เป็นการเที่ยวปัตตานีแบบเจาะลึกพอสมควรครั้งแรก 4 วัน 3 คืน เราเป็นพวกใช้เวลาเยอะในการเที่ยว ก็เลยได้ที่เที่ยวน้อยกว่าคนอื่น ทริปนี้ใช้ภาพเล่าเรื่องอีกครั้ง ขออภัยล่วงหน้าที่ภาพไม่สวยนัก
ทริปนี้เริ่มต้นจากหัวหิน หลังจากทำงานเสร็จก็จับรถไฟเที่ยวมืดไปปัตตานี ขึ้นมาถึงเขาปูเตียงแล้ว เราก็เลยเปลี่ยนชุดนอนเลย พอเช้าก็เดินมาตู้เสบียง สั่งชุดอาหารเช้ากับรถไฟ
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นั่งรถไฟไปไกลกว่าหาดใหญ่ พอถึงหาดใหญ่มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจขึ้นมาและเดินตรวจตลอดเส้นทางจนเราลงที่สถานีรถไฟโคกโพธิ์ ปัตตานี ลงมาก็เจอภาพประมาณนี้
จากโคกโพธิ์จะเข้าเมืองปัตตานีมีรถสองแถวบริการอยู่ พอขึ้นรถก็นั่งคุยกับคนตานีหลายคนถามเราไม่กลัวหรือ? ทำไมมาเที่ยวคนเดียว? และทุกคนก็เริ่มแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในปัตตานีให้เรา และก่อนจากกันก็ยังบอกให้เราเที่ยวให้สนุก นี่แหละความประทับใจแรกของนักท่องเที่ยวธรรมดาแบบเรากับการมาปัตตานี เราลงที่หน้าโรงพยาบาลปัตตานีค่ารถ 30 บาท ยืนเราเจ้าถิ่นมารับ ทริปนี้เจ้าถิ่นแนะนำให้เราพักที่โรงแรมบ้านสวนริมน้ำ คืนละ 500 บาท ห้องพักโอเคเลยนะ
เก็บกระเป๋าเสร็จก็ออกมากับเจ้าถิ่นพาไปกินข้าวมันไก่โกจิว
เจ้าถิ่นต้องกลับไปทำงานก็เลยกลับมาส่งเราที่โรงแรม นั่งพักสักครู่แล้วเราก็ออกไปเดินชมเมืองเอง จากการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ถามเจ้าถิ่น และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมแล้วลุยเลย
จุดแรกที่เดินมาเป็นศาลหลักเมืองปัตตานี
จากนั้นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานีมาโซนเมืองเก่า
ผ่านร้านข้าวมันไก่โกจิวไปจุดหมายของการเดินเที่ยวเองก็คือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
เดินผ่านซุ้มประตูตลาดจีน ข้ามถนนมาที่วัดนิกรชนาราม ในพื้นที่สามจังหวัดโบสถ์จะปิดเสมอ ถ้าต้องการเข้าต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อน พื้นที่อื่นๆ ก็เคยเจอหลายแห่งเหมือนกัน
เดินย้อนกลับมาผ่านอาคารบ้านเรือนเก่าที่ยังคงสวยอยู่ ได้ความจากเจ้าถิ่นว่าจะอนุรักษ์ไว้ สวยดี เงียบดีด้วย
ผ่านมาเจอร้าน In_t_af Cafe หน้าร้านก็ดีแล้วนะ แต่เรา wow ที่ด้านหลังมาก ชอบที่ติดแม่น้ำด้วย
แบตมือถือหมดพอดี ขากลับเลยไม่มีรูปอะไรแล้ว แถมเจ้าถิ่นมารอที่โรงแรมติดต่อเราไม่ได้อีก 555 จากนั้นเจ้าถิ่นก็พามามัสยิดกลางปัตตานี เราดันใส่ขาสั้นมา หมดสิทธิ์เข้า ถ่ายรอบนอกก็พอ
จากนั้นก็มาที่มัสยิดกรือเซะ มาถึงในช่วงละหมาดพอดี และเราก็ยังใส่ขาสั้นอยู่ ไม่ได้เข้าด้านใน ถึงเราจะได้รับอนุญาตให้เข้าแล้ว แต่ก็ควรให้เกียรติสถานที่และผู้คนที่ยังอยู่ในมัสยิด ถ้ามองรอบตัวจะเห็นการแต่งกายของทุกคนที่เข้ามัสยิดว่าเรียบร้อยมาก เราก็ไม่ควรฝื
กลับเข้าตัวเมืองมากิน street food (อาหารตามสั่ง) เป็นเมนูเนื้อน้ำแดง อร่อยดีเหมือนกันนะ
อิ่มข้าวก็มาชิมอาเก๊าะ กับกาแฟที่ร้าน The R.I.P. Cafe รอบนี้จัดร้านใน theme ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในจังหวัดปัตตานี
เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปนราธิวาส ตามไปอ่านอีกรีวิวได้ Road Trip ที่นราธิวาส (ทริปนราธิวาสก็รวมรูปมาจากการลงมาเที่ยวปัตตานี-นราธิวาส 2 รอบ) ระหว่างทางไปนราธิวาสก็แวะเข้าปะนาเระ และก็โชคดีได้เห็นมองยามเช้าระหว่างทางด้วย
จุดหมายของที่นี่คือหาดปะนาเระ ระหว่างทางผ่านตลาดนัดผู้คนและรถเยอะมาก
ขาออกมาได้มีโอกาสถ่ายหอนาฬิกาปานะเระมาด้วย
หลังจากกลับจากอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา และมัสยิด 300 ปี ก็มาแวะบางปู ยะหริ่ง ก่อนเดินเข้าไปก็แวะชิม "มาดูฆาตง" กันก่อน (ขอบคุณเจ้าถิ่นที่ถ่ายรูปชื่อขนมมาให้)
กินไปเดินไปให้ทันแสงสวยๆ จากถนนเดินไม่ไกลนักก็จะถึงบริเวณท่องเที่ยวชุมชนบางปู ที่นี่มีล่องเรือชมหิ่งห้อยด้วย แต่วันที่ไปไม่ได้ติดต่อไว้ก่อนเลยไม่ได้ออกเรือ ก็ชมบรรยากาศที่นี่กัน
เดินมาตรงจุดที่น้ำสะท้อนมัสยิดพอดี สวยไปอีกแบบจริงๆ
มื้อเย็นง่ายๆ ที่ร้านนภาสุกี้ยากี้ เราไม่ได้กินหรู กินง่าย ข้างทางก็กินได้
กลับถึงที่พักก็เตรียมนอน แต่พอ 4 ทุ่มก็หิว ตัดสินใจเดินออกมาร้านสะดวกซื้อหน้าโรงพยาบาลปัตตานี กลางคืนเงียบมาก แต่ไม่ได้น่ากลัว มีร้านอาหารบ้าง เจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆ รอบเมือง ไม่อันตราย
เช้าวันที่ 3 ของทริปก็ออกกันแต่เช้าไปดูอาทิตย์ขึ้นที่แหลมโพธิ์ และโชคดีที่ได้เห็นฟ้าสวยๆ ได้เห็นวิถีประมงด้วย
น้องวิ่งมาเล่นด้วย คงเหงา น่ารัก
ขับออกมาที่หาดตาโละซามีแล ก็เห็นการทอดแห ได้ปลาเล็กปลาน้อย สำหรับกินกันในครอบครัว และฟ้าก็เริ่มครึ้มมาแล้วด้วย ถ่ายเสร็จขึ้นรถ ฝนตกพอดี
แวะกินมื้อเช้าง่ายๆ ที่ตลาดชุมชน ชาร้อนกับนาซิดาแซ เลือกหยิบได้เต็มที่ มีเยอะจนสนุกก่อนกิน
ระหว่างทางดอกคูนเหลืองพอดีก็แวะถ่ายรูปกันสักหน่อย เราสองคนเป็นพวกเจออะไรก็แวะ ไม่ได้รีบร้อนอะไร เสียดายที่เห็นขยะเยอะไปหน่อย
หลังจากซนกันสักพัก ก็มุ่งหน้าไปสายบุรี เราชอบความเก๋ไก๋ของโซนตึกอาคารเก่ามาก
อีกจุดที่เจ้าถิ่นพาไปคือวังพิพิธภักดี หรือวังสายบุรี เจ้าถิ่นบอกวังนี้สร้างให้ลูกสาวที่ออกเรือนได้อยู่ในบริเวณใกล้กัน วันที่ไปคนเฝ้าไม่อยู่พอดีก็เลยได้แค่เดินรอบๆ
ใกล้ๆ กันจะเป็นหอนาฬิกาสายบุรี
ออกจากสายบุรีก็มาแวะบ้านตาแกะ ที่ยะหริ่ง มาที่นี่ทำไม? ที่นี่มีอะไร? อย่างแรกมาชิมน้ำตาลสด แบบสดๆจากเตาเลย หอมอร่อยมากๆ ที่นี่ทำเป็นน้ำตาลก้อนส่งขายด้วย
จุดที่สองที่นี่มีดงกล้วยไม้ม้าวิ่ง แต่ช่วงที่ไปเพิ่งจัดการขยะที่มีคนแอบมาทิ้ง กล้วยไม้เสียหายไปเยอะ
จุดที่สาม ศาลาริมทางตรงข้ามโรงเรียนเฑียรยา ศาลานี้มีอายุมากกว่า 100 ปี สีที่ใช้วาดด้านบนเป็นสีจากโปรตุเกสสมัยที่เข้ามาทำการค้ากับไทยในยุคแรกๆ งดงามแต่ก็ทรุดโทรมตามกาลเวลา กรมศิลปากรเคยมาบูรณะไปหลายรอบแล้ว
จุดที่สี่ ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ๆ กับศาลาริมทางเลย เจ้าถิ่นบอกตัดไปบ้างแล้ว หักไปเองบ้าง เจ้าถิ่นบอกเคยมีคนถูกหวยจากการเอาแป้งมาถูเลยมีผ้ามาผูกไว้
ก่อนกลับก็แวะกินอาหารอีสานที่ปัตตานีก่อน เจ้าถิ่นบอกร้านนี้แซ่บ ก็อร่อยจริง
ทริปนี้เราไปต่อหาดใหญ่อีกเดี๋ยวแยกไปอีกรีวิวดีกว่า เดี๋ยวจะยาวไป ต่อรถตู้ไปหาดใหญ่ราคา 100 บาท
ขอบคุณเจ้าถิ่นที่ลางานมาพาเที่ยว และพาเที่ยวแบบเต็มพิกัดเวลาที่มี
ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่:
IG: prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
วันพฤหัสที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.39 น.