ย่างกุ้ง 3 วัน (ม้วนเดียวจบ)

กำหนดเดินทาง 18-20 ธันวาคม 2558

ย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินแขวน


วันแรก กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง – หงสาวดี – พระราชวังบุเรงนอง - วัดไจ้คะวาย – เจดีย์ชเวมอดอว์ –– คินปูนแค้มป์ - พระธาตุอินทร์แขวน
04.30 น. สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์

06.30 น. ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง โดย สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD4230

07.15 น. เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ( เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง )เดินทางโดยรถโค้ชสู่เมืองหงสาวดี (บะโค) อยู่ห่างจากย่างกุ้ง ประมาณ 80 ก.ม. จากนั้นนำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณะปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นพระราชวังของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ปัจจุบันการขุดค้นยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ก็พอจะมองเห็นได้ว่าพระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด จากนั้นนำทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูป ที่ วัดไจ้คะวาย สถานที่ที่มีพระภิกษุและสามเณรไปศึกษาพระไตรปิฎกเป็นจำนวนมาก ท่านสามารถนำสมุด ปากกา ดินสอ หรือข้าวสารอาหารแห้งไปบริจาคที่วัดแห่งนี้ได้ จากนั้นไปสักการะ พระเจดีย์ชเวมอดอว์ หรือ พระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี เป็นสัญลักษณ์ ยืนยันความเจริญรุ่งเรืองของกรุงหงสาวดี และภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า

พระเจดีย์ชเวมอดอว์ หรือ พระธาตุมุเตา


พระราชวังบุเรงนอง



วัดไจ้คะวาย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ( เมนู !! กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ ท่านละ 1 ตัว )

จากนั้นออกเดินทางสู่ คิมปูนแค้มป์ ( เชิงเขาไจ้เที่ยว ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 - 2 ชั่วโมง ถึง คิมปูนแค้มป์ หยุดพัก เปลี่ยนรถเป็นรถบรรทุกหกล้อเพื่อขึ้นบนภูเขาไจ้เที่ยว ใช้เวลาเดินทางจากบริเวณนี้ประมาณ 0.45 - 1 ชั่วโมง ชมทัศนียภาพอันสวยงามสองข้างทางพร้อมสัมผัสความเย็นซึ่งจะค่อย ๆ เย็นขึ้นเรื่อย ๆ

(ทางขึ้น บอกได้คำเดียว โอ้มายก๊อตสุดยอดเลยล่ะ)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร / หลังอาหารค่ำ ไปสักการะพระธาตุ ตามอัธยาศัย สามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน ถ้าจะสักการะกลางแจ้งเป็นเวลานานบริเวณระเบียงที่ยื่นสู่พระเจดีย์ไจ้เที่ยว ควรเตรียมเสื้อกันหนาว หรือกันลม หรือผ้าห่ม ผ้าพันคอ เบาะรองนั่งเพราะพื้นที่นั่งมีความเย็นมาก พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับบุรุษเปิดถึงเวลา 22.00 น. เท่านั้นพระธาตุอินทร์แขวนนี้นับเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า เป็นที่มาและแรงบันดาลใจของกวีซีไรส์ ปี พุทธศักราช 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรม เรื่อง " เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน " พักที่ โรงแรมระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า (สบายๆ อากาศหนาวดี)


จากรถบรรทุกที่จอดเราต้องเดินต่อไปยังที่พักซึ่งห่างจากพระธาตุอินแขวนประมาณ 500 เมตร

ระหว่างทางที่เดินไปยังที่พักนั้น ข้างทางมีของขายมากมาย

ถึงล่ะที่พัก คืนนี้พักทีนี่แหละ (ระดับ 3 ดาว) โอเคได้แหละ แค่นี้พอ 555+ ออกแนว นอนไหนก็ได้เวลานี้


เก็บของเข้าห้องเสร็จ รอไม่ไหว เดินขึ้นไปสักการะพระธาตุอินแขวนเลย


วันที่สอง พระธาตุอินทร์แขวน – พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว- เจดีย์ไจ๊ปุ่น – ย่างกุ้ง - เจดีย์ชเวดากอง

เอาล่ะวันที่ 2 มาล่ากันต่อ ยังไม่วาน ไปเก็บภาพตอนเช้าอีกรอบและวิถีชีวิตของชาวพม่าในตอนเช้า

หลังจากขึ้นไปถ่ายรอบตอนเช้า ทำให้รู้ว่า พม่าตื่นเช้ามาก บน พระธาตุอินแขวน คนเยอะ มากสุดๆ โดยเฉพาะ ชาวพม่า ที่เชื่อเรื่องการทำบุญ แสวงบุญ สร้างพระ บริจาค ฯลฯ คราวนี้ถึงเวลากินแล้ว เย้ๆ เป็นบุฟเฟ่ อาหารออกแนวพื้นบ้าน กินกระจาย กับข้าวอร่อยดี หลังจากกินข้าวตอนเช้าเสร็จไปถ่ายรูปต่อและ ก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าออก แล้วก็ไปรอขึ้นรถบรรทุกเพื่อที่จะลงเขาและนั่งรถต่อไปในตัวเมือง (แย่งกันขึ้นรถกับชาวบ้านพม่าในระแวกนั้นออกแนวโหด มัน และระทึกทุกวินาทีที่นั่งรถบรรทุก)เก็บสัมภาระพร้อมออกเดินทางกลับสู่ กรุงย่างกุ้ง ตามเส้นทางเดิม




หลังจากนั้นชม พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ด้านล่างมีสินค้าพื้นเมืองของฝากต่างๆ
มาชมต่อที่ เจดีย์ไจ๊ปุ่น ซึ่งบูรณะเมื่อ พ.ศ.2019 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ ประกอบ ด้วยองค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน (ทิศใต้) พระพุทธเจ้ากกุสันโธ (ทิศตะวันออก) และพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ(ทิศตะวันตก) สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ


เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ( เมนู !! กุ้งแม่น้ำ ) อีกแล้ว

แวะสักการะ วัดพระหินอ่อน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า

แวะชมโรงช้างเผือก ที่เป็นช้าง คู่บ้านคู่เมืองของพม่ามีสีขาวเผือกตลอดทั้งตัวถูกต้องตามคชลักษณะของช้างเผือกทุกประการ

จากนั้นHilightของพม่าล่ะไปเยี่ยมชมและสักการะ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ( SHAWEDAGON PAGODA ) พระมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า ซึ่งมีทั้งผู้คนชาวพม่า และชาวต่างชาติมากมายพากันสักการะทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่ขาดสาย ว่ากันว่าทองคำที่ใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมพระมหาเจดีย์แห่งนี้มากมายมหาศาลกว่าทองคำที่เก็บอยู่ในธนาคารชาติอังกฤษเสียอีก ปัจจุบันรัฐบาลพม่าได้บูรณะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ให้ความงดงามยิ่งใหญ่สมเป็นมหาเจดีย์องค์สำคัญที่งดงาม

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่ โรงแรมระดับ 3 ดาว

วันที่สาม สิเรียม – เจดีย์เยเลพญา – เจดีย์โบตะทาวน์ – พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี – วัดบารมี - กรุงเทพฯ

07.00 น.รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก (แบบบุฟเฟ่ อีกแล้ว)


08.00 น.ชม เจดีย์โบตะทาวน์ เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุที่เจดีย์ชเวดากอง โดยเมื่อพระเกศาธาตุได้ถูกอัญเชิญขึ้นมาจากเรือได้นำมาประดิษฐานไว้ที่เจดีย์โบตะทาวน์แห่งนี้ก่อน นมัสการ เทพทันใจโบตะทาวน์ ซึ่งเป็น นัตศักดิ์สิทธิ์ ( "นัต" คือ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู้ตายร้าย อย่างที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตายโหง" เช่นประสบอุบัติเหตุ ถูกฆ่าตาย ตรอมใจตาย ฯลฯ แต่ต่อมากลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวบ้าน นัตจึงมีสถานะกึ่งเทวดา กึ่งผี คือมีระดับสูงกว่าผีทั่วไป แต่ก็ไม่สูงกว่าเทวดา มีข้อสันนิษฐานว่า คำว่า "นัต"ในภาษาพม่า มาจากคำว่า "นาถ" ในภาษาบาลีที่แปลว่า "ที่พึ่ง" ) ที่ชาวไทยรู้จักกันดี เชื่อว่าขออะไรจากท่านก็สามารถขอได้ทันใจ คนไทยจึงเรียกว่า "เทพทันใจ"

จากนั้นไปกันต่อสู่ เมืองสิเรียม ซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 45 กิโลเมตร เดินทางถึง สิเรียม ชมความสวยงามแปลกตาของเมือง ซึ่งเมืองนี้เคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกสในสมัยโบราณ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้งที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำอิระวดี ลงเรือไปชม พระเจดีย์เยเลพญา บนเกาะกลางน้ำอายุนับพันปี เป็นที่สักการะของชาวสิเรียม ที่บริเวณท่าเทียบเรือบนเกาะ สามารถซื้ออาหารเลี้ยงปลาดุกตัวขนาดใหญ่นับร้อย ๆ ตัวที่ว่ายวนเวียนให้เห็นครีบหลังที่โผล่เหนือผิวน้ำ


จากนั้นมาสักการะพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี(พระตาหวาน) ( KYAUK HTAT GYI ) ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยงามที่สุด มีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย

อันนี้ถ่ายมาให้ดูเล่นๆ เป็นล๊อตเตอร์รี่ของพม่า 555 คอหวย

11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร มือนี้ชอบที่สุด ภัตตาคารที่ว่านี่คือ ชาบูชิ 555+

อิ่มแล้วเดินทางกันต่อกันที่เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ตลาด " สก๊อตมาร์เก็ต " ( SCOTT MARKET ) ซึ่งสร้างโดยชาวสก็อต สมัยเมื่อครั้ง พม่ายังคงเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ท่านจะสามารถซื้อหาของที่ระลึกพื้นเมืองได้มากมายในราคาถูก เช่น ไม้แกะสลัก พระพุทธรูปไม้หอมแกะสลัก , แป้งทานาคา , ผ้าปักพื้นเมือง และเครื่องเงิน , หยก และอื่นๆ

หลังจากช๊อปปิ้งแล้ว ที่สุดท้ายที่กำลังจะไปวัดบารมี เพื่อสักการะพระเกศาของพระพุทธเจ้า ที่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่จริง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร กินอีกแล้ว!!!

สมควรแก่เวลาเดินทางสู่ สนามบินย่างกุ้ง

21.00 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดย สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD4239

22.55 น. เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ


(ค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางกับทัวร์ 19900.-รวมที่พัก+ค่าอาหาร+ค่ารถเบ็ดเสร็จเลย)

เจอกันใหม่ทริปหน้า.....!!!

ความคิดเห็น