สวัสดีค่ะ สำหรับทริปนี้ไปกันทั้งหมด 10 คน จองตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชีย ไปกลับรวมน้ำหนักกระเป๋าประมาณคนละ 3,500 บาท แล้วติดต่อทัวร์ของ L2B Travel ค่าทัวร์คนละ 5,500 บาท โปรแกรมทัวร์ตามนี้เลยค่ะ

วันแรก สนามบินดอนเมือง หลวงพระบาง วัดวิชุน ถนนคนเดิน

14.10 น. มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงพระบาง โดยเที่ยว FD1030
15.30 น. ถึงสนามบินหลวงพระบาง
16.00 น. ชมพระธาตุหมากโม ที่ วัดวิชุนราช กินอาหารมื้อเย็น หลังอาหารเดินเที่ยวชมถนนคนเดิน บนถนนศรีสว่างวงศ์ช้อปปิ้งและชมบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี

วันที่สอง น้ำตกตาดกวางซี บ้านผานม วัดเชียงทอง

08.00 น. กินอาหารเช้ามื้อที่ร้านประชานิยม หลังอาหารเดินทางผ่านหมู่บ้านชนบทสู่น้ำตกตาดกวางสี หลังจากนั้นชมการทอผ้าที่บ้านผานม

11.00 น. วัดเชียงทอง

17.00 น. นมัสการ พระพุทธพูสี

18.30 น. กินอาหารเย็น หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม ตักบาตรข้าวเหนียว วัดแสนสุขาราม ตลาดเช้าพระราชวังหลวงพระบาง

05.30 น.ทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวชมวัดแสนสุขาราม จากนั้นชมตลาดเช้า

08.30 น. สักการะอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเข้าชมพระราชวังหลวงพระบาง

12.00 น. บริการอาหารเที่ยง

14.00 น. เตรียมเช็คอินสัมภาระ ที่สนามบินหลวงพระบาง
16.45 น. เหินฟ้ากลับกทม โดยเที่ยวบิน FD1031
18.05 น. ถึงสนามบินดอนเมือง พร้อมความประทับใจ


โปรแกรมทัวร์พร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลยค่ะ

วันแรก กว่าที่พวกเราจะออกจากสนามบินหลวงพระบางได้ก็เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว โปรแกรมวันแรกก็เลยไม่มีอะไรมากนัก ไกด์พาพวกเราไปไหว้พระกันที่วัดวิชุน ชมพระธาตุหมากโม ซึ่งมีรูปร่างของพระธาตุที่แปลกตา เหมือนแตงโมคว่ำชาวหลวงพระบางจึงเรียกชื่อพระธาตุนี้ว่าพระธาตุหมากโมมาจนถึงปัจจุบัน


ถึงเวลาอาหารเย็นไกด์พาพวกเราไปกินอาหารเย็นกันที่ร้านนี้ค่ะ อาหารเป็นพวกสลัดหลวงพระบาง น้ำพริก (ขออภัยทริปนี้ไม่มีรูปอาหารเลยค่ะ) ทั้งร้านมีอยู่สองโต๊ะ พวกเรากับอีกโต๊ะหนึ่งเหมือนพวกพ่อค้าเขามาดื่มสังสรรค์กันเสียงดังมาก


ช่วงค่ำพวกเราก็ไปเดินเล่นตลาดกลางคืนกันค่ะ สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสื้อยืด เครื่องเงิน งานแฮนด์เมคต่างๆ แต่เรามาเดินสำรวจโซนอาหารละลานตามาก


หลังจากนั้นไกด์ก็พาพวกเราไปเช็คอินกันที่ โรงแรม อินทะสักเกสเฮาส์ (Inthasak Guesthouse) เป็นโรงแรมสองดาวเล็กๆ อยู่หน้าวัดอะไรก็จำไม่ได้แล้ว ถึงโรงแรมจะเล็กแต่ก็ดูอบอุ่นและเป็นกันเองมาก หมดวันแรกในหลวงพระบางค่ะ

วันที่สอง ด้วยความที่โรงแรมไม่มีบริการอาหารเช้า ไกด์เลยพาพวกเราไปกินอาหารเช้ากันที่ร้านยอดฮิตของคนไทย ร้านประชานิยม ดูจากรูปริวิวส่วนตัวเราคิดว่าร้านจะใหญ่กว่านี้นะ ที่ไหนได้เหมือนเพิงตามต่างจังหวัดบ้านเราดี ๆ นี่เอง มื้อนี้เรากินเป็นข้าวต้มกับปลาท่องโก๋ ไกด์ให้ค่าอาหารคนละไม่เกิน 60 บาท


กินอาหารกันอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสีกันค่ะ ไกด์อยากให้พวกเราไปถึงกันก่อน 10โมง ก่อนที่ทัวร์อื่นจะมากแล้วคนจะเยอะ น้ำตกตาดกวางสี หมายถึงกวางหนุ่ม น้ำตกนี้ตกจากเขาที่สูง 70 เมตร ที่นี่เค้ามีหมีควายให้ชม และก็มีที่ระลึกน้องหมีควายให้ซื้อด้วยนะคะ


ด้วยความที่มากันแต่เช้า เลยเหมือนน้ำตกเป็นของพวกเรา เพราะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเลย น้ำตกโล่งมาก เลยสามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามไม่ติดคน น้ำตกตาดกวางสีเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของหลวงพระบาง สวยสมคำล่ำลือจริงๆ ค่ะ


หลังจากนั้นก็ไปชมการทอผ้าที่บ้านผานม ซึ่งเป็นการทอผ้าที่ใช้กี่กระตุกเป็นภูมิปัญญาของลาวในการทอผ้าเนื้อดี ที่ปัจจุบันหาชมได้ยาก เราปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ชมผ้ากันไปเพราะไม่ใช่แนวของเราอยู่แล้ว ส่วนเราข้ามถนนไปดูเครื่องเงินที่ร้านตรงกันข้าม ได้สร้อยเงินมาหนึ่งเส้นราคาแบบต่อแล้วต่ออีก 300 บาท (ร้านครื่องเงินคือรูปล่างซ้ายมือ)


เดินทางกลับเข้าตัวเมืองหลวงพระบางไปไหว้พระกันต่อที่วัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบาง โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้โปรดให้สร้างขึ้นและเป็นศูนย์ศิลปะกรรมล้านช้าง


นมัสการพระประธานเพื่อความเป็นศิริมงคล

ภาพต้นโพธิ์ด้านหลังกำแพงวัดนี้เราจะเห็นกันบ่อยๆ ในการใช้โปรโมทการท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบาง ที่จริงวัดนี้กว้างใหญ่มีอะไรให้ชมเยอะมาก แต่ ณ ตอนนั้นอากาศร้อนมาก เลยเก็บภาพมาได้ไม่เยอะ


ตามโปรแกรมทัวร์ของบริษัท เราต้องไปท่องเรือเที่ยวถ้ำติ่งกันตอนเช้า แต่เพื่อนที่เคยไปก่อนหน้านี้บอกว่าถ้ำติ่งไม่มีอะไร เราเลยตัดรายการนี้ทิ้งทำให้มีเวลาว่างหลายชั่วโมง ระหว่างรอเวลาแดดร่มเพื่อขึ้นพระพุทธพูสี ไกด์พาพวกผู้ใหญ่ไปเข้าร้านนวด ส่วนเราไปนั่งดื่มกาแฟชิมเบเกอรี่ รอบหลวงพระบางเริ่มตั้งแต่ร้านโจมา กาแฟดาว และ หลวงพระบางเบเกอรี่ ส่วนตัวเราว่าถูกปากกาแฟดาวมากที่สุด (ขออภัยทริปนี้ไม่มีรูปอาหาร ไม่เข้าใจตัวเองทำไมไม่ถ่ายรูปมาเลย)

ได้เวลาแดดร่มแล้ว ก็ได้เวลาปีนบันไดขึ้นพระพุทธพูสี พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง ที่ตั้งโดดเด่นกลางใจเมือง


ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงพระบางที่ตั้งอยู่ระหว่างลำน้ำโขงและลำน้ำคาน บนเขาก็ไม่มีอะไรมากนะคะ มีพระธาตุ และชุดชมวิว ทางขึ้นก็ไม่ได้ลำบากมาก สูงวัยทริปนี้ขึ้นได้เกือบทุกคน


หลังจากกินข้าวเย็นกันแล้วยังมีเวลาเหลือ ไกด์เลยพาพวกเราไปเดินเล่นถนนคนเดินกันอีกรอบ


วันที่สาม ตื่นกันตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว กันที่บริเวณหน้า วัดแสนสุขาราม ได้เห็นพระสงฆ์จำนวนเป็นร้อยๆ รูปเดินเรียงรายอยู่บริเวณกลางเมือง ได้เห็นถึงแรงศัทธราของเช้าพุธ ดูแล้วชื่นใจมากตักบาตรเสร็จแล้วก็ เดินชมวัดกันซักหน่อยแต่เนื่องจากยังเช้าอยู่มากเลยได้แต่ชมด้านนอกวัด


จากนั้นไปเดินเล่นตลาดเช้า หลวงพระบาง ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน อาหารสดอาหารพื้นบ้านเยอะมาก และราคาก็ไม่ได้ถูกมากถ้าเทียบกับเงินเมืองไทย


หลังจากกินอาหารเช้ากันอิ่มแล้ว พวกเราก็เข้าโรงแรมไปเก็บข้าวของเช็คเอ้าท์

โปรแกรมต่อไป หลังจากนั่งรถผ่านไปผ่านมาหลายรอบก็ได้เวลาเข้าไป สักการะอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ ประชาชนชาวลาวและเข้าชมพระราชวังหลวงพระบาง ซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง นมัสการ พระบางซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเพื่อเป็นสิริมงคล (ไม่มีรูปด้านในเพราะห้ามถ่ายรูปค่ะ)

กลับไปชมวัดแสนสุขารามกันอีกรอบ วัดนี้มีศิลปะของล้านช้าง ดูได้จากหลังคาและศิลปะของ พระซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนที่ชาวหลวงพระบางให้ความศรัทธา


หมดโปรแกรมทัวร์กันแล้วแต่ยังมีเวลาเหลือก่อนที่จะไปเช็คอินที่สนามบิน ไกด์พาพวกเราไปชมวิธีการทำกระดาษสาเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ราคาไม่แพงมากแต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย


ยังมีเวลาเหลือก็แวะอีกรอบตรงนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของแม่ชี แต่ดูจะร้างไปซะแล้วเลยได้ชมแต่ภายนอกค่ะ


ตลอดระยะเวลา 3 วันในหลวงพระบาง รถตู้คันนี้พาเราไปทุกที ขอบคุณมากมายไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ


ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ




ความคิดเห็น