พูดถึงยะลา หลายคนคงจะงงและมีคำถามว่า
‘ยะลา มีอะไรให้เที่ยว มีอะไรให้ไป เดินทางยังไง ไม่กลัวหรอ?'
ยิ่งเจอคำถามแบบนี้ เรายิ่งอยากไปเลย อยากไปลองดูสักครั้งว่ายะลามันเป็นยังไง
ถ้าอยากรู้ตามมาดู ตามมาอ่านกันเถอะ

การเดินทางครั้งนี้เรามาในนาม โครงการ อส.Social พาเที่ยวชุมชน ของ ททท. ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมาเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมทการท่องเที่ยวแบบชุมชน ในสโลแกน One night stay with locals โดยมี 13 ชุมชนให้ไปกัน และชุมชุนที่เราจับฉลากได้ และจะได้ไปเที่ยวกันก็คือ ชุมชนการท่องเที่ยวหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 จ.ยะลา นั่นเอง

ไปยะลากันเถอะ

ทริปนี้เราเดินทางด้วยเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ก่อน 1 คืน เพื่อเตรียมตัวออกแต่เช้า ในการเดินทางไปยังหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา9 จ. ยะลา ลงเครื่องมา เช่ารถเสร็จ เราก็เดินทางไปยังโรงแรม คืนนี้เรานอนกันที่ M One Residence ค่ะ

วันที่ 1 เดินทางไปยัง หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9

เราเดินทางออกจากหาดใหญ่ และพลาดไม่ได้กับอาหารเช้าที่เมืองหาดใหญ่ นั่นก็คือ ติ่มซ่ำ เราทานกันที่ร้าน โชคดี แต่เตี๊ยม เดิมพลังก่อนไป หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 เพราะดูจากใน Maps แล้ว ทางคดเคี้ยวเอาเรื่องเหมือนกัน

ในที่สุดเราก็มาถึง หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จากหาดใหญ่เส้นทางหลักเดินทางสบายมาก อาจจะหนักหน่อยตอนที่เป็นทางชันขึ้นเขาเข้ามาที่หมู่บ้าน ระยะทางประมาณครึ่งชั่วโมงที่ทางโค้งจะเยอะ

ก้าวลงจากรถ ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก ไกด์หลินปิง และไม่เป็นการเสียเวลา คุณป้ายู้เหลียน เจ้าหน้าที่ชุมชน ได้นำเราพาไปชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ถ้าใครมาแล้วไม่มาฟังคุณป้ายู้เหลียนบอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้าน ถือว่าพลาดอย่างแร๊งส์ เพราะสมัยสาวๆ คุณป้าเป้นคอมมิวนิตส์มาลายา ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นมา


ฟังป้ายู้เหลียนพูดจนหิ้วหิว ไกด์ปลินปิงพาเราไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านน้าสบาย อาหารพื้นบ้านฝุดๆ แกงส้มปลาสวายที่ไม่มีความคาว ปลานิลเขื่อนผัดขิง น้ำพริกเคยกุ้ง และทีเด็ดผัดผักกูด วัตถุดิบที่ทำมห้เราทานในมื้อนี้ ก็หาได้ภายในหมู่บ้าน ไม่ต้องซื้อหรือไปไหนไกลเลย นอกจากของคาวก็ยังมีผลไม้ตบท้าย เงาะนี่เด็ดมาจากต้นเลยหวานกรอบมาก ส่วนที่ปลื้มสุดก็เป็นทุเรียน หวานหอม ใครสายทุเรียนตายไปเลย ถ้าเป็นภาษาใต้ต้องพูดว่า “มื้อนี่หร่อยแรง”

ทานข้าวเสร็จ ก็มาเก็บของที่โฮมเสตย์ ที่พักที่นี้จะมีโซนของชุมชน ถ้ามากรุ๊ปใหญ่ๆ ทางชุมชนจะจัดที่นั้นให้ แต่เรามาแค่ 4 คน เลยมานอนโฮมเสตย์ของหมู่บ้าน ซึ่งสนับสนุนโดยเจ้าของบ้านชื่อ เจ๊หงษ์ ค่ะ ห้องนอนไม่มีแอร์นะคะ แต่อากาศเย็นสบายตอนกลางคืน พัดลมตัวเดียวอยู่

เก็บของเสร็จ น้องโก้ น้องในชุมชนอีกคนนำรถมารับเราเพื่อมุ่งหน้าไปกันที่ เส้นทางธรรมชาติสะพานแขวน นั่งรถมา 10 นาที เป็นเส้นทางชิวๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินไปยังไปสะพานแขวนเพื่อชมนกชมไม้ และถ่ายรูปกับมุมสะพานแขวนสุดคลาสสิก โดยข้างล่างสะพานจะเป็นลำธาร น้ำใสไหลเย็น เล่นกันได้เลยค่ะ

จากนั้นเราก็ไปยัง น้ำตกฮาลาซะห์ ไกด์หลิงปิง บอกว่าเราอาจจะเจอทากดูดเลือด ในการเดินเข้าไปน้ำตก! แต่รอบนี้ที่เรามาไม่มีทากเลย โชคดีมาก ทางเดินไปยังน้ำตกใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ เดินชิวๆ

เดินไปสักพัก เราก็จะพับกบ พบกับ... น้ำตกฮาลาซะห์ของแท้จ้องมีต้นสมพงยักษ์ด้วยนะคะ

วันนี้ไกด์หลินปิงบอกน้ำน้อยไปหน่อย แต่ก็สวยนะคะ

คือโฉมหน้าของไกด์ชุมชนไกด์หลินปิง เป็นกันเองมาก แถมยังตลกด้วย แหม่...เก๊กท่าสะหล่อเลย 555

เดินทางออกจากหาดน้ำตกฮาลาซะห์ ก็แวะชม หาดกระทิง หน้าร้อนซักหน่อย เป็นลำธารที่ไหลมาจากที่ทะเลสาปฮาลาบาลาแสงแดดตอนเย็นๆ กระทบกับผิวน้ำบวกกับวิวภูเขาแบบ 360 องศา โอ้ยมีเวลานั่งได้ทั้งวันเลยหละ

ขากลับจากหาดกระทิง เราได้แวะไปให้อาหารกวางที่ฟาร์มกวางมา น้องๆ น่ารักมากๆ

เหนื่อยล้ามาทั้งวันได้เวลาข้าวเย็นล้าว น้าสบายเตรียมข้าวให้เราเหมือนเดิม อร่อยเหมือนเดิม แต่คราวนี้เพิ่มเติมคือ ใบเหลียงผัดไข่ กับทีเด็ดเลยคือปลากระโดดทอด อร่อยมาก หลังจากทานข้าวเสร็จ เราก็ไปนั่งพูดคุยกับน้าสบายกับเจ้หงส์ หน้าโฮมสเตย์ แบบเป็นกันเอง

วันที่ 2 ได้เวลาขึ้นเขาของจริง!!

ตื่นเช้าตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาเดินเส้นทางธรรมชาติชม ทะเลหมอก ณ ผาหินโยก การที่จะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ ต้องเริ่มต้นจากการซึมซับก่อน นั้นก็คือ การเดิน! บอกเลยว่าเว้นทางเดินไปผาหินโยก มันเป็นการเข้าป่าชัดๆ ฝ่าดง ขึ้นเขาแต่เส้นทางที่เป็นธรรมชาติจริงๆ ก็เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ต่างๆมากมาย


เดินมาได้ 30 นาที แล้วเราก็เจอเขา (ทะเลหมอก) ถ้าเพื่อนๆ ได้มีโอกาสขึ้นไปชมวิวที่ผาหินโยก แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ มันทำให้หายเหนื่อยไปเลยหละ จากนั้นก็นั่งซึมซับบรรยกาศ (หรือพักเหนื่อยนั่นเอง 555) ประมาณ 8 โมงเราก็ลงเขากัน

ก่อนลงเจอน้องๆ กลุ่มนึง เด็กๆ ปีนเขาเก่งมาก นับถือสุดๆ เก็บภาพน้องๆ มาฝากหน่อย

กลับมาถึงข้างล่างอย่างปลอดภัย ก็มาทานอาหารเช้าบ้านน้าสบาย อาหารเช้ามีข้าวต้ม และขนมปัง เติมไม่อั้น!! อิ่มท้องกันเลยทีเดียว

จากนั้นน้องโก้บอกเราว่า มี ซาไก มาเก็บเงาะกับลองกองที่บ้านของเขา จึงชวนเราไปดูเช่าเผ่าซาไกกัน แต่ว่าชาวซาไก จะไม่พูดทักทายกับคนนอกอย่างเรานะครับ เพราะวิถีชีวิตของเขากับเราที่แตกต่างกัน และนี่ถือว่าเราโชคดีมากๆ น้องโก้บอกว่า ชาวซาไกจะลงมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่เราดันได้เจอตัวเป็นๆ

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายกับหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 9 ก่อนกลับน้องหลินปิงแนะนำให้ไปแวะจุดชมวิวทะเลสาบฮาลาบาลา กับ เขื่อนบางลาง ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับพอดี ชมวิวทะเลสาบฮาลาบาลาหน้าร้อน ที่เข้ากับสุภาษิตไทยว่า น้ำลดต่อผุดมากๆ ทำให้เกิดทัศนียภาพ ที่สวยงามไปอีกแบบ

และปิดท้ายทริปนี้ไปกับ เขื่อนบางลาง

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ( 4 คน )

  • ค่าเครื่องบินจาก กทม. - หาดใหญ่ ไปกลับ รวม 7,035 บาท / คนละ 1,750 บาท
  • ค่ารถเช่าจาก สนามบินหาดใหญ่ 2 วัน 1 คืน รวม 1,800 บาท / คนละ 450 บาท
  • ค่าทัวร์ชุมชน Package 2 วัน 1 คืน ประกอบไปด้วย ที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ และค่าไกด์ค่ารถ คนละ 1300 บาท
  • ค่าที่พักที่หาดใหญ่ โรงแรม M One คืนละ 500 บาท
  • ค่าน้ำมันทั้งหมด รวม 1,200 บาท / คนละ 300 บาท

ติดต่อชุมชน หรือจองที่พัก

บทส่งท้าย

การที่ได้มาท่องเที่ยวชุมชนหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 นี้ ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตจริงๆ

ได้พูดคุยกับคนพื้นที่ รู้เรื่องราวประวัติความเป็นา 2 วัน 1 คืนที่นี้ ทำให้เราหลงรักยะลา

และหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 จริงๆ ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะคะ


ขอบคุณผู้สนับสนุนในโครงการนี้ด้วยค่ะ

ความคิดเห็น