หากไม่นับเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกบนแคมป์บนยอดเขาแล้ว ถือว่าเป็นสถานที่ที่ใครหลายๆ คนกล่าวขวัญถึงความยากลำบากของเส้นทาง ว่าชันจนแทบร้องขอชีวิต แม้จะเป็นระยะทางแค่ 3.7 กิโลเมตรก็ตาม
..ข้อควรรู้..
- เปิดให้ท่องเที่ยวเข้าชมได้ทั้งปี ไม่มีปิดป่าเหมือนอุทยานแห่งชาติอื่นๆ
- นักท่องเที่ยวสามารถมาที่อุทยานเพื่อลงทะเบียน และเดินขึ้นเขาได้ด้วยตัวเองตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
- ทางชันประมาณ 80% ของทางทั้งหมด
- จุดครึ่งทางของระยะทาง 3.7 กิโล คือ จุดพักที่เป็นต้นตะเคียนคู่ (ที่มีชุดสไบแขวน)
- มีจุดให้กรอกน้ำกินตลอดทาง
- มีลูกหาบรับจ้างแบกสัมภาระ กิโลกรัมละ 25 บาท
- ไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นเขาหลังเวลา 14.00 น.
- มีค่ามัดจำขยะ/กลุ่ม/คน จำนวน 200 บาท นักท่องเที่ยวต้องนำขยะนำกลับมาด้วย (มีถุงดำให้) เพื่อรับเงินคืนในวันที่เดินทางกลับ
- แคมป์พักแรมด้านบน รองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 300-400 คน อย่างมากได้ประมาณ 700 คน
- ที่แคมป์มีคลื่นโทรศัพท์มาเป็นระยะๆ แต่ไม่ถึงกับเสถียร มาๆ หายๆ
- ใครจะนำขนมมาฝากเจ้าแพนเค้ก (หมาภูเขา) ก็นำมาให้ได้นะ
- มีห้องน้ำแยกชายหญิงชัดเจน (เป็นส้วมซึม) จำนวนหลายห้องเพียงพอต่อความต้องการ
- บริเวณเขาหลวงมียอดสูงสุด ที่เรียกว่ายอดแม่ย่า ความสูง 1,200 Msl. (ความสูงเหนือระดับทะเลปานกลาง)
- มียอดเขาหลัก 3 ลูก คือ ยอดเจดีย์, ยอดแม่ย่า และยอดภูกา
- ผานารายณ์ (1,160 msl.) เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออก ห่างจากแคมป์พักแรมประมาณ 10 นาที (400 เมตร)
- บริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ถ้าเราหันหน้าเข้าสถานีโทรคมนาคม (ทิศตะวันออก) ให้เดินเลียบหน้าสถานีออกด้านซ้าย (ทิศเหนือ) เพื่อไปยังผาชมปรง บริเวณผาชมปรงมีชะง่อนหินยื่นออกมา สามารถเป็นจุดถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม
- เขาแม่ย่า (สูง 1,200 msl.) สูงกว่าผานารายณ์ สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก ห่างจากแคมป์ประมาณ 25 นาที (900 เมตร) ผ่านลานเฮลิคอปเตอร์ แล้วตัดซ้ายเข้าป่าก่อนที่จะเดินขึ้นยอดเขา
- ยอดเจดีย์ (1,185 msl.) ทางขึ้นบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแคมป์ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (500 เมตร) สามารถชมวิวด้านทิศตะวันตกของเขาได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง
- ยอดภูกา จุดชมวิวฝั่งทิศตะวันตก ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ไกลที่สุดจากแคมป์ ประมาณ 30 นาที หากใช้เส้นทางลงจากยอดแม่ย่า (คนละเส้นกับขาขึ้น) ให้เดินลงเขามาเข้าเขตป่าจนเจอป้ายบอกทาง ป้ายจะบอกระยะทางจากจุดนั้นถึงยอดภูกาเป็นระยะทางแค่ 1 กิโลเมตร (ราวๆ 15-20 นาที)
..อัตราค่าตอบแทนที่พัก..
เต๊นท์ขนาด 3 คน 225 บาท/หลัง/คืน
เต๊นท์ขนาด 2 คน 150 บาท/หลัง/คืน
ถุงนอน 30 บาท/ชิ้น/คืน
แผ่นรองนอน 20 บาท/แผ่น/คืน
ผ้าห่มใหญ่ 30 บาท/ผืน/คืน
ผ้าห่มเล็ก 20 บาท/ผืน/คืน
เสื่อ 20 บาท/ผืน/คืน
************************************************************
ขออนุญาตใช้ภาพจากทริปเก่าๆ แทรกบ้าง เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนนะครับ
สถาพป่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชัดเจน มีจุดให้แวะพักและเติมน้ำที่ต่อท่อลงมาจากยอดเขาเป็นระยะๆ ป่าในช่วงเริ่มต้นอาจจะมียุงและแมลงบ้าง พอสูงขึ้นไปยุงและแมลงก็จะลดลง
สภาพทางเป็นทางชันประมาณ 80% สลับแนวโขดหินและทางที่เป็นอุปสรรค มีลูกหาบช่วยแบกสัมภาระ ตกกิโลกรัมละ 25 บาท ใครอยากเดินตัวเปล่าขึ้นเขาก็สามารถทำได้ ใช้ เวลาเดินเท้าประมาณ 3-5 ชั่วโมง (อุทยานเปิดให้ขึ้นเขาเวลา 8.00 น. และจะปิดไม่ให้ขึ้นเขาหลังเวลา 14.00 น.)
เลยต้นไทรงามมาไม่ไกลมาก ให้สังเกตุด้านขวามือจะมีชะง่อนหินซ้อนกันเป็นถ้ำขนาดเล็ก สามารถเดินเข้าไปสักการะแผ่นรูปปั้นนูนต่ำได้ (ขออภัยไม่ทราบชื่อรูปปั้น)
วันที่ขึ้นมา มีสายหมอกขาวนวลลอยมาต้อนรับ
ผมขึ้นมาถึงที่แคมป์ราวๆ 12.00 น แต่ไม่ได้พักที่แคมป์ แผนคือ เดินเที่ยวไปตามจุดต่างๆ ก่อน แล้วช่วงเย็นๆ ค่อยเดินกลับมาพักที่แคมป์
เส้นทางเดินถ้าเริ่มต้นจากแคมป์ สามารถเดินไปเที่ยวชมยอดต่างๆ ได้ตามลำดับ ดังนี้ (สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการนะครับ)
- แคมป์ - ผานารายณ์ - ผาชมปรง - เขาแม่ย่า - ยอดภูกา (ไกลสุด) - ยอดเจดีย์ - กลับลงสู่แคมป์ทางยอดเจดีย์
- แคมป์ - ผานารายณ์ - ผาชมปรง - เขาแม่ย่า - ยอดเจดีย์ - กลับลงสู่แคมป์ทางยอดเจดีย์
- แคมป์ - ผานารายณ์ - ผาชมปรง - เขาแม่ย่า (ดูพระอาทิตย์ตก) - กลับลงสู่แคมป์ทางเดียวกันกับขามา
- แคมป์ - ยอดเจดีย์ - ยอดภูกา - เขาแม่ย่า - ผาชมปรง - ผานารายณ์ - กลับแคมป์
- เช้าอีกวัน แค่ไปดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานารายณ์ซ้ำอีกรอบก็เพียงพอแล้วครับ
ตัดมาที่ สภาพป่าก่อนที่จะขึ้นยอดเจดีย์ ป่าค่อนข้างสดชื่นตามแบบฉบับของป่าในช่วงฤดูฝน มีลำธารไหล พอให้ตักน้ำล้างหน้าได้ให้หายเหนื่อย ก่อนที่จะเดินขึ้นยอดเจดีย์ที่ความสูง 1,185 เมตร
ยอดเจดีย์
ขึ้นมาที่เจดีย์ผมก็มัวแต่นั่งพัก เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกันเท่าไหร่ แต่ที่ด้านทิศตะวันตกของยอดจะมีก้อนหินให้ไปนั่งรับลม นั่งพัก นั่งกินข้าวได้ด้วยนะ เพราะตอนที่ผมไปฟ้าเปิด มีลม มีแดด บรรยากาศน่ากินข้าวเที่ยงมาก
เบื้องหน้าคือยอดเจดีย์มองจากทางยอดแม่ย่า
ข้าวเหนียวไก่ ที่ถนนใหญ่ (เส้น 101) หน้าโรงเรียนคีรีมาศวิทยา ตรงป้อมตำรวจจะมีไก่ย่างห้าดาวขาย สามารถซื้อมาเป็นข้าวเที่ยงได้นะครับ
ฝาชมปรง
เป็นหน้าผาที่อยู่บริเวณไม่ไกลจากผานารายณ์ สามารถเดินมายังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ โดยเดินเลียบรั้วของสถานนีโทรคมนาคมออกไปทางทิศเหนือ
ผาชมปรง (ขอใช้รูปเก่าจากทริปก่อน)
ผาชมปรงจากทางยอดแม่ย่า ตรงลูกศร เราสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปอย่างสวยๆ ได้
ที่อยู่หลังหมอกคือยอดภูกา
ผาชมปรงเมื่อฟ้าเปิด
ผานารายณ์
แม้จะเป็นช่วงหน้าฝนไม่มีทะเลหมอกแบบปังๆ แต่ก็ได้บรรยากาศของหมอกฝนได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง
บรรยากาศของผานารายณ์ เมื่อฟ้าเปิด
ยอดแม่ย่า
เป็นยอดที่ไม่ไกลจากแคมป์เท่าไหร่ หากเดินจากแคมป์ก็จะประมาณ 20-30 นาที สามารถใช้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ และมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถใช้เป็นจุดถ่ายรูปได้หลายมุมเช่นกัน
ระหว่างทางขึ้นยอดแม่ย่าจะเป็นป่าย่อมๆ ไม่มีอะไรเป็นอันตราย ทางชัดเจนครับ
ยอดภูกา
หลายคนที่มาแบบ 2 วัน 1 คืน อาจจะไม่ได้มายอดนี้เพราะอยู่ไกล อีกทั้งเหนื่อยจากการเดินขึ้นเขา ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้มาสักครั้ง เพราะยอดที่นี่เงียบสงบ คนน้อย เป็นส่วนตัวมากๆ ครับ วันที่ไปฟ้าปิด ทำให้ทัศนะวิสัยทางทิศตะวันตกมีแต่หมอกปกคลุม ไม่เห็นอะไรเลย T T
เบื้องหน้าคือยอดแม่ย่า
ส่วนที่พักนั้น ทางอุทยานมีเต๊นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ ทั้งห้องน้ำ เครื่องนอน อาหารแห้ง ขนม มีจำหน่าย สามารถมาตัวเปล่า ลงทะเบียน แล้วเดินขึ้นยอดเขาสวยๆ ได้เลยแต่ตัวผมเองชอบนอนเปล เลยต้องหาที่ผูกเปลที่เงียบๆ หน่อย ภาพเลยดูน่ากลัวไปนิดนึง แต่ที่จริงๆ มีลานกางเต๊นท์เป็นขั้นบันได หญ้าตัดสั้นเรียบร้อย สะอาด มาไม่ผิดหวังแน่นนอน
ก่อนลงเขาอย่าลืมเคลียร์ขยะ พากันนำมาก็ต้องช่วยกันขนลง จะได้ทำให้เขาหลวงสะอาดๆ นะครับ
ภูกระดึงยังต้องชิดซ้ายเมื่อเจอเขาหลวงสุโขทัย
ลาไปด้วยคลิปวีดีโอสายหมอกเบาๆ ครับ
ฝากกดติดตาม Youtube Channel ตากล้องสายเที่ยว จะได้ไม่พลาดคลิปวีดีโอสายป่าใหม่ๆ
และเฟซบุ๊กแฟนเพจ ตากล้องสายเที่ยว ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
Warinezz Udomdet
วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.02 น.