การเดินทางของพี่ใหญ่กับหนูเล็กที่ดินแดนหมีขาวเริ่มงวด ใกล้วันกลับของเราเข้ามาทุกทีแล้วค่ะ เริ่มจากวันแรกที่พวกเราเดินทางแบบโหดสลัดรัสเซีย 43 ชั่วโมง เราอยู่บนแผ่นดินนี้มา 9 วันแล้วนะ ใครพลาดการเดินทางของเราวันไหน หรืออยากอ่านกันแบบต่อเนื่อง หนูเล็กจัดมาให้แล้ว ย้อนอ่านกันได้ค่ะ

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey- Day 1 กว่าจะได้พานพบ

https://th.readme.me/p/17599

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey - Day 2 สัมผัสเพียงผ่าน

https://th.readme.me/p/17643

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 3 สักครั้ง เพื่อความทรงจำที่งดงาม

https://th.readme.me/p/17751

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 4 จำใจลา..เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

https://th.readme.me/p/17858

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 5 พรีเวียต มอสควา (Привет Москва)

https://th.readme.me/p/18002

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 6 เรื่อยไปในจัตุรัสแดง

https://th.readme.me/p/18112

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 7 ไปเยือนมหาวิหารมรดกโลกที่ Sergiev Posad

https://th.readme.me/p/18200

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 8 Moscow..แล้วเราก็รู้จักกัน

https://th.readme.me/p/18543

Spring Time in Russia : My Remarkable Journey – Day 9 วันสบายๆ ใน Moscow

https://th.readme.me/p/18671

ถ้าตามกันทันแล้ว ทีนี้ก็เดินทางด้วยกันต่อเลย...

เพราะใกล้วันเดินทางกลับ การวางแผนไปเที่ยวตะลอนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แบบสายโหด แบบต่อคิว แบบเดินทางไกล แบบนั่งรถนานๆ จึงไม่ถูกบรรจุในโปรแกรมของพวกเราแล้วค่ะ ตอนนี้จะมีแค่การเที่ยวแบบชิลล์ๆ หาซื้อของฝาก เที่ยวสถานที่น่าสนใจประเภท Attraction ใช้เวลาไม่นาน ออกแนวไปนั่งเล่น นั่งชม หรือไม่ก็แวะตามสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยๆ เก็บภาพกลับไปเป็นที่ระลึก ก็อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่าพวกเราไม่ได้เน้นเที่ยวเอาปริมาณและไม่ได้คิดจะนำไปเปรียบเทียบกับใคร เอาแค่ที่พวกเราไหว ถ้าเที่ยวแบบนั้นคงเหนื่อยเกินไป ไม่สนุก มาเที่ยวคือมาพักผ่อนค่ะ ไม่ได้มาเช็คอิน เอาแค่ร่างไหว

และตามที่ว่าที่เราอยู่ในช่วงสรรหาของฝาก เช้านี้พี่ใหญ่กับหนูเล็กก็เลยฆ่าเวลาระหว่างที่ยังไม่มีที่ไหนให้เราไปเที่ยวได้ ด้วยการเดินไปยังร้าน Alenka (Алёнка) ที่ตั้งอยู่บนถนน Tverskaya ไม่ไกลจากที่พักของเรา

เช้าวันอาทิตย์มันจะเงียบๆ โล่งๆ แบบนี้

เราเลือกซื้อชอคโกแลตหน้าเด็กในตำนานที่ครองใจคนรัสเซียมาหลายสิบปีกันที่ร้านของเขาเลยเพราะตอนเดินผ่านร้านเมื่อวานนี้แอบเข้ามาเล็งๆ แล้วพบว่าเขามีโปรโมชั่นหลายรายการประเภทซื้อสองแถมหนึ่งอะไรทำนองนี้ แล้วก็ยังมีที่เป็นรูปแบบต่างๆ อีกมากมายหลายอย่างไม่ใช่แค่ชอคโกแลตบาร์ ระยะทางจากที่พักมายังร้านไม่ไกล ร้านเปิดราวๆ เก้าโมงเช้าเดินเรื่อยๆ มาเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว

ถึงร้านแล้ว

พวกนี้ตักใส่ถุงแล้วนำไปชั่งน้ำหนัก

บริเวณนี้ค่ะที่เขาจัดโปรโัมชั่น

ชื่อของชอคโกแลต Alenka (Алёнка) หรือ Alyonka ในภาษารัสเซียสำหรับ "Helen" ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 โดยเริ่มผลิตเป็นชอคโกแลตขนาด 100 กรัมโดยโรงงาน Red October ซึ่งอาศัยเงินอุดหนุนจากปศุสัตว์ของรัฐบาล ด้วยการจัดหานมคุณภาพสูงและมีราคาถูกตามโครงการพัฒนาอาหารใหม่ เพื่อผลิตชอคโกแลตที่เป็นตัวแทนของเด็กรัสเซียยุคนี้ที่มีความสุขชอคโกแลตที่ผลิตออกมาเป็นชอคโกแลตครีมที่แสนอร่อย ละลายในปาก ราคาไม่แพง จุดเด่นของชอคโกแลตยี่ห้อนี้คือบรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้ม ซึ่งเป็นภาพของทารกตาสีฟ้าที่มีแก้มอ้วนยุ้ยและมีผ้าหลากสีห่อหุ้มหน้าตาของเธอ

ว่ากันว่าก่อนหน้านั้นกระดาษห่อจะเป็นรูปแบบอื่น แต่เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงได้มีการจัดการแข่งขันผ่านหนังสือพิมพ์ Evening Moscow เพื่อให้ได้ภาพชนะเลิศที่จะมาเป็นภาพของแบรนด์นี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า รูปเด็กดังกล่าวเป็นรูปลูกสาวของสตาลินที่ชนะการแข่งขัน แต่ก็มีหลักฐานยืนยันว่าภาพจริงๆ นั้นเป็นของลูกสาววัย 8 เดือนที่ใบหน้าถูกห่อหุ้มด้วยผ้าไหมของช่างภาพที่ชื่อ Alexander Gerinas ซึ่งภาพนี้เป็นภาพเดียวกันกับที่เขาได้ถ่ายส่งไปยังนิตยสาร โดยปรากฏในสมุดรายชื่อ Soviet Photo จากนั้นก็ได้รับความสนใจจากนิตยสาร Health

ภาพที่ส่งเข้าประกวดและส่งไปยังนิตยสาร

ช่วงต้นปี ค.ศ.2000 Elena Gerinas ลูกสาวของ Alexander Gerinas ได้ออกมาฟ้องร้องโรงงานเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยในการใช้ภาพของเธอ เพราะเธอคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาทางโรงงานได้ใช้ภาพของเธอในการสร้างรายได้มามากมาย ดังนั้น เธอควรจะได้รับเงินชดเชยในการลอกเลียนแบบภาพของเธออย่างผิดกฎหมาย ดังนั้น เธอจึงยื่นฟ้องเป็นเงินราว 5 ล้านรูเบิ้ล แต่ปรากฎว่าเธอแพ้คดี เพราะเจ้าของแบรนด์ระบุว่า กระดาษห่อเป็นการตกแต่ง มันเป็นภาพลักษณ์โดยรวมของเด็กทั่วๆ ไป ภาพของเธอจากการประกวดครั้งนั้นทำหน้าที่เป็นเพียงแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับศิลปินในการวาดภาพ เพราะภาพที่กระดาษห่อมีการปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ยาวขึ้น ริมฝีปากก็แตกต่างไป คิ้วก็ไม่เหมือนเดิม หรือแม้กระทั่งสีของตาที่เป็นสีฟ้า กล่าวโดยสรุปคือ ภาพเด็กที่ปรากฏบนกระดาษห่อเป็นงานสร้างสรรค์ไม่ใช่ภาพจริงที่มาจากการประกวดรูปถ่ายโดยตรง

ภาพกระดาษห่อเปรียบเทียบกับภาพวัยเด็กของ Elena

ต้นแบบภาพกระดาษห่อในวัยอาวุโส

ส่วนชื่อ Alyonka นั้น ว่ากันว่ามีที่มาว่าได้รับการตั้งชื่อตามลูกสาวของผู้หญิงคนแรกในอวกาศ Valentina Tereshkova ลูกสาวของเธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงในฐานะลูกคนแรกที่พ่อแม่ทั้งสองคนเดินทางไปในอวกาศ ดังนั้นช็อกโกแลต Alyonka จึงเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหภาพโซเวียตมุ่งมั่นอย่างมั่นคงต่ออนาคต

credit : https://soviet-art.ru/legendary-soviet-chocolate-a...

เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานจะให้เราเดินเลือกสรรตามใจชอบเลยค่ะ หยิบตะกร้าใส่รถเข็นแล้วเดินเลือกหยิบเอาตามสะดวก มีทั้งที่เป็นชอคโกแลตบาร์ ชอคโกแลตก้อนเล็กๆ เวเฟอร์เคลือบชอคโกแลต ลูกอม ทอฟฟี่ มีสารพัดแบบ นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Alenka หน้าเด็กโดยเฉพาะด้วย เช่น พวงกุญแจ สมุดโน๊ต กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าผ้า Magnet ที่รองแก้ว ฯลฯ ใครจะซื้อเป็นของฝากก็สะดวกเลย รับรองหาที่ไหนไม่มีแน่ สินค้าพวกลูกอม เวเฟอร์ หรือชอคโกแลตก้อนเล็กๆ เขาจะให้เราตักใส่ถุงแล้วไปชั่งน้ำหนักเองเลย เมื่อได้สินค้าตามที่ต้องการทั้งหมดแล้วก็ค่อยไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์

เลือกซื้อใส่รถเข็นได้เลยค่ะ

Gift from Russia with Love

เราสองคนคงซื้อกันมากมายหลายรายการ เขามีส่วนลดให้เป็นพิเศษอีก นอกจากจะมีบริเวณนี้ที่ให้ซื้อกลับบ้าน อีกด้านหนึ่งจะเป็นบริเวณที่จำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารว่าง พวกกาแฟ เค้ก แต่ตอนนี้คงยังเช้าไปเลยยังไม่เปิดให้บริการ เมื่อวันก่อนหนูเล็กยังแวะมาซื้อเค้กกับไปสองสามชิ้นรสชาติอร่อยไม่ใช่เล่นเหมือนกันค่ะ

เมื่อเราเดินกลับไปที่พัก สมาชิกทุกคนพร้อมสำหรับการเที่ยวแบบเบาๆ ในวันนี้แล้ว สำหรับแผนการเที่ยววันนี้เราจะขอเกาะกระแสฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพเสียหน่อย ด้วยเหตุที่กรุงมอสโคว์จะใช้สนามแข่งฟุตบอลโลกครั้งนี้ 2 สนามคือ Luzhniki Stadium และ Spartak Stadium นอกจากนี้คงเจียดเวลาไปตลาด Izmailovsky กันอีกรอบเพราะยังมีสมาชิกต้องการไปซื้อของฝากเพิ่มเติมให้ครบถ้วน และสุดท้ายคือการไปชมมอสโคว์ยามค่ำกันอีกครั้งสำหรับคืนสุดท้ายของพวกเราที่มาอยู่ใจกลางกรุงอย่างนี้

เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว เราออกเดินทางไปที่ไกลกันก่อนเลยดีกว่า จากที่พักเราเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี Mayakovskaya (Маяковская) เพื่อไปต่อสายสีแดงไปลงยังสถานี Sportivnaya (Спорти́вная) แต่ระหว่างการเดินทางเกิดผุดไอเดียว่าเราไปลงสถานีที่ใกล้กับ Sparrow Hills ดีกว่า จะได้ถือโอกาสชมเมืองในมุมสูงด้วย และเท่าที่อ่านมาจาก Sparrow Hills ก็สามารถมองเห็น Luzhniki Stadium ได้เหมือนกัน เราคงไม่ต้องไปถึงสนามก็ได้มั๊ง ในทีมของเราไม่มีใครเป็นคอฟุตบอลจริงๆ สักคน ว่าแล้วเราก็ไปลงยังสถานี Vorobyovy Gory (Воробьёвы го́ры) ซึ่งจริงๆ ชื่อสถานีนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Sparrow Hills นั่นเอง

สถานี Vorobyovy Gory

เมื่อลงจากรถไฟใต้ดิน ซึ่ง ณ ตอนนี้กลายมาลอยอยู่บนฟ้าแล้ว เพราะอาคารสถานีแห่งนี้อยู่สูงในระดับที่สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างสุดลูกหูลูกตา ซึ่งจากจุดนี้ก็สามารถมองเห็น Luzhniki Stadium สถานที่จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้แล้ว พวกเรายืนมองกันสักพักก็พากันเดินลงไปยังสวนสาธารณะริมน้ำซึ่งเป็นบริเวณที่มีชาวรัสเซียมานั่งเล่น ปิกนิก ขี่จักรยาน ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ นาๆ กัน ฝั่งตรงข้ามก็คือบริเวณของสนามกีฬา Luzhniki Stadium ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง มองไปไกลๆ ดูเหมือนจะมีความพร้อมมากสำหรับการแข่งขันที่จะมาถึง

Luzhniki Stadium

Luzhniki (Лужники)เป็นสนามฟุตบอลที่ UEFA จัดอันดับให้เป็นสนามระดับ 5 ดาว มีความจุขนาดเกือบ 8 หมื่นที่นั่ง เพราะเดิมถูกสร้างมาเพื่อรองรับกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ.1980 ภายในบริเวณ มีสนามกีฬาอื่นๆ ทั้งสระว่ายน้ำ สนามบาสฯ ลู่วิ่งที่สวยงาม รวมไปถึงลานไดร์ฟกอล์ฟตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Moskva บรรยากาศดีมาก ฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือที่เรานั่งอยู่กันนี้ก็คือเป็นเขาที่เรียกว่า Sparrow Hills ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวประจำเมืองสนามนี้จึงเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ Moscow


Luzhniki เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้วสองครั้ง UEFA Cup รอบชิงชนะเลิศ 1999 ที่สโมสร Parma ของอิตาลีสามารถเอาชนะทีม Olympique de Marseille ของฝรั่งเศสด้วยแต้ม 3-0 และอีกครั้งเป็นการแข่งขันนัดสำคัญ UEFA Champions League รอบชิงชนะเลิศ 2008 ระหว่างสโมสรฟุตบอล Chelsea กับสโมสรฟุตบอล Manchester United ในเกมที่ Manchester United สามารถคว้าแชมป์เหนือ Chelsea ในการดวลจุดโทษ

มีกระเช้านั่งไปสนามกีฬาด้วย

และเพื่อเป็นการเตรียมการรองรับฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ รัสเซียได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลปรับปรุงสนามและตกแต่งใหม่ ลู่วิ่งถูกถอดออก ทำให้ที่นั่งขยับเข้าไปใก้ลสนามมากขึ้น และเพิ่มความจุจาก 78,000 ที่นั่งเป็น 80,000 ที่นั่ง

พวกเราเห็นแดดแรงๆ แบบนี้เลยสมัครใจนั่งเอาบรรยากาศจากฝั่งนี้กันมากกว่าจะข้ามฝั่งไป ที่นี่มีจุดขึ้นเรือเพื่อล่องเรือชมทิวทัศน์ริมน้ำด้วย เป็นวันแดดดีอีกวันที่ทำให้เรานั่งเล่นกันไม่ทนเอาเลย ในขณะที่ชาวเมืองกลับมีความสุขเพราะเมื่อเดินเล่นไปอีกด้านหนึ่งเห็นมานอนอาบแดดกันเพียบ ฝรั่งนี่เหมือนกันหมด เห็นแดดเป็นไม่ได้ ในขณะที่เราคนไทยเจอแดดหน่อยก็พากันหนี มาจากเมืองร้อนก็อย่างนี้ละ

เรานั่งดูวิถีชาวเมืองกันอยู่สักพักก็พากันกลับค่ะ จุดหมายถัดไปจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากตลาด Izmailovsky ต้องรีบไปก่อนมัวแต่ไปเที่ยว เดี๋ยวตลาดวายจะไม่ได้ข้าวของกัน เพราะเรามีภาระกิจไปเก็บตกของฝากที่ยังขาดเหลือหลังจากที่เมื่อวานกลับไปสำรวจตรวจตรารายชื่อมิตรรักแฟนเพลงกันมาเรียบร้อยว่ายังตกหล่นใครกันไปบ้าง ที่ตลาดนี้มีข้าวของค่อนข้างครบครัน มาแห่งเดียวได้ครบจบในรอบเดียว ดังนั้น สมาชิกทุกคนจึงขอมาอีกรอบ ตลาดแห่งนี้ได้ชื่อนี้ก็เพราะตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณที่เรียกว่า Izmailovo Estate ซึ่งเดิมเป็นที่พำนักของตระกูล Romanov และ Peter the Great ในวัยเยาว์ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสมบัติของชาติไปแล้ว

จากสถานี Vorobyovy Gory (Воробьёвы го́ры) สายสีแดง เราไปเปลี่ยนขบวนไปใช้สายสีน้ำเงินที่สถานี Biblioteka Imeni Lenina (Библиоте́ка и́мени Ле́нина) เพื่อไปลงยังสถานี Partizanskaya (Партизанская) สถานีที่ใกล้ตลาดที่สุดเหมือนที่เราเดินทางมาเมื่อวาน เมื่อออกจากสถานีเราเปลี่ยนเส้นทางเดินเพื่อไปเข้าอีกทางหนึ่งบ้าง

สถานี Partizanskaya


ร้านฟาสต์ฟู้ดใกล้ๆ สถานี

ป้ายโฆษณาระหว่างทางเดิน

เรามาเข้าตลาดอีกทาง ซึ่งบริเวณนี้ดูเหมือนจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสร้างอาคารไว้เพื่อกิจกรรมอะไรต่ออะไร เห็นว่ามีไว้เพื่อบริการถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย แต่ก็นับว่ามีมุมถ่ายรูปเยอะดี ถ้าใครชอบก็มามุมนี้เลย

พวกเราแค่เดินวนๆ เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับออกไปยังบริเวณเดิมเพราะตั้งใจจะไปซื้อข้าวของที่ยังค้างคาใจกัน ตลอดสองข้างทางที่เดินผ่านไป สินค้าที่ละลานตามากที่สุดคงจะเป็นตุ๊กตาแม่ลูกดกที่มีสารพัดเวอร์ชั่น หลากหลายราคา มีลูกดกมากน้อยต่างๆ กันไป ใครต้องการซื้อมาที่ตลาดนี้รับรองไม่ผิดหวังได้ติดไม้ติดมือกลับออกไปอย่างแน่นอนค่ะ

สินค้าที่ระลึกฟุตบอลโลกก็มีมากมายเลย

หลังจากใช้เงินกันอย่างสนุกสนาน หมดกันไปหลายรูเบิ้ล ได้ข้าวของครบครันตามความต้องการ เราออกเดินทางไปตามล่าหาสนามกีฬาที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กันอีกแห่ง เพราะไหนๆ มาเยือนถึงถิ่นแล้วก็ขอไปเยือนให้เห็นกับตาเสียหน่อย จากสถานี Partizanskaya (Партизанская) สายสีน้ำเงิน เราต้องไปยังสถานี Spartak (Спартак) ซึ่งนับเป็นการเดินทางไกลจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตกเลยทีเดียวค่ะ เพราะจะต้องใช้สายน้ำเงินไปก่อน แล้วไปเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Ploshchad Revolyutsii (Пло́щадь Револю́ции)จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเป็นสายสีม่วงที่สถานี Tverskaya (Тверская) แล้วก็นั่งไปลงที่สถานี Spartak เลย

สถานี Pushkinskaya

รถไฟใต้ดินสีสันสดใสดี

ถึงล่ะ สถานี Spartak

เมื่อถึงที่หมาย ภาพกราฟฟิคภายในสถานีก็บอกเราได้ชัดเจนเลยว่าที่นี่คือ สถานี Spartak เพราะภายในสถานีตกแต่งด้วยธีมฟุตบอลล้วนๆ สีสันสดใสเป็นสีแดงขาว

ป้ายทางออกจากสถานีบอกชัดเจนว่า ทางออกทางไหนไปยังส่วนใดของสนาม ซึ่งชื่อของสนามกีฬาแห่งนี้จะมีสองชื่อนั่นคือ Spartak Stadium หรือ Otkrytiye Arena เหล่า FC ทั้งหลายหากเดินทางมาสนาม ก่อนจะเลือกทางออกก็แหงนหน้าดูนิดหนึ่งว่าจะไปยังบูทจำหน่ายตั๋ว หรือจะไปยังสแตนด์ฝั่งใด ออกให้ถูกทางก็จะเดินใกล้ค่ะ ด้านนอกสถานีมีติดป้ายผ้าต้อนรับบรรยากาศฟุตบอลโลก 2018 เอาไว้พร้อม ระยะทางจากสถานีถึงสนามไม่ไกลเลย เดินเพียงนิดเดียว


Spartak Stadium หรือในอีกชื่อคือ Otkrytiye Arena (Открытие Арена) ตามชื่อผู้สนับสนุนหลัก Otkritie Holding ที่นี่เป็นสนามเหย้าของทีม Spartak Moscow จุดที่โดดเด่นเห็นแต่ไกลก็คือ รูปปั้นนักรบสปาตาคัส (Spatacus) นักรบสมัยโรมันขนาด 24.5 เมตร ที่อยู่ด้านหน้าสนาม

สนามนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2014 สามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 45,360 คน จะถูกเรียกว่า Spartak Stadium ระหว่างการแข่งขันฟุตบอล Confederations Cup 2017 และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ตามข้อมูลใน Google เป็นสนามที่ติดอันดับแพงที่สุดอันดับ 8 ในโลก ถือเป็นอีกหนึ่งแห่งของสนามอเนกประสงค์ครบครัน ทั้งกีฬาและคอนเสิร์ต แต่ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการแข่งขันฟุตบอล ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างตกอยู่ที่ 12 พันล้านรูเบิ้ล หรือ 430 ล้านเหรียญสหรัฐ

วันที่เรามากันไม่มีการแข่งขัน และคาดว่าคงจะไม่มีไปอีกระยะเพื่อเตรียมความพร้อมของสนามให้พร้อม 100% เพื่อรอรับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะมาถึง บรรยากาศโดยรอบจึงเงียบเชียบ มีเพียงพวกเราเดินชมบรรรยากาศกันแบบเหงาๆ ท่ามกลางการเดินตรวจตรารักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผลัดกันลาดตระเวนผ่านมาเป็นระยะๆ และมีการตั้งจุดตรวจรถที่ผ่านเข้า-ออกไกลๆ อยู่บ้างบางคัน เมื่อวัดจากสายตา หนูเล็กเห็นได้ชัดว่ารัสเซียมีความพร้อมมากสำหรับการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ นึกเสียดายเหมือนกันที่เราไม่มีโอกาสได้อยู่จนถึงบรรยากาศที่วันนั้นมาถึง แต่แค่มาในช่วงที่ฟุตบอลโลกจะมาเยี่ยมเยือนค่าที่พักก็แพงขึ้นอักโขทีเดียวตอนที่เราเริ่มทำการหาที่พักก่อนเดินทางมา

ฟ้าฝนเริ่มไม่เป็นใจ เริ่มตกพรำๆ มาอีกครั้งหลังจากพรำๆ มาเป็นระยะๆ ตลอดวัน พวกเราตัดสินใจเดินทางกลับที่พักกันก่อนเพราะข้าวของพะรุงพะรังเต็มที ตั้งใจว่าให้ฟ้ามืดก่อนค่อยออกมาชมแสงสีบริเวณ Red Square กันใหม่ การมาเยือนในช่วงฤดูนี้กลายเป็นว่าเราต้องรอเวลาให้ฟ้ามืดหากอยากชมไฟประดับตามสถานที่สำคัญหรืออาคารบ้านเรือนต่างๆ เพราะสองทุ่มพระอาทิตย์ก็ยังไม่อยากจะตกดินเอาเลย

สองทุ่มครึ่งมีแค่พี่ใหญ่กับหนูเล็กที่พากันออกเดินเท้าจากที่พักสู่ Red Square ตามที่ตั้งใจ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ขอตัวจัดกระเป๋า เราสองคนเดินชมอาคารบ้านเรือนและบรรยากาศยามโพล้เพล้บนถนนสายแพง Tverskaya ไปเรื่อยๆ เพื่อบันทึกไว้ในความทรงจำก่อนอำลาในวันพรุ่ง และเมื่อเดินไปถึง Red Square ฟ้าก็มืดให้ได้เห็นไฟประดับพอดิบพอดี

แม้จะเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่บริเวณ Red Square ยังคงคึกคัก ผู้คนหนาตา เพราะมีงานดนตรีที่กลางลาน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ นักท่องเที่ยวยังคงเดินเก็บภาพสวยๆ ของสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายรอบๆ Red Square ที่ประดับไฟไว้อย่างตระการตา ลมพัดมาเย็นๆ กำลังสบาย ทำให้การเดินเล่นในค่ำคืนนี้เป็นคืนทิ้งทวนที่แสนประทับใจ เราเข้าไปเดินเล่นในห้าง GUM กันเพราะผู้คนไม่แน่นเหมือนเวลากลางวัน ทำให้ได้มีเวลาดูนู่นนี่บ้าง แม้บางร้านจะเริ่มทยอยปิด จากนั้นก็ออกมาเดินกลางลานชมบรรยากาศทั่วๆ ไป เก็บทุกสิ่งไว้ในความทรงจำให้ได้มากที่สุด

สถานที่ประกาศข่าวในสมัยโบราณ

St.Basil's Cathedral

Spasskaya Tower

งานแสดงดนตรีบนเวทีที่กลางลาน

ห้าง GUM

ภาพที่บันทึกไว้ด้วยกล้องถ่ายภาพในมือ ยังไม่อาจเก็บความประทับใจได้หมดเท่าที่บันทึกไว้ด้วยสายตาและความทรงจำ กว่าที่เราสองคนจะนั่งรถไฟใต้ดินกลับที่พักก็ใช้เวลาเดินชมการแสดงต่างๆ บริเวณ Red Square นานนับชั่วโมง นอกจากวันนี้จะนับเป็นวันสุดสัปดาห์ที่รื่นรมย์ของเราอย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นคืนแห่งการจากลาที่สวยงามและช่างยากจะลืมเลือนเสียจริงๆ

อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือจะแวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กก็ได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น