สวัสดีครับ บทความนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเขียนของผม ซึ่งกว่าสามสิบปีหลังจากลืมตาดูโลก ผมได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวมาก็หลายที่ ทั้งในและนอกประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้เขียนรีวิวสักที ซึ่งทริปนี้ผมตั้งใจจะเริ่มเขียนเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำของตัวเองนอกเหนือจากภาพถ่าย และก็เพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่สนใจ เหมือนที่พี่ Christopher McCandless เคยบอกเอาไว้ว่า " Happiness only real when shared "
การเดินทางครั้งนี้ของผมเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 - 23 กันยายน เป็นระยะเวลาเกือบๆ สามอาทิตย์ โดยเริ่มที่จ.น่าน ต่อด้วยจ.พะเยา และไปจบที่จ.เชียงราย และเพื่อไม่ให้รีวิวยาวจนเกินไป ผมจะขอแยกเขียนเป็นตอนนะครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า...
หลังจากเสียง alarm จากมือถือดังขึ้น ผมค่อยๆ บิดขี้เกียจและลุกขึ้นจากม้านั่งตัวยาว ใช่แล้วครับ เมื่อคืนก็นอนมันที่สนามบินนี่แหละ เพราะคนตื่นสายแบบผมเกรงว่าจะมาไม่ทัน ไฟล์ทที่ดอนเมืองตอน 07.40น.
ใช้เวลาเดินทางประมานชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบินน่าน เนื่องจากไม่ได้จองรถไว้ก่อน ผมจึงต้องเรียกพี่วินเพื่อไปหาร้านเช่ารถ อ่อ ลืมบอกไปว่าทริปนี้ผมจะเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ครับ ซึ่งสุดท้ายก็มาได้ที่ร้านโตโน่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีขนส่งราคา 250 บาท/วัน มีค่ามัดจำอีก 1 พันบาท
เมื่อได้รถที่ต้องการแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทางจากอ.เมือง ผมวิ่งเส้น 1081 ผ่านอ.สันติสุข เพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทางแรกคือ อ.บ่อเกลือ เส้นนี้ล่ะครับที่เค้าเรียกกันว่า ถนนลอยฟ้า ระยะทางจากน่านไปบ่อเกลือก็ประมาณเกือบๆ 90กม. ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
วิวข้างทางก็จะเป็นแบบนี้ (ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากนักเพราะต้องทำเวลากับฝนที่กำลังจะตก)
ในที่สุดก็มาถึงที่พักแรก นั่นก็คือ "บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท"
ภาพห้องพัก
ร้านอาหารปองซาและภาพบรรยากาศที่บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท
ไก่ทอดมะแขว่น
รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูง มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน และเห็นแม่น้ำมางอยู่เบื้องล่าง นอกจากนี้ภายในที่พักยังมีร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออย่าง "ปองซา" (เป็นภาษาของชนเผ่าลั๊วะ แปลว่า "กินข้าว") ร้านนี้จะเน้นวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น หลายเมนูที่ทานขอบอกว่ารสชาติดีเลยครับ ส่วนที่ขึ้นชื่อและเรียกได้ว่าเป็นออริจินอลเลยก็คือ ไก่ทอดมะแขว่น แนะนำว่าต้องจัดครับ อร่อยจริง...
สำหรับข้อดีของรีสอร์ทนี้ก็คือความร่มรื่นและวิวจากมุมสูง ห้องพักก็ค่อนข้างสะดวกสบาย ระเบียงกว้างขวางดี ช่วงที่ผมไปนั่นเค้ากำลังสร้างที่พักเพิ่มเติม ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเสียงหรือรบกวนการพักอะไร ส่วนปัญหาที่เจอคือห้องที่ผมไปพักนั้นน้ำจากฝักบัวไหลเบามากกก เลยรู้สึกอาบน้ำไม่สะใจเท่าไหร่... ที่นี่ผมจองผ่าน agoda ราคาห้องที่ผมพักตกอยู่คืนละประมาณ 1,300 บาท
เช้าวันต่อมา ผมก็เปลี่ยนมานอนที่ "ปลายมาง ทางรัก รีโซเทล" ระยะทางอยู่ห่างจากบ่อเกลือ วิว ประมาณ 2 km. ไม่ไกลครับ ลงจากถนนหลักแล้วขับเลาะไปตามเรื่อยๆ ซึ่งแว่บแรกที่เห็นนี่คือที่พักน่ารักมาก ตกแต่งเป็นสไตล์ตะวันตกหน่อยๆ สีสันสดใสเหมาะกับการถ่ายรูป สำหรับที่นี่โลเคชั่นก็สวยงามไม่แพ้กัน ข้างหน้าเราจะมองเห็นภูเขาอยู่ไกลๆ และตัวที่พักนั้นอยู่ติดกับลำธาร เรียกได้ว่าสามารถฟังเสียงน้ำไหลได้ทั้งคืนเลย
บรรยากาศช่วงที่ผมไปค่อนข้างจะเดายากสักนิด เพราะบางทีก็แดดออก บางทีก็ฝนตก ดังนั้นถ้าจะวางแผนไปเที่ยวข้างนอกก็ต้องกะเวลาดีดีหน่อย ส่วนตัวผมบอกเลยว่าไม่ได้มีโปรแกรมอะไรมาก แค่นอนฟังเสียงน้ำ อ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ นั่นก็สวรรค์ล่ะค้าบบบ แทบจะไม่ต้องออกไปแว้นซ์ที่ไหนเล้ย อ่อ ลืมบอกไปว่าที่นี่ไม่มีร้านอาหารนะครับ จะมีแค่อาหารเช้าซึ่งรวมอยู่กับค่าห้องแล้วเท่านั้น (ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าช่วง High season จะมีส่วนของร้านอาหารให้บริการรึป่าว)
แต่แค่อาหารเช้าที่นี่เค้าก็จัดเต็มจริงๆ ครับ แถมยังสามารถเต็มได้อีกหากยังไม่อิ่ม แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าแบบผม แค่นี้ก็อิ่มล่ะครับ : )
เรามาดูส่วนของห้องพักกันบ้าง โดยหลักๆ แล้วก็จะมีทั้ง ห้องเดี่ยว ห้องคู่ และ ห้องรวม ซึ่งหากเดินเข้าที่พักไปก็จะเห็นบ้านที่เป็นหลังๆ สีสันสดใสนั่นล่ะครับ ซึ่งโซนนี้ไม่ได้ติดน้ำนะครับ แต่บรรยากาศก็ไม่ห่างกันมาก ราคาก็จะมีตั้งแต่ ห้องเดี่ยว 700 บาท ถ้าห้องคู่ก็ประมาณ 1,500 บาท ส่วนอีกโซนนึงที่เห็นเป็นตู้คอนเทนเนอร์ จะเป็นห้องคู่ มีตู้เย็นและห้องน้ำในตัว ที่ดีงามคือโซนนี้จะติดลำธาร และมองเห็นวิวภูเขาได้ชัดเจน ส่วนราคาก็ประมาณ 1,200 - 1,500 บาท (ลองเช็คราคาและรายละเอียดกับทางรีสอร์ทอีกทีนะครับ) ส่วนตัวมีโอกาสนอนที่นี่ 2คืน เลือกเป็นคอนเทนเนอร์ชั้นบน ติดริมน้ำ ราคา 1,200บาท/คืน ห้องก็จะประมาณนี้ครับ ได้ฟังเสียงน้ำไหลจนเบื่อกัน ฮ่าๆ
โดยรวมแล้ว ปลายมาง ทางรัก เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่ทำให้ประทับใจได้ไม่ยาก เพราะโลเคชั่นสวยจริง ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ ห้องพักถึงจะเล็กไปหน่อยแต่ก็สะอาดและนอนสบายมาก แต่ก็อย่างว่า ผมไปช่วงหน้าฝน ซึ่งทำใจไว้ก่อนเลยว่าพวกมด แมลงจะเยอะกว่าหน้าอื่นๆ ทำให้บางครั้งจะมีพวกแมลงเข้ามาในห้องบาง ต้องระวังอย่าเปิดประตูทิ้งไว้นะครับ
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าที่นี่ไม่มีร้านอาหาร เราจึงต้องไปฝากท้องกันที่อื่น แล้วที่ไหนดีล่ะ... บ่อเกลือเป็นเมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขา ไม่ค่อยมีร้านอาหารมากสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงหน้า low แบบนี้ ซึ่งนอกจากร้านปองซา ที่ไปทานมาวันแรกและร้านอาหารตามที่พักต่างๆ แล้ว ก็จะมีร้านอื่นๆ เช่น กลิ่นไอเกลือ เตาเกลือ และก็ร้านหัวสะพาน ซึ่งแน่นอนครับ สายชิลแบบเราคงจะไม่พลาดร้านหัวสะพาน โดยที่ร้านนี้ก็ตั้งอยู่ตรงบริเวณหัวสะพานตามชื่อนั่นล่ะครับ ถ้าเห็นรูปวิวแม่น้ำจากบ่อเกลือ วิว รีสอร์ทข้างบนแล้ว ร้านหัวสะพานก็คืออยู่ข้างล่างของบ่อเกลือ วิว ซึ่งติดกับแม่น้ำมางเลย ไม่ใช่แค่วิวอย่างเดียวนะ อาหารที่นี่ก็ไม่ธรรมดา คือต้องบอกก่อนครับว่าเมนูอาหารที่นี่มีไม่เยอะ แต่เท่าที่ผมสั่งมาเรียกว่าอร่อยทุกเมนู ที่สามารถพูดได้แบบนี้เพราะผมมาสถิตอยู่ที่นี่แทบทุกวัน คือมาฝากท้องที่นี่แทบจะทุกมื้อกลางวัน แล้วก็นั่งกระดกเครื่องดื่ม อ่านหนังสือเพลินๆ จนค่ำ แต่ที่เห็นจะติดใจมากที่สุดคงจะเป็นเมนู "ไก่เมาโค้ง" ไก่บ้านเนื้อนุ่มๆเหนียวๆ นำไปหมักโดยสูตรจากพี่โต้เจ้าของร้าน แล้วผัดกับพวกตะไคร้ พริก กระทียม ใบมะกรูด ซึ่งออกมาล่ะมีครบทุกรสชาติ ผมยกให้ขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในกับแกล้มชั้นดีเลย ฮ่าๆ ส่วนเมนูพวกปลาก็อร่อยนะครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วอาหารจะมาเป็นจานใหญ่ ผมไปคนเดียวเกรงว่าจะทานไม่หมด แต่เอาเป็นว่าใครที่ไปบ่อเกลือต้องมาลองร้านนี้ดูล่ะกัน (ช่วงหน้า high คนอาจจะเยอะ อาหารอาจจะช้าหน่อยนะครับ ทำใจ ส่วนตอนผมไปนี่โล่งเลย 55)
หลังจากที่นอนปลายมาง ทางรักได้สองคืน ก็ถึงเวลาเปลี่ยนที่นอนกันอีกล่ะครับ โดยสองคืนสุดท้ายของบ่อเกลือนี้จะเป็นที่ อาโป เดอ มาง
"อาโป เดอ มาง" นี่ก็เป็นอีกที่ที่วิวสุดจริงๆ ครับ เหมือนไล่ลำดับความชิลตั้งแต่ที่พักแรกจนมาจนที่สุดท้ายในบ่อเกลือ พอเดินเข้ารีสอร์ทมาก็จะผ่านส่วนของร้านอาหาร สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเช็คอินที่นั่นก็ได้ คือจริงๆมีส่วน reception อยู่ทางเข้ารีสอร์ท แต่ตอนนั้นไม่มีพนง.อยู่ตรงนั้น โอเค พอมาถึงร้านอาหารก็จะเห็นวิวภูเขาข้างหน้า โดยที่แม่น้ำมางไหลผ่านอยู่ข้างล่างติดกับที่พักของรีสอร์ท วิวมันดีจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เอาเป็นว่าก็ตามรูปข้างล่างนี่ล่ะกันครับ
อ่อ แล้วพวกทาสแมวทั้งหลายควรจะระวังไว้ให้ดีเพราะคุณจะเจอแบบนี้... ระวังจะหลงเข้าล่ะ : )
วันที่ผมเข้าพัก เพื่อความสงบและดื่มด่ำกับธรรมชาติได้เต็มที่ ก็เลยเหมารีสอร์ทนอนคนเดียวมันซะเลย (ไม่ใช่ล่ะ 55) คือจริงๆ มันไม่มีคนเข้าพักวันนั้นเลย การนอนเต๊นท์ริมน้ำ วิวภูเขา มันก็เลยชิลมากกกกก แต่ๆๆ การเดินมาอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมตอนดึกๆ แล้วกลับไปนอนคนเดียว มันก็จะหลอนๆ นิดนึง ดีที่ยังพอมีเจ้าเหมียวพวกนี้อยู่เป็นเพื่อนสักพักนึง ที่นี่ผมเลือกนอนเต๊นท์ ที่เรียกว่าเต๊นท์ดีโน่ ราคาคืนล่ะ 1,200 บาท รวมอาหารเช้า ถามว่าแพงมั้ยกับการนอนเต๊นท์ธรรมดา บอกเลยว่าแพงงง แต่ลองคิดเป็นค่าบรรยากาศ หากเป็นที่อื่นอาจจะไม่ได้วิวแบบนี้หรือใกล้ธรรมชาติขนาดนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผม คุ้มนะ (ใช่สิ ก็เสียตังค์ไปเรียบร้อยแล้วหนิ 55) ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวน่าจะฟินกว่านี้อีก แต่ถ้าใครอยากสบายหน่อย เค้าก็มีห้องพักแบบอื่นตามข้างล่างนี้นะ
ลืมบอกไปว่าการมาพักที่นี่ขาคุณจะต้องแข็งแรงระดับนึงเพราะจากหน้ารีสอร์ทคุณจะต้องเดินลงไปโซนที่พักข้างล่าง ซึ่งระยะทางและความชันนั้นเอาเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะตอนเดินขึ้น เล่นเอาซะหอบได้เหมือนกัน ข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือพนง.ใส่ใจในการให้บริการดีมาก อาหารก็ใช้ได้ มื้อเช้าก็จัดให้เต็มที่
มื้อเช้า
มื้อเย็น (ไม่ได้รวมกับค่าที่พักเน้อ)
โดยรวมแล้ว อาโป เดอ มาง ก็เป็นอีกที่พักนึงที่อยากแนะนำเพราะบรรยากาศมันดีจริงๆ ยิ่งตอนช่วง high จะมี BBQ มาให้นั่งปิ้งย่างเคล้าลมหนาวกันด้วย ที่พักก็มีหลายๆแบบ แล้วแต่ว่าเราจะลุยมากหรือน้อย ก็ลองเลือกกันดูครับ คนที่นอนเต๊นท์ซึ่งต้องใช้ห้องน้ำรวมก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาดครับ เพราะที่นี่ถือว่าโอเคเลยล่ะ
หลายคนอาจสงสัยว่า แกมาบ่อเกลือนี่กะจะอยู่แต่ที่พักอย่างเดียว ไม่ออกไปเที่ยวไหนเลยหรอฟะ ใช่แล้วครับ ไม่ได้ออกไปที่ไหนมากมาย เพราะจุดประสงค์คืออยากมาพักผ่อน นั่งนอนชิลๆ อ่านหนังสือ ฟังเสียงน้ำไหลก็พอแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ไม่ออกไปไหนเลยนะ ก็มีไปมาบ้าง อย่าง...
"บ่อเกลือสินเธาว์"
มาอ.บ่อเกลือทั้งที่จะไม่แวะมาดูสถานที่ทำเกลือก็ดูจะเกินไปหน่อย ซึ่งบ่อเกลือสินเธาว์นี้มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และยังเป็นแหล่งเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลกซะด้วย ส่วนชาวบ้านที่นี่นั้นก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์วิธีการต้มเกลือแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี โชคไม่ดีที่ช่วงที่ผมไปนั่นเป็นช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเค้าจะหยุดพักการทำเกลือพอดี เลยอดดูการทำเกลือจริงๆ
"น้ำตกสะปัน"
น้ำตกสะปัน เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน ซึ่งเกิดจากลำน้ำสะปัน เป็นน้ำตกขนาดกลาง มี 3 ชั้นใหญ่ ความสูงของน้ำตกชั้นที่ 1, 2, และ 3 สูงประมาณ 3, 5, 6, เมตร ตามลำดับ มีน้ำไหลตกตลอดทั้งปี เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ สภาพป่าไม้บริเวณน้ำตกมีความร่มรื่นร่มเย็น สมบูรณ์สวยงามมาก (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) น้ำตกสะปันอยู่ห่างจากอาโป เดอ มาง ประมาณ 8 km. ซึ่งถ้าใครที่มาบ่อเกลือ แนะนำว่าให้มาที่นี่ด้วยเน้อ เพราะน้ำตกสวยและเป็นธรรมชาติมากกกก ระหว่างทางที่มาฝนก็เริ่มตกปร่อยแล้วก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ต้องจอดหยิบเสื้อกันฝนมาใส่แทบไม่ทัน ใกล้ๆกับน้ำตกสะปัน ก็จะผ่านที่พักยอดฮิตนั่นก็คือ "อุ่นไอมาง" เสียดายที่ช่วงนั้นเค้าปิดเพื่อ renovate ชั่วคราว ไม่งั้นคงได้นอนที่นี่อีกสักคืน กลับมาต่อที่น้ำตก พอไปถึงฝนก็เริ่มที่จะหยุดพอดี แต่ก็แอบหวั่นๆที่จะเดินเข้าไปคนเดียวเพราะฟ้าก็ยังครึ้มๆ ล่ะมันก็ไม่มีเพื่อนร่วมทางแม้แต่คนเดียว แต่ก็เอาว่ะ ลองดูสักตั้ง ก็เลยเดินเข้าป่าไปคนเดียวซะแบบนั้น ที่นี่ป้ายบอกค่อนข้างจะน้อย แทบไม่มีเลยดีกว่า ก็ลองเดินไปเรื่อยๆ จนมันเดินไปต่อไม่ได้ ภาพก็เป็นไปตามนี้ เพิ่งรู้ตอนออกมาแล้วว่าเราก็เดินไปจนสุดชั้นที่ 3 เหมือนกันนะ
^^ ชั้นที่สาม
หลังจากกลับออกมาจากน้ำตกก็แวะถ่ายรูปที่ อุ่นไอมาง กันสักหน่อย
หลังจากนั้นก็กลับที่พัก ระหว่างทางลองขึ้นไปดูที่อุทยานขุนน่าน ซึ่งที่นี่เค้าก็มีที่พักให้บริการ แล้วก็ยังมีกิจกรรมเดินป่าเพื่อไปยังจุดชมวิว แต่เนื่องจากช่วงนั้นฝนตก ดินโคลนถล่ม จึงยังไม่สามารถเข้าไปได้
วันนี้ก็พักผ่อนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปปัวต่อ ซึ่งผมจะสรุปแล้วเขียนต่อจากตอนบ่อเกลือนี้นะครับ
ต้องบอกเลยว่าเมืองเล็กๆ อย่างบ่อเกลือนี่มีอะไรมากกว่าที่คิด ทั้งสถานที่ ผู้คน บรรยากาศ ทุกอย่างดีไปหมด ถึงแม้ว่าบางอย่างจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการบ้างอย่างเช่น ฝนฟ้าอากาศ, แม่น้ำมางที่อาจจะไม่ได้ใสเหมือนเช่นหน้าหนาว หรือสภาพถนนบางจุดที่เกิดดินโคลนถล่ม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เร่งดำเนินการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว แน่นอนครับว่าการเดินทางย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา อยู่ที่ว่าเราจะถอยรึป่าวแค่นั้น แล้วพบกันใหม่ในรีวิว อ.ปัวเร็วๆ นี้ครับ
Lone Wolf
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.12 น.