยไม่อมน้ำมันด้วย ก๋วยเตี๋ยวราคา 35 บาท รวมเกี๊ยวทอดและน้ำดื่มด้วยทั้งหมดราคา 67 บาท
"ผัดไทยไฟระเบิด" ร้านนี้คนในพื้นที่แนะนำมาค่ะ พร้อมกับเล่าที่มาของชื่อร้านว่าเกิดเหตุแก๊สระเบิดแล้วป้าคนขายเอาตัวรอดโดยการกระโดดลงน้ำ หนังสือพิมพ์ยังลงข่าว (เสียงกระซิบ: เรากลับมาหาข่าวยังหาไม่เจอ ใครหาเจอแปะ link ให้หน่อย) ขายผัดไทย หอยทอด ขนมเบื้องญวน พิกัดร้านอยู่ตรงท่าน้ำ ผ้าปูโต๊ะสีชมพูแป๊ดเด่นมาแต่ไกล ผัดไทยราคา 30 บาทเองใส่กุ้งมาให้ด้วย รสชาติเกินราคาเส้นเหนียวนุ่มกำลังดีกินกันจนเกลี้ยงค่ะ
เอาใจสายคาเฟ่บ้าง ในตลาดมีร้านเครื่องดื่มหลายร้าน เราแวะพักขากันที่ร้าน "Eighty Four Coffee" เพราะมีที่นั่งริมน้ำเยอะกว่าร้านอื่น มีไอติม ชา กาแฟ น้ำปั่น เราสั่งสตรอว์เบอร์รี่โยเกิร์ตปั่นชื่นใจมาก ส่วนราคาก็เป็นไปตามร้านกาแฟสมัยใหม่ทั่วไป
"ขนมปังปิ้งโบราณ" อยู่ไม่ไกลจากคาเฟ่ที่เรานั่งพัก คุณลุงหยิบขนมปังมาทาไส้อย่างละเอียดละไม บอกว่าไส้ชาไทยและใบเตยคุณลุงทำเอง เรากินไส้ชาไทยอร่อยจริงค่ะ รสชาไทยเข้มข้นแต่ไม่หวานมาก
ร้านนี้คนในพื้นที่และเจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอมาก "โรตีแต้จิ๋ว" หาทานจากที่อื่นไม่ได้นะคะ เนื่องจากเป็นสูตรขนมภายในครอบครัว ต้องมาที่ตลาดน้ำบางน้อยที่เดียวเท่านั้น ออกรายการทีวีมาแล้วหลายช่อง หน้าร้านมีเก้าอี้ตัวเล็กให้นั่งรอได้ดูการทำแบบใกล้ชิด คุณป้าคนขายคุยสนุก ส่วนประกอบมีแผ่นแป้ง ถั่วลิสง น้ำตาลทรายแดง งา แป้งเหนียวหนึบตามด้วยกลิ่นหอมของน้ำตาลทรายแดงและงา รสชาติคล้ายกระยาสารทที่มาในรูปแบบป่น กินเพลินๆ เลยค่ะ ราคา 3 ชิ้น 20 บาท
อิ่มกันแล้วเราก็หามุมถ่ายรูป สะพานไม้ข้ามคลองอยู่เกือบในสุดของตลาดตอนกลางคืนประดับไฟสวยมากเรานั่งเรือผ่านตอนกลับจากไปดูหิ่งห้อย ช่วงเย็นใครผ่านไปแถวนี้แวะไปถ่ายรูปได้นะคะ
เป็นคนขั้นไหนเลือกเลยจ้า...
นอกจากของกิน ของใช้แล้วที่ตลาดน้ำบางน้อยมี "พิพิธภัณฑ์ตั้งเซี่ยมฮะ" ด้วย เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับไหและของโบราณที่เป็นหลักฐานของวิถีชีวิตในสมัยก่อน ของส่วนใหญ่ที่จัดแสดงเก็บได้จากแม่น้ำแม่กลอง ตามที่บอกไว้ข้างต้นว่า ที่นี่เคยเป็นตลาดนัดน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด สามารถดูเบ้าพิมพ์น้ำตาลของจริงได้จากที่นี่โดยไม่เสียค่าเข้าค่ะ เปิดให้เข้าชมในวันเสาร์ - อาทิตย์
ข้อมูลเพิ่มเติม: เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น.
Facebook: ตลาดน้ำบางน้อย บางคนที สมุทรสงคราม
การเดินทาง: เราใช้บริการเรือท่องเที่ยวจากทางที่พัก "บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท" ส่วนตอนสายเจ้าของที่พักใจดีไปส่งเราที่ตลาดอีกครั้ง ถ้ามาจากอัมพวามีรถสองแถวสีฟ้าผ่านหน้าวัดเกาะแก้ว ส่วนใครที่อยากไปตลาดน้ำอัมพวา หน้าวัดเกาะแก้วมีวินมอเตอร์ไซค์และสองแถวสีฟ้าผ่านค่ะ
วัดค่ายบางกุ้ง
จุดเด่นของวัดนี้คือโบสถ์เก่าแก่ปรกคลุมไปด้วยต้นโพ ไทร ไกร กร่าง การเข้าไปสักการะหลวงพ่อนิลมณีต้องแต่งกายให้เรียบร้อยและกรุณาปฏิบัติตามข้อห้ามบนป้ายที่ติดไว้ด้วยนะคะ อย่างเช่นการปิดทององค์พระ การถ่ายรูปนอกโบสถ์ เป็นต้น
ข้ามไปอีกฝั่งของถนนเป็นพื้นที่ของวัดฝั่งริมแม่น้ำ มีสวนสัตว์เล็กๆ อูฐ แกะ จระเข้ กวางดาว แพะ ควาย นกกระจอกเทศฯ สามารถซื้ออาหารให้ได้
วัดบางแคน้อย
เป็นวัดที่มีพระอุโบสถไม้สักแกะสลักทั้งหลังงดงามมาก กราบหลวงพ่อเสร็จเรานั่งชมฝาผนังอยู่นานเลยค่ะ มีโอกาสได้พูดคุยกับหลวงพี่ที่ดูแลพระอุโบสถ ท่านคุยสนุกชวนเรากินขนมข้าวตูที่หลวงพี่ทำเอง หยิบกล่องให้ใส่กลับตามใจ บอกว่าถ้าเราไม่มีที่พักให้มานอนที่วัดกับพวกแม่ๆ เป็นวัดที่ทำบุญแล้วสบายใจมากค่ะ
วัดท้องคุ้ง
วัดสุดท้ายที่แนะนำโดยคุณลุงขับเรือ คุณลุงบอกว่า "หลวงพ่อโต" ศักดิ์สิทธิ์มากอยากให้พวกเราขึ้นไปไหว้พระขอพรด้วยการเสี่ยงทายจากการยกช้าง วัดทองคุ้งมีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปีและเป็นวัดที่มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
ตลาดที่ 4 ตลาดน้ำอัมพวา
หลังจากทำบุญไหว้พระ คุณลุงพาเรามาปล่อยไว้ที่ตลาดน้ำอัมพวานัดหมายกันไว้ว่าประมาณ 1 ทุ่มจะมารับพวกเราไปดูหิ่งห้อย เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวเยอะมากประกอบกับฝนตก เราจึงตัดสินใจซื้อกลับไปกินที่บ้านพัก
ร้านอาหารมีให้เลือกเยอะมาก มีทั้งแบบบนบกและแบบลงเรือ อาหารทะเล ขนมหวาน ของฝาก ร้านอาหารมีที่นั่งทานอาหารริมน้ำแต่ก็มีพื้นที่จำนวนจำกัด ยิ่งเย็นคนยิ่งเยอะค่ะ ถ้าอยากมานั่งทานอาหารเราแนะนำว่าให้มาช่วง 14.00-16.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม: เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เราเคยมาวันธรรมดาก็พอมีของขายอยู่บ้างแต่ไม่เยอะเท่าวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
การเดินทาง: มีรถตู้มาถึงค่ะ สำหรับคนที่มาโดยรถไฟออกจากสถานีแม่กลอง ให้เดินไปที่ธนาคารธนชาติมีคิวรถสองแถวสีฟ้าไปอัมพวา แต่ถ้ามาจากตลาดน้ำบางน้อยมีวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถวสีฟ้าให้รอรถที่ศาลาฝั่งตรงข้ามวัด
นั่งเรือชมหิ่งห้อยที่คลองแควอ้อม
เป็นครั้งแรกในการมาชมหิ่งห้อยที่อัมพวา ถ้าใครเดินตลาดน้ำอัมพวาจะมีทัวร์พาไปชมหิ่งห้อยคนละ 60 บาท เมื่อได้เวลานัดหมายคุณลุงก็มารับพาเราไปชมหิ่งห้อยที่คลองแควอ้อม เนื่องจากจุดชมหิ่งห้อยคลองแควอ้อมอยู่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวากว่าจุดชมอื่น ทำให้ไม่ค่อยมีเรือพานักท่องเที่ยวเข้ามา บ้านเรือนแถวนั้นปิดไฟมืดทำให้เห็นหิ่งห้อยค่อนข้างชัดเจน ต้นลำพูบางต้นมีเยอะมากจนคล้ายต้นคริสต์มาส หลายคนคงมีคำถามว่าหิ่งห้อยจริงหรือเปล่า เราบอกได้แค่ว่าตัวจริงบินได้ก็มี มีคลิปสั้นๆ มาฝากด้วย ตาม Link ด้านล่างนะคะ
เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถตู้
หลังจาก Check out เรากลับไปเที่ยวซ้ำที่ตลาดบางน้อยแล้วนั่งรถสองแถวมาตลาดน้ำอัมพวา เดินซื้อของฝากเสร็จเรียบร้อยให้สังเกตสะพานที่รถยนต์วิ่งข้ามได้ บริเวณลานจอดรถใกล้กับสะพานมีคิวรถตู้กลับกรุงเทพฯ ปลายทางเป็นสายใต้ใหม่ปิ่นเกล้า
ความประทับใจในทริปนี้
"บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท" โดยรวมแล้วการเข้าพักที่นี่ถือว่าเป็นการพักผ่อนจริงๆ บ้านพักเงียบสงบ ตอนกลางคืนไม่มีเสียงรบกวน สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นมีครบ บ้านพักและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สะอาด แอร์เย็นและใกล้สถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากบ้านพักมีไม่มากการดูแลจึงทั่วถึง เจ้าของที่พักคุยสนุกให้ข้อมูลและคำในการท่องเที่ยวได้ดีมากค่ะ
กิจกรรมนั่งเรือเที่ยวและไหว้พระ ถ้าซื้อทัวร์จากตลาดน้ำไป (ในกรณีที่ไม่ได้เหมาเรือ) ต้องไปตามวัดที่ทางทัวร์เป็นผู้กำหนด แต่บริการเรือท่องเที่ยวของบ้านน้ำเป็นรีสอร์ทมีความเป็นส่วนตัว พูดคุยกันก่อนได้ว่าอยากไปไหว้พระวัดไหนบ้าง ตกลงเรื่องเวลาการแวะในแต่ละจุดได้ จ่ายแพงกว่าแต่เลือกได้มากกว่าค่ะ
ชมหิ่งห้อย กิจกรรมนี้เรารู้สึกตื่นเต้น ถ้าตัดประเด็นหิ่งห้อยจริงหรือไม่จริงออกไป เราประทับใจต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยเยอะๆ เห็นด้วยตาในขณะนั้นสวยมากค่ะ โดยรวมคิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจควรลองมาดูด้วยตัวเองสักครั้ง
ถ้าใครอ่านตั้งแต่ต้นจนจบจะรู้ว่าการมาเที่ยวแบบ One day trip โดยรถไฟใช้พลังเยอะพอสมควร ความพิเศษของทริปนี้จึงเป็นการมานอนค้างที่ "บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท" หนึ่งคืน ทำให้เราเที่ยวได้เยอะขึ้น ใช้เวลาในแต่ละสถานที่อย่างเต็มที่ ได้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่เคยไป และไม่เหนื่อยเดินทาง รู้สึกถึงการพักผ่อน ลองมาเที่ยวอัมพวากันแบบ 2 วัน 1 คืนนะคะ การพักผ่อนที่อยู่ไม่ไกลกรุง
ติดต่อสอบถามข้อมูลที่พักได้ที่:
Baan Nam Pen Resort
ติดตามการเดินทางของเราได้ที่:
KeepGoing Thailand
แป้งเจอนี่เจอนั่น
วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 23.41 น.