เป็นอีกประเทศที่หาอ่านรีวิวได้ไม่ง่ายนักสำหรับ 'ตรุกี' ดินแดน 1 ประเทศ 2 ทวีป กับภูมิประเทศอันหลากหลาย มีครบทั้งทะล ภูเขา ธรรมชาติอันงดงาม ดินแดนประวัติศาสตร์ มากด้วยสถาปัตยกรรมอันยาวนานตั้งแต่ยุคกรีก โรมัน อาณาจักรออตโตมัน จนถึงปัจจุบัน เชื่อว่าหากได้สัมผัสของจริง รับรองว่าต้องหาโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียนอีกแน่นอน ..
เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2559 มีมิตรสหายท่านนึงส่งทัวร์ 'Unseen Turkey' มาให้ดู กับราคาแค่ 29,900 บาท มีกำหนดการคือ 28 ธันวาคม 2559 - 4 มกราคม 2560 ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานครับ สนใจมาก แถมเป็นช่วงหยุดยาวปีใหม่พอดี (ไม่กระทบงานหลัก) และไม่ต้องใช้ Visa เช่นเดียวกับญี่ปุ่น / ไต้หวัน ถึงจะมีคำถามเรื่องความปลอดภัย ?? แต่คำตอบคือ เรา + กรุ๊ปทัวร์คงไม่พาไปโซนที่มีความเสี่ยงหรอกจริงมั้ย
เกริ่นมาเยอะแล้ว มาเริ่มเลยละกัน : )
Day 1 (28 ธันวาคม 2559)
ทางบริษัทฯ นัดเจอที่สุวรรณภูมิช่วง 20.00 น. เป็นปกติของทัวร์ที่จะมีป้ายบอก (ขอเซ็นเซอร์ชื่อบริษัทฯ) ระหว่างนี้สามารถไปหาอะไรกิน + แลกเงินได้ แนะนำแลกเป็นสกุล EUR หรือ USD ครับ เพราะสกุล TRY (ลีร่าตุรกี) เรทแพง + ตู้แลกเงินไม่ค่อยสต๊อกสกุลนี้ไว้ ทั้งนี้ ร้านค้าทั่วไป + Duty Free รับเงินสกุล USD/EUR ด้วย บางที่ให้เรทดีบ้าง แย่บ้าง ต้องเช็คกันอีกที
สำหรับสายการบินที่พาเราไปยังตุรกีคือ 'Mahan Air' (http://www.mahan.aero/en) เป็นสายการบินเอกชน (รายใหญ่) ของอิหร่าน ขอบอกว่าผู้โดยสารเยอะทีเดียว ทั้งนักท่องเที่ยว - ชาวอิหร่าน ก็มาเที่ยวบ้านเราเยอะเหมือนกัน สามารถเช็คอินกระเป๋า 20 กก. + Carry ตามความเหมาะสม
เที่ยวบิน W5-050 (สุวรรณภูมิ - สนามบินอิหม่ามโคไมนี (IKA))
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ใช้เครื่อง Airbus A340-600 การจัดที่นั่ง Economy เป็นแบบ 2-4-2 ที่นั่ง และ 2-3-2 ที่นั่ง (263 ที่นั่ง) + Business (45 ที่นั่ง) ภาพรวมนั่งสบาย มีหน้าจอขนาด 42 นิ้ว แสดงข้อมูลการเดินทาง ส่วนหน้าจอตรงที่นั่งใช้ไม่ได้ (กรรม) ทั้งนี้ In-Flight Entertainment ผู้โดยสารต้องเชื่อมต่อระบบผ่าน WiFi มีภาพยนตร์ - การ์ตูน กับหนังสือนิดหน่อย สามารถดูข้อมูลการบินได้เช่นกัน
เนื่องจาก Mahan Air เป็นสายการบินสัญชาติอิหร่าน ดังนั้นแอร์ ฯ ทุกคนจะแต่งตัวมิดชิด + คลุมผม ถูกต้องตามหลักศาสนาครับ เช่นเดียวกับอาหารที่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน (W5-050) มีเฉพาะไก่ - เนื้อ รอบแรกเสิร์ฟ Main Course และเสิร์ฟของว่าง ก่อนถึงเตหะรานประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อถึงสนามบินอิหม่ามโคไมนี (IKA) ต้องรอ Transit ประมาณ 3 ชั่วโมง มี WiFi ให้ใช้ก็จริง แต่จำกัดเพียง 1 ชั่วโมง (100 MB) ช้า แถม Block Social แทบทุกอย่าง มุดผ่าน Opera VPN ได้ครับ สำหรับสนามบินอิหร่านค่อนข้างเล็ก มีร้านกาแฟ ร้าน Duty Free และ Lounge อย่างละแห่งเท่านั้น
เที่ยวบิน W5-115 (สนามบินอิหม่ามโคไมนี (IKA) - อิสตันบูล (IST))
ใช้เครื่อง Airbus A340-300 บนเครื่องเหมือนเดิมทุกอย่าง มีอาหารเสิร์ฟ 1 มื้อ เป็น Breakfast ไข่ออมเล็ท + ครัวซอง ผลไม้ ชีส และกาแฟ / ชา เดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมงครับ ที่นั่งยังคงเป็นแบบเดิม ตรงนี้ใช้เวลางีบอีกสักหน่อย เพราะไปถึงโน่นเช้าพอดี
Day 2 (29 ธันวาคม 2559)
มาถึงกรุงอิสตันบูลพร้อมกับ ...... #ฝน กับอุณหภูมิเหลือเลขตัวเดียว ถือว่าโชคไม่ดีเท่าไหร่ ผ่าน ตม. (ไม่ยากครับ มองหน้าแล้วปั้มให้เลย) รอรับกระเป๋าเรียบร้อย ออกมาสามารถหาซื้อซิมการ์ดได้ครับ แต่ที่นี่เค้าเหมาเป็นแพคเกจ All-in-one รายเดือน ได้ 3G/4G 8GB + โทรในประเทศ 2000 นาที SMS อีก 1000 ครั้ง ราคา 130 ลีร่า (ประมาณ 1,460 บาท) เห็นว่าเช่า MiFi กระจายสัญญาณราคาไม่ต่างกันมาก แล้วแต่ชอบ
หัวหน้าทัวร์พาขึ้นรถบัสประจำทริป (ใช้คันนี้ตลอดการเดินทางครับ) คันใหญ่ขนาด 40 ที่นั่ง ตรงนี้จะมีไกด์ท้องถิ่นด้วย พูด Eng สำเนียงแปลกหน่อยฟังไม่ยาก จากสนามบินเดินทางไปยัง Galata Bridge เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
เมนูกลางวันเป็นซุป + สลัด และข้าวพร้อมปลาย่าง ไม่แน่ใจว่าเป็นปลาอะไร แต่คล้ายซาบะ บีบเลม่อนลงไปสักหน่อย ถือว่าอร่อยทีเดียว สำหรับ Galata Bridge เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกแห่งนึง มีร้านบาร์นั่งชิลมากมายครับ ขายเบียร์ เหล้าเหมือนบ้านเรา (ถามไกด์บอกเค้าแยกเรื่องศาสนา กับ Lifestyle ออกจากกัน ดังนั้นดื่มเหล้าไม่ถือว่าผิดสำหรับที่นี่)
จากนั้นพาชมพระราชวัง Topkapi, มหาวิหาร Hagia Sophia หรือ Aya Sofya อดีตโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์ เปลี่ยนมาเป็นสุเหร่ายุคออตโตมัน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ และ Sultan Ahmet Mosque (มัสยิดสีฟ้า) ซึ่งเป็นมัสยิดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ มีหอคอย 6 หอ ปัจจุบันยังคง Active (มีเวลาเปิด - ปิดเพื่อละหมาดตามเวลา) โดยสถานที่ทั้ง 3 แห่ง อยู่บริเวณเดียวกันครับ แต่ด้วยสภาพอากาศมีฝนตก + หนาว + ลมแรง จึงทำให้การเข้าชมสถานที่ทำได้ไม่เต็มที่ ถ้ามาช่วงอากาศดีๆ รับประกันว่าฟิน 100%
ใช้เวลากับ 3 สถานที่จนถึงช่วงเย็น ปิดท้ายด้วย Basilica Cistern อ่างเก็บน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ สร้างสมัยยุคโรมัน ใช้งานยาวจนถึงยุคออตโตมัน ปัจจุบันได้บูรณะจนสมบูรณ์ เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ มีร้านกาแฟข้างล่างด้วย
เหลือเวลาอีกหน่อย พาไปตลาด Mısır Çarşısı หรือตลาดเครื่องเทศ กลางกรุงอิสตัลบูล ตัวตลาดกำลังปรับปรุงภายนอก ส่วนร้านต่างๆ เปิดตามปกติ ที่นี่มีจุดขายคือมีร้านเครื่องเทศ / ชา / กาแฟมากมาย รวมถึง Turkish Delight ราคาไม่แพงมากนัก (แถมชิมก่อนซื้อได้อีก) ถ้า Backpack มาเอง แนะนำว่าเดินเลือกชมได้ตามสะดวก ต้องใช้เวลาพอสมควร
จากนั้นพาไป Dinner เป็นข้าวไก่ย่างถ่าน พอแหลกได้ครับ มีน้ำทับทิมคั้นสด (ทับทิม - ส้มคั้นสด มีขายตามแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง) และเข้าพัก ณ โรงแรม Retaj ชานเมืองอิสตันบูล หรูหราทีเดียว แต่ถ้า Backpack คงไม่มาจองไกลขนาดนี้หรอกจริงมั้ย ๕๕ ห้องพักกว้างขวาง นอนสบาย ออฟชั่นครบสมกับโรงแรมห้าดาวมาตรฐาน
(FYI : โรงแรม 5 ดาวของตุรกีไม่ได้วัดที่ความแพง ความหรู แต่อยู่ที่ Service / Accommodation(s) เท่าที่สังเกต 5 ดาวทุกแห่งจะมี Sauna, Fitness, Turkish Bath, Massage และ Pool ให้บริการด้วย)
Day 3 (30 ธันวาคม 2559)
วันนี้อากาศดีขึ้นจากเมื่อวานครับ ฝนตกน้อยลงมาก หนาวเหมือนเดิม จุดแรกพาไปเที่ยวคือ พระราชวังโดลมาบาชเช่ (Dolmabahçe) ส่วนจัดแสดงทั้งหมดอยู่ในตัวพระราชวัง ไม่ต้องจากลมตากฝน อลังการงานสร้างสมฐานะ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งด้วยทองคำ สิ่งของสะสมต่างๆ (ภายในห้ามถ่ายรูป) ตรงทางออกมีจุดถ่ายภาพวิวมหาชน จากนั้นพาล่องเรือชม 2 ชายฝั่ง (เอเชีย x ยุโรป) อย่างที่ทราบกันดีว่า อิสตันบูลตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างยุโรป - เอเชีย วิวสวยมาก แต่เพราะฝนตกหมอกเลยหนา ทัศนวิสัยไม่ค่อยดี บนเรือมีกาแฟ - ชาให้บริการด้วย
ช่วงบ่ายพาไปรับประทานอาหารเที่ยง (เป็นร้านอาหารจีน ปรุงโดยคนตุรกี .. แปลกม่ะ) ก่อนเริ่มเดินทางออกจากกรุงอิสตันบูลไปยัง เมือง Ayvalik ระยะทางประมาณ 430 กม. ใช้เวลา 6 ชั่วโมง ระหว่างทางจะเริ่มเห็นหิมะบ้างแล้ว บอกเลยว่าเจอยันจบทริป อิอิ คืนนี้พักโรงแรม Haliç Park สภาพห้องเก่าหน่อย แต่วิวสวยมาก !! เห็นอ่าวรอบเมือง Ayvalik ทั้งหมด ขนาดถ่ายกลางคืนยังสวย
(FYI : Ayvalik เป็นเมืองท่าเล็กๆ มีจุดชมวิวเมืองอีกจุดนึง แต่ทัวร์รอบนี้ไม่ได้ไปครับ)
Day 4 (31 ธันวาคม 2559)
ออกจากโรงแรม 8 โมงเช้า ยังไม่สว่าง (ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นช้าครับ เพราะหน้าหนาวด้วย) อากาศดี ไม่มีฝน เดินทาง 2 ชั่วโมงถึงเมือง Selçuk แน่นอนครับ มากับทัวร์ต้องมีมหกรรมแวะร้าน (**ตามที่กำหนด**) 2 แห่งคือ ร้านเครื่องหนัง กับ ร้านของฝาก ร้านหนังของแพงมาก (ข้ามไป) ส่วนร้านของฝาก อันนี้ดีหน่อยตรงไม่ชาร์จราคาเกินงาม พอซื้อได้
ต่อมาคือเมือง Ephesus อดีตเมือง Top 5 ของอาณาจักรโรมัน ตั้งอยู่บนเนินเขา มีทางออกริมทะเล (ทำเลดีมาก) ซากเมืองมีการขุดค้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ (ยังมี Zone ปิดไม่ให้เข้าอยู่) จุดถ่ายภาพมหาชน (Libary of Celsus) สวยงามอลังการมาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เดินกันคุ้มเลยคืออากาศดีมาก ไม่หนาวมากแถมแดดดี จากนั้นไปรับประทานอาหารกลางวัน เป็น Buffet สไตล์ท้องถิ่น กับข้าวอาจจะไม่ถูกปากคนไทยสักเท่าไหร่
ทานข้าวเสร็จเดินทางต่ออีก 3 ชั่วโมง (180 กม.) ถึงเมือง Pamukkale ขึ้นชมวิวภูเขาแคลเซียม ลดหลั่นเป็นชั้นๆ มาหน้าหนาวแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ มีหิมะเกาะเป็นชั้น พร้อมแอ่งน้ำพุร้อน + รางแช่เท้า ท่ามกลางอุณหภูมิประมาณ -3 องศา ชมวิวเมืองด้านล่าง ตรงนี้มีร้านของฝากนิดหน่อย ราคาต่อรองได้ (ไม่แพง)
(FYI : ด้านล่างของเมือง Pamukkale มีรีสอร์ทพร้อมบ่อน้ำแร่หลายแห่ง ใครมา Backpack มาแนะนำให้ลองเลือกพักได้)
คืนนี้พักโรงแรม Anemon Denizli เป็น Business Hotel ในเมือง Denizli พร้อมรับประทานมื้อค่ำ พอดีกับประเทศไทยเริ่ม Countdown เข้าปีใหม่ (ตุรกีเวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) ณ โรงแรมมี Party ฉลองปีใหม่ด้วยนะครับ บริการเหล้า เบียร์ อาหารไม่อั้น มีนักร้อง การแสดงครบ คิดหัวละ 110 ลีร่า (ประมาณ 1,300 บาท) เลยขอฉลองเล็กๆ ในห้องดีกว่า ...
มีต่ออีก POST นะจ๊ะ
Nuntapong Chongpratheep
วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 04.46 น.