วัสดีค่ะ
สำหรับไต้หวันถือว่าเป็นประเทศที่อยากไปมาก เพราะว่ามีญาติอยู่ที่นั่นเลยอยากไปเยี่ยมญาติด้วย ทริปนี้เราเดินทางด้วยการบินไทย ไปกับเพื่อนสาวอีกสองคนรวมสามชีวิตพิชิตไต้หวัน
วันแรก ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เครื่องออกตอน 7.25 น.กว่าจะไปถึงไต้หวันก็เกือบเที่ยงเวลาที่ไต้หวันเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง พอถึงไตัหวันน้องชายก็มารอรับที่สนามบินแล้ว บ้านน้องชายอยู่ที่เถาหยวนไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่ วันนี้เราจะไปเที่ยวในเมืองเถาหยวนกันค่ะ นั่งรถเที่ยวในเมืองนี้บรรยากาศตึกรามบ้านช่องคล้ายๆ แถวลาดพร้าวหรือแถบกรุงเทพชานเมืองเลยค่ะ บ่นกับน้องแหมพี่นั่งเครื่องมาตั้งไกลบรรยากาศที่นี่เหมือนนั่งรถไปที่ทำงานพี่เลย
สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่เราจะไปคือ "ฉือหู" Chiang Kai-shek and Chiang Ching-Kuo Cultural Park ที่แห่งนี้เป็นสถานทีฝังร่างของจอมพล เจียง ไค เชคประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เชื่อกันว่า ท่านเจียง เห็น เมือง ฉือหู คล้ายบ้านเกิดของท่านในประเทศจีน จึงได้ให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงนำร่างของท่านมาฝังไว้ที่นี่
ที่นี่จะมีลักษณะคล้ายสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พอเดินข้ามสะพานก็จะเห็นบ้านพักของท่านเจียง ซึ่งร่างของท่านอยู่ในโลงและตั้งใว้ภายในบ้านให้ผู้ที่มาเข้าชมได้ไปเคารพร่างของท่าน เมื่อก่อนสามารถเข้าไปเคารพข้างในห้องได้เลย แต่ตอนนี้ให้ยืนอยู่ด้านนอกห้องค่ะ ตอนที่เราไปถึงบ้านทหารกำลังทำพิธีเปลี่ยนเวรกันอยู่
เวลาตอนนั้นก็บ่ายโมงกว่าแล้วพวกเราเลยกินข้าวกลางวันกันที่นี่เลย ร้านอาหารที่ฉือหูมีร้านเดียวค่ะราคาสูงนิดหน่อย รสชาติก็พอใช้ได้ค่ะ
กินข้าวอิ่มแล้วเดินออกมาจากร้าน ก็มีชนเผ่ามาทำการแสดงถามน้องว่าเค้ามาทำอะไรกัน น้องบอกว่าเค้ามาโชว์เพื่อหาเงินไว้ใช้เพื่อการกุศลค่ะ ดูโชว์แล้วก็คล้าย ๆ ชาวเขาบ้านเรา
ก่อนวันเดินทางเคยคุยกับน้องไว้ว่าเท่าที่ดูโปรแกรมทัวร์ไทยเห็นมีไปเที่ยวฟาร์มดอกไม้ต้าซีแทบจะทุกทัวร์เลยอยากไปพาไปหน่อยได้ป่ะ เค้าก็ไลน์มาบอกรู้จักแน่นอนเดี๋ยวพาไปอยู่ในเถาหยวนนี่แหละแต่เอาเข้าจริงน้องเข้าใจว่าฟาร์มต้าซีกับฉือหูคือที่เดียวกันเราก็ยืนยันมันคนละที่ พอขับรถออกมาจากฉือหู เห็นป้ายฟาร์มดอกไม้ก็ชี้กันใหญ่ที่นี่แหละที่พี่อยากไปสรุปแล้วฟาร์มดอกไม้ต้าซีกับฉือหูอยู่ตรงข้ามกันค่ะ
ฟาร์มดอกไม้ต้าซี(Ta Shee Blooming oasis) http://www.tasheeblmn.com.tw/ เสียค่าเข้าชม 150 เหรียญ
เรามาถึงที่นี่ตอนเกือบจะบ่ายสอง พนักงานขายตั๋วเค้าบอกว่าฟาร์มปิดประมาณสี่โมงเย็นมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงคุณจะเข้าไหม คือเค้ากลัวว่าเราจะเข้าไปเที่ยวไม่คุ้มค่าตั๋วแต่ทำไงได้มาถึงแล้วก็ต้องเที่ยวซิ
ฟาร์มแห่งนี้มีทั้งส่วนเป็นสวนดอกไม้ สวนสัตว์ ที่ตั้งแคมป์พักแรม และสอนการทำสิ่งประดิษฐ์ DIY เดินเที่ยวได้เพลิน ๆ บรรยากาศสวนดอกไม้สีแดงตัดกับฟ้ากลางหุบเขา สวยเชียวค่ะ แต่เสียดายตอนที่ไปดอกลาเวนเดอร์ยังไม่โตเต็มที่ และมาถึงก็บ่ายแล้วก็แสดงโชว์อะไรก็หมดรอบไปหมดแล้ว ถ้าใครมีเวลาเที่ยวที่ไต้หวันหลายวันไม่รู้จะไปไหนแนะนำให้มานะคะ แต่ถ้าตั้งใจว่าต้องมาให้ได้ก็อาจจะผิดหวังเพราะก็ไม่ได้ใหญ่โตมากมายเดินซักครึ่งชั่วโมงก็ครบแล้วค่ะ
เดินเที่ยวในฟาร์มจนครบแล้วพวกเราก็เอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่บ้านน้องไปสวัสดีรายงานตัวกับลุงและป้า รอตอนค่ำจะออกไปหาอะไรกินที่ตลาดกลางคืนกันค่ะ
ตลาดกลางคืนถือว่าเป็นสีสันของไต้หวัน ที่ตลาดจะมีของกินให้เลือกกินมากมาย ที่ตลาดนี้เราเจอร้านคนไทยอยู่สองร้าน ร้านนึ่งขายไส้กรอกอีสานกับชานมเย็น (ถ้าขายบ้านเรานี่มันไม่เข้ากันเลยเลี่ยนเจอเลี่ยน) อีกร้านขายส้มตำ ซึ่งเค้าก็ทำออกมาได้รสชาติไต้หวั๊น ไต้หวัน คนไทยกินคือจืดสนิท
เราเลือกกินอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ชาบูหม้อไฟ กับชานมไข่มุก ราคาไม่แพง พอๆ กับกินตลาดนัดในเมืองไทยเลยค่ะ กินข้าวอิ่มแล้วก็ได้เวลานอน หมดวันแรกที่เถาหยวนค่ะ
วันที่สองของการเดินทาง ตื่นตั้งแต่แปดโมงเช้าเพราะตั้งใจว่าจะไปเย่หลิวกับจิวเฟิ่นแต่เช้า แต่ปรากฎว่าน้องชายไม่ตื่น ป้าเราเลยไปซื้ออาหารมาให้กินเป็นน้ำเต้าหู้และเกี๊ยวซ่า
กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ป้าบอกให้ไปเดินเล่นที่ตลาดรอไหมกว่าน้องจะตื่นคงเกือบเที่ยง เรากับเพื่อนก็เลยไปเดินเล่นตลาดกัน ตลาดนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของเถาหยวนมีขายทุกอย่างตังแต่ของสดยันเสื้อผ้า พวกเราเลยซื้อขนมของฝากกันที่นี่เลย พวกพายสับปะรดของฝากประจำชาติ โมจิ ขนม ลูกอม ราคาถูกมาก
กลับมาถึงบ้านก็สิบเอ็ดโมงแล้วคุณน้องก็ยังไม่ตื่น เลยต้องปลุกถ้าปล่อยยาวกว่านี้วันนี้คงไม่ได้ไปไหน น้องบอกว่าจิวเฟิ่นคงไม่ได้ไปแล้วเพราะอยู่ไกลไปแค่เย่หลิวก็พอนะ สิบเอ็ดโมงครึ่งเริ่มเดินทางออกจากบ้านไปเย่หลิวกันค่ะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ถึงเย่หลิวก็เกือบบ่ายแล้วเลยเลือกที่จะกินอาหารกลางวันกันก่อน ที่นี่เป็นทะเลดังนั้นพวกเราเลือกกินอาหารทะเลกันค่ะ จัดหนักกันไปเลี้ยงน้องด้วยอุตสาห์ขับรถพามาเที่ยว อาหารทะเลสด ๆ อร่อยดี
กินอิ่มแล้วไปซื้อบัตรกันค่ะ ค่าเข้าชม 50 เหรียญ
เย่หลิวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าถ้าใครไปไต้หวันแล้วไม่ไปเย่หลิวก็เหมือนไปไม่ถึงใต้หวัน เข้าไปข้างในก็จะเจอกับหินจำลองหินเศียรราชินี ของจริงผุกร่อนไปตามเวลาจนเหลือนิดเดียวและคิวเข้าแถวถ่ายรูปกับหินราชินีก็ยาวมากด้วยค่ะ
ไฮไลท์อีกอย่างถึงของที่นี่คืออนุเสาวรีย์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับผู้ชายท่านหนึ่งที่ลงไปช่วยเด็กที่ตกน้ำ แต่ช่วยไม่ได้ก็เลยจมน้ำตายทั้งคู่ นอกจากนั้นก็จะมีหินรูปร่างแปลกๆ เยอะไปหมดก็ตั้งชื่อหินแต่ละก้อน ก็แล้วแต่จะจินตนาการกันไปว่าเห็นเป็นรูปอะไร วันที่พวกเราไปอากาศหนาวลมแรงมากค่ะ
เดินเที่ยวกันจนทั่วแล้วก็นั่งรถยาว ๆ ไปไทเปกันค่ะ กว่าจะถึงไทเปก็ค่ำมากแล้ว
คืนนี้เราจองโรงแรมไว้ที่ย่านซีเมินติ่งชื่อโรงแรม ECFA Hotel Wan nian (Mrt ximen exit 6) โรงแรมจะอยู่บนชั้น 6 ของอาคารศูนย์การค้าตามรูปที่สองค่ะ จองผ่าน booking.com ราคาคืนละประมาณ 2,500 บาทแบบไม่รวมอาหารเช้าแต่พอไปถึงพนักงานบอกว่ากินอาหารเช้าได้เลย
รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์ค่ะ http://www.ecfa-hotel.com/en-gb#/ecfa-hotel-wan-ni...
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วตอนแรกก่ะว่าจะไปกินบุฟเฟ่ร้านเทียนไหว้เทียนแต่พอไปถึงคนเต็มร้านไม่มีที่นั่งต้องรอหลายชั่วโมงก็เลยตัดใจไปกินร้านอื่นแทน
กินข้าวเสร็จแล้วก็ให้น้องกลับบ้าน วันที่เหลือพี่ ๆ จะเที่ยวกันเองร่ำลาน้องแล้วก็เดินไปดูหอแดง(Red house) เปิด 11.00 - 21.30 น. Mrt ximen station exit 1 ที่นี่จะมีงานทำมือ สิ่งประดิษฐสวย ๆ น่ารัก ๆ เต็มไปหมดคนที่ชอบถ่ายรูปเหมาะกับที่นี่มากค่ะ
เดินเที่ยวจนทั่ว ช๊อปปิ้งกันจนเหนื่อยก็เดินกลับโรงแรมหมดวันที่สองค่ะ
สำหรับการเดินทางในวันที่ 3 - 4 จะเป็นการเดินทางแบบเที่ยวกันเองเพราะเราไล่น้องกลับบ้านไปแล้ว
ก่อนจะเดินทางมารู้จักเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินกันก่อนค่ะ สำหรับทริปนี้สถานที่ท่องเที่ยวมีรถไฟฟ้าใต้ดินผ่านทุกที่ยกเว้นกู้กงที่ต้องต่อรถเมล์ไปค่ะ
เมื่อได้แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินแล้วต่อไปก็ต้องซื้อบัตรรถไฟฟ้าเรียกว่าบัตร esycard ซื้อครั้งแรก 500 เหรียญเป็นมูลค่าบัตร 400 เหรียญค่ามัดจำ 100 เหรียญแต่เวลาเอาไปคือเหลือเท่าไหร่ได้คืนหมดค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์ไปเลยค่ะ http://www.tscc.com.tw/english/use/index.asp
ตู้เติมเงินบัตรก็หน้าตาเหมือนในบ้านเรา
วันที่สามของการเดินทาง
ตื่นกันแต่เช้า กินอาหารเช้าของโรงแรมเป็นอาหารพวกบะหมี่ผัด ขนมปัง ไส้กรอกกินอาหารเสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปไห้วพระที่วัดหลงซานสร้างความเป็นสิริมงคลสำหรับการเดินทางของพวกเราค่ะ
วัดหลงซาน วิธีการเดินทาง MRT Longshan temple exit 1
พอเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าก็เจอวัดเลยค่ะ วัดหลงซานเป็นวัดเก่าแก่ของไต้หวันคนเยอะและมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะค่ะ เราหยิบวัตถุมงคลต่างๆ มาฟรีด้วยหล่ะ เอากลับมาแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงเค้าขายหรือให้หยิบได้เลยกันแน่
ไหว้พระครบทุกทิศแล้วก็เดินออกมาด้านหลังวัดเจอมุมสวนสีเขียวสบายตา
แล้วพวกเราก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินระหว่างทางเจอร้านขายร้องเท้าในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิดราคาถูกมากรองเท้าบูทใส่หน้าหนาวคู่ละ200 – 300 บาท เองค่ะ สอยมาหนึ่งคู่ใส่เทียวเลยไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่
จากนั้นนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิดต่อไปน้ำพุร้อยเป่ยโถวกันคุณเพื่อนรีเควสมาว่าอยากลงออนเซน
น้ำพุร้อนเป่ยโถว วิธีการเดินทาง MRT Beitou ออกชานชาลาที่4 แล้วนั่งรถไฟต่อไปอีก 1 สถานีลง Xinbeitou
จากวัดหลงซานไปน้ำพุร้อนเป่ยโถวเดินทางไกลพอประมาณค่ะเพราะต้องออกไปนอกเมืองนั่งรถกันประมาณครึ่งชั่วโมงพอออกจากสถานีรถไฟฟ้าก็เดิน ๆ ๆ ไปสำรวจร้านค้าโรงแรมแถวนั้นหาอ่างลงออนเซ็นซึ่งในที่สุดก็ไม่ลงตัวเพราะอ่างส่วนตัวก็แพง อ่างรวมก็ต้องแก้ผ้าหมดยังไม่กล้าขนาดนั้นค่ะ
เดินสำรวจไปเรื่อยเจอพิพิธภัณฑ์ (ตึกสีแดงรูปคห.ด้านบน) และโรงอาบน้ำรวมก็เข้าไปดูหน่อยแต่จะลงแช่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำซึ่งพวกเราไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก็เลยต้องตัดใจไม่แช่ละ ค่าบริการประมาณ50 เหรียญ
เดินต่อไปเรื่อย ๆเจอลำธารเห็นคนไปนั่งหย่อนขากันเยอะก็เลยลงไปเล่นน้ำกันเขามั่งพอหย่อนขาลงไปเท่านั้น กรี๊ดเลยค่ะเพราะน้ำมันร้อน
หลังจากที่หาสถานที่แช่น้ำร้อนกันไม่ลงตัว สรุปก็นั่งหย่อนเท้าแช่น้ำแร่ที่ลำธารแค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ
โรงอาบน้ำรวมคือรูปสุดท้ายค่ะ
หลังจากแช่น้ำร้อนกันจนขาเกือบจะเปื่อยแล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพวกเราเดินไปกินเบอร์เกอร์คิง ร้านอยู่ใก้ลทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกินอิ่มแล้วก็ไปสำรวจร้าน 7-11 ดูมาร์กหน้าเ ครื่องสำอางเห็นราคาแล้วก็พอกันในเมืองเลยไม่ซื้อค่ะขี้เกียจขน
สถานที่ต่อไปตลาดริมน้ำดันสุ่ยวิธีการเดินทาง MRT Danshui old street exit 1
พอเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าเอาละซิตลาดอยู่ไหนตัดสินใจข้ามถนนเดินตรงไปเรื่อยๆ
ตลาดดันสุ่ยกว้างมากของขายเยอะมากมีทั้งส่วนของ ของกินเล่น ของฝาก ของสด ในที่สุดเราก็เลือกเดินกันที่ถนนเส้นนี้ แต่ตอนนั้นหิวน้ำเลยไปนั่งชิว ๆ กันในสตาร์บั๊คกันก่อน ที่ร้านมีสัญญาณไวไฟก็อาศัยอัฟเฟซบุ๊ค เข้าห้องน้ำ จิ๊บกาแฟ กันพอหายเหนื่อยก็ออกไปเดินช๊อปปิ้งกันค่ะ
ที่ไต้หวันเค้าขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยพวกเราก็เข้าร้านโน่นออกร้านนี้เลือกชิมไปเรื่อยมาประทับใจกับไอติมร้านนี้เป็นไอติมที่แป้งเหมือนแป้งโรตีสายไหมมีถั่วป่น ไอติม และโรยด้วยต้นหอม ราคา 35 เหรียญ ดูเหมือนทำง่ายแต่กลับมาทำเองที่บ้านรสชาดไม่ใช่อ่ะค่ะและน้ำมะระในตำนานแต่ทำใจไม่ได้เลยไม่ได้กิน เลือกซื้อของฝากของกินกันจนจุใจแล้วก็เดินทางกันต่อไปกู้กงกันค่ะ
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกู้กงวิธีการเดินทาง MRTสายสีแดงลงสถานีShilin exit 1ออกจากสถานีเดินมาทางขวาตรงห้างวัตสันเพื่อต่อรถบัสสาย R30 , 213 , 255 , 304 , 18 นั่งรถประมาณ 15 นาที ค่าเข้าคนละ 160 บาท วันเสาร์หลัง 18.30 ฟรี ขากลับนั่งรถสายเดิมไปลงสถานี Shilin
กว่าพวกเราจะเดินทางไปถึงกู้กงเวลาตอนนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้วค่ะสรุปคือหิวอีกแล้วนั่นเองพอลงจากสถานีรถไฟฟ้าก็เลยไปซื้อซูซิมานั่งกินกันใต้สถานีกินไปก็มีแต่คนมองแต่ตอนนั้นไม่อายแล้วค่ะหิว พวกเราเลือกนั่งรถเมล์สาย 304 ถามคนขับรถผ่านกู้กงไหม ถ้าถึงแล้วเรียกด้วยนะคะ
พอถึงคนขับรถก็ตะโกนบอกให้ลงค่ะภาพที่เห็นข้างหน้าแม่เจ้าอะไรมันจะใหญ่โตอลังการขนาดนั้น
และด้วยความที่ไปถึงก็เย็นแล้วกว่าจะมัวโอ้เอ้ถ่ายรูปกับตึกอันอลังการเวลาก็ล่วงไปเกือบห้าโมงเย็น สรุปก็เลยไม่ได้เข้าไปดูข้างในค่ะ เพราะไม่ได้ฟินกับประวัติศาสตร์กันอยู่แล้วและเคยไปดูที่บ้านตระกูลเฉินที่กวางโจวมาแล้วเลยสรุปกันเองง่ายๆ ว่าของในพิพิธภัณฑ์ไม่น่าจะต่างกันมาก (ข้อแก้ตัวล้วน ๆ ที่จริงเสียดายเงิน)
ถ่ายรูปท้าลมหนาวกันไปสักพักก็เริ่มมืดค่ะ เอาละซิจะกลับกันยังไงเลยวัดดวงค่ะ ดูป้ายรถคันไหนไปถึงซีเมินมันก็คือที่พักเรานั่นแหละเลยเลือกที่จะนั่นรถเมล์กลับที่พักค่ะ แล้วก็ตัดสินใจไม่ผิดถึงจะเดินทางนานไปหน่อยแต่ก็ได้นั่งพักเอาแรงดูบ้านดูเมืองเค้าไปเรื่อยฟินไปอีกแบบ จำไม่ได้ว่านั่งรถสายอะไรนะคะ
ถึงซีเมินก็ค่ำมากแล้วเลยเดินซ๊อปกันนิดหน่อยแล้วกลับไปปาร์ตี้มาม่าต้มยำกุ้ง กันที่ห้องพัก อาบน้ำนอน หมดวันที่สามกันอย่างสะบักสบอมค่ะ
วันสุดท้ายของทริปนี้
ตื่นแต่เช้าไปกินอาหารเช้าของโรงแรม อาหารเหมือนเมื่อวานทุกอย่างค่ะสถานที่ท่องเที่ยวแรกของเราในวันนี้คืออนุสรณ์ซุนยัดเซ็น
อนุสรณ์ซุนยัดเซ็น วิธีการเดินทาง MRT สถานี sun-yat-sen-memorial hall Exit 4 พิพิธภัณฑ์ปิด 5 โมง
เดินเข้าไปในอาคารเจอเจ๊กลุ่มนี้ทำอะไรกันนะ ทุกวันที่อยู่ที่ไต้หวันพวกเราจะเจอกับคนกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาทำกิจกรรมอะไรต่างๆ นานาแบบนี้เสมออยากรู้ก็ถามใครไม่ได้ว่าเค้ามาทำอะไรกัน
เดินเข้าไปชมในฮอลล์กัน ก็จะเป็นส่วนการแสดงประวัติของท่านซุนยัดเซน
อีกห้องถัดมาไปส่วนการแสดงตราประทับและตัวหนังสือจีนซึ่งก็จะมีให้คนเข้าชมไปขีด ๆ เขียน ๆ ได้ด้วย
พอดีเพื่อนอยากได้ตราประทับชื่อตัวเองแต่คนขายยังไม่มาพนักงานเลยแนะนำให้โทรไปหาที่ร้านแต่กว่าจะได้รับของก็อีกหลายวันเลยอดค่ะ
จากที่เคยไปชมอนุสรณ์ซุนยัดเซ็นที่กวางโจวมาแล้ว ชอบที่นี่มากกว่าค่ะมีอะไรให้ดูมากกว่าแต่ตัวอาคารของที่กวางโจวสวยกว่า
ออกมานอกฮอลล์ตั้งใจจะถ่ายรูปกับตึกไทเป101 แต่ผิดหวังเพราะเป็นมุมย้อนแสงถ่ายออกมาได้แค่นี้
หันไปอีกมุมก็ยังย้อนแสงอยู่ดี
อากาศวันนั้นหนาวค่ะ แต่แดดเปรี้ยงอยู่ในร่มก็หนาวพอออกแดดก็ร้อนเลยเปลี่ยนใจขอถ่ายแต่มุมอาคารละกันดูแล้วสดชื่นกว่ามั้ง
สถานที่ต่อไป ไทเปเมนสเตชั่น วิธีการเดินทางMRT taipei main station
ความตั้งใจที่มาที่นี่คือมาดูลู่ทางไปสนามบินค่ะเพราะตอนแรกตั้งใจว่าอยากนั่งรถไฟความเร็วสูงก็เลยมาเดินดูก่อนว่าต้องลากกระเป๋ากันลำบากชีวิตไหม แล้วก็เดินไปสถานีรถบัสกันค่ะซึ่งเมื่อได้เดินกันแล้วก็ตกลงใจกันได้ว่านั้งแท็กซี่จากโรงแรมมาลงสถานีรถบัสน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเพราะเดินไกลและพวกเราสัมภาระเยอะที่สถานีไทเปเมนฯ ของขายเยอะมาก พวกเราซื้อซูชิจากสถานีรถบัสไว้กินกลางวันกันค่ะทำไมถึงกันซูชิกันบ่อยนะเหรอเพราะราคาไม่แพงและรสชาดถูกปากค่ะ
สถานที่ต่อไป อนุสรณ์เจียงไคเช็คChiang Kai Shek Memory Hall วิธีการเดินทาง MRT สถานี CKC memorial hall exit 5 ออกจากสถานีเลี้ยวขวา
สำหรับที่นี่ประทับใจกันตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเลยค่ะใหญ่โตอลังการมาก (รูปสถานีคือสี่รูปบนของคห.28) และภาพที่ได้เห็นใหญ่ตึกรามใหญ่โตอลังการมาก
ส่วนตัวพวกเราไม่ได้ซึมซับกับประวัติศาสตร์อะไรมากมายอยู่แล้วและก็ได้ไปไหว้ท่านเจียงไคเซ็คที่ฉือหูมาแล้วก็เลยนั่งกินซูชิที่ซื้อมาถ่ายรูปกับตึก กำแพง แล้วกลับค่ะ
เจอคุณลุงรับพลังงานธรรมชาติอีกแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายในไทเปที่พวกเราได้ไปเยือนคือตึกไทเป101
วิธีการเดินทาง MRT Taipei 101 /world trade center exit 4
เดินออกจากสถานีแล้วก็เจอตึกไทเป 101 เลยค่ะ ผ่านร้านติงไทฟง ใจหนึ่งก็อยากกินนะแต่คนเยอะกลัวตกเครื่องเลยต้องขอผ่านและก็เจออีกแล้วนั่งสมาธิรับพลังงานธรรมชาติ
จะต้องโบกมือลาไต้หวันแล้วขอเก็บบรรยากาศเย็นๆ มุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ หน้าตึกไทเป 101 กันซะหน่อย
ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินกลับไปเอากระเป่าที่โรงแรมแล้วก็เรียกรถแท็กซี่ไปสถานีรถบัสเพื่อไปสนามบินค่ะ
บ๊ายบายไต้หวันหวังว่าจะมีโอกาสได้เจอกันใหม่
ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ
Tharasaki
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.52 น.