สวัสดีค่ะ
ทริปนี้เดินทางวันที่ 24 ก.พ. - 2 มี.ค. 2561 เดินทางด้วยสายการบิน Airasia X
โปรแกรมการเดินทาง ส 24/2 เดินทาง พักที่ Toyoko Inn Narita Hotel 10.45 น เดินทางไปโตเกียว 19.00 น. ถึงสนามบินนาริตะ T2 นั่งรถชัตเตอร์บัสฟรีไปส่งที่โรงแรม 20.00 น. เช็คอินโรงแรม toyoko inn narita hotel
อา 25/2 เดินทางไป Ueno เช็คอินรร.toyoko inn uneo tawaramachi / ตลาดอะเมยะ โยโชโกะ / สวนสาธารณะอุเอโนะ
จ 26/2 วัดโซเซนจิ / ศาลเจ้า Hie Jinja / ตลาดปลาซิกิจิ / Odiba
อ 27/2 เดินทางไปคาวา / หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai / ชมวิวทะเลสาป / Backpackers Hostel K's House Mt.Fuji
พ 28/2 Kachi Kachi Ropeway /จุดชมวิว kawaguchiko Natural living Center / ชินจุกุ / กลับ uneo
พฤ 1/3 วังอิมพีเรียล / ศาลเจ้าเมจิ / ฮาราจุกุ / ชิบุย่า
ศ 2/3 Tokyo Skytree / ช็อปปิ้งตึกม่วง takeya และตลาดอะเมยะ โยโชโกะ / กลับกรุงเทพ
สำหรับตอนนี้จะเป็นส่วนของคาวากุจิโกะและเก็บตกโตเกียว โปรแกรมพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลย
วันที่ 27/2/2561
วันนี้เราเดินทางไปคาวากุจิโกะด้วยรถบัสกันค่ะ
วิธีการเดินทาง จากสถานี Tawaramachi นั่งรถไฟใต้ดินไปสถานี Shinjuku (M8) ทางออก South Exit พอออก มาจากสถานีแล้วจะเจอกับถนน อีกฝั่งก็คือสถานีรถบัส Shinjuku Expressway Bus Terminal ซึ่งอยู่ตรงห้าง NEWoMan แล้วขึ้นบันไดเลื่อนที่อยู่ด้านข้างไปที่ชั้น 4 ค่ารถคนละ 1,750 เยน วิธีเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไปสถานีรถบัสแผนที่เลยค่ะ
พวกเราได้ขึ้นรถเที่ยว 10.15 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสถานีคาวากุจะโกะกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารในสถานีเป็นพวกราเม็งและเบ็นโตะเสร็จแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อกเกอร์ในสถานีแล้วนั่งรถบัสไปเที่ยวกันต่อที่หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai ระหว่างทางยังพอมีหิมะให้เห็นบ้างประปราย (แนะนำว่าขอตารางรถบัสจาก information เลยค่ะอัพเดตและเชื่อถือได้มากที่สุด)
จากสถานีคาวากุจิโกะไปหมู่บ้านน้ำใสใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีตารางรถบัสที่ญี่ปุ่นเวลาเป๊ะมากบอกว่าจะออกกี่โมงถึงกี่โมงก็เวลานั้นจริงๆ ค่ารถบัสคนละ 600 เยน รถบัสจะจอดให้ลงตรงป้ายทางเข้าหมู่บ้านซึ่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นลานจอดรถส่วนขากลับก็ข้ามถนนไปรอรถที่ป้ายรถเมล์หน้าลานจอดรถ
จากป้ายรถบัสปากทางเข้าหมู่บ้านเดินไปไม่ไกลก็จะเจอกับหมู่บ้านน้ำใส ในส่วนของพิพิธภัณฑ์จะมีค่าเข้าชมอยู่ซึ่งแน่นอนเราเลือกที่จะไม่เสียตังค์ เดินไปดูบ่อน้ำกันดีกว่าบ่อน้ำที่นี่จะเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะที่ภูเขาไฟฟูจิ มีอยู่หลายบ่อบางบ่อก็น้ำใสมาก บางบ่อก็น้ำเน่ามากเช่นกัน อาคารที่เห็นในรูปคือร้านขายของที่ระลึกถ้าฟ้าใสจะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิอยู่ด้านหลังอาคาร แต่วันที่เราไปฟ้าปิดเลยไม่เห็นฟูจิเลย
เดินเข้าไปชมบ้านของชาวบ้านในละแวกนี้ดีกว่า บางบ้านติดป้าย Private Zone ห้ามถ่ายรูปไว้ชัดเจน แต่นักท่องเที่ยวบางคนก็ดูจะไม่ค่อยสนใจป้ายซักเท่าไหร่เดินเข้าไปถ่ายรูปในบ้านเค้าซะงั้น เห็นแล้วก็เหนื่อยใจ รูปล่างด้านซ้ายนั้นคือห้องน้ำค่ะ
ขากลับเราพลาดรถบัสที่จะตรงไปที่สถานีคาวากุจิโกะเลยต้องนั่งรถบัสไปต่อรถไฟที่สถานีฟูจิซัง แล้วนั่งรถไฟไปลงที่สถานีคาวากุจิโกะอีกที ค่ารถบัสมาลงที่สถานีฟูจิซังคนละ 400 เยน ค่ารถไฟคนละ 400 เยน
ช่วงเย็นหลังจากที่เช็คอินที่โรงแรมเรียบร้อยแล้วก็เดินไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาปที่ kawaguchiko Herb Hall ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมสามารถเดินไปได้ (ขอข้ามรายละเอียดในส่วนของ Backpackers Hostel K's House Mt.Fuji เพราะไม่ประทับใจค่ะ ก่อนจองเห็นว่าเป็นโรงแรมที่คนไทยชอบไปพักกัน แต่ส่วนตัวว่าเมื่อเทียบการบริการกับราคาที่จ่ายไปแล้ว เพิ่มเงินอีกหน่อยเลือกนอนโรงแรมใก้ลสถานีคาวากุจิโกะดีกว่า)
วันที่ 28/2/2561 เช้าวันใหม่เดินออกมารอรถบัสกันที่ป้ายรถบัสหน้าโรงแรมตั้งแต่ 8.30 แต่รถบัสเที่ยวแรกมา 9.00 ก็เลยถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
เราจะไปขึ้นกระเช้า kachi kachi กัน
วิธีการเดินทาง ป้ายรถบัสหมายเลข 11 Ropeway Ent. จุดสังเกตของป้ายนี้คือ ร้าน Fujiyama Cookie ที่อยู่ด้านหน้าสถานีขึ้นกระเช้า กระเช้านี้จะถูกตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนกระต่ายและแรคคูน (คนญี่ปุ่นเรียก “ทานุกิ”) เวลาเปิดปิด คือ 9.00-17.10 น. ราคาตั๋วไปกลับคนละ 800 เยน
ด้วยความที่ไปกันแต่เช้าเลยเข้าแถวรอขึ้นกระเช้าไม่นานเพราะคนยังมาไม่เยอ กระเช้าที่นี่ไม่ได้สูงมากใช้เวลาประมาณไม่เกิน 15 นาที่ก็ถึงยอดเขา
วิวภูเขาไฟฟูจิจากบนยอดเขาเท็นโจ
ลงจากกระเช้าแล้ว นั่งรถบัสไปต่อที่ป้ายที่ 22 Natural living center ป้ายรถบัสป้ายสุดท้าย ตอนแรกกะว่าจะไปกินมื้อเที่ยงที่นีเลยแต่อาหารที่ขายส่วนใหญ่มีแต่พวกไก่ทอด ไส้กรอก ไม่อิ่มแน่ๆ
ถ่ายรูปกับวิวฟูจิที่นี่ลมแรงหนาวมาก ถ้ามาช่วงลาเวนเดอร์บานคงสวยไปอีกแบบ
ในรูปเป็นวิวทะเลสาปกับภูเขาไฟฟูจิจากบนรถระหว่างนั่งรถบัสกลับไปกินข้าวเที่ยงที่ป้ายรถบัสหมายเลข 11 หน้าสถานีกระเช้า kachi kachi กินข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วนั่งรถบัสไปซื้อตั๋วรถบัสกลับโตเกียวที่สถานีคาวากุจิโกะ ได้รถเที่ยวบ่ายสองนั่งรถไปประมาณสองชั่วโมงถึงชินกุจุก็ไปช็อปปิ้งกันต่อ กว่าจะได้ไปเช็คอินที่โรงแรมก็เกือบสองทุ่มแล้วเหนื่อยมากสำหรับวันนี้
วันที่ 1/3/2561
สถานที่แรกของวันนี้เดินทางไปที่ พระราชวังอิมพีเรียลกันค่ะ ที่จริงวังนี้ไปได้หลายสถานีมากแต่ด้วยความที่มีเวลาน้อยเลยเลือกที่จะไปที่สถานี Hibiya (Ho7) Exit B6 เมื่อมาลงที่สถานีนี้ก็จะได้ชมวิวของสะพานนิจุบาชิที่มีวังให้เห็นอยู่ไกลๆ และเงาที่สะท้อนกับพื้นน้ำของสะพานนิจุบาชินั้นจะเป็นเหมือนแว่นตาเลยเป็นที่มาของชื่อสะพานแว่นตา
และในบริเวณเดียวกันก็จะเป็นสวนสาธารณะที่มีสวนสนดอกซากุระที่กำลังจะบานและอนุสาวรีย์ kusunoki Masashige ขุนนางและซามุไรคนสำคัญในยุคคามาคุระ
ศาลเจ้าเมจิ / ฮาราจุกุ
วิธีการเดินทาง สถานี C03 Meiji-jingumae ออกประตูหมายเลข2 เมื่อออกจากสถานีแล้ว ให้เดินย้อนกลับมาอีกทางนึงจะเจอสะพานข้ามทางรถไฟ เมื่อเดินข้ามสะพานมาเราก็จะถึงทางเข้าของศาลเจ้าเมจิ แล้วก็จะเจอลานกว้างๆ กับทางเข้าที่เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่เรียกว่าโทโรอิ จากนั้นต้องเดินเข้าไปด้านในอีกประมาณ 10 นาทีจึงจะถึงอาคารหลักของศาลเจ้า (Main Shrine Building) วัดนี้เดินไกลมาก
ไห้วพระเสร็จแล้วเดินกลับมาทางเดิมเพื่อช็อปปิ้งกันต่อที่ฮาราจุกุ วิธีเดินทางก็ไม่ยากจากศาลเจ้าเมจิเดินกลับออกมาทางเดิม ย้ำว่าทางเดิมนะเพราะเราก็หลงเหมือนกัน พอถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วก็ข้ามถนนไปช็อปได้เลย
ช็อปปิ้งยังไม่หนำใจไปกันต่อที่ชิบุย่า วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีShibyta G 1 ทางออก Hachigo (จำไม่ผิดน่าจะทางออกที่ 8) โผล่ออกจากสถานีก็จะเจอรูปปั้นหมาฮาจิโกะและห้าแยกชิบุย่าเลย
รูปสถานีรถไฟฟ้าขอบคุณรูปประกอบจาก internet
วันที่ 2/3/2561
วันนี้เราออกเที่ยวกัน 9.30 รอเวลาร้านเปิดเพราะร้านค้าส่วนใหญ่เปิด 10.00 น สถานที่แรก TOKYO SKYTREE วิธีการเดินทาง สถานี SKYTREE ( A20 ) ทางออกหมายเลข B3 ไปถึงก็ไม่ได้ทำอะไรมากถ่ายรูปหอคอย เข้าห้องน้ำแล้วก็กลับ
ไปช็อปปิ้งเก็บตกละลายเงินเยนกันที่ตลาดอะเมยะ โยโชโกะ และตึกม่วง Takeya วิธีการเดินทาง นั่งสายกินซ่า Line ไปลงที่สถานี Ueno-hirokoji Station G15 เดินไปทาง สถานี Naka-OkachimachiStation H 16 ทางออกเบอร์ 3 โผ่ลออกจากสถานีจะเจอกับตึกม่วงตามรูปเลยค่ะ ถ้าจะไปตลาดอะเมยะ ก็ข้ามถนนตรงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน(ฝั่งตรงข้ามคือ Family Mart) แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ เดินไปไม่ไกลจะเจอกับตึกยูนิโคล่ฝั่งตรงข้ามของตึกนี้คือตลาดอะเมยะนั่นเอง ช็อปปิ้งกันอย่างเร่งรีบ เวลาบ่ายโมงครึ่งก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม
ขอบคุณรูปประกอบจาก internet การเดินทางไปสนามบินพวกเราเดินทางด้วยรถไฟ Narita skyaccess เหมือนตอนขามาคือไปขึ้นรถไฟกันที่สถานี Asakusa ได้ขึ้นรถไฟเที่ยวบ่ายสามโมงใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงสถานบินนาริตะประมาณ 4 โมงเย็นจัดการคืนบัตร Pasmo เช็คอินกินข้าวเย็นอำลาโตเกียว เครื่องออกเวลา 20.15 น. ขากลับใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง ก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ปิดทริปโตเกียว คาวากุจิโกะ เหนื่อยมากแต่ก็สนุกมากเช่นกัน ขอบคุณเจ้าของรูปประกอบจาก internet ทุกท่าน และขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวค่ะไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีค่ะ
Tharasaki วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.41 น.